Jump to content
Sign in to follow this  
วีโดราและมิเนอร์วา

[Original Fiction] Black Remember

Recommended Posts

หวัดดีท่านผู้อ่านทุก ๆ คน

ในเมื่อย้ายบอร์ดใหม่ ผมคงต้องแนะนำตัวผมอีกครั้งว่า ผมชื่อ วีโดรา หรือเรียกผมว่า วีวี่ ก็ได้ครับ

เจอกันที่บอร์ดใหม่อีกครั้งแล้วนะครับ วันนี้ผมเอาฟิคเรื่องเดิมาลง ไม่ใช่เรื่องใหม่หรอกครับ เพียงแต่ว่าคราวนี้ผมจะค่อย ๆ ทะยอยลงเป็นตอน ๆ ไป เพื่อให้ผู้อ่านทุก ๆ คน มีเวลาอ่านครับ

เอาล่ะ ผมไม่พูดมากแล้ว ถ้ามีอะไรติล่ะก็เขียนวิจารณ์มาได้เลย และก็ขอฝากตัวอีกครั้งด้วยครับ

Black Remember

บทนำ ซามาเอล วีโดรา (Samael Vedora)

เมื่อ 5 ปีก่อน หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในนาโปลี เมืองหลวงของแคว้น กัมปาเนีย ทางทิศใต้ของประเทศอิตาลี

ตูม! ตูม!! ตูม!!

เสียง ปืนใหญ่ที่ดังขึ้นเป็นระรอกสนั่นไปทั่วทั้งหมู่บ้านนั้น เป็นเสียงที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันอย่างดุเดือด ของกองกำลังสองฝ่ายนั่นคือ กองกำลังพิเศษ SPHERE จำนวนหนึ่ง กับ กองกำลังขององค์กรก่อการร้าย OHRR ซึ่งทั้งสองฝ่ายนั้นกำลังก่อสงครามโดยอาวุธที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำปะทะกัน อย่างรุนแรง จนทำให้พื้นแผ่นดินได้สะเทือนไปทั่วทั้งหมู่บ้าน กลุ่มควันสีดำที่เกิดจากการระเบิดของระเบิดจากการต่อสู้ปกคลุมไปทั่วทั้ง หมู่บ้าน บางเสียงที่ดังกระหึ่มนั้นเป็นเสียงของกองกำลังติดอาวุธสุดไฮเทคกำลัง เคลื่อนพลไปตามเส้นทางของหมู่บ้าน เพื่อค้นหาและทำลายกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธร้ายแรง และท่ามกลางเสียงเหล่านั้นยังมีเสียงหวีดร้องของบรรดาผู้คนที่กำลังหนีตาย จากแรงระเบิด และห่ากระสุนจากการยิงกราดของทั้งสองฝ่าย บน ท้องถนนบางจุดนั้นเต็มไปด้วยกองเลือดและซากศพที่ส่งกลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้ง ไปทั่ว บางส่วนของหมู่บ้านนั้นเต็มไปด้วยซากของคอนกรีตของกำแพงบ้านที่พังจากแรง ระเบิด

ท่าม กลางเสียงปืนและเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ตรงมายังถนนเส้นหนึ่ง สองบุรุษผู้มีผมสีเงินยาว ใบหน้าคมคาย ตาสองชั้นมีสีต่างกัน นัยน์ตาข้างซ้ายสีทองอร่าม ผิดกับข้างขวาที่มีสีแดงเข้มดั่งดอกกุหลาบ กำลังควบม้าสีดำวิ่งคู่กันไปตามเส้นทางลูกรัง ซึ่งมีฝุ่นตลบและซากศพเรียงรายกันให้เห็นเป็นระยะ ๆ โดยที่ด้านหลังของเขานั้นมี ชายกลุ่มก่อการร้าย OHRR กำลังขี่ม้าไล่ตามหลังมาจำนวนสามถึงสี่คน

“แย่ล่ะสิ โดนล้อมแล้วรีนี่”

ชาย หนุ่มคนหนึ่งสบทออกมาก่อนจะกวาดสายตามองไปยังเบื้องหน้าที่มี กลุ่มก่อการร้ายจำนวนห้าถึงหกปรากฏตัวหลังเศษเศษซากกำแพงที่พัง แล้วหันไปมองยังเบื้องหลังที่มีผู้ก่อการร้ายกำลังควบม้าไล่ตามหลังมาเพื่อ ตีวงล้อมไปรอบ ๆ ตัวของชายหนุ่มทั้งสอง ก่อนที่จะได้ยินเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมาจากบนฟ้า และเมื่อมองขึ้นไปสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาเขามันก็คือ…

การ ทิ้งระเบิดปูพรมจากกองทัพ กระแทกลงสู่พื้นเบื้องล่างได้ดังขึ้นหลายครั้ง เปลวเพลิงได้พวยพุ่งลุกขึ้นมา จากแรงระเบิดนี้เองทำให้ ชายหนุ่มนามวีโดราพุ่งกระเด็นออกไปคนละทิศทางกับ พี่ชายฝาแฝดของเขา หัวของชายหนุ่มกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงจนสลบไป ซึ่งก่อนที่สติของเขาจะเลือนรางไปนั้นเขาได้เห็นจรวดขีปนาวุธ จำนวนมากพุ่งลงมาจากฟากฟ้า

แรง ระเบิดของมันนั้นทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งเมือง ตึกรามบ้านช่องสั่นคลอนก่อนที่มันจะพังทลายจากการระเบิด เปลวเพลิงของปีศาจได้พวยพุ่งขึ้นมาแผดเผาไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ไฟนรกจากห้วงอเวจีได้แปรเปลี่ยนท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่มืดมิด ให้กลายเป็นสีแดงฉานดุจดั่งเลือดของคนตาย

หลัง จากที่เกิดแรงระเบิดเปลวเพลิงอันชั่วร้ายที่พัดโหมกระหน่ำไปทั่วทั้งหมู่ บ้านค่อย ๆ มอดลง ชายหนุ่มนามว่าวีโดร่า ค่อยๆได้สติขึ้นก่อนที่เขาจะพยายามพยุงร่างของตัวเองซึ่งเรียกได้ว่าบาดเจ็บ สาหัดให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เขาหันมองสภาพรอบๆ ตัวเองที่กล่าวได้คำเดียวว่าเลวร้ายดุจนรก หมู่บ้านที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่เงียบสงบที่สุดแห่งหนึ่งใน อิตาลี บัดนี้ไม่เหลือเค้าสภาพเดิมไว้ให้เห็นอีกต่อไป ทั้งซากปรักหักพัง และ ศพผู้เสียชีวิตจากการถูกยิงหรือแรงระเบิดจากขีปนาวุธจากท้องฟ้าก็ตาม ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ เขาได้พาร่างที่อ่อนแรงเดินกวาดตามองไปโดยรอบราวกับกำลังตามหาใครบางคน

“วินเซนต์..!” ชายหนุ่มพึมพำขึ้นเบาๆก่อนจะล้มหมดสติไป

ปัจจุบัน 18 พฤศจิกายน 2052 เวลา 4.30 AM.

ภาย ในห้องบังกะโลเช่าริมทะเลแห่งหนึ่ง บุรุษผู้มีนัยน์ตาสองสีเบิ่งโพลงขึ้น เหวี่ยงแขนเข้าตะปบปิดปุ่มบนนาฬิกาปลุกดิจิตอล ข้างหัวเตียงก่อนที่ มันจะร้องปลุกในตอนเช้า เขาค่อยๆชันตัวลุกขึ้นนั่งข้างเตียงเอามือคลึงตรงสันจมูกระหว่างดวงตาสองสี ดูเหมือนปวดหัว เหงื่อกาฬตามตัวค่อยๆไหลย้อยและเหือดแห้งเมื่อต้องกับอากาศเย็นของแอร์ภายใน ห้อง เขากำลังนึกถึงความฝันเมื่อครู่ ซึ่งหมู่นี้มักจะฝันถึงถี่ขึ้นกว่าเมื่อก่อน "วันที่เขาได้สูญเสียทุกอย่างไป"

“ฟู่.....” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมา เพราะเค้ารู้สึกว่า การเอาคาร์บอนไดออคไซน์ในตัวออกจะทำให้ตัวเองรู้สึกโล่งขึ้น แต่นั่นกลับทำให้ชายหนุ่มกระหายน้ำ เขาจึงตัดสินใจตรงไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำในตู้เย็นเปิดออกและดื่มจากขวด พร้อมกันนั่นก็หันไปมองที่นาฬิกาปลุกข้างเตียง อีกครั้ง

5.00 AM. ตัวเลขและตัวหนังสือสีเขียวบนนาฬิกาปลุก บอกไว้อย่างนั่น เวลาออกวิ่งช่วงเช้า เขาจึงเดินไปสวมเสื้อวอร์มแล้วจึงหยิบผ้าขนหนูสีขาว กับขวดน้ำขึ้นมาก่อนเดินออกไปนอกบังกะโล และเทน้ำในขวดลงบนหัวเพื่อใช้น้ำเย็นลดอุณหภูมิของหัว จากความเครียดของความฝันเมื่อครู่

“ชอบจริงๆ ดาวที่มองจากเกาะนี้” เขาพึมพำเบาๆ ขณะแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามกลางคืนที่ดาวบนท้องฟ้าส่องสว่างก่อนจะสาวเท้า ออกวิ่งไปบนชายหาด ที่ร้างคนท่ามกลางเสียงคลื่นและลมที่พัดสาดเข้าฝั่ง

ขอขอบพระคุณทุก ๆ คน ที่ติดตามอ่านครับ

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

Black Remember

Mission 1 โลกที่หลอกลวง (Two Face the World)

18 พฤษจิกายน 2052 ประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต เวลา 6.00 AM

18 พฤษจิกายน ปี 2052 โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งการสำรวจด้านอวกาศเต็มรูปแบบ สิ่งที่กำลังโคจรอยู่ทั่วโลกในตอนนี้มันคือ ดาวเทียม และ มีดาวเทียมบางดวงกำลังส่งนักท่องเที่ยวให้ไปสำรวจอวกาศอยู่ บางดวงเป็นดาวเทียมของเอกชน บางดวงเป็นดาวเทียมสำรวจพลังงาน บางดวงเป็นดาวเทียมทหาร และ มีสถานีอวกาศหลายร้อยแห่งคอยควบคุมดาวเทียมเหล่านั้น แต่มีดาวเทียมทหารอยู่ดวงหนึ่งซึ่งต่างออกไป เพราะตอนนี้มันกำลัง ค้นหาชายคนหนึ่งที่อยู่บนพื้นโลก ประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต

ดาวเทียมดวงนั้นได้ทำการค้นหาบุรุษผู้มีนามว่า ซามาเอล วีโดรา (22 ปี) หนุ่มอิตาลีผู้มีรูปร่างสูงสง่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ “Solitay Peace of Humanity Embattle Reinforcement” หรือ “SPHERE” ที่อยู่ในชุดวอร์มสีดำ คลุมหัวด้วยฮูทสีเดียวกันทางด้านหลัง แล้วตอนนี้กำลังวิ่งจ๊อคกิ้ง อยู่บนเนินทรายสีขาวที่เงียบสงบและดูสะอาดตา

ชาย หนุ่มที่กำลังวิ่งอยู่ เขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน จากสิ่งของบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋า แล้วเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบ “โทรศัพท์มือถือสำหรับเจ้าหน้าที่พิเศษที่มีรูปร่างแปลกตา” ออกมาเพื่ออ่าน ข้อความอัตโนมัติแบบสามมิติ ที่ไม่ปรากฏหมายเลขของอีกฝ่าย ลอยขึ้นมาบนจอมือถือเป็นคำสั้นๆ “มีภารกิจด่วน” ทันทีที่อ่านเสร็จเขาได้ปิดมือถือลงทันที เมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ชายหนุ่ม จึงหยุดวิ่งเพราะแดดเริ่มออกและอากาศเริ่มร้อนขึ้น

“คงได้เวลาไปแล้ว”

ชายหนุ่มคิด จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เดินออกจากหาดไปยัง “เกสต์เฮาส์หลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ส่วนตัว” มันอยู่มุมหนึ่งของชายหาดสีขาว ที่มีต้นมะพร้าวปกคลุมอยู่ และมีลมทะเลพัดเอือย ๆ ชายหนุ่มใช้ ใบหญ้าสำรวจร่องประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไปทางด้านใน

วี โดราถอดชุดวอร์มออกเผยให้เห็นถึง ใบหน้าคมคาย ผมสีเงินยาวสยาย ดวงตาคม ตาสองชั้นที่มีสีต่างกัน นัยน์ตาข้างซ้ายสีทองอร่าม ผิดกับนัยน์ตาข้างขวาสีแดงเข้มดั่งดอกกุหลาบ แววตาของเขานั้นดูสุขุมนุ่มลึก มีท่าทางเงียบขรึมน่าเกรงขามและดูใจเย็นมาก

ชาย หนุ่มหยิบเสื้อเชิตแขนยาวสีดำมาสวมใส่พร้อมกับเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานที่ อยู่มุมห้องที่ติดกับชั้นวางหนังสือ แล้วเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นมา เพื่อพิมพ์รหัสผ่านเข้าไปที่เมนูส่วนตัว

“ซามาเอล วีโดรา”

ชาย หนุ่มก็เข้าไปยังกล่องข้อความ ทันทีที่เปิดเมล์เขาก็หยิบแว่นดิจิตอลสีดำขึ้นมาใส่เพื่ออ่านข้อความที่ถูก โปรแกรมซ่อนเอาไว้มีเนื้อหาสั้น ๆ เพียงประโยคเดียว

“ภารกิจด่วน ประชุมลับวันที่ 18 พ.ย ลงชื่อ HL”

หลังจากที่ วีโดรา อ่านเสร็จเขาก็ปิดโน๊ตบุ๊คพร้อมหยิบมันขึ้นมา แล้วลุกขึ้นเดินออกจากบ้านพักส่วนตัว ตรงไปยัง “รถสปอร์ตสีดำ” ของเขาที่จอดอยู่ และ เมื่อเขาขึ้นรถเขาก็ขับมันตรงไปที่ “สนามบินนานาชาติภูเก็ต” ที่ถูกสร้างขึ้นกลางทะเล ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักจากเกาะภูเก็ต

เมื่อถึง “สนามบินนานาชาติภูเก็ต” ที่ ถูกสร้างขึ้นกลางทะเลแล้ว ชายหนุ่มเดินลงจากรถของเขาแล้วเดินไปยังทางเข้า-ออกของสนามบิน ภายในสนามบินเนืองแน่นด้วยนักท่องเที่ยว เขาได้พยายามเดินเลี่ยงผู้คนเพื่อไปยื่นพาสปอร์ตเพื่อขอวีซาไปสหรัฐอาหรับเอ มิเรตส์

เหนือน่านฟ้าสากล มีอากาศยานลอยฟ้าสุดไฮเทคขนาดมหึมาลำหนึ่งนามของมันคือ “อิคารอส” มันเป็น ฐานบัญชาการลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงาน Ion Thruster ใน การขับเคลื่อน พื้นที่โดยรอบของอากาศยานขนาดมหึมาลำนั้นประกอบด้วย ลานจอดเครื่องบินที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตก ตึกศูนย์บัญชาการกับตึกศูนย์ประชุมนั้นอยู่ทางด้านทิศตะวันออก สถานีวิจัยด้านอวกาศและเทคโนโลยีทางทหารอยู่ทางด้านเหนือ ส่วนทางด้านทิศใต้ของยานนั้นคือหอพักชายกับหอพักหญิงที่ตั้งอยู่ห่างกัน

ห่างออก ไปจากฐานทัพลอยฟ้าขนาดยักษ์ ท่ามกลางหมู่เมฆบนท้องนภา มีอากาศยานเล็ก ๆ อีกลำหนึ่งซึ่งมันก็คือ เครื่องบินส่วนตัวสำหรับเจ้าหน้าที่พิเศษ SPHERE กำลังบินตรงมาที่อากาศยานลอยฟ้าลำมหึมา

ภาย ในเครื่องบินลำนั้น วีโดรา ได้ขับมันมาอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าออกขนาดยักษ์ของลานจอดเครื่องบิน แล้วเขาก็ขับเครื่องบินผ่านประตูบานนั้นเข้าไปในตัวยาน แล้วมองหาที่ว่าง ๆ ผ่านทางจอภาพสามมิติ เมื่อเจอมันแล้ว เขาก็ขับเครื่องบินไปเพื่อนำมันลงจอด

หลัง จากที่ชายหนุ่มจอดเครื่องบินเสร็จก็เดินลงมาจากเครื่องบิน ในลานจอดเครื่องบินนั้นมีเจ้าหน้าที่พิเศษ ชาย-หญิง หลายคนกำลังทำงานกันอยู่ บางคนกำลังเดินลงจากเครื่องบิน ในขณะที่บางคนกำลังขนสัมภาระของตัวเองขึ้นเครื่องบิน แล้ว เขาก็เดินผ่านเจ้าหน้าที่ไปยัง “ศูนย์บัญชาการ” ที่อยู่ทางด้านตะวันออก

ฮันนิบาล เลสเตอร์ (26 ปี) หนุ่มฝรั่งเศสผู้มีรูปร่างสูงสง่า ผมสั้นสีดำประบ่า ใบหน้าเรียวคม ดวงตาคม นัยน์ตาสีแดงเพลิงคู่นั้นดูลึกล้ำเยือกเย็นเกินกว่าจะหยั่งถึง ท่าทางของเขาดูทรงอำนาจและมีความเป็นผู้นำสูงมาก

ขณะ นี้หนุ่มผู้ทรงอำนาจของโลก กำลังดื่มด่ำกาแฟเลิศรสที่ส่งกลิ่นหอมน่าอร่อยอยู่บนโต๊ะทำงาน แต่เมื่อประตูอัตโนมัติถูกเปิดออกเขาจึงเดินไปหา วีโดรา ที่เดินผ่านเข้ามา

“หวัดดี ฮันนิบาล” วีโดรากล่าวคำทักทายเพื่อนสนิทของเขา แล้วเดินเข้ามาทิ้งตัวลงบนโซฟาแบบเนิบ ๆ อย่างไม่เกรงใจ

“ไง วีโดรา เป็นยังไงบ้าง” ฮันนิบาล ตอบกลับอย่างเป็นกันเอง เพราะ ทั้งสองรู้จักกันมานานมาก เพียงแต่ทั้งคู่ไม่ได้พบกันบ่อยเท่านั้น

“ฉันไม่เป็นไรหรอก นายล่ะ”

“ฉันสบายดี”

“เห็นว่ามีนายมีงานด่วน ฉันเลยรีบมา”

“รอสักครู่”

“ได้สิ”

“เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า”

ฮัน นิบาลพูดขึ้นมาหลังจากที่ทานกาแฟเสร็จ เขาก็เดินกดปุ่มหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วจอภาพสามมิติก็ปรากฏขึ้นมา และ มันได้ฉายภาพพร้อมเสียงในรูปแบบโฮโลแกรมของชายคนหนึ่ง

ลูเซีย ส คาเมนี (31 ปี) เขา คือมหาเศรษฐีพันล้านชาวอิหร่านเจ้าของธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม แต่มีเบื้องหลังเป็นนายหน้าค้าอาวุธสงครามคนสำคัญ ผู้คอยฟอกเงินให้กับองกรก่อการร้าย “Organization of Humanity Relic Reform หรือ OHRR

หลังจากที่มันฉายภาพชายคนนั้นเสร็จมันก็ฉายภาพโรงแรมหรูแห่งหนึ่งที่ชายคนนั้นเป็นเจ้าของ

“โรงแรมรอยัลคาเมนี” โรงแรม หรูระดับห้าดาว มันเป็นตึกทรงนาฬิกาทรายที่มีความสูงสามร้อยเจ็ดสิบเมตรจำนวนหกสิบเจ็ดชั้น และ มันถูกสร้างขึ้นใจกลางอ่าวอาหรับ โดยมีสะพานเชื่อมต่อระหว่างประเทศอิหร่าน กับ เกาะคิชไอส์แลนด์ เป็นทางเข้าไปในตัวโรงแรม”

หลังจากที่ภาพฉายเสร็จแล้ว ฮันนิบาล จึงอธิบายรายละเอียดของงานเพิ่มเติม

“เจ้านั่นมันคิดจะจัดงานเลี้ยงการกุศล เพื่อบังหน้าการระดมเงินทุนให้กับองค์กรก่อการร้าย OHRR ที่มันกำลังทำงานให้อยู่” หลังจากที่ฮันนิบาลพูดเสร็จ เขาก็เปิดรายชื่อผู้เข้าร่วมงานให้วีโดราดู

“เดเมียน มันมาด้วย” วี โดรา ที่นั่งดูรายชื่อแขกทั้งหมดอยู่เงียบ ๆ ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะ รู้สึกแปลกใจที่เห็นชายคนหนึ่งที่เขาตามล่าตัวมานานหลายปี จะมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงแบบนี้

“ใช่แล้ว จากข้อมูลทั้งหมดที่เซรีนส่งมา หมอนี่มันเป็นนายหน้าค้าอาวุธคนสำคัญคนหนึ่งขององค์กร OHRR น่ะสิ”

“เข้าใจแล้ว”

“เรื่องทีมนั้น ฉันเตรียมไว้พร้อมแล้ว”

“ทีมรึ?”

“ใช่ งานนี้จำเป็นต้องทำงานกันเป็นทีม ที่สำคัญฉันตั้งทีมนี้ขึ้นมาเพื่อทำลายพวก OHRR ด้วยวิธีการขั้นเด็ดขาด และ รุนแรง พร้อมกับรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าโดยเฉพาะ”

“น่าสนใจดีนี่”

“ส่วนเรื่องสถานที่นัดเจอกับพวกเธอนั้น ฉันเตรียมไว้ให้นายแล้ว”

“ขอบใจ”

“หมดเรื่องแล้ว มีอะไรจะถามมั้ย”

“ไม่มี”

หลัง จากที่ทั้งคู่ คุยเรื่องงานกันเสร็จแล้ว ฮันนิบาล จึงบอกให้ วีโดรา อยู่เล่นหมากรุก และ คุยเรื่องสนุก ๆ กับ เขาสักพัก วีโดรา จึงอยู่คุยสักพัก ก่อนที่จะเดินออกจากห้องนี้ไป

เช้า วันต่อมา เวลาเจ็ดโมง ภายในห้องอาหารที่อยู่ในภัตตาคารอาหารลอยฟ้าแห่งหนึ่ง วีโดรา กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พลางกินกาแฟอย่างใจเย็น ในระหว่างที่เขากำลังรอผู้หญิงสองคนที่ ฮันนิบาล นัดไว้ให้มาร่วมทีมกับเขา และ ที่บนโต๊ะของเขานั้นมี “จอเมนูอาหารแบบสามมิติ” ที่เอาไว้สั่งอาหารและเครื่องดื่มปรากฏอยู่

“สวัสดีคุณคือ ซามาเอล วีโดรา ใช่มั้ยคะ”

เสียงที่สดใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้วีโดราหันไปมองแล้วตอบสาววัยรุ่นสองคนที่เดินตรงเข้ามาหาเขา

“ใช่”

วิเนอรี เพรสซิเดนท์ (17 ปี) สาวอังกฤษท่าทางสุภาพเรียบร้อยผิวขาวอมชมพู รูปร่างสูงหุ่นเพรียวบาง หน้าตาน่ารักดูสดใสใบหน้าเรียวรูปไข่ ผมสีบลอนด์ทองยาวนุ่มสลวย ดวงตากลมโตมีตาสองสีที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี นัยน์ตาข้างซ้ายสีเขียวมรกตรับกับนัยน์ตาข้างขวาที่มีสีฟ้าคราม แววตาของเธอนั้นเป็นประกายสดใสดูมีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา

“ฉันชื่อ วิเนอรี เพรสซิเดนท์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมเผยรอยยิ้มที่เป็นมิตรก่อนที่จะยื่นมือออกไปทักทาย

มิ เนอร์วา เพรสซิเดนท์ (18 ปี) สาวอังกฤษผิวพรรณขาวนวลเนียนทั่วเรือนร่าง รูปร่างสูงเพรียวระหง หุ่นดีมาก ใบหน้าเรียวสวยได้รูปดูงดงามเป็นธรรมชาติ เรือนผมสีน้ำเงินยาวเงางามดุจแพรไหม ดวงตาคม ตาสองชั้นเปล่งประกายงดงามดั่งอัญมณีคู่นั้นมีสีที่ต่างกัน นัยน์ตาข้างซ้ายสีอความาลีนรับกับนัยน์ตาข้างขวาสีมรกตได้เป็นอย่างดี แววตาสงบลึกล้ำของเธอคู่นั้นดูเข็มแข็งและมั่นคง

“ฉันชื่อ มิเนอร์วา ยินดีที่ได้รู้จัก” เด็กสาวทักทายด้วยน้ำเสียงเย็นสงบ แล้วเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวให้เห็นก่อนยื่นมือออกไป

“เช่นกัน”

“ขอเวลาพวกเราสักเดี๋ยวได้มั้ย”

“ได้สิ”

“ไปยัง”

หลัง จากที่หญิงสาวสองคนทานกาแฟเสร็จ วีโดรา จึงถามขึ้น ก่อนที่จะเดินนำ วิเนอรี กับ มิเนอร์วา ออกจากห้อง แล้วเดินผ่านศูนย์อาหารที่มีพวกนักท่องเที่ยวที่กำลังกินอาหารกันอย่าง เนืองแน่น

วันต่อมา มีอากาศยานลำหนึ่งกำลังแล่นอยู่เหนือน่านฟ้า มันคือเครื่องบินส่วนตัวของ “กลุ่มทุน เลคเตอร์แฟมิลี่” ภาย ในเครื่องบินลำนั้นมีห้องต่าง ๆ ถูกแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ห้อง และ มีเครื่องอำนวยความสะดวกอยู่มากมาย ตรงไปยังห้องประชุมที่อยู่บนเครื่องบินลำนั้น มีชายหญิงสี่คน กำลังนั่งอยู่

“เอาล่ะทุก ๆ คนคงรู้จักกันแล้วสินะ”

“อืม/ค่ะ”

ฮันนิบาลถามเสร็จ แล้วเขาก็กดปุ่มที่อยู่บนโต๊ะ แล้วมันก็มี “บัตรประจำตัวดิจิตอล”สีทอง ของ “กลุ่มทุนเลคเตอร์แฟมิลี” ที่มีประวัติการทำงาน และ ตำแหน่งงานของทุกคนติดไว้อยู่ ถูกดีดออกมาจากใต้โต๊ะมาอยู่ต่อหน้าทุกคน

“ภารกิจนี้ไม่ใช่ภารกิจกวาดล้าง หรือ ทำลายเครือข่ายทางการเงินของพวกมัน เพียงอย่างเดียว มีใครสงสัยอะไรมั้ย”

“มีคำถามค่ะ ภารกิจใช้ประโยชน์ใช่มั้ยคะ”

“ใช่แล้ว มิเนอร์วา”

“เดเมียน มันมาจริง ๆ รึ”

“เจ้านั่นมันมาแน่ วีโดรา ที่สำคัญกว่านั้นจากข้อมูลล่าสุดของ เซรีน นอกจากมันแล้ว ยังมีสมาชิกคนอื่น ๆ ขององค์กร OHRR อยู่ในงานนั้นด้วย”

“ดีเลย” หลังจากที่ ฮันนิบาล พูดเสร็จ เขาก็กดปุ่มที่อยู่ตรงข้างๆที่นั่ง เปิดตู้เก็บเสื้อผ้าทีอยู่ทางด้านหลัง เป็นชุดสูท กับชุดราตรีสำหรับสุภาพบุรุษและสตรี หลายชุดอยู่ข้างใน

“พรุ่งนี้ เราจะไปงานเลี้ยงกัน”

21 พฤศจิกายน 2052 โรงแรม “รอยัล คาเมนี” ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาว ที่ถูกสร้างขึ้นกลางทะเลระหว่าง เกาะคิชไอส์แลนด์ กับ ประเทศอิหร่าน ในยามค่ำคืนที่ต่างกันออกไป บรรยากาศรอบ ๆ โรงแรมนั้นดูคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะมีการจุดพลุดอกไม้ไฟให้เห็นกันตลอดคืน และ มีรถหรู ๆ และ เครื่องบินส่วนตัว ของแขกผู้มีเกียรติกำลังเดินทางเข้า-ออก โรงแรมให้เห็นกันเต็มถนน

บนสะพานที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศอิหร่าน และ เกาะคิชไอส์แลนด์ มีรถลีมูซีนสีดำของกลุ่มทุน เลสเตอร์แฟมิลี่ กำลังแล่นอยู่บนถนนท่ามกลางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กำลังทำงานกันอยู่

เมื่อรถลีมูซีนสีดำสามคันนั้นแล่นเข้าไปจอดภายในตัวโรงแรม ก็มีพนักงานต้อนรับของโรงแรมมาเปิดประตูให้

สุภาพบุรุษนาม ซามาเอล วีโดรา ได้ก้าวลงมาจากรถลีมูซีน ใน ชุดสูทสีดำ และสวมแว่นตาดิจิตอลสีเดียวกัน ที่มีไว้เพื่อตรวจจับอาวุธและความเคลื่อนไหว เขากำลังกวาดสายตามองไปยังผู้คนที่อยู่รอบ ๆ งาน

ส่วน รถลีมูซีนสีดำคันยาว ฮันนิบาล เลคเตอร์ บุรุษผู้ทรงอำนาจที่สุดคนหนึ่งของโลก ในชุดทักซิโด้สีดำ ก้าวลงมาพร้อมกับ สตรีนางหนึ่งที่อยู่ในชุดราตรีสีน้ำเงินดำเปลือยหลัง กระโปรงยาวผาด้านข้างสูงเผยผิวขาวนวลเนียนดุจดั่งหิมะ และเรียวขางามเธอคือ มินอร์วา

สุภาพสตรีนาม วิเนอรี นั้นเธอก้าวลงมาจากรถสีดำคันยาว ในชุดราตรีสีดำกระโปรงสั้นเปิดหัวเข่า

“ทุกคนพร้อมนะ” ฮันนิบาลถามพร้อมกับมองทุก ๆ คน

“อืม/ค่ะ”

“โอเค งั้นเราก็ไปฉลองกันได้”

ฮัน นิบาลพูดพร้อมเผยรอยยิ้มติดสนุก แล้วเดินนำ สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งสี่ที่ดูโดดเด่นและสง่างามที่สุดภายในงาน ราวกับดวงดาราที่เฉิดฉายบนท้องนภาในยามราตรี ผ่านพรมเปอร์เซียสีแดง เข้าไปในโรงแรมหรูหลายพันล้าน

ใน ห้องโถงที่อยู่บนชั้นสองของโรงแรมที่เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง ภายในนั้นเต็มไปด้วยบรรดาแขกผู้ทรงเกียรติมากมายหลายร้อยคน และ โต๊ะของแขกเหล่านั้นก็ถูกจองไว้เป็นกลุ่ม ๆ ท่ามกลางแขกกิตติมศักดิ์ในงานเลี้ยงนั้น มีสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี กลุ่มหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษนั่นคือ “กลุ่มทุน เลคเตอร์แฟมิลี่” เพราะ มีแขกจากประเทศต่าง ๆ เข้ามาทักทายเป็นระยะ ๆ สำหรับ ฮันนิบาล แล้วงานเลี้ยงแบบนี้เป็นงานเลี้ยงที่สบาย ๆ เพราะ ตัวเขาก็เป็นมหาเศรษฐีระดับโลก ที่ต้องไปปรากฏตัวตามงานสำคัญต่าง ๆ ทั่วโลกอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าคราวนี้พวกเขาทั้งหลายมาเพื่อทำภารกิจสำคัญให้สำเร็จลุล่วง

“ขอตัวก่อนนะครับ”

ฮันนิบาล พูดขึ้นแล้วเขาก็แยกตัวออกไปจาก บรรดานักธุรกิจ เมื่อเห็น สุภาพสตรีนางหนึ่งเดินมาหาเขา

นอร์มา เซรีน (22 ปี) สาวฝรั่งเศสรูปร่างสูงสง่า ผิวพรรณขาวนวลเนียนดุจหิมะ เรือนร่างสมส่วนเพรียวบาง ใบหน้าเรียวสวยได้รูปดูงดงามสะดุดตา เรือนผมสีเขียวยาวสยายไปถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นดูลึกล้ำเยือกเย็น ท่าทางของเธอนั้นดูองอาจและสง่างาม

“เซรีน เป็นยังไงบ้าง”

“เดี๋ยวเป้าหมายของเราจะลงมาแล้วค่ะ”

“ดีเลย เซรีน เดี๋ยวไปหาเป้าหมายด้วยกันนะ”

สุภาพ บุรุษนาม วีโดรา นั้นกำลังเดินอยู่อีกมุมหนึ่งของงานเลี้ยง แล้วใช้แว่นตาดิจิตอลมองตรงไปยังบุรุษผู้เป็นเป้าหมายรายสำคัญที่สุดอย่างใจ เย็น แม้ว่าในใจของเขานั้นยังคงแค้นผู้ที่ทำให้เขาต้องสูญเสียสิ้นทุกสิ่งอย่างไป ก็ตาม

เดเมียน โดมินิก ธอร์น (43 ปี) ชาวอเมริกันเชื้อสายยิวผู้มีรูปร่างสูงสง่า ผมสีแดงเข้มสั้นประบ่ารับกับใบหน้าเรียวยาว ดวงตาคมสีน้ำเงินที่ดูลึกล้ำและเปี่ยมล้มไปด้วยความเมตตากรุณาคู่นั้น กลับแฝงเร้นไว้ด้วยความโหดร้ายเลือดเย็นจนไม่อาจคาดเดาความคิดของเขาได้เลย

“เด เมียน โดมินิค ธอร์น คือ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเชื้อสายยิว ผู้เป็นเจ้าของธุรกิจสัมปทานด้านพลังงาน ธนาคาร เหมืองแร่ทองคำ และเหมืองเพชรในหลายสิบประเทศทั่วโลก ที่มีเบื้องหลังเป็นนักค้าอาวุธรายสำคัญ และ ยังเป็นผู้นำคนสำคัญที่คอยอยู่เบื้องหลังองค์กรก่อการร้าย Organization of Humanity Relic Reform หรือ OHRR ที่สำคัญเขานั้นยังเป็นอาชญากรรายสำคัญที่ตอนนี้กำลังถูกทางองค์การสหประชาชาติ และ SPHERE รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐบาลจากประเทศต่าง ๆ ในหลาย ๆ สิบประเทศทั่วโลกตามล่าในฐานะ Highly Dangerous Criminal หรือ บุคลที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งของโลก”

จาก สายตาของชายหนุ่มที่มองผ่านแว่นดิจิตอลสีดำ เดเมียน ธอร์น คือ บุรุษที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งภายในงาน เมื่อเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางบรรดาแขกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายภายในงาน และมีแขกบางคนกำลังพูดกันถึงเรื่องเบื้องหลังอันเลวร้ายของเขาอยู่

วี โดรา มองตรงไปยังชายผู้เป้าหมายรายที่สำคัญที่สุดสักพัก แล้วเดินออกจากงานเลี้ยงไปเพื่อทำตามแผนการที่เตรียมไว้บนทางเดินที่อยู่อีก มุมหนึ่งของโรงแรม

ใน ห้องของประธานผู้บริหารของโรงแรม ที่อยู่บนชั้นห้าสิบเจ็ด ลูเซียส คาเมนี (31 ปี) ชาวอิหร่าน รูปร่างภูมิฐาน ผมสั้นสีน้ำตาล นัยน์ตาสีดำ เขากำลังยืนรอใครบางคนอยู่

“คุณอลองโซ่ มาขอพบคุณค่ะ”

“รีบเชิญเขาเข้ามาสิ”

หลัง จากคำสั่งของ ลูเซียส เลขาของเขาได้เชิญ บุรุษลึกลับที่มีท่าทางน่ากลัวผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดสูทสีดำ สวมแว่นตา และ หมวกทรงสูงสีเดียวกัน อลองโซ คาลิเวียลา (42 ปี) เขาคือนักฆ่าคนสนิทของ เดเมียน เดินมานั่งลงบนโซฟาหนังอย่างดีแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ก็นำไวน์ชั้นเยี่ยมมาเสิร์ฟบนโต๊ะที่ทำจากทองคำ พร้อมทั้งจุดซิกการ์อย่างดีให้

“เฮ้ อลองโซ ธุรกิจของแกที่อิตาลีเป็นไงบ้างล่ะ ฉันได้ยินจาก วิคเตอร์ มาหมดแล้ว ว่าตอนนี้แกกำลังแย่ เพราะ แกกำลังโดนพวกหมารับใช้ SPHERE ไล่ตามกัดอยู่นี่หว่า”

“มันเรื่องของฉัน”

“อะไรกัน คนอุส่าถามด้วยความเป็นห่วง เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นฉันจะได้ช่วยแกได้ไง”

“ห่วงตัวแกเหอะ งานล่ะ”

“ฉันกำลังทำให้แกอยู่นี่ไง” ทันทีที่ ลูเซียส พูดเสร็จเขาก็ส่งเอกสารฉบับหนึ่งที่มีตัวเลขจำนวนถึง “600,000,000 คาลาจี” ไปให้ อลองโซ ดู

“พึ่งทำรึไง”

“อย่ามาสั่งนะ แกเองก็เห็นนี่ว่าฉันไม่ว่าง แล้วลองมองไปรอบ ๆ ดูสิ นี่มันวันอะไร”

“งั้นรึ”

อลอง โซ พูดพลางถอดแว่นดำออกเผยให้เห็นนัยน์ตาสีแดงเข้มแววตาที่ดูลึกลับจนน่ากลัว คู่นั้นมองตรงไปยัง ลูเซียส ในเชิงข่มขู่ ก่อนที่จะส่งเอกสารอีกชุดหนึ่งไปให้

“น...นี่มันเอกสารของ คุณเดเมียน นี่”

ลูเซียสพูด พลางคิดว่า ถ้าหมอนี่ไม่ใช่คนสนิทของเดเมียนอีกคนละก็ เขาคงสั่งคนมาฆ่ามันทิ้งตรงนี้ไปนานแล้ว

“ไปล่ะ”

“เดี๋ยวสิ แล้วตอนนี้คุณเดเมียน อยู่ที่ใหนล่ะ มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยหน่อย...”

ลูเซียส พูดยังไม่ทันจบ บุรุษลึกลับก็ไม่ได้อยู่ภายในห้องนั้นเสียแล้ว

ภายในห้องพักห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้นที่หกสิบสาม วีโดรา กำลังยืนรอสัญญาณบางอย่าง

“ทุกคนพร้อมนะ”

น้ำ เสียงอันเยือกเย็นของสุภาพบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นมาที่ปลายสายเขาคือ ฮันนิบาล บุรุษผู้ทรงอำนาจ ที่กำลังควงอยู่กับสาวงามนางหนึ่งนาม เซรีน ที่ปรึกษาของเขาอยู่ที่มุมหนึ่งภายในงานเลี้ยง

“อืม/ค่ะ บอส”

“ถ้างั้น เริ่มงานกันได้เลย”

“ตามสั่ง” วีโดราตอบเขากลับไปผ่านเครื่องมือสื่อสาร แล้วเดินไปยืนอยู่หน้าห้องพักห้องหนึ่งของโรงแรม ทาง ด้านหน้าของเขานั้นมีอุปกรณ์สำหรับยิงลวดสลิง และ อุปกรณ์ปลอมตัวที่ถูกเตรียมไว้ แล้วชายหนุ่มก็ใช้ปืนเลเซอร์เล็งเป้าสีแดง ยิงตรงไปที่ตึกฝั่งตรงกันข้าม ยิงลวดสลิงสีดำออกไปยังยอดตึก แล้วใช้รอกอิเล็คทรอนิค เกี่ยวไปบนเชือกสลิง ก่อนที่จะถีบส่งตัวเองออกจากห้องไปพร้อมกับอุปกรณ์ปลอมตัว โดยใช้รอกอิเลคทรอนิค พาตัวไปยังยอดตึกฝั่งตรงข้ามอย่างไร้ร่องรอย

ภาย ในห้องน้ำหญิงห้องหนึ่งภายในโรงแรมหรูหลายพันล้าน วิเนอรี กำลังเปิดกระเป๋าเดินทาง เพื่อนำอุปกรณ์ที่ถูกเตรียมไว้ไม่ว่าจะเป็น ไอโฟน กล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ แล้วเธอก็จัดการสายเชื่อมต่อระบบ เพื่อเตรียมตัวจารกรรมระบบรักษาความปลอดภัยทั่วโรงแรม ก่อนหยิบ โน๊ตบุ๊คกับหูฟังบลูทูธ เพื่อเปิดการสื่อสารกับพรรคพวก

“โอเค ทุกคนได้ยินนะ“ วิเนอรีกำลังทดสอบเสียงสัญญาณโดยติดต่อไปหาทุก ๆ คนในทีม

“เค“

เสียง ที่ตอบกลับมาคือเสียงของ วีโดรา ที่ปลอมตัวเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงแรม แล้วเดินเข้าประตูดาดฟ้าของตึกระบบรักษาความปลอดภัยไป

สักพักบนหน้าจอของแว่นดิจิตอลของ วีโดรา ก็ปรากฏข้อความอัตโนมัติ “เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว” เป็นสัญญาณให้รู้ว่า ตอนนี้ภายในห้องโถงของโรงแรม บนเวที “ลูเซียส คาเมนี” กำลังเดินขึ้นมาบนเวที

ใน ห้องโถงของโรงแรม ไฟดวงต่าง ๆ ก็เกิดดับลง เหลือแต่เพียงไฟบนเวทีเท่านั้น แล้ว ลูเซียส มหาเศรษฐีหลายพันล้านผู้เป็นเจ้าของโรงแรมหรูหลายโรงแรม ก็เดินขึ้นมากลางเวที

“สวัสดี ท่านสุภาพสตรีและท่านสุภาพบุรุษ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก จนไม่รู้ว่าจะกล่าวคำขอบคุณทุก ๆ ท่านที่อุส่าสละเวลามาร่วมงานเลี้ยงการกุศลของโรงแรมของผมอย่างไรดี”

“วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่สุดอยู่สองเรื่องที่จะเล่าให้ ทุก ๆ ท่านฟังครับ”

“เรื่องแรกที่ผมจะเล่าให้ฟังนั่นคือ การก่อการร้าย”

“คง เป็นเรื่องที่ทุก ๆ ท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่า การก่อการร้าย นั้นเป็นเรื่องที่ชั่วร้าย และ ไร้ศีลธรรมเกินกว่าจะให้อภัยได้ เพราะ มันทำลายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และ ระบบเศรษฐกิจของโลก”

“ไม่ ว่าใครก็ตามที่ตอนนี้กำลังทำธุรกิจอยู่กับกลุ่มก่อการร้าย หรือ ให้การสนับกลุ่มก่อการร้ายอยู่ ขอให้หยุดเถิดครับ เพราะ มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ที่จะแสวงหาความร่ำรวยบนความทุกข์ยากของผู้อื่น”

“ผม เชื่อว่า บนใบโลกนี้นั้นยังมีหนทางอีกมากมาย ที่เราทุกคนสามารถแสวงหาความมั่งคั่งได้อย่างเท่าเทียมกัน และ ผมยังเชื่ออีกว่าคนเราสามารถร่ำรวยขึ้นมาได้ โดยที่พวกเรานั้นไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาธุรกิจผิดกฎหมาย”

“เรื่องแรกที่ผมจะเล่าให้ทุก ๆ ท่าน ฟัง คงหมดแค่นี้แล้วล่ะครับ มาเข้าเรื่องสำคัญเรื่องที่สองที่ผมจะพูดกันดีกว่า”

“ก่อน ที่เราจะเข้าสู่เรื่องสำคัญเรื่องที่สองที่ผมจะพูดนั้น ผมหวังว่าทุก ๆ ท่านคงเข้าใจกันดีแล้วสินะครับว่า งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นเพื่ออะไร”

“ใช่ ครับ อย่างที่ทุก ๆ ท่านเข้าใจ ผมจัดงานเลี้ยงการกุศลนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างองค์กรการกุศลขึ้นมาหนึ่งองค์กร ที่มีไว้เพื่อรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ต้องสูญเสียครอบครัวไป จากการก่อการร้าย”

“ทุกวันนี้ท่ามกลางสถานการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และ ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ผมจึงต้องลงมือทำ”

“สุด ท้ายนี้ผมคงต้องขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านเป็นอย่างสูง ที่ทุกท่านอุส่าสละเวลางานของพวกท่าน มาเพื่อให้เกียรติแก่งานเลี้ยงของโรงแรมผมนะครับ”

หลัง จากที่ลูเซียสพูดจบ เขาก็เดินลงไปจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมืออันดังกึกก้องของเหล่าผู้มีเกียรติ ภายในงานเลี้ยง เพื่อขึ้นไปเซ็นเอกสารทางการเงินของเดเมียนต่อ

ภาย ในห้องเก็บอุปกรณ์ห้องนึง ที่อยู่ในตึกศูนย์รักษาความปลอดภัยของโรงแรม วีโดรา ที่ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังนำระเบิดเวลาที่เป็นรูป นาฬิกาข้อมือ ออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมันมาเชื่อมต่อกับตัวจุดชนวน ที่เป็นแบตเตอรี่ไฟฟ้า ตั้งเวลาไว้สี่สิบห้านาที แล้วเขาก็มองหากล่องเก็บของสักลังแล้วนำมันไปวางไว้ในนั้นเพื่อเอาไว้ตบตา อย่างแนบเนียน ก่อนที่จะเดินออกจากห้องนี้ไป

เมื่อชายหนุ่ม เดินออกมาจากห้องเก็บของแล้วมองไปรอบ ๆ แล้วเห็นพวกพนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังทำงานอยู่แถวนั้นจำนวนหนึ่ง

“อย่างที่คิดไว้เลยพวกรปภ. คงอยู่ในโรงแรมหมด”

ชาย หนุ่มวิเคราห์สถานการณ์ต่าง ๆ เสร็จแล้ว เขาก็เดินผ่านพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยที่กำลังทำงานอยู่บริเวณนั้นอย่างใจ เย็น ตรงมายังประตูทางเข้า-ออก ของตึกระบบรักษาความปลอดภัย แล้วเดินออกไป

ห้อง ของประธานโรงแรม บนชั้นห้าสิบเจ็ดของโรงแรม ลูเซียส คาเมนี เจ้าของโรงแรมหรูหลายพันล้าน กำลังนั่งเซ็น เอกสารทางการเงินของ เดเมียน อยู่บนโต๊ะทำงานของเขา

“ขอโทษค่ะ คุณ ลูเซียส มีคนมาขอพบคุณค่ะ” เลขาของลูเซียสเดินเข้ามา

“ใครรึ” ลูเซียส ถามด้วยความสงสัยพลางวางปากกาลง แล้วส่งเอกสารไปให้เลขาของเขา

“เธอคือ นอร์มา เซรีน ที่มาจากกลุ่มทุน “เลสเตอร์แฟมิลี่” น่ะค่ะ”

“เชิญเธอเข้ามาสิ” ลูเซียส ตอบอนุญาต แล้วเลขาของเขาก็เดินไปเปิดประตูให้ เซรีน ที่เดินเข้ามาในห้อง ก่อนที่จะถูกเชิญโดย ลูเซียส ให้เดินไปนั่งบนโซฟาหนัง

“สวัสดีค่ะ คุณลูเซียส ยินดีที่ได้พบนะคะ”

เซรีน กล่าวคำทักทายอย่างสุภาพ แล้วยื่นมือไปทักทาย

“ไม่ หรอก ทางผมสิรู้สึกยินดีมากกว่าที่ ซีอีโอ ของกลุ่มธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เลคเตอร์แฟมิลี จะเดินทางมาให้เกียรติเพื่อมาพบผมถึงที่ห้องทำงานแบบนี้”

ลูเซียส ตอบกลับอย่างสุภาพ แล้วบอกให้เลขาไปหยิบไวน์ชั้นดีมาให้ เซรีน

“ขอแค่กาแฟดีกว่าค่ะ ดิฉันไม่นิยมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาทำงาน”

“คุณคงมีเรื่องสำคัญ ถึงได้มาพบผมใช่มั้ยครับ”

“ใช่ค่ะ ดิฉันมาเพื่อคุยเรื่องธุรกิจ”

“แล้วทางคุณคิดจะลงทุน หรือ ทำธุรกิจอะไรในประเทศนี้เหรอครับ”

“เราตัดสินใจไว้แล้วว่าจะลงทุนด้านอวกาศค่ะ”

“ยอด เยี่ยมมากสมแล้วกับที่เป็น กลุ่มทุนเลสเตอร์แฟมิลีพวกคุณคิดถูกแล้วล่ะครับ เมื่อเร็วๆ นี้ทางรัฐบาลของประเทศเรา กำลังประชุมกันในเรื่องของการเปิดสัมปทานด้านอวกาศและกำลังมีโครงการใหญ่ๆ อีกหลายโครงการเพื่อดึงเงินจากนักลงทุนจากต่างประเทศให้ไหลเข้ามายังประเทศ นี้ครับ”

ลูเซียสกล่าวชมพร้อมกับอธิบายความเป็นมาของโครงการสำคัญที่ว่านี้ ให้เซรีนฟัง

ที่ ลานจอดเครื่องบินส่วนตัวของโรงแรม ที่บริเวณรอบ ๆ ลานจอดเครื่องบินนั้นมีเครื่องบินส่วนตัวของพวกนักท่องเที่ยวจอดไว้อย่าง เป็นระเบียบเรียบร้อย วีโดรา ที่อยู่ในชุดของพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรม กำลังเดินถือกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งซึ่งภายในบรรจุระเบิดเวลาเอาไว้อยู่

เมื่อ ชายหนุ่ม เดินมาที่บริเวณทางเข้า-ออก ของลานจอดเครื่องบิน ที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กำลังทำงานอยู่สามถึงสี่คน แล้วเดินผ่านพวกเจ้าหน้าที่เข้าไปได้โดยไม่มีใครรู้สึกตัว หรือ สังเกตเห็นความผิดปกติแต่อย่างใด

วี โดรา ที่ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เดินเข้ามาในลานจอดแล้วมองไปรอบ ๆ แล้วเห็น เครื่องบินสีดำลำหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าลำอื่น ๆ ซึ่งมันได้จอดอยู่ในโรงเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัย ที่สำคัญมันยังเป็นเครื่องบินส่วนตัวของ กลุ่มบริษัท “คามอร์รา คอเปอเรชั่น” ที่มี เดเมียน ธอร์น ผู้ตกเป็นเป้าหมายรายสำคัญที่สุดเป็นเจ้าของ

ชาย หนุ่มมองไปยังเครื่องบินสีดำลำนั้นสักพัก แล้วเดินผ่านพวกพนักงานขนส่งสินค้าของโรงแรมที่กำลังทำงานกันอยู่ บริเวณลาดจอด ไปยังโรงเก็บเครื่องบินอย่างเนียน ๆ

ใน โรงจอดเครื่องบิน วีโดรา ได้นำระเบิดที่เป็นรูปนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กออกมาจากกระเป๋า พร้อมตั้งเวลาไว้สี่สิบห้านาที แล้วนำมันไปซ่อนไว้ ภายในมุมหนึ่งของโรงเก็บเครื่องบินอย่างแนบเนียน ก่อนที่จะออกมา แล้วเดินไปยังโกดังเก็บสินค้าที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั้น

ที่ อาคารเก็บสินค้าที่ตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของลานจอดเครื่องบิน ภายในนั้นมีกล่องที่เอาไว้ใส่สินค้าของโรงแรมถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ วีโดรา ที่ปลอมตัวเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงแรม ได้เดินเข้ามาข้างใน

ชาย หนุ่ม มองไปรอบ ๆ เพื่อหากล่องสักลังที่เขาต้องการจะนำระเบิดที่เตรียมไว้ไปซ่อน แล้วเขาก็เห็นกล่องใส่สินค้าลังหนึ่งซึ่งมันถูกวางไว้ที่มุมหนึ่งของโกดัง

แล้ว ชายหนุ่ม เดินผ่านพวกพนักงานขนส่งสินค้า ที่กำลังทำงานอยู่บริเวณนั้น แล้วเปิดกระเป๋าเพื่อนำระเบิดแบบตั้งเวลาอีกลูกที่ถูกเตรียมไว้ออกมา แล้วนำมันไปซ่อนไว้ที่กล่องใส่สินค้าที่เขาเลือกไว้ ก่อนที่จะเดินออกจากโกดังเก็บสินค้าไปอย่างไร้ร่องรอย

ใน เวลาเดียวกันกับที่ วีโดรา ลอบเข้าไปวางระเบิดลานจอดเครื่องบิน ที่ห้องน้ำห้องหนึ่งที่อยู่ภายในโรงแรมหรู วิเนอรี กำลังทำจารกรรมระบบรักษาความปลอดภัยทั่วโรงแรมอยู่ และ ตอนนี้เธอได้ผ่านเข้ามาเข้าสู่ขั้นตอนที่สอง ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย

“เอ รหัสผ่านแบบตัวเลขงั้นเหรอ”

วิ เนอรี ใช้ความคิด แล้วมองโน๊ตบุ๊คของเธอที่มีข้อความปรากฏอยู่หนึ่งหัวข้อ ที่บอกให้เธอพิมพ์ตัวเลขเป็นรหัสผ่านจำนวน 15 หลัก มาจำนวนห้าหลัก

“ตามที่ข้อมูลของคุณเซรีนบอกไว้เลยนี่นา ถ้าฉันจำไม่ผิดมันก็.... ”

ห้า นาทีผ่านไปหลังจากที่ วิเนอรี นั่งเรียบเรียงตัวเลขทั้งหมดที่อยู่ในความคิดของเธอออกแล้ว จึงพิมพ์ข้อความที่เป็นตัวเลขชุดหนึ่งลงไป

“174204562808527140

8990682571300607981

9906665043218002917

7740650011462220357

4465564102258679886”

“ทีนี้ก็เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว”

เด็กสาวใช้ความคิดในแล้วมองไปที่ โน้ตบุ๊ค ของเธอ ที่มีข้อความปรากฏขึ้นมาหนึ่งข้อความ

“จงบอกรายชื่อของนักเขียนนิยายที่ ลูเซียส ชื่นชอบมากที่สุดมาสามชื่อ”

ผ่าน ไปประมาณห้านาที บนทางเดินทางหนึ่งที่อยู่บริเวณโรงแรม รอยัลคาเมนี วีโดรา ที่ตอนนี้อยู่ในชุด ทักซิโด้สีดำสุดหรู กำลังเดินอยู่เพื่อกลับไปยังโรงแรม

ชาย หนุ่มเดินผ่านพวกนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ที่กำลังออกมาจากโรงแรม แล้วเขาก็ได้ยินเสียงของ ผู้หญิง คนหนึ่งติดต่อเข้ามา ที่ปลายสายเธอคือ วิเนอรี

“วีโดรา ทางนายเป็นยังไงบ้าง”

“ทางสะดวก”

“ถ้าอย่างนั้น นายคงจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”

“ใช่ เสร็จแล้ว”

“พอดีเลย ฉันอยากให้นายช่วยอะไรหน่อยน่ะ”

“ว่ามาสิ”

“ฉันอยากให้นายช่วยไปหารายชื่อนักเขียนนิยาย ที่เจ้านักธุรกิจกำมะลอนั่นมันชอบมาให้ฉันหน่อย”

“จัดไป”

“ขอบคุณนะ วีโดรา”

เมื่อ วีโดรา พูดเสร็จแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในโรงแรม เพื่อขึ้นไปยัง “ศูนย์หนังสือประจำโรงแรม” ที่อยู่บนชั้นที่สาม

เหลือเวลาอีกสามสิบนาทีระเบิดที่ถูกตั้งไว้จะทำงาน ที่ “ศูนย์หนังสือออนไลน์ คาเมนี” อยู่บนชั้นสามของโรงแรม สุภาพบุรุษผู้มีผมสีเงินยาว วีโดรา เดินเข้ามา ภายในนั้นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการอ่านหนังสือที่พวกเขานำมาจาก ชั้นวางหนังสือที่วางจัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยตามหมวดหมู่ต่าง ๆ

แล้วชายหนุ่มก็มองไปรอบ ๆ ห้องหนังสือ เพื่อหาคอมพิวเตอร์สักเครื่อง แล้วเดินเข้าไปเซิจหาคำว่า “นักเขียนนิยายที่ ลูเซียส ชอบ” ก่อนที่จะมีรายชื่อ คนแต่งนิยายที่ ลูเซียส ชื่นชอบมาพร้อมกับนิยายที่พวกเขาแต่ง ปรากฏขึ้นมาบนจอภาพแบบสามมิติ

ชาย หนุ่มได้ค้นหาผลงานของนักเขียนนิยายจำนวนนับสิบ ๆ เรื่อง ที่ ลูเซียส ชอบอ่าน แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่า มีนิยายที่มาจากนักเขียนคนเดียวกันอยู่หลายเล่ม

“นี่คือนักเขียนนิยายที่มันชอบงั้นรึ” วีโดรา ใช้ความคิดแล้วมองไปที่ รายชื่อของคนเขียนนิยายเหล่านั้นสักพัก ก่อนที่จะส่งรายชื่อทั้งหมดไปให้ วิเนอรี ที่รออยู่

ใน ห้องน้ำของโรงแรมหรู วิเนอรี กำลังนั่งนึกถึงรายชื่อของของนักเขียนนิยายที่ ลูเซียส ชื่นชอบอยู่ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงของข้อความอัตโนมัติของ วีโดรา ที่ติดต่อเข้ามา

“ส่งไปแล้ว”

“นี่คือรายชื่อ นักเขียนนิยายทั้งหมดที่เจ้านักธุรกิจกำมะลอมันชอบเหรอนี่”

วิเนอรี มองรายชื่อนักเขียนนิยายที่ วีโดรา ส่งมา แล้วนั่งวิเคราะห์รายชื่อที่มีอยู่ทั้งหมด ก่อนที่จะป้อนรหัสลงไป

“Howard Phillips Lovecraft

Clive Barker

Stephen King”

“ขอร้องล่ะ ขอให้ผ่านทีเถอะนะ”

วิเนอรี ที่นั่งดูโน๊ตบุ๊คอยู่ กำลังลุ้นว่ารหัสผ่านนั้นถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกนั้นหมายถึงเป็นอัน จบเกมส์

To be Continued

ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

สารบัญครับ

บทที่ 2

บทที่ 3

บทที่ 4

หามีตอนใหม่เพิ่มเติมผมจะนำมันมาลงที่นี่นะครับ

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

นำข้อมูลเบื้องต้นของกลุ่มตัวละครเอกมาลงละครับ

Black Remember Character Profile

ประวัติกลุ่มตัวละครเอก

samaelvedora01.jpg

ชื่อ- นามสกุล ซามาเอล วีโดรา

ชาว อิตาลี

เกิด 19 ตุลาคม 2030

อายุ 22 ปี

สูง 183 ซ.ม.

เพศ ชาย

สีผม ผมยาวสีเงิน

สีตา ข้างซ้ายสีทอง ข้างขวา สีแดงเข้ม

รูปร่าง/ลักษณะตัวละคร หนุ่มอิตาลีผู้มีรูปร่างสูงสง่าเขามีใบหน้าคมคาย ผม สีเงินยาวสยาย ดวงตาคม ตาสองชั้นที่มีสีต่างกัน นัยน์ตาข้างซ้ายสีทองอร่าม ผิดกับนัยน์ตาข้างขวาสีแดงเข้มดั่งดอกกุหลาบ แววตาของเขานั้นดูสุขุมนุ่มลึก มีท่าทางเงียบขรึมน่าเกรงขามและดูใจเย็นมาก

อุปนิสัย เป็นคน เงียบ ๆ ใจเย็น ฉลาด สุขุม แอบโหด ปากร้ายนิด ๆ ชอบพูดจาไม่เข้าหูคน แต่เปิดเผย และแสดงออกอย่างตรงไป-ตรงมา และมีความมั่นใจในตนเองสูงมาก

สิ่งที่ชอบ วาดรูป อ่านหนังสือ ฟังเพลง เล่นกีฬา

ใน เวลาว่าง ๆ วีโดรา มักจะชอบวาดรูป และรูปที่เขาชอบวาดส่วนมากจะเป็น ภาพทิวทัศน์ตามธรรมชาติ หรือ ไม่ก็ภาพคน ภาพผู้หญิง แน่นอนว่าต้องวาดเก่งด้วยเพราะเขาเป็นคนใจเย็น มือเลยต้องนิ่งมาก ๆ

หนังสือ ที่ วีโดรา ชอบอ่านในยามว่าง ๆ นั้นคงเป็นหนังสือนิยายที่ต้องใช้ความคิดเช่น นิยายแนวอาชญากรรม สืบสวน-สอบสวน หรือ ไม่ก็หนังสืออ่านเล่นที่อ่านแล้วผ่อนคลายสบายอารมณ์

เพลงที่เขาชอบฟังเป็นประจำ คือ เพลงคลาสสิก

กีฬา ที่ วีโดรา ชอบเล่น นั้นส่วนมากเป็นกีฬาที่ต้องใช้สมาธิสูงในระดับหนึ่งนั้นคือ กีฬาโดดร่ม ว่ายน้ำ ดำน้ำ จ๊อกกิ้ง ปีนเขา ขี่ม้า ยิงปืน ยิงธนู และ เล่นสกี

สิ่งที่เกลียด อาชญากร โดยเฉพาะพวก อาชญากรที่เสแสร้งทำตัวเป็นคนดี

สีประจำตัวละคร สีแดง กับ สีขาว

แนวคิด/อุดมการณ์ ใน เรื่องของการใช้ชีวิตนั้น วีโดรา มองว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ และมักเต็มไปด้วยความไม่ชัดเจน มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ครอบครัว พ่อกับแม่ของเขาเสียชีวิตจากการก่อการร้ายของพวกองค์กรก่อการร้าย OHRR ตอน ที่เขาพึ่งอายุ 7 ขวบเท่านั้น และหลังจากนั้นไม่นาน คนที่เลี้ยงดูเขามาก็เสียชีวิตไปในสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน แห่งหนึ่งที่อยู่ในประเทศอิตาลี ส่วนตัวเขานั้นรอดตายจากขีปนาวุธที่ผู้ก่อการร้ายใช้ยิงถล่มเข้ามาในหมู่ บ้านที่เขาเกิดและเติบโตขึ้น แต่มันก็ต้องทำให้เขาสูญเสียความทรงจำไปบางส่วน นั่นคือ เขาจำไม่ได้ว่าพี่ชายของเขานั้นยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า

ชื่อ-นามสกุล ฮันนิบาล เลสเตอร์

ชาว ฝรั่งเศส

เกิด 14 พฤษภาคม 2026

อายุ 26 ปี

สูง 186 ซ.ม.

เพศ ชาย

สีผม ผมสั้นสีดำ

สีตา สีแดงเพลิง

รูปร่าง/ลักษณะตัวละคร หนุ่ม ฝรั่งเศสผู้มีรูปร่างสูงสง่า ผมสั้นสีดำประบ่า ใบหน้าเรียวคม ดวงตาคม นัยน์ตาสีแดงเพลิงคู่นั้นดูลึกล้ำเยือกเย็นเกินกว่าจะหยั่งถึง ท่าทางของเขาดูทรงอำนาจและมีความเป็นผู้นำสูงมาก

อุปนิสัย เขาเป็นคนเงียบ ๆ ฉลาด สุขุม เยือกเย็นได้ในทุกสถานการณ์ มีความเป็นผู้นำสูงมาก และ มีความสามารถในการแสดงละครได้อย่างสมจริง

สิ่งที่ชอบ เล่นหมากรุก อ่านหนังสือ และ ไปเที่ยวตามธรรมชาติ

สิ่งที่เกลียด การรับสินบน

สีประจำตัวละคร สีดำ สีขาว

ครอบครัว หลัง จากพ่อเขาตายในระหว่างที่เดินไปประชุมด้าน "ความมั่นคงและสันติภาพโลก" ที่สหรัฐ ส่วนแม่ของเขานั้นย้ายมาอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์พร้อมเปลี่ยนนามสกุล และ ลุงของเขากำลังเป็นวุฒิสมาชิกสหรัฐอยู่

minervapresident00.jpg

ชื่อ-นามสกุล มิเนอร์วา เพรสซิเดนท์

ชาว อังกฤษ

เกิด 1 มกราคม 2035

อายุ 18 ปี

สูง 173 ซ.ม.

เพศ หญิง

สีผม ผมสีน้ำเงินยาว

สีตา ข้างซ้าย สีฟ้าน้ำทะเล ข้างขวา สีเขียวมรกต

รูปร่าง/ลักษณะตัวละคร สาว อังกฤษผิวพรรณขาวนวลเนียนทั่วเรือนร่าง รูปร่างสูงเพรียวระหง หุ่นดีมาก ใบหน้าเรียวสวยได้รูปดูงดงามเป็นธรรมชาติ เรือนผมสีน้ำเงินยาวเงางามดุจแพรไหม ดวงตาคม ตาสองชั้นเปล่งประกายงดงามดั่งอัญมณีคู่นั้นมีสีที่ต่างกัน นัยน์ตาข้างซ้ายสีอความาลีนรับกับนัยน์ตาข้างขวาสีมรกตได้เป็นอย่างดี แววตาสงบลึกล้ำของเธอคู่นั้นดูเข็มแข็งและมั่นคง

อุปนิสัย เธอ เป็นคนเงียบ ๆ เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ จริงใจ ใสซื่อ ปากตรงกับใจ ตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง มีจิตใจที่เข้มแข็งมาก มั่นใจในตนเอง และ เคารพเหตุผลเสมอ

สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ มิเนอร์วา ชอบทำในเวลาว่างนั้นมีดังนี้ ฝึกทำอาหาร อ่านหนังสือ เล่นกีฬา เล่นดนตรี

มิเนอร์วา เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือในยามว่าง ๆ หนังสือ ที่เธอชอบอ่านในยามว่าง ๆ นั้นส่วนมากจะเป็นหนังสือนิยาย นิยายแนวที่เธอชอบอ่านมากที่สุดก็คือ แนวสืบสวนสอบสวน กับ นิยายแนวรักโรแมนติก

กีฬา ที่ มิเนอร์วา ชอบเล่นในยามว่าง ๆ ส่วนมากจะเป็นกีฬาที่จะทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดทั้งหลายนั่นคือ ว่ายน้ำ ดำน้ำ วิ่งจ๊อกกิ้ง ขี่ม้า ยิงปืน ยิงธนู และ ฟันดาบ

มิ เนอร์วา ยังชอบเล่นดนตรีอีกด้วย ดนตรีที่เธอชอบเล่นส่วนมากนั้นจะเป็น ดนตรีประเภท เปียโน หรือ ไวโอลิน เพลงที่เธอชอบเล่นส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเพลงคลาสสิก

สิ่งที่เกลียด อาชญากร หรือ ผู้มีอำนาจ ที่ก่อสงครามโดยไร้เหตุผล หรือ ทำสงครามเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน

สีประจำตัวละคร สีน้ำเงิน

ครอบครัว ตอน ที่เธออายุ 8 ขวบ และ วิเนอรี ผู้เป็นน้องสาวของเธออายุ 7 ขวบ ต้องเห็นพ่อกับแม่ของพวกเธอตายไปต่อหน้าต่อตาด้วยฝีมือองค์กรก่อการร้าย OHRR ต่อ มาไม่นานตอนที่เธออายุ 12 หมู่บ้านที่เธอเกิดและเติบโตขึ้นก็ถูกทำลายด้วยอาวุธเชื้อโรค หลังจากเป็นต้นมาเธอก็อยู่กับน้องสาวเพียงลำพังสองคนตลอดมา ก่อนที่ตัวเธอจะตัดสินใจเข้ามาทำงานที่ SPHERE ในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด” เพื่อตามล่านักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง และ ทำลายล้างองค์กรก่อการร้าย OHRR ให้สิ้นซากไป และ ที่สำคัญจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเธอทั้งหมดนั้น ทำให้เธอเป็นห่วงน้องสาวของเธอมาก

vinerypresident00.jpg

ชื่อ-นามสกุล วิเนอรี เพรสซิเดนท์

ชาว อังกฤษ

เกิด 24 ธันวาคม 2035

อายุ 17 ปี

สูง 170 ซ.ม.

เพศ หญิง

สีผม ผมยาวสีบลอนด์

สีตา ข้างซ้าย สีเขียวมรกต ข้างขวา สีฟ้าคราม

รูปร่าง/ลักษณะตัวละคร สาว อังกฤษท่าทางสุภาพเรียบร้อยผิวขาวอมชมพู รูปร่างสูงหุ่นเพรียวบาง หน้าตาน่ารักดูสดใสใบหน้าเรียวรูปไข่ ผมสีบลอนด์ทองยาวนุ่มสลวย ดวงตากลมโตมีตาสองสีที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี นัยน์ตาข้างซ้ายสีเขียวมรกตรับกับนัยน์ตาข้างขวาที่มีสีฟ้าคราม แววตาของเธอนั้นเป็นประกายสดใสดูมีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา

อุปนิสัย เธอเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย สดใส ร่าเริง มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ เป็นมิตร และ สามารถเข้ากับทุก ๆ คนได้ดี

สิ่งที่ชอบ ถ่ายรูป ทำอาหาร อ่านหนังสือ เล่นอินเตอร์เน็ท แกล้ง มิเนอร์วา ผู้เป็นพี่สาว

สิ่งที่เกลียด ไม่มี

สีประจำตัวละคร สีฟ้า

ครอบครัว เหมือนกับ มิเนอร์วา

แนวคิด/อุดมการณ์

ชื่อ-นามสกุล นอร์ม่า เซรีน

ชาว ฝรั่งเศส

เกิด 14 กุมภาพัน 2030

อายุ 22 ปี

สูง 176 ซ.ม.

เพศ หญิง

สีผม ผมยาวสีเขียว

สีตา สีน้ำตาล

รูปร่าง/ลักษณะตัวละคร สาว ฝรั่งเศสรูปร่างสูงสง่า ผิวพรรณขาวนวลเนียนดุจหิมะ เรือนร่างสมส่วนเพรียวบาง ใบหน้าเรียวสวยได้รูปดูงดงามสะดุดตา เรือนผมสีเขียวยาวสยายไปถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นดูลึกล้ำเยือกเย็น ท่าทางของเธอนั้นดูองอาจและสง่างาม

อุปนิสัย เธอเป็นคนฉลาด เยือกเย็น ทำอะไรละเอียดรอบคอบ และ มีแบบแผนเสมอ

สิ่งที่ชอบ ยังไม่ได้กำหนด

สิ่งที่เกลียด คำพูดที่สวยหรูแต่ปราศจากการกระทำ หรือ ทำในสิ่งตรงข้าม

สีประจำตัวละคร สีเขียว

ครอบ ครัว เธอสูญเสียแม่ของเธอไปจากการสร้างสถานการณ์ที่ทำให้ดูเหมือนว่า เกิดขึ้นจากการก่อการร้าย แต้แท้จริงแล้วเกิดจากการเมืองภายในที่ค่อนข้างซับซ้อน ส่วนน้องสาวของเธอนั้น ถูกองค์กรก่อการร้ายสังหารอย่างเลือดเย็นต่อหน้า ต่อตาเธอ

แนวคิด/อุดมการณ์

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

:emo (20): อ่านไปได้สักนิดแล้วครับ(อยากอ่านต่อแต่ไม่ค่อยมีเวลา) :emo (61):

ยังไงก็ตามเห็นทีผมต้องพยายามมั่งแล้วต้องไปรีบบอกให้2คนนั้นมาลงบทที่1ซะบ้างแล้วสิ

แต่ฟิกคุณเนี่ยไม่เลวเลยน่ะครับถ้ามีภาพประกอบด้วยงามแน่ๆ :emo (47):

Share this post


Link to post
Share on other sites

อุอุ เก็บไว้ๆ เด๋วมาอ่าน ชื่อ ก็ดำมืดแล้ว ฮาาา

Share this post


Link to post
Share on other sites

Mission 2 : (The Judge without Name) คำพิพากษาของมัจจุราชผู้ไร้ตัวตน

Location โรงแรมหรูกลางทะเล รอยัล คาเมนี 9.30pm

บรรยากาศรอบๆ ตัวโรงแรมนั้นยังคงคึกคักและยังเต็มไปด้วยแขกผู้ทรงเกียรติที่บางคนกำลังเดินทางมา ขณะที่บางคนนั้นกำลังเดินทางกลับ บนสะพานเชื่อมต่อ เจ้าหน้าที่ รปภ.เอง ก็กำลังรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ที่จะเข้ามาพักหรือเดินทางออกจากโรงแรม โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นในโรงแรม

ภายในศูนย์หนังสือ คาเมนี ที่อยู่บนชั้นสามของโรงแรม สุภาพบุรุษผู้มีผมยาวสีเงินนาม ซามาเอล วีโดรา กำลังหารายชื่อนักเขียนนิยายที่ลูเซียสชื่นชอบผ่านทางคอมพิวเตอร์ของห้องหนังสือ เพื่อนำมันไปใช้ในการไขรหัสผ่านระบบรักษาความปลอดภัยในขั้นตอนสุดท้าย

วีโดรามองไปที่รายชื่อของคนเขียนนิยายเหล่านั้นที่ปรากฏออกมาบนจอภาพสามมิติสักพัก ก่อนที่จะส่งรายชื่อทั้งหมดไปให้ วิเนอรี ที่รออยู่

ในห้องน้ำห้องหนึ่งที่อยู่ภายในโรงแรมสุภาพสตรีนาม วิเนอรี กำลังนั่งใช้ความคิดสิ่งที่อยู่ในหัวของเธอตอนนี้คือ รายชื่อนักเขียนนิยายทั้งหมดที่ลูเซียสชื่นชอบ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงของ วีโดรา ติดต่อเข้ามา

“ส่งไปแล้ว”

เพียงคำพูดเดียวของชายหนุ่มทำให้ เด็กสาวที่ฟังอยู่นั้นเข้าใจ แล้วมองรายชื่อทั้งหมดที่ถูกส่งไปให้ แล้วนั่งวิเคราะห์รายชื่อทั้งหมดอย่างใจเย็น ก่อนที่จะพิมพ์ข้อความหนึ่งลงไป

“Howard Phillips Lovecraft

Clive Barker

Stephen King”

วิเนอรี ที่นั่งดูโน๊ตบุ๊คอยู่ กำลังลุ้นว่ารหัสผ่านนั้นถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกนั้นหมายถึงเป็นอัน จบเกมส์

“ขอร้องล่ะ ขอให้ผ่านทีเถอะนะ”

นี่คือสิ่งที่อยู่ในความคิดของ เด็กสาว ที่กำลังลุ้นระทึกอยู่ เมื่อเธอมองไปที่โน๊ตบุ๊คของเธอ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนทำลายระบบรักษาความปลอดภัยทั่วโรงแรม

“บิงโก ฉันจัดการระบบรักษาความปลอดภัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

ผ่านไปสักพัก วิเนอรี พูดขึ้นมาด้วยเสียงสดใส เมื่อเธอมองโน๊ตบุ๊คของเธอ ที่มีข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นมา ระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดนั้นถูกทำลายลงเรียบร้อยแล้ว

“เสร็จแล้วรึ”

“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณนะ วีโดรา”

“แล้วเจอกันที่งาน”

วีโดรา พูดเสร็จแล้วเดินผ่านพวกนักท่องเที่ยวออกจาก ศูนย์หนังสือออนไลน์ เดินลงบันไดวนไปยังห้องโถง เพื่อรอทำตามแผนขั้นต่อไป

“โอเค ไปรอที่งานได้เลย เดี๋ยวฉันติดต่อไปหามิเนอร์วาก่อน”

วิเนอรีพูดกับวีโดราเสร็จแล้วจัดการต่อสายไปหา มิเนอร์วา ที่กำลังรออยู่

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ที่ห้องน้ำหญิงอีกห้องหนึ่งในโรงแรม สุภาพสตรีนางหนึ่งนาม มินอร์วา เองก็เตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ในการวางระเบิดเรียบร้อยแล้ว และในตอนนี้เธอกำลังรอสัญญาณจาก วิเนอรี ผู้เป็นน้องสาวของเธอที่จะประสานงานเข้ามา

“พี่คะตอนนี้ฉันจัดการเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยให้พี่เรียบร้อยแล้วนะคะ”

เสียงที่สดใสดั่งแสงตะวันของ วิเนอรี ที่ติดต่อเข้ามาทำให้ มิเนอร์วา ตอบเธอกลับไป

“เสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ”

“เสร็จแล้วค่ะ พอดีฉันให้ คุณวีโดรา เขามาช่วยจัดการด้วยนะ”

“ดีจัง ต่อไปพี่ต้องไปเตรียมดอกไม้ไฟแล้วสินะ”

“พี่คะ ระวังตัวด้วยนะคะ”

วิเนอรี กล่าวด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนด้วยความเป็นห่วงพี่สาวของเธอ แม้ มิเนอร์วา จะมองไม่เห็น แต่จากน้ำเสียง เธอก็สัมผัสถึงความอ่อนโยนของน้องสาวได้

“ขอบใจนะ วิเนอรี พี่ต้องไม่เป็นไรแน่นอน”

มิเนอร์วา จึงตอบผ่านหูฟังพร้อมเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ แม้ วิเนอรีจะไม่เห็นรอยยิ้มนั้น แต่เด็กสาวสามารถสัมผัสได้ว่า รอยยิ้มของพี่สาวนั้นได้ส่งมาถึงเธอแล้วจึงตอบกลับไปด้วยเสียงสดใส

“แล้วเจอกันหลังจากพิธีปิดนะคะพี่”

“แล้วเจอกันนะ วิเนอรี”

หลังจากที่พูดกันเสร็จ มิเนอร์วา ได้จัดการรวบผมสีน้ำเงินยาวเงางามให้เป็นทรงหางม้า ถอดชุดราตรีสีน้ำเงินดำออก เผยให้เห็นถึงผิวขาวนวลเนียนดั่งหิมะทั่วเรือนร่าง แล้วนำชุดผ้าคลุมสีดำมาสวมพร้อมกับหน้ากากสีเดียวกัน นำระเบิดที่เป็นรูปนาฬิกาข้อมือสีดำเพื่อตั้งเวลา แล้วนำมันวางไว้ภายในห้อง ก่อนที่จะเดินออกไปอย่างไร้ร่องรอย

ส่วนวิเนอรีนั้นได้เก็บอุปกรณ์ทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งหมดเข้ากระเป๋าเหลือไว้เพียง กล้องเล่นวีดีโอขนาดเล็ก แล้วนำระเบิดขึ้นมาตั้งเวลา แล้วนำมันไปหย่อนลงในถังขยะก่อนที่จะเดินออกจากห้อง ลงไปยังห้องโถงตามแผนการ

เหลือเวลาอีกสิบนาทีระเบิดเวลาที่ถูกวางไว้โดย วีโดรา จะเริ่มทำงาน ในห้องของประธานโรงแรมที่อยู่บนชั้นที่ห้าสิบเจ็ด สุภาพสตรีนาม เซรีน สุดยอดซีอีโอชั้นนำของโลก กำลังคุยเรื่องธุรกิจอยู่กับ ลูเซียส มหาเศรษฐีผู้เป็นเจ้าของโรงแรมหรูหลายพันล้าน

“ยอดเยี่ยมมาก สมแล้วกับเป็นซีอีโอของกลุ่มทุน เลคเตอร์แฟมิลี จริง ๆ ผมนึกไว้แล้วว่าพวกคุณต้องสนใจโครงการนี้” ลูเซียสกล่าวชมจนแสดงอาการออกมาอย่างโอเวอร์จนเซรีนสังเกตได้

“ขอบคุณที่ชมค่ะ”

เซรีน ยิ้มอย่างเยือกเย็น

“คุณคงรู้แล้วสินะครับว่า ทุกวันนี้การแข่งขันด้านอวกาศนั้นเกิดขึ้นในหลายประเทศ และ มันได้กลายมาเป็นธุรกิจที่กำลังเป็นที่ต้องการมากที่สุดในยุคนี้ เพราะ มันสามารถทำเงินให้กับประเทศหนึ่งได้อย่างมหาศาล”

เมื่ออธิบายเสร็จ ลูเซียส ได้เดินไปกดปุ่ม บนโต๊ะทำงาน มันได้ปรากฏ ตัวเลขจำนวนนับไม่ถ้วนที่มาจากประเทศต่าง ๆ ที่กำลังแข่งขันกันในเรื่อง ธุรกิจด้านอวกาศ แล้วพูดต่อ

“หลังจากที่ รัฐบาลของประเทศเราประกาศว่าจะส่งเสริมการลงทุนด้านอวกาศ เพื่อดึงเงินจาก นักลงทุนชาวต่างชาติ ไปได้ไม่นาน ก็มีนักธุรกิจชั้นนำจากหลายประเทศทั่วโลกให้ความสนใจในโครงการนี้ และ กำลังจะเข้ามาร่วมการประมูล”

“ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ในอนาคตข้างหน้าทางรัฐบาลของประเทศเรากำลังจะมี โครงการใหม่ ๆ เข้ามาอีกหลายโครงการ ที่จะทำให้ประเทศเรากลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินแห่งใหม่ของโลก ไม่ทราบว่าทางบริษัท เลสเตอร์แฟมิลี จะสนใจเข้าร่วมประมูลหรือเปล่าครับ…”

บึ้ม...!!! ระเบิดเวลาที่ถูกตั้งไว้โดยวีโดราได้เกิดระเบิดขึ้น แรงระเบิดของมันมันได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโรงแรม แล้วมันทำให้ ลูเซียส ที่กำลังอธิบายเรื่องธุรกิจด้านอวกาศอยู่นั้น ถึงกับหันไปมองแล้วต้องตื่นตะลึงในทันทีเมื่อเห็น ตึกระบบรักษาความปลอดภัย ระเบิดเป็นจุลในพริบตา

“มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ลูเซียส ที่กำลังตื่นตะลึงไปกับแรงระเบิดที่เห็นเมื่อสักครู่ พูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เคียดแค้น สิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาคือ “มันเป็นใคร ไอ้คนที่วางระเบิดนี่”

เซรีน ที่นั่งอยู่ได้แสดงอาการตกใจออกมา แต่ในใจของเธอนั้นยังคงความเยือกเย็นไว้อยู่พร้อมกับคิดในใจว่า แผนการกำลังไปได้ดีอีกขั้น

หลังจากที่ตึกระบบรักษาความปลอดภัยเกิดระเบิดขึ้นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย วิ่งเข้ามาในห้องของประธานโรงแรม

“ท่านครับ เกิดการก่อการร้ายขึ้นครับ”

เสียงของพนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก

“ฉันรู้แล้ว” ลูเซียสที่กำลังโกรธอยู่ได้ระงับอารมณ์ลงแล้วหันไปตอบกลับพวกหน่วยรักษาความปลอดภัย

“เอาเป็นว่า ก่อนที่จะทำอะไร ผมว่าเรารีบขึ้นไปลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่บนดาดฟ้า ดีกว่าครับเผื่อเกิดเหตุสุดวิสัย”

เมื่อพูดเสร็จเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นก็พาตัว เซรีน กับ ลูเซียส ออกจากห้องไปพร้อมกับ บอดี้การ์ดอีกจำนวนหนึ่ง

ในเวลาเดียวกันกับที่ระเบิดเวลาของ วีโดรา ที่ถูกวางเอาไว้ที่ตึกศูนย์ระบบรักษาความปลอดภัยเกิดระเบิดขึ้น ขึ้นมาบนดาดฟ้าของโรงแรมประตูได้ถูกเปิดออกแล้ว สตรีปริศนานางหนึ่งผู้มีเรือนผมสีน้ำเงินยาวเงางาม ซ่อนใบหน้างดงามของเธอไว้ภายใต้หน้ากากสีดำทมิฬ และปกปิดเรือนร่างขาวนวลเนียนดุจดั่งหิมะเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมสีเดียวกัน ก็ปรากฏตัวขึ้นและเดินออกมายังลานจอดเฮลิคอปเตอร์

“ระเบิดเริ่มทำงานแล้วสินะ”

สตรีปริศนาผู้สวมหน้ากากสีดำ ยืนวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ดาดฟ้าที่มี เฮลิคอปเตอร์สีดำลำใหญ่ของ ลูเซียส จอดวางเรียงรายกันอยู่สามลำสักพัก ก่อนที่จะเดินไปยังเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่ง

ใต้ท้องของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว สตรีปริศนานำระเบิดที่เป็นรูปนาฬิกาข้อมือสีดำ ออกมาจากกระเป๋าเพื่อนำมันมาตั้งเวลาไว้แล้วนำไปติดตั้งไว้ที่ใต้ท้องของ เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวอย่างใจเย็น ก่อนที่จะลอดออกมา

แล้วสตรีปริศนาเดินไปด้านหลังของเฮลิคอปเตอร์สีดำอีกลำหนึ่ง เพื่อนำระเบิดที่ตั้งเวลาไว้อีกลูกมาติดตั้งไว้ที่ใต้ท้องของเฮลิคอปเตอร์ลำ นั้น

บึ้ม !!!

เสียงระเบิดแบบตั้งเวลาไว้อีกลูกของ วีโดราได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงอันดังกึกก้องของมันดังขึ้นมาถึงบนดาดฟ้าเป็นสัญญาณให้ สตรีปริศนา ที่กำลังติดตั้งระเบิดอยู่บนลานจอดเฮลิคอปเตอร์ รู้ว่าควรดำเนินแผนขั้นต่อไปได้แล้ว

“ระเบิดเวลาอีกลูกทำงานแล้วรึ เร็วกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก”

นี่คือสิ่งที่อยู่ในความคิดของสาวปริศนา ทันทีที่ได้ยินเสียงระเบิด

“แต่ว่ายังมีเวลา”

สตรีปริศนาผู้ซ่อนใบหน้างดงามไว้ภายใต้หน้ากากสีดำทมิฬ วิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยรอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินตรงไปยังเฮลิคอปเตอร์ลำสุดท้าย แล้วนำระเบิดที่เป็นรูปนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กออกมา เพื่อนำมันไปติดตั้งไว้ที่ใต้ท้องของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว ก่อนที่จะเดินออกมา

สาวปริศนามองไปรอบ ๆ ดาดฟ้าเพื่อหาเส้นทางหลบหนี หยิบกระเป๋าเดินทางที่ภายในนั้นมีระเบิดเวลาซ่อนไว้อยู่หลายลูกขึ้นมา ก่อนที่จะเดินไปยังช่องระบายอากาศช่องหนึ่ง เพื่อใช้มันเป็นที่หนีออกไป

หลังจากที่ระเบิดเวลาที่ถูกตั้งไว้โดย วีโดรา เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกันถึงสองลูก ทำให้บรรดาแขกกิตติมศักดิ์ทั้งหลายที่อยู่ภายในงานเลี้ยงต่างก็รู้สึกเครียด และหวาดกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น จนแขกบางคนถึงกับตระโกนด่าออกมา “จัดงานภาษาอะไร” แล้ว บางคนก็ตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่จะมีหน่วยรักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องโถงงานเพื่อ ประกาศอพยพคนออกไปด้วยความสงบเรียบร้อย

ท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังตรึงเครียดอยู่นั้น วีโดรา กำลังนั่งจิบเตกีลาเย็นฉ่ำอยู่ที่มุมหนึ่งภายในงานอย่างใจเย็น แล้ว วิเนอรี ที่อยู่ในชุดราตรีสีดำกระโปรงสั้นเปิดหัวเข่าเดินเข้ามาหาเขาแล้วกล่าวชม ด้วยเสียงสดใส

“วีโดรา จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยลงด้วยดีแล้วสินะ สมแล้ว”

“เรื่องเล็ก”

“จะสบายใจกันนะไม่ว่าหรอก แต่ระวังอย่าให้มีพิรุธแล้วกัน”

น้ำเสียงเยือกเย็นที่ทรงอำนาจของสุภาพบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นมาทำให้ วีโดรา กับ วิเนอรี หันไปหาเจ้าของเสียงเขาคือ ฮันนิบาล บุรุษผู้ทรงอำนาจคนหนึ่งของโลก ผู้ที่คอยอยู่เบื้องหลังทั้งหมดของแผนการนี้

“สถานการณ์ตอนนี้เป็นไงบ้าง”

“ตอนนี้ฉันจัดการเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยกับระบบไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วค่ะ บอส”

“ดีเลยแล้ว มิเนอร์วา ล่ะ”

“ตอนนี้เธอกำลังเตรียมการเรื่องดอกไม้ไฟอยู่ค่ะ”

“แสดงว่าตอนนี้ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนสินะ”

“ตามที่นายคิด/ใช่แล้วค่ะ บอส”

“ฉันขอตัวไปแสดงละครต่อล่ะ พวกนายเตรียมสแตนด์บายไว้ได้เลย”

ฮันนิบาล พูดเสร็จแล้วเขาก็เดินไปด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างสมจริง ก่อนจะตรงไปรวมกลุ่มกับบรรดานักธุรกิจที่กำลังตื่นกลัวทั้งหลาย

หลังจากที่ระเบิดของ วีโดรา เกิดระเบิดขึ้นสองครั้ง รอบ ๆ โรงแรมนั้นเต็มไปด้วยความตรึงเครียด และความโกลาหล บนทางเดินที่อยู่ตามชั้นต่างๆ ของโรงแรมพวกพนักงานคนอื่นๆ ก็กำลังอพยพนักท่องเที่ยวออกจากโรงแรม ส่วนพวกเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยก็กำลังทำหน้าที่ค้นหาตัวผู้ต้องสงสัยในการวางระเบิดก่อการร้ายคราวนี้

บนทางเดินที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งบนชั้นที่สามสิบสามของโรงแรม สตรีปริศนานางหนึ่งผู้มีผมสีน้ำเงินยาว ซ่อนใบหน้างดงามไว้ภายใต้หน้ากากสีดำ และสวมเสื้อคลุมสีเดียวกัน กำลังวิ่งไปตามทางเดินโดยมีพวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย วิ่งไล่ตามหลังมาจำนวนสามถึงสี่คน

ปัง ปัง ปัง ...!!! เสียงปืนของพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ สาวปริศนาโดดหลบเข้าที่มุมตึกเพื่อใช้เป็นที่กำบัง แล้วหยิบมีดอาหรับรูปจันทร์เสี้ยวขึ้นมาจากกระเป๋าเพื่อใช้ใบมีดส่องหาเป้าหมาย

“มีอยู่สาม ซ่อนอยู่สองรึ”

สตรีปริศนาวิเคราะห์สิ่งที่เห็นเสร็จแล้วจึงเก็บมีดเล่มนั้นเข้ากระเป๋าคว้าปืน Beretta สี ดำขึ้นมาไว้ในมือ ยืนรอเพื่อให้เสียงปืนของอีกฝ่ายสงบลงก่อน แล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ลั่นไกซัดกระสุนใส่ เจ้าหน้าที่นายหนึ่งจนล้มลงไปนอน ก่อนจะโดดหลบเข้าที่มุมตึกเมื่ออีกฝ่ายยิงสวน

ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังมาจากอีกมุมตึกอีกฝั่ง สตรีปริศนายืนหลบอยู่หลังมุมตึกอย่างเงียบเชียบ รอให้อีกฝ่ายหยุดยิงเสียก่อน แล้วพุ่งตัวออกไปซัดมีดเข้าที่ลำคอของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งจนล้มลงไป แล้วใช้ปืนยิงเข้าที่ลำตัวของเจ้าหน้าที่อีกรายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะวิ่งออกมาเมื่อเห็นพวก เจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งที่กำลังวิ่งตามเสียงปืนมา

“แย่ล่ะสิ ทางไหนดีล่ะ”

สตรีปริศนามองไปรอบ ๆ ทางเดินแล้ววิเคราะห์อย่างใจเย็น เพื่อหาห้องพักสักห้องที่จะนำระเบิดไปซ่อน แล้ววิ่งตรงไปยังสุดทางเพื่อหลบเข้าไปยังห้องพัก จัดการล็อคกลอนกลอนประตูอย่างแน่นหนา แล้วดึงโต๊ะมาปิดประตูซ้ำอีกที

สตรีปริศนาเข้ามาในห้องแล้วนำระเบิดที่เป็นรูปนาฬิกาข้อมือที่ตั้งเวลาไว้ออกมาจำนวนสามลูก นำมันไปซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วนำระเบิดอีกลูกซ่อนไว้ใต้เตียง เข้าไปในห้องน้ำนำระเบิดอีกลูกไปวาง

ในขณะที่ด้านนอกนั้นพวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังค้นหาตัวมือวางระเบิดอยู่ตามห้องต่าง ๆ

ปึง ปึง ปึง !!! เสียงกระแทก ประตูของพวกเจ้าหน้าที่ทำให้ สตรีปริศนามองหาช่องระบายอากาศ แล้วพังตะแกรงก่อนที่จะปีนเข้าไป เมื่อพวกเจ้าหน้าที่พังประตูเข้ามาสาวปริศนาก็หายตัวไปแล้ว

เวลาเดียวกันกับที่สตรีปริศนากำลังนำระเบิดไปติดตั้งทั่วโรงแรม บนบันไดวนที่ที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งของโรงแรม เซรีน กับ ลูเซียส กำลังเดินขึ้นไปยังดาดฟ้าของโรงแรม ท่ามกลางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและบอดี้การ์ดจำนวนห้าถึงหกคน

“ผมคงต้องขอโทษคุณจริง ๆ ครับ คุณเซรีน ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ในระหว่างที่เรากำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่”

ลูเซียส ที่กำลังระงับอารมณ์โกรธอยู่พูดขึ้นมา แต่ในใจที่เต็มไปด้วยความเครียดแค้นของเขานั้นกลับคิดว่า “ใครกัน ที่มันกล้าทำแบบนี้ หากเจอตัวมันละก็จะสั่งให้คนลากไส้มันออกมา”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณลูเซียส” เซรีน ตอบเขากลับด้วยสีหน้าที่แสดงความถึงความเห็นใจต่ออีกฝ่าย แต่แน่นอนว่านั่นคือการแสดงละคร ในใจนั้นยังคงความเยือกเย็นไว้ได้อยู่ แล้วยังคิดด้วยว่า แผนการกำลังไปได้ดี

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันหรอกนะครับว่า คนลงมือก่อการร้ายคราวนี้มันคิดอะไรอยู่ ถึงได้มาโจมตีโรงแรมผม และพังงานเลี้ยงการกุศลของผมแบบนี้ช่างโหดร้ายเสียจริง ๆ”

เมื่อคำพูดที่ฟังดูเสแสร้งของ ลูเซียส จบลง เซรีน ที่ฟังอยู่นั้นกลับมองว่า ชายคนนี้เล่นละครไม่เก่งเอาเสียเลย

บึ้ม บึ้ม บึ้ม !!! เสียงระเบิดปริศนาได้ดังขึ้นถึงสามครั้งมันทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโรงแรมอีกครั้ง

“คราวนี้เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย”

ลูเซียส ที่กลั้นอารมณ์โกรธไว้อยู่ได้ถามพวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ด้วยความรู้สึกเจ็บใจและสิ่งที่อยู่ในหัวของเขาในตอนนี้คือ “อีกฝ่ายมันเป็นใครกันแค่คนไม่กี่กลุ่มก็สามารถพังงานเลี้ยงของเราได้เลยรึนี่!”

“ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ได้ยินมาจากบนดาดฟ้า

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตอบ ลูเซียส กลับมาอย่างสุภาพด้วยสีหน้าที่ดูร้อนรนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมันไม่ได้ทำให้ ลูเซียส รู้สึกดีขึ้นเลยเมื่อได้เจอคำตอบแบบนี้

เมื่อพูดกันเสร็จแล้ว พวกเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นได้เรียกบอดี้การ์ดอีกจำนวนหนึ่งขึ้นมาเพื่อเพิ่ม มาตรการรักษาความปลอดภัยให้ เซรีน และ ลูเซียส ก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า

หลังจากที่เกิดการระเบิดศูนย์รักษาความปลอดภัย กับ ลานจอดเครื่องบินประจำโรงแรม ก็มีพวกนักข่าวเดินมาทำข่าวกันอย่างคับคั่ง ส่วนพวก รปภ.ประจำ โรงแรม ได้สั่งให้อพยพพวกนักท่องเที่ยวออกมาได้หลายพันคนแล้ว โดยมีบางส่วนอพยพไปอยู่บนสะพานเชื่อมต่อ แล้วบางส่วนก็อพยพลงเรือที่ถูกเตรียมไว้ให้ที่ท่าเรือ แต่ยังมีคนที่ติดอยู่ในโรงแรมอีกหลายร้อยคน โดยเฉพาะ ในงานเลี้ยง

ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั่วโรงแรมนั้น ในห้องพักห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้นที่เจ็ด สตรีปริศนาได้หลบพวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาในห้องนี้จนสำเร็จ แล้วเธอกำลังติดต่อไปหาบุรุษผู้หนึ่งเพื่อทำตามแผนขั้นสุดท้าย

ในเวลาเดียวกันนั้นไฟในห้องโถงของโรงแรมก็เกิดดับลง เพราะ ระบบที่วิเนอรีตั้งไว้ มันได้สร้างความหวาดกลัวให้แก่บรรดาแขกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายที่อยู่ในงานเลี้ยง ไม่เว้นแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่กำลังทำงานกันอยู่ โดยมีหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยสั่งให้พวกเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ไปจัดการเรื่องไฟสำรองก่อนที่จะตะโกนบอกเหล่าแขกกิตติมศักดิ์ภายในงานเลี้ยง ว่าให้รอสักครู่ระบบไฟสำรองกำลังทำงาน

ท่ามกลางความสับสนของบรรดาแขกที่อยู่ในห้องโถง ที่มุมหนึ่งของงาน วีโดรา กำลังนั่งจิบเตกีลาอย่างใจเย็นอยู่ที่มุมหนึ่งในงานเลี้ยง เพื่อรอการติดต่อจากหญิงสาวนางหนึ่ง

“วีโดรา ปิดม่านได้เลย การแสดงจบแล้ว”

“รออยู่เลย”

“ระวังตัวด้วย”

“รู้แล้ว”

หลังจากพูดกันเสร็จแล้ว สตรีปริศนาได้ถอดหน้ากากสีดำออกเผยให้เห็นถึงใบหน้างดงามที่ซ่อนอยู่เธอคือ มิเนอร์วา ที่ตอนนี้ได้จัดการถอดชุดเสื้อคลุมสีเดียวกันออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนนุ่มน่าสัมผัส แล้วคว้าชุดราตรีน้ำเงินดำขึ้นมาสวม เปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อนำระเบิดที่ตั้งเวลาซ่อนไว้ใต้เตียง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องพักไป

เมื่อพูดกันเสร็จ วีโดรา ได้เผย “รอยยิ้มแห่งความอำมหิต” ดุจดั่งมัจจุราชขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งแรก แล้วคว้าเสื้อคลุมสีดำขึ้นมาพร้อมกับหน้ากากหน้ายิ้มสีขาวปลอดขึ้นมาใส่ ก่อนที่จะหายตัวไปจากงานเลี้ยงไปโดยที่ไม่มีใครรู้สึกตัว

สักพักพวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา โดยมี หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ได้ตระโกนบอกพวก บรรดาแขกทั้งหลายในงาน

“ระบบไฟฟ้าสำรองกำลังทำงานแล้วครับ ขอให้ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ”

ไฟฉุกเฉินติดขึ้นมาเหล่าแขกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายก็เบาใจ แต่ยังมีบางส่วนที่ยังรู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งแรงสั่นสะเทือนจากตึกข้างๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอกของโรงแรม

ในนาทีที่สถานการณ์ต่างๆดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนั้นเอง จอมอนิเตอร์สามมิติ ที่อยู่บนเวทีภายในงานเลี้ยง จู่ๆก็ติดขึ้นมา มันได้ดึงความสนใจจากคนในงานทั้งหมด มุ่งไปที่จุดๆ เดียว สัญลักษณ์ ดาบสีดำทมิฬสามเล่มไขว้กัน พาดผ่านโลก ปรากฏขึ้นบนจอภาพสามมิติ

“สวัสดีท่านสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรีทั้งหลาย ที่คอยสูบกินโลกใบนี้ ผู้ซึ่งน่ารังเกียจ และเห็นแก่ตัว”

คำพูดที่ฟังดูสุภาพนุ่มนวล แต่กลับแฝงไว้ด้วยคำดูถูกเหยียดหยาม อย่างร้ายกาจได้ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบในห้องโถง

ในเวลาเดียวกันกับที่คำแถลงการณ์กำลังฉายอยู่นั้น ที่มุมหนึ่งของงานเลี้ยง มีบุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ชุดเสื้อคลุมยาวสีดำ กำลังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ งานเพื่อดูปฏิกิริยาของบรรดาแขกเหล่านั้นอย่างใจเย็น แล้วนำหน้ากากสีขาวปลอดมาใส่ ก่อนที่จะเดินไปที่เวทีอย่างเนิบ

“เป็นโอกาสดีทีเดียวที่พวกท่านอุตสาห์มารวมตัวกันในงานเลี้ยงแห่งนี้ เราจะได้ทำการพิพากษาพวกสวะรกโลกไปเสียให้หมดในทีเดียวเลย”

“คำพิพากษาของเราคือ ระเบิดเวลาที่ถูกติดตั้งไว้ทั่วโรงแรมแห่งนี้ที่พร้อมจะระเบิดภายในเวลา สามสิบนาที ถ้าพวกท่านโชคดีคงไม่ตายไปเสียก่อน”

สิ้นคำพิพากษาของเหล่ามัจจุราชไร้ตัวตนมันได้สร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นภายในส่วนลึกของจิตใจของ บรรดาแขกผู้ทรงเกียรติ ก่อนที่จะเกิดความโกลาหลขึ้นภายในห้องโถง แขกบางคนตระโกนด่า บางคนไม่เชื่อ บางคนก็โวยวาย แล้วบรรดาคนเหล่านั้นก็พากันวิ่งไปยังทางออกของโรงแรม ทว่าที่ด้านหน้านั้น เหล่านักข่าวทั้งหลายต่างพยายามเข้าไปด้านในเพื่อทำข่าว จนเกิดเหตุจลาจลขึ้นมา

บนเวทีจู่ ๆ ควันปริศนาก็พวยพุ่งขึ้นมามันได้ปกคลุมไปรอบ ๆ ห้องโถง พร้อมกับการปรากฏตัวของ บุรุษปริศนาผู้หนึ่งซึ่งซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้หน้ากากสีขาว ที่กำลังเดินขึ้นมากลางเวที เหล่าฝูงคนที่กำลังสับสนกันอยู่นั้นก็หันมาที่จุดสนใจใหม่ที่กลางเวทีทันที

ในวินาทีนั้นเอง ปากกระบอกปืนลึกลับได้ปรากฏขึ้นท่ามกลางควันสีขาว แล้วได้เล็งไปที่ บุรุษผู้หนึ่งที่เปรียบได้ดั่ง “พญามาร” เขาคือ “เดเมียน ธอร์น” นายทุนค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ระดับโลก ที่กำลังถูกเหล่า บอดี้การ์ดพาออกไปจากกลุ่มคนที่กำลังวุ่นวายภายในงาน

บุรุษปริศนาผู้มีผมสีเงินยาว ได้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางกลุ่มควัน แล้วใช้ปืน Desert Eagle กระบอกเงินพร้อมที่เก็บเสียง จ่อตรงไปที่ นายทุนค้าอาวุธระดับโลกนาม เดเมียน ธอร์น แต่ตัวนายทุนใหญ่อย่าง เดเมียน ธอร์น นั้นกลับไม่หวาดหวั่นหรือเกรงกลัวต่อ “มัจจุราช” ที่กำลังหยิบยื่นความตายมาสู่ตน

แล้วบุรุษปริศนา ก็ลั่นไกปืนขึ้น กระสุนปืนขนาดใหญ่ได้พุ่งออกจากปากกระบอกปืน ตรงไปยังเป้าหมาย ทว่าผู้ที่โดนลูกตระกั่วนั้นกลับเป็น บอดี้การ์ดสองคนที่โดดเข้ามาขวาง

ทันทีที่บอดี้การ์ดเสียชีวิตทำให้ เดเมียน หยุดเดินสักพักหนึ่งแล้วคว้าปืน Desert Eagle กระบอกสีทอง ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแต่ไม่หันกลับไปยิงแต่ส่งมันไปให้กับ อลองโซ คาลิเวียลา บุรุษลึกลับผู้เป็นนักฆ่าคนสนิท ที่เดินเข้ามาพอดี

เมื่อนักฆ่าลึกลับนาม อลองโซ ได้ปืนกระบอกนั้นมา เขาได้ใช้มันยิงไปที่ บุรุษปริศนา หลายนัดทำให้ บุรุษปริศนา ต้องโดดหลบฉากออกมาแล้วยิงสวนกลับไป แต่ทว่า นักฆ่าลึกลับ ก็ใช้เท้ายันโต๊ะขึ้นมาเพื่อเบี่ยงวิถีกระสุนให้พุ่งกระเด็นไปทางอื่น ก่อนที่ยิงสวนกลับไป

ปัง ปัง ปัง !!!

ท่ามกลางกลุ่มควันสีขาว บุรุษปริศนา ได้โดดหลบไปตามโต๊ะแต่ละตัว โดยมีกระสุนปืนของนักฆ่าลึกลับนาม อลองโซ ไล่ยิงตามมาหลายครั้ง แล้วเขาก็หยุดอยู่ที่ใต้โต๊ะตัวหนึ่ง เพื่อดูปฏิกิริยาของนักฆ่าลึกลับรายนั้น แล้วโดดออกไปยิงสวนกลับทันที

แต่ทว่านักฆ่าลึกลับกลับไหวตัวทันแล้วกระชากคอเสื้อของลูกน้องคนหนึ่งของเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มาใช้เป็นที่กำบังกระสุนของบุรุษปริศนาที่พุ่งเข้าหาตน พร้อมเผยรอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมาให้เห็นชั่วขณะ ก่อนที่จะยิงสวนกลับไปที่ บุรุษปริศนา

เมื่อบุรุษปริศนาเห็นนักฆ่าลึกลับส่องปืนมาทางเขา จึงโดดหลบกระสุนปืนที่ไล่ยิงตามหลังมาโดยใช้โต๊ะเป็นที่กำบัง แล้วหยุดรอสักระยะหนึ่งเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดยิงเสียก่อน

บุรุษปริศนาโดดขึ้นไปกลางเวทีเล็งปืนไปที่ นักฆ่าลึกลับเพื่อยิงปลิดชีพกระสุนขนาดใหญ่ได้พุ่งออกจากปากกระบอกตรงไปที่ศีรษะของ อลองโซ ทว่า นักฆ่าลึกลับอย่าง อลองโซ เองก็คำนวณไว้แล้วเช่นกัน จึงโดดหลบเข้าที่หลังโต๊ะ เพื่อใช้เป็นที่กำบัง

หลังจากที่เสียงปืนของบุรุษปริศนาสิ้นสุดลง นักฆ่าลึกลับ ก็ปรากฏตัวออกมาแล้วมองไปรอบ ๆ ห้องโถง ที่ตอนนี้ร้างผู้คนแล้วมีแต่กลุ่มควัน แต่กลับไม่พบบุรุษปริศนา จึงเดินออกจากงานเลี้ยงไปพร้อม ๆ กับสุภาพบุรุษผู้หนึ่งนาม เดเมียน ธอร์น นายทุนค้าอาวุธระดับโลกผู้เป็นเจ้านายของเขา ก่อนที่พวกหน่วยรักษาความปลอดภัย วิ่งเข้ามาแต่ไม่พบใครเหลือเพียงแค่ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของกลุ่ม คนบางกลุ่มเท่านั้น

ในเวลาเดียวกันกับที่ บุรุษปริศนา กำลังปะทะกับ นักฆ่าลึกลับ บนทางเดินที่อยู่ทางด้านหลังของโรงแรม ฮันนิบาล กับ วิเนอรี กำลังเดินตรงไปยังทางออกที่อยู่ทางด้านหลังของโรงแรม

“เครื่องบินมารับแล้วค่ะท่าน”

เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้นทั่วโรงแรม แล้วสุภาพสตรีผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาเธอคือ มิเนอร์วา ที่อยู่ในชุดราตรีสีน้ำเงินดำ แล้วเดินนำสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งสองไปยัง เครื่องบินล่องหน ที่จอดอยู่อีกทางด้านหนึ่งของโรงแรม

บนทางเดินที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโรงแรม หลังจากที่บุรุษปริศนาปะทะกับนักฆ่าลึกลับเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังวิ่งไปตามทางที่มีพวกเจ้าหน้าที่ของโรงแรม กำลังตรวจหาวัตถุระเบิดอยู่ พวกเขาต่างก็รู้สึกตกใจที่ได้เห็น ชายแปลกหน้าสวมชุดประหลาดวิ่งผ่านหน้าไป พร้อมกันนั้นก็มี ก็เกิดเสียงประกาศดังขึ้นภายในโรงแรม

“เรียนเจ้าหน้าที่ทุกนาย ขณะนี้ทางเราได้พบชายผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนลงมือก่อเหตุวางระเบิดแล้วครับ ขอกำลังเสริมด่วน”

“ทำงานไวดีนี่”

บุรุษปริศนาสวมหน้ากากสีขาวกล่าวขึ้น แล้วตรงขึ้นบันไดโรงแรมเพื่อขึ้นไปทางด้านบน กลับต้องหยุดวิ่งเมื่อขึ้นไปถึงชั้นสี่ เพราะมีพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยจำนวนสี่คน สาดกระสุนเข้าใส่โดยไม่ทันตั้งตัว

บุรุษปริศนายืนอยู่หลังมุมตึกเพื่อรอให้เสียงปืนสงบอย่างใจเย็นแล้วหยิบมีดใช้ใบมีดส่องหาเป้าหมายเพื่อเล็ง แล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับซัดมีดของตนพุ่งไปที่คอหอยของเจ้าหน้าที่นายหนึ่งจนล้มลงไป แล้วกลิ้งตัวหลบกระสุน ปามีดไปยังข้อมือเจ้าหน้าที่อย่างรวดเร็วและแม่นยำจากนั้นพุ่งตัวไปหยิบปืนที่หลุดออกมา ก่อนที่จะใช้มันยิงเข้าที่ศีรษะของ รปภ. นายนั้นเป็นการปลิดชีพ

แล้วบุรุษปริศนา ใช้ปืนที่แย่งจาก รปภ. หัน ไปยิงใส่เจ้าหน้าที่อีกหนึ่งนายที่กำลังเปลี่ยนลูกกระสุนอยู่จนล้มลงไป ก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปยังด้านบนเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่วิ่งตามหลังมา

ทันทีที่บุรุษปริศนาผู้ซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้หน้ากากสีขาว ขึ้นมายังด้านบน เขาจึงหันไปมองพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำโรงแรมที่กำลังขึ้นบันไดมา เพียงเสี้ยววินาที แล้ววิ่งตรงไปยังห้องพักห้องหนึ่ง เพื่อเข้าไปหลบในนั้นจัดการล็อคประตู ก่อนที่จะดึงโต๊ะมาปิดบานประตูซ้ำอีกที

ในห้องบุรุษปริศนาได้มองหาช่องระบายอากาศแล้วพังตะแกรง ออกมาก่อนที่จะปีนเข้าไป เมื่อพวกหน่วยรักษาความปลอดภัย พังประตูเข้ามาก็ไม่พบใครในห้องแล้ว

บนดาดฟ้าของโรงแรม ที่มีซากเฮลิคอปเตอร์กระจายเกลื่อนกราด ลูเซียส ที่พึ่งมาถึงยืนตะลึงกับสิ่งที่เห็น เพราะ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าตัวเองจะมาจบชีวิตลงที่นี่ แล้วมองไปยังเหล่าบอดี้การ์ดของตน ก่อนมองไปที่ เซรีน ที่ยังคงความเยือกเย็นไว้ได้อยู่ แล้วพูดขึ้นมา

“คุณเซรีนครับ ผมคงต้องขอโทษคุณด้วย ที่ต้องพาคุณมาตายที่นี่”

ลูเซียส พูดด้วยความรู้สึกที่เจ็บแค้นต่อการกระทำของใครบางคนที่ทำให้เขาต้องมาพบกับจุดจบที่นี่

“คุณพูดว่าอะไรนะคะ คุณลูเซียส” เซรีน ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเพื่อดูท่าทีของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ผมบอกว่าบางทีพวกเราคงต้องตายกันที่นี่ครับ”

“คุณบอกว่าพวกเราจะตายที่นี้เหรอคะ ล้อเล่นกันแรงเกินไปแล้วล่ะค่ะ”

เซรีน กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้ม แล้วกดปุ่มสีน้ำเงินที่อยู่บนนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กของตัวเอง

จากนั้นไม่นานเหนือท้องฟ้าที่ห่างออกไปไม่ไกลนักจากโรงแรม อากาศยานลำหนึ่ง ที่ไม่มีแม้แต่ใบพัดได้ปรากฏขึ้น แล้วมันค่อย ๆ บินลงมาจอด ทางด้านหลังของสุภาพสตรีนาม เซรีน ทำให้ ลูเซียสรู้สึกแปลกใจแล้วคิดว่า “มันมาจากใหนกัน หรือว่ากำลังล่องหนอยู่กันแน่”

“เฮลิคอปเตอร์ของ บริษัทเลคเตอร์แฟมิลี่ ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูเซียส จะให้เกียรติมากับเรามั้ยคะ”

เซรีน กล่าวด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็นอย่างพึงพอใจ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของ ลูเซียส

“ร...รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”

หลังจากที่ เซรีนพาตัวลูเซียส ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปได้สักพัก บนดาดฟ้าประตูทางขึ้นดาดฟ้าเปิดออกแล้ว บุรุษปริศนาผู้มีผมสีเงินยาว เดินตรงไปยังลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเศษคอนกรีต และ ซากชิ้นส่วน เฮลิคอปเตอร์ที่ถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ

บุรุษปริศนาสวมหน้ากากสีขาว กวาดสายตาเพื่อมองดูสภาพโดยรอบแล้วเดินมายังด้านหน้าของดาดฟ้า แต่แล้วเขาต้องหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมา

“แปะ! แปะ! แปะ!”

เสียงปรบมือที่ดังขึ้น ทำให้บุรุษปริศนาหันปากกระบอกปืนที่ยึดมาจาก รปภ. ชี้ตรงไปทางต้นเสียงนั้น พบบุรุษลึกลับผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดคาวบอยสีดำ กำลังปรบมือให้อยู่เหนือประตูทางเข้า-ออกของดาดฟ้า

“เป็นการแสดงที่สนุกมากเลย”

บุรุษลึกลับพูดขึ้นพลางเอามือดันหมวกคาวบอยสีดำบนหัวให้กระชับ แล้วโดดลงมาบนพื้นมองตรงไปยัง บุรุษปริศนา ที่ตอนนี้กำลังเอาปืนจ่อตรงมาที่ตนเอง

“นักแสดงแต่ละคนเองก็มีฝีมือดีสมกับที่เป็นสายลับ”

ทันทีที่คำพูดของคาวบอยลึกลับจบลง ทำให้บุรุษปริศนาที่ยืนฟังอยู่ถึงกับชะงักไปชั่วขณะ แล้วมองดูท่าทีของชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าสักพักอย่างใจเย็น ก่อนซัดกระสุนเข้าที่ช่วงลำตัวของ คาวบอยหนุ่มที่ยืนอยู่จนล้มลงไป แต่ไม่นานเขาก็ลุกกลับขึ้นมาใหม่ได้ทันที

“ใจร้อนจัง ฉันพูดอะไรผิดรึไงถึงได้มายิงกันแบบนี้”

คาวบอย ลึกลับพูดพลางสะบัดแขน สิ่งของบางอย่างพุ่งออกจากแขนเสื้อ ตรงเข้าใส่ บุรุษปริศนาสวมหน้าหน้ากาก แต่ บุรุษปริศนา ก็เบี่ยงตัวหลบฉากออกมาได้แล้วเห็น มีดสำหรับทานอาหาร ปักคาบนพื้นสามเล่ม

ผัวะ !!! โดย ไม่ทันตั้งตัวท่อนขาของคาวบอยหนุ่มได้ตวัดเข้าที่ก้านคอทางด้านขวาของบุรุษ ปริศนา แต่เขาไหวตัวทันโดยยกมือขึ้นกันไว้ได้ แล้วใช้ลูกเตะถีบสวนออกไป แต่คาวบอยลึกลับกลับตวัดของบางอย่างสวนกลับมา “มีดที่ใช้สำหรับทานอาหารในโรงแรม” กรีดลงบนหน้ากากสีขาวของชายปริศนา แล้วโดดหลบลูกเตะที่รุนแรงและรวดเร็วของอีกฝ่ายออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ

“ไม่นึกว่าจะได้เจอกับนายในที่แห่งนี้อีกครั้ง ฝีมือดีขึ้นนี่”

คาวบอยหนุ่มลึกลับพูดขึ้น เมื่อมองตรงไปยังนัยน์ตาสีแดงเข้มที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังหน้ากากสีขาวของ บุรุษปริศนา ราวกับล่วงรู้ถึงตัวตนของชายคนนั้น

“แกเป็นใคร”

บุรุษปริศนาที่ยืนฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง ทำให้ชายหนุ่มดันหมวกคาวบอยขึ้นเผยให้เห็น นัยน์ตาข้างขวาที่มีสีแดงเข้ม มองตรงมายังบุรุษปริศนาสักพักก่อนที่จะตอบกลับมา

“ฉันคือเงาของนาย”

เพียงคำพูดเดียวของคาวบอยหนุ่ม ที่กำลังจ้องตรงมาราวกับมองทะลุไปถึงใบหน้า และ ตัวตนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังหน้ากากสีขาวของ บุรุษปริศนา ผู้มีนาม ซามาเอล วีโดรา ที่ใจเย็นมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ถึงกลับรู้สึกกังวลชั่วขณะก่อนที่จะกลับมาใช้ความคิดอย่างใจเย็น ด้วยความรู้สึก “หมอนี่เป็นใคร ใช่คนรู้จักในอดีตหรือเปล่า”

บุรุษทั้งสองกำลังมองไปยังอีกฝ่ายราวกับจะหยั่งให้เห็นถึงก้นบึ้งและตัวตนที่ซ่อนอยู่ ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใครกันแน่

บึ้ม!!! เสียงระเบิดดังขึ้น ในเวลาเดียวกันกับที่ชายทั้งสองกำลังยืนมองกันนิ่ง ๆ ชั่วพริบตานั้นระเบิดเวลาที่ถูกติดตั้งไว้โดย มิเนอร์วา เกิดระเบิดขึ้น แรงสั่นสะเทือนของมันทำให้บุรุษทั้งสองถึงกับเสียหลัก แล้วพื้นที่ยืนอยู่ถล่มลงไปยังห้องด้านล่าง วีโดรา ทิ้งปืนที่อยู่ในมือแล้วปาเส้นเอ็นที่เตรียมไว้ไปพันกับแท่งเหล็กที่ยืนออก มาจากกำแพงที่พัง ก่อนจะปีนกลับขึ้นมาบนดาดฟ้า

“หายไปแล้วรึ”

บุรุษปริศนา หันมองซ้ายขวาไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มหมวกคาวบอยคนนั้น แล้วมองนาฬิกาข้อมือของตนเองแล้วพูดขึ้นมาเมื่อรู้ว่าอีกสามนาทีระเบิดที่ ถูกตั้งเวลาไว้โดย มิเนอร์วา จะเริ่มทำงานพร้อมกัน

บุรุษปริศนา ได้ถอดหน้ากากสีขาวออกอย่างเนิบเผยให้เห็นใบหน้าคมคายที่ซ่อนอยู่เขาคือ วีโดรา แล้วกดปุ่มเล็ก ๆ ปุ่มหนึ่งที่อยู่บนนาฬิกาข้อมือเรือนเล็ก แล้วบนท้องฟ้านั้นได้ปรากฏอากาศยานลำหนึ่งมันคือ เฮลิคอปเตอร์ที่ไม่มีใบพัดและมีระบบการบินแบบอัตโนมัติ แล้วมันค่อย ๆ บินเข้ามาใกล้ ๆ ดาดฟ้า ก่อนที่มันจะหยุดกลางอากาศ

แล้วชายหนุ่ม ได้จัดการกดปุ่มอีกปุ่มหนึ่ง เพื่อให้เฮลิคอปเตอร์ที่กำลังลอยลำอยู่นั้นส่งราวบันไดให้ออกมาจากทางเข้า-ออกที่ถูกเปิดขึ้นมา แล้วชายหนุ่มวิ่งตรงมาอย่างรวดเร็วเพื่อโดดเกาะราวบันไดเพื่อไม่ให้พลัดตกลงไป ก่อนที่จะปีนเข้าไปในห้องนักบิน

บึ้ม!!! บึ้ม!!! บึ้ม!!!

ในเวลาเดียวกันที่ วีโดรา กำลังโดดไปยังห้องนักบินอยู่นั้น ระเบิดเวลาทั้งหมดที่ถูกตั้งไว้โดย มิเนอร์วา ก็เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกัน แรงระเบิดของมันทำให้เฮลิคอปเตอร์เสียหลัก แต่ชายหนุ่มนั้นยังคงทรงตัวไว้ได้อยู่ แล้วปีนขึ้นไปยังห้องนักบินอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องแล้วเปิดระบบล่องหนให้ทำงาน ก่อนที่จะขับเฮลิคอปเตอร์หลบแรงระเบิดที่ตามหลังมา ออกไปจากบริเวณนั้นโดยไม่หันกลับมามอง

ด้วย แรงระเบิดที่มีพลังทำลายล้างมหาศาลของเหล่ามัจจุราชไร้ตัวตนที่ได้บังเกิด ขึ้นพร้อมกันหลายสิบครั้ง เปลวเพลิงแห่งคำพิพากษาที่เกิดจากการระเบิดในครั้งนี้ได้พวยพุ่งทะยานขึ้น สู่ท้องฟ้าในยามรัตติกาล เสียงของระเบิดที่ตามมานั้นดังกึกก้องสะท้อนสะท้านจนได้ยินไปทั่วทั้งท้อง นภา แรงระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลให้ตัวอาคารสูงเสียดฟ้าของโรงแรมหรูหลายพัน ล้านที่มีนามว่า รอยัลคาเมนีโฮเตล ต้องเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว ก่อนที่ตัวอาคารทั้งหมดนั้นจะเริ่มพังทลาย และถล่มล่วงลงสู่พื้นที่รองรับตัวอาคารเอาไว้อยู่เบื้องล่าง เศษคอนกรีตขนาดมหึมาจำนวนมากมายมหาศาลที่ถล่มทับถมกันลงมาสู่พื้นแผ่นดินที่ รองรับตัวอาคารเอาไว้อยู่นั้น ส่งผลให้พื้นพสุธาเกิดแรงสั่นสะเทือนเลือนลั่นจนเกิดรอยร้าวขึ้นไปทั่ว ก่อนที่ทั้งหมดนั้นจะเริ่มพังทลาย แล้วจมหายลงไปในท้องทะเลดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความมืดมิดของอ่าวอาหรับ เป็นการปิดฉากโรงแรมหรูหลายพันล้านกลางทะเล โดยที่จะไม่มีใครในโลกนี้ได้เห็นมันอีกเลย

To be Continued

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

Black Remember

Mission 3 โลกที่ไม่เพียงพอ (The World Is Not Enough)

22 พฤศจิกายน 2052 เวลา 7.00 AM

วันต่อมาหลังจากเหตุการณ์ก่อการร้ายระเบิดโรงแรมหรูหลายพันล้าน รอยัล คาเมนี มา ยังคฤหาสน์ทรงยุโรปหลังใหญ่ที่ดูงดงามและหรูหราไม่ต่างไปจากพระราชวังบัคคิง แฮมของประเทศอังกฤษ มันได้ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวเกาะหนึ่งที่อยู่กลางมหาสมุทรแปซิกฟิก ที่สำคัญมันเป็นคฤหาสน์สุดหรูที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์

ใน ตอน เช้ารถลีมูซีนสีดำคันยาวได้ตรงเข้ามาจอดตรงหน้าประตูทางเข้าของคฤหาสน์หลัง งามบุรุษนาม ฮันนิบาล เลสเตอร์ นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลกผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ได้ก้าวลง มาจากรถ และที่เบื้องหน้าประตูหลักนั้นมีเหล่าคนรับใช้ทั้งชาย-หญิง ต่างยืนต้อนรับอยู่ริมทางเดิน

“ยินดีต้อนรับกลับค่ะนายท่าน”

สาวใช้นางหนึ่งดูเหมือนเป็นหัวหน้าเดินออกมาต้อนรับ

“อืม เขามารึยัง”

เลสเตอร์ ถามขึ้นแล้วจัดการถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออกส่งไปให้สาวใช้อีกคน

“มาถึงแล้วค่ะ แล้วตอนนี้คงกำลังทานอาหารอยู่ในห้องรับรอง”

“จะให้เรียกมาพบเลยดีมั้ยคะ”

“ไม่ต้อง ฉันไปหาเองดีกว่า”

ฮัน นิบาล เลสเตอร์ พูดแล้วหยิบแก้วน้ำที่พ่อบ้านนายหนึ่งยกมาเสิร์ฟดื่มมันจบหมดแก้ว แล้วเดินผ่านประตูเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังบันไดวนเพื่อเดินเข้าไปยังห้องอาหารที่อยู่บนชั้นสองของคฤหาสน์หลัง งาม

ประตู ห้องอาหารเปิดออก ฮันนิบาล เลสเตอร์ หนึ่งในผู้ทรงอำนาจของโลกปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า ลูเซียส คาเมนี มหาเศรษฐีหลายพันล้านชาวอิหร่าน ที่กำลังรับประทานอาหารอยู่บนโต๊ะอาหารที่ทำจากไม้มะฮอกกานี่ที่มีเนื้อแข็ง อย่างดี เกิดสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้พบกับ ฮันนิบาล แล้วรีบวางมีดและซ่อมเช็ดปากก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะ

“สวัสดี คุณลูเซียส ยินดีที่ได้พบ”

ฮันนิบาล กล่าวอย่างเนิบแล้วยื่นมือไปทักทาย ทำให้ ลูเซียส ตอบกลับด้วยความยินดี

“สวัสดี คุณเลสเตอร์ ทางผมต่างหากล่ะที่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบ”

“ผมขอร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยคนได้มั้ยครับ คุณลูเซียส”

“เชิญครับ ไม่สิทางผมต่างหากที่ต้องขอร่วมโต๊ะทานอาหารกับคุณ”

หลัง จากที่กล่าวคำทักทายกันเสร็จแล้ว ฮันนิบาล จึงบอกให้พ่อบ้านจัดชุดอาหารมาเพิ่มอีกหนึ่งชุด ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะ เมื่อพ่อบ้านนำอาหารที่ส่งกลิ่นหอมน่าอร่อยเข้ามาเสิร์ฟให้แก่บุรุษทั้งสอง

“ผมขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วยนะครับ”

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ฮันนิบาล จึงกล่าวขึ้นแล้วแสร้งทำหน้าเห็นใจ เพื่อดูปฏิกิริยาของ ลูเซียส

“ธุรกิจ ของผมน่ะไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเลสเตอร์ แค่โรงแรมหลังสองหลังพังไป ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปีผมก็สามารถสร้างมันใหม่ได้แล้ว แต่ที่น่าเจ็บแค้นใจยิ่งกว่านั้นคือพวกมันกล้ามาพังงานเลี้ยงของผม”

ลูเซีย ส ทำสีหน้าปกติแต่น้ำเสียงที่พูดออกมากลับแฝงไปด้วยความแค้น ทำให้ ฮันนิบาล ที่ดูท่าทีอยู่คิดว่าได้เวลาทำตามแผนการอีกขั้นหนึ่งแล้ว

“ผมนี่แหละจะเป็นคนลากคอพวกมันออกมาลงโทษให้ได้”

“อ๊ะ ต้องขอ...ขอโทษด้วย ที่ผมแสดงกริยาไม่ดีออกมาครับ”

ลูเซีย ส เริ่มทำตัวเหมือนเด็กหัดพูด เพราะ พึ่งรู้สึกตัวว่ากำลังคุยกับ ฮันนิบาล อยู่ แต่ไม่รู้ว่าตัวต้นเหตุนั้นอยู่ตรงหน้าแล้ว และกำลังคิดในใจว่า แผนการกำลังไปได้ดีอีกขั้น

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณต้องการ ทางผมเองยินดีที่จะให้ความร่วมมือ”

ฮัน นิบาล กล่าวขึ้นอย่างเนิบแล้วทำสีหน้าแสดงความเห็นใจ แต่แน่นอนว่านั่นคือการเสแสร้งได้อย่างสมจริง จนทำให้ ลูเซียส เริ่มมองไม่ออกว่าตนเองกำลังเล่นไปตามบทละครที่ถูกวางไว้โดย ฮันนิบาล

“หยุด พูดถึงเรื่องนั้นเถอะครับ คุณเลสเตอร์ ผมได้ยินมาจาก คุณเซรีน ที่ปรึกษาของคุณว่าคุณสนใจจะเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในอิหร่านใช่มั้ยครับ ไม่ทราบว่าคุณสนใจจะลงทุนทำธุรกิจประเภทไหนครับ”

ลูเซียสพูดขัดจังหวะแล้วถามฮันนิบาลที่กำลังนั่งฟังอยู่

“ผมว่าเรื่องนี้เราไปคุยกันในห้องทำงานผมจะดีกว่านะครับ”

เมื่อ พูดเสร็จ ฮันนิบาล จึงลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินนำ ลูเซียส ออกจากห้องอาหารตรงไปที่บันไดวนเพื่อเดินขึ้นไปยังห้องทำงานที่อยู่บนชั้น สามของคฤหาสน์

เมื่อ ประตูห้องทำงานเปิดออก ฮันนิบาล นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งบนเวทีโลก เดินมานั่งที่โต๊ะทำงานแล้วเชิญ ลูเซียส ให้มานั่งบนโซฟาหนังอย่างดี ก่อนที่จะเริ่มพูดเรื่องสำคัญ

“ผมสนใจธุรกิจด้านอวกาศครับ”

“ธุรกิจท่องเที่ยวด้านอวกาศอย่างนั้นสินะครับ”

ลูเซียสถามฮันนิบาลจึงพยักหน้านิดๆ

“ใช่ครับ ผมต้องการสัมปทานด้านอวกาศ”

ฮัน นิบาล กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเยือกเย็นและดูทรงอำนาจ นัยน์ตาสีแดงเพลิงของเขาคู่นั้นมองตรงไปยัง ลูเซียส ที่เริ่มเครียดจากแรงกดดันที่เกิดจากการสนทนาครั้งนี้

“โครงการ นี้เป็นโครงการใหญ่และเป็นโครงการที่สำคัญเสียด้วยสิ.....ถ้าคุณ เลสเตอร์ ต้องการสัมปทานด้านอวกาศ คุณคงต้องแข่งกับ นักธุรกิจ อีกหลายคนที่จะเข้ามาร่วมประมูลโครงการนี้แล้วละครับ”

ลูเซียส พูดเสร็จเขาจึงส่งเอกสารสำคัญฉบับหนึ่งมาให้ ฮันนิบาล มันคือรายชื่อของ “นักธุรกิจบางคน” ที่จะเข้ามาร่วมประมูลธุรกิจสัมปทานด้านอวกาศในอิหร่าน

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ”

ฮันนิบาล กล่าวด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น หลังจากที่อ่านรายชื่อนักธุรกิจทั้งหมดที่เข้าร่วมประมูลเสร็จแล้ว วางมันลงบนโต๊ะทำงานของเขา

“นอก จากโครงการนี้แล้ว ยังมีโครงการสำคัญ ๆ อีกหลายอย่างที่ทางรัฐบาลของเรากำลัง เปิดสัมปทานให้กับ บรรดานักธุรกิจทั่วโลกที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศนี้ ไม่ทราบว่าคุณเลคเตอร์ จะสนใจมันบ้างมั้ยครับ ถ้าต้องการผมจะได้เล่าให้ฟัง”

ลูเซียส กำลังอธิบายนโยบายสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศของเขาให้ ฮันนิบาล

“ลองเล่าให้ฟังทีสิครับ คุณลูเซียส”

ฮันนิบาล ถามด้วยสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงที่หนักแน่นเยือกเย็น เพราะ เขาอยากรู้จริง ๆ ว่า มีโครงการขนาดใหญ่ อะไรอีกบ้างที่น่าสนใจ

“ได้สิครับ ถ้าคุณต้องการผมจะเล่าให้ฟัง”

“นอกจากโครงการสัมปทานด้านอวกาศแล้ว หลังจากรัฐบาลของประเทศเราหารือกันแล้ว เจ้าพวกนั้นมีแผนที่จะสร้าง “เมืองพลังงานแสงอาทิตย์” ซึ่งโครงการนี้จะเป็นโครงการต่อเนื่องที่จะยาวไปถึงอนาคตข้างหน้าโดยมีเมืองเตหะราน และเกาะ Kish Island เป็นศูนย์กลาง”

“ไม่ทราบว่า คุณเลสเตอร์ สนใจที่จะลงทุนในโครงการนี้หรือเปล่า ถ้าสนใจผมจะได้เล่าเพิ่มเติม”

หลังจากที่ ลูเซียส อธิบายโครงการสำคัญเสร็จเขาจึงถาม ฮันนิบาล ทันที

“น่าสนใจดี แต่ผมว่าค่อยมาคุยกันคืนนี้ดีกว่า”

“หมายความว่ายังไงครับ ที่ว่าคืนนี้”

“คืนนี้เราจะเลี้ยงมื้อค่ำคุณไง”

ฮันนิบาล พูดด้วยรอยยิ้มติดสนุกเพื่อดูท่าทีของ ลูเซียส

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยละครับ คุณเลคเตอร์”

เมื่อ ฮันนิบาล เห็น ลูเซียส ที่ตอบรับท่าทีโดยไม่ลังเล ทำให้เขาคิดว่าแผนการได้สำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญ

“ถ้าเช่นนั้น ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ”

นครรัฐดูไบ “เมืองพลังงานแสงอาทิตย์” ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ในปัจจุบันนี้ นครรัฐดูไบ ขึ้นชื่อว่าเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เป็นมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว มันเป็นเมืองที่ถูกรายล้อมไปด้วยอาคารสูงเสียดฟ้าที่มีรูปทรงอันทันสมัยของบริษัทเอกชนต่างๆ สถาน ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรมหรูระดับโลก ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รีสอร์ทชวนฝัน เกสต์เฮาส์ที่แสนอบอุ่นมากมายหลายพันแห่ง รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ที่มีไว้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนนับไม่ถ้วนที่พากันหลั่งไหลเข้ามา เที่ยวในประเทศแห่งนี้ และที่สำคัญอาคารแทบทุกหลังคาเรือนภายในเมืองนี้นั้นก็ล้วนแล้วแต่ใช้ไฟฟ้า ที่ได้รับมาจาก “พลังงานแสงอาทิตย์”

ณ.จุด ๆ หนึ่งกลางผืนทรายอันกว้างใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองดูไบแห่งนี้ บุรุษผู้มีผมสีเงินยาวนาม ซามาเอล วีโดรา ที่อยู่ในชุดอาหรับที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้สามารถคลายความร้อนได้ กำลังควบม้าสีดำตัวหนึ่งอยู่บนใจกลางของโอเอซิสแห่งหนึ่งที่ถูกรายล้อมด้วยต้นปาล์มและพืชเมืองร้อนจำนวนมาก

เมื่อ เวลาผ่านไปสักพักชายหนุ่มได้หยุดพักแล้วลงจากม้า เดินตรงมายังรถสปอร์ตสีดำที่ถูกจอดอยู่บริเวณนั้น เพื่อสตาร์ทเครื่องแล้วขับมันออกมาจากโอเอซิส ก่อนที่จะตรงเข้าไปยังตัวเมือง

ชายหนุ่มค่อย ๆ ขับรถมาจอดยัง “เกสต์เฮาส์ส่วนตัว” ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของเมืองนั้นซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับสวนสาธารณะที่มีบรรยากาศเงียบสงบและไม่ค่อยมีผู้คนอยู่มากนัก แล้วชายหนุ่มเดินลงจากรถ ไปยังหน้าประตูบ้านใช้ใบหญ้าสำรวจร่องประตูก่อนที่จะเปิดเข้าไปทางด้านใน

วี โดราเข้ามาในบ้านเขาได้จัดการถอดชุดอาหรับออก หยิบเสื้อเชิ้ตสีดำมาสวมใส่แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานจัดการ เปิดโน๊ตบุคขึ้นมาเพื่อพิมพ์รหัสผ่านเข้าไปยังเมนูส่วนตัว แล้วหยิบ “แว่นตาดิจิตอลสีดำ” ขึ้นมาใส่ ก่อนที่จะเข้าไปดูรายงานข่าวชิ้นหนึ่งซึ่งมันถูกโปรแกรมซ่อนข้อความไว้อยู่ ที่ถูกส่งตรงมาจากสำนักงานข่าว The World Report

“สำนักงานข่าว World Report รายงาน ว่า วันต่อมาหลังจากการเกิดเหตุก่อการร้ายระเบิดโรงแรมหรูหลายพันล้าน รอยัล คาเมนี ยังไม่พบตัวผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด จึงทำให้นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าน่าจะเป็นการหักหลังกันเองภายในองค์กร ก่อการร้ายเสียมากกว่า”

ชาย หนุ่มอ่านเสร็จเขาได้จัดการปิดข้อความนั้นแล้วลบมันออกไปในทันที แล้วเดินไปหยิบน้ำเทใส่แก้วเพื่อจิบมันอย่างช้า ๆ จนหมดแก้ว ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องทำงานที่อยู่บนชั้นสอง

“หมอนั่นเป็นใครกัน”

นี่คือสิ่งที่อยู่ในความคิดของ วีโดรา เมื่อเขามองย้อนไปยังเหตุการณ์ช่วงหนึ่งในภารกิจล่าสุดที่พึ่งทำไป

“ฉันคือเงาของนาย”

นั่น คือคำพูดสุดท้ายของ บุรุษลึกลับผู้มีนัยน์ตาสีแดงเข้มที่อยู่ในชุดคาวบอยสีดำ ดังขึ้นมาก่อนที่ชายคนนั้นจะหายตัวไป แล้วมันทำให้ ชายหนุ่มผู้มีผมสีเงินยาว ต้องกลับมาคิด

“ถ้าหมอนั่นเป็นเงาล่ะก็….”

วี โดราหยิบน้ำมาดื่มจนหมดแก้วแล้วนั่งลงบนเตียงหลับตาลงใช้ความคิดอย่างใจเย็น เพื่อมองย้อนไปยังอดีตอันแสนเจ็บปวด ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญหลาย ๆ อย่างที่เขาจะไม่มีวันลืมมันไปได้อย่างเด็ดขาด เพราะ มันเป็นวันที่ทำให้เขาต้องสูญเสียสิ้นทุกสิ่งไป

เมื่อ 5 ปีก่อน หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในนาโปลี เมืองหลวงของแคว้น กัมปาเนีย ทางทิศใต้ของประเทศอิตาลี

ตูม! ตูม!! ตูม!!

เสียง ปืนใหญ่จากดังเป็นระรอกสนั่นไปทั่วทั้งหมู่บ้านนั้น เป็นเสียงที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันอย่างดุเดือด ของกองกำลังสองฝ่ายนั่นคือ กำลังพิเศษ SPHERE จำนวนหนึ่ง กับ องค์กรก่อการร้าย OHRR ซึ่ง ทั้งสองฝ่ายนั้นกำลังก่อสงครามโดยอาวุธที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำปะทะกัน อย่างรุนแรง จนทำให้พื้นแผ่นดินได้สะเทือนไปทั่วทั้งหมู่บ้าน กลุ่มควันสีดำที่เกิดจากการระเบิดของระเบิดจากการต่อสู้ปกคลุมไปทั่วทั้ง หมู่บ้าน บางเสียงที่ดังกระหึ้มนั้นเป็นเสียงของกองกำลังติดอาวุธสุดไฮเทคกำลัง เคลื่อนพลไปตามเส้นทางของหมู่บ้าน เพื่อค้นหาและทำลายกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธร้ายแรง และท่ามกลางเสียงเหล่านั้นยังมีเสียงหวีดร้องของบรรดาผู้คนที่กำลังหนีตาย จากแรงระเบิด และห่ากระสุนจากการยิงกราดของทั้งสองฝ่าย บน ท้องถนนบางจุดนั้นเต็มไปด้วยกองเลือดและซากศพที่ส่งกลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้ง ไปทั่ว บางส่วนของหมู่บ้านนั้นเต็มไปด้วยซากของคอนกรีตของกำแพงบ้านที่พังจากแรง ระเบิด

ท่าม กลางเสียงปืนและเสียงระเบิดที่ดังสนั่นอย่างบ้าคลั่งนั่น สองบุรุษผู้มีผมสีเงิน ใบหน้าคมคาย ดวงตาคม ตาสองชั้นมีสีต่างกัน นัยน์ตาข้างซ้ายสีทองผิดกับข้างขวาที่มีสีแดงเข้ม พวกเขาทั้งสองคนคือ ซามาเอล วีโดรา (17 ปี) และ วินเซนท์ โรเมโน (18 ปี) ที่ตอนนั้นพวกเขาทั้งคู่ยังเป็นหนึ่งในผู้นำคนสำคัญของกองกำลังปฏิวัติ Black Wolf กำลัง ควบม้าสีดำวิ่งคู่กัน ไปตามทางที่มีฝุ่นตลบและซากศพเรียงรายกันให้เห็นเป็นระยะ ๆ โดยที่ด้านหลังของเขานั้นมี ชายกลุ่มหนึ่งที่ดูเหมือนผู้ก่อการร้าย OHRR กำลังขี่ม้าไล่ตามหลังมาจำนวนสามถึงสี่คน

ชาย หนุ่มที่กำลังควบม้าไปตามทางอย่างรวดเร็วได้ใช้มือซ้ายของเขานั้นกำลังกุม บังเหียนของม้าเอาไว้เพื่อใช้ในการทรงตัว แล้วใช้มืออีกข้างหยิบปืน Desert Eagle กระบอกสีเงินที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา หันไปเล็งแล้วลั่นไกซัดกระสุนขนาดใหญ่ให้พุ่งตรงไปยังชายผู้เป็นเป้าหมายราย หนึ่งจนกลิ้งตกลงไปจากม้า

เสียง ปืนที่ดังสนั่นมาจากทางด้านหลังของพวกผู้ก่อการร้าย ทำให้ชายหนุ่มผู้มีผมสีเงินกำลังควบม้าอยู่ด้วยมือเพียงข้างเดียวจัดการเก็บ ปืนแล้วใช้มือทั้งสองควบม้าให้พุ่งตัวไปยังด้านหน้า แล้วเลี้ยวไปยังด้านซ้ายของทางแยกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหยิบปืนออกมาหันไปซัดกระสุนใส่ผู้ก่อการร้ายอีกคนจนตกลงจากม้าไป กระแทกกับพื้นที่อยู่ทางด้านล่างหลายตลบ

แล้ว ชายหนุ่มก็หันไปมองผู้ก่อการร้ายจำนวนสองถึงสามคนที่กำลังควบม้าไล่ตามหลัง เขามา แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ วีโดรา มองไปยังเบื้องหน้าแล้วเห็นกลุ่มก่อการร้ายที่ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงที่พังพา กันแห่ออกมา และ ซัดกระสุนใส่ที่พื้นจนม้าสีดำของเขาเกิดพยศ จนทำให้ตัวเขานั้นเกือบเสียหลัก

“แย่ล่ะสิ โดนล้อมแล้วรึนี่”

นั่น คือสิ่งที่อยู่ในความคิดของชายหนุ่มผู้มีผมสีเงินยาวที่นั่งอยู่บนหลังม้าสี ดำตัวหนึ่ง และในตอนนี้เขาก็ กำลังกวาดสายตามองไปยังเบื้องหน้าที่มี กลุ่มก่อการร้ายจำนวนห้าถึงหกปรากฏตัวหลังเศษเศษซากกำแพงที่พัง แล้วหันไปมองยังเบื้องหลังที่มีผู้ก่อการร้ายกำลังควบม้าไล่ตามหลังมาเพื่อ ตีวงล้อมไปรอบ ๆ ตัวของชายหนุ่ม ก่อนที่จะได้ยินเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมาจากบนฟ้า และเมื่อมองขึ้นไปสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาเขามันก็คือ....

บึ้ม!!! บึ้ม!!! บึ้ม!!

การ ทิ้งระเบิดปูพรมจากกองทัพ กระแทกลงสู่พื้นเบื้องล่างได้ดังขึ้นหลายครั้ง เปลวเพลิงได้พวยพุ่งลุกขึ้นมา จากแรงระเบิดนี้เองทำให้ ชายหนุ่มนามวีโดราพุ่งกระเด็นออกไปคนละทิศทางกับพี่ชายฝาแฝดของเขา หัวของชายหนุ่มกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงจนสลบไป ซึ่งก่อนที่สติของเขาจะเลือนรางไปนั้นเขาได้เห็นจรวดขีปนาวุธ จำนวนมากพุ่งลงมาจากฟากฟ้า

แรง ระเบิดของมันนั้นทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งเมือง ตึกรามบ้านช่องสั่นคลอนก่อนที่มันจะพังทลายจากการระเบิด เปลวเพลิงของปีศาจได้พวยพุ่งขึ้นมาแผดเผาไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ไฟนรกจากห้วงอเวจีได้แปรเปลี่ยนท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่มืดมิด ให้กลายเป็นสีแดงฉานดุจดั่งเลือดของคนตาย

หลัง จากที่เกิดแรงระเบิดเปลวเพลิงอันชั่วร้ายที่พัดโหมกระหน่ำไปทั่วทั้งหมู่ บ้านค่อยๆ มอดลง ชายหนุ่มนามว่าวีโดร่า ค่อยๆได้สติขึ้นก่อนที่เขาจะพยายามพยุงร่างของตัวเองซึ่งเรียกได้ว่าบาดเจ็บ สาหัดให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เขาหันมองสภาพรอบๆ ตัวเองที่กล่าวได้คำเดียวว่าเลวร้ายดุจนรก หมู่บ้านที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่เงียบสงบที่สุดแห่งหนึ่งใน อิตาลี บัดนี้ไม่เหลือเค้าสภาพเดิมไว้ให้เห็นอีกต่อไป ทั้งซากปรักหักพัง และ ศพผู้เสียชีวิตจากการถูกยิงหรือแรงระเบิดจากขีปนาวุธจากท้องฟ้าก็ตาม ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ เขาได้พาร่างที่อ่อนแรงเดินกวาดตามองไปโดยรอบราวกับกำลังตามหาใครบางคน

“วันที่ต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป”

วี โดราได้เผยความรู้สึกหวั่นไหวให้เห็นเป็นครั้งแรก เมื่อมองย้อนไปยังเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เกิดขึ้นในวันนั้น วันที่ทำให้เขาต้องสูญเสีย ครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก ไม่เว้นแม้แต่บ้านเกิดของเขาเอง

“หลังจากวันนั้นเราได้พบกับสองคนนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจเข้ามาทำงานที่นี่”

ชาย หนุ่มได้มองย้อนไปยังเหตุการณ์ในวันแรกๆ ที่เขาได้พบกับชายหญิงสองคนซึ่งพวกเขาก็คือ ฮันนิบาล เลสเตอร์ และ นอร์มา เซรีน ผู้ที่เป็นเพื่อนคนสำคัญของเขาในตอนนี้

“หลังจากที่เราเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน เราก็พบเบาะแสว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในวันนั้นมันเป็นใคร”

“เดเมียน ธอร์น กับ อลองโซ คาลิเวียลา นักฆ่าคนสนิทของมัน”

แม้ ในใจของ วีโดรา ในตอนนี้นั้นจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่มีต่อชายที่ทำให้เขาต้องสูญเสีย สิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไปก็ตาม แต่ ชายหนุ่ม นั้นยังคงความใจเย็นดุจดั่งสายน้ำไว้ได้อยู่ โดยที่ยังไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาให้เห็น

ผ่าน ไปสักพักเสียง ๆ หนึ่งได้ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบภายในห้อง มันทำให้ วีโดรา ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานเพื่อหยิบ “โทรศัพท์มือถือผ่านดาวเทียมรุ่นพิเศษ” ขึ้นมาเพื่อเปิดดูแล้วมีภาพของ สาวอังกฤษผู้มีผิวพรรณขาวนวล เรือน ผมสีน้ำเงินยาวเงางาม ใบหน้าเรียวสวยได้รูปดูงดงามเป็นธรรมชาติ ดวงตาคม ตาสองชั้นที่เป็นประกายงดงามดั่งอัญมณีคู่นั้นมีสีที่ต่างกัน ปรากฏขึ้นมาบนจอภาพสามมิตินามของเธอคือ มิเนอร์วา

“หวัดดี วีโดรา” เด็กสาวทักทายด้วยรอยยิ้มเล็กๆ อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวที่ดูงดงามเหมือนทุกที

“หวัดดี” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างเป็นกันเอง

ใน ตอนนี้มิเนอร์วากำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับวีโดรา ในห้องนอนสีฟ้าที่ถูกตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ผ้าห่มสีน้ำเงินถูกคลุมไว้บนเตียงทั้งสอง ตู้หนังสือที่มีหนังสืออ่านเล่นและนิยายอยู่เต็มไปหมด ข้าง ๆ กันนั้นมีโต๊ะทำงานที่มีโน๊ตบุ๊ควางไว้อยู่ ส่วนวิเนอรี ผู้เป็นน้องสาวของเธอนั้นกำลังอาบน้ำอยู่

“สบายดีไหม”

“ฉันไม่เป็นไร เธอล่ะ”

“ดีจังที่นายไม่เป็นไร ฉันเองก็สบายดี”

“อืม มีอะไร”

“ฉันมีเรื่องสำคัญจะมาบอกนาย”

“เรื่องนั้นรึ”

“ใช่ ปลาติดเบ็ดแล้ว”

เพียงคำพูดเดียวของ มิเนอร์วา ทำให้ วีโดรา ที่ฟังอยู่เข้าใจถึงความหมายของมันนั่นคือ ลูเซียส นายหน้าค้าอาวุธคนสำคัญของ OHRR กำลังจะอยู่ในกำมือของพวกเขาแล้วในตอนนี้

“ตอนนี้บอสกำลังดำเนินตามแผนขั้นต่อไปอยู่”

“เอาล่ะ ฉันไม่มีอะไรแล้วนายล่ะ”

“ผมก็ไม่มี”

“โอเค แล้วเจอกันนะ วีโดรา”

“อืม แล้วเจอกัน”

หลัง จากที่คุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย มิเนอร์วา ก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงาน แล้วหญิงสาวก็จัดการถอดเสื้อคลุมสีดำและกระโปรงสีเดียวกันเผยให้เห็น ผิวพรรณขาวนวลเป็นธรรมชาติ เรือน ร่างสะโอดสะอง ทรวดทรงโค้งเว้าได้รูปดูโดดเด่นเซ็กซี่ หน้าอกอวบอิ่มได้รูปรับกับสะโพกและบั้นท้ายที่เห็นแล้วชวนต้องมนต์สะกด แล้วหญิง สาวเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวและผ้าเช็ดตัวสีเดียวกันมาพันไว้รอบกาย รวบผมสีน้ำเงินยาวเงางาม แล้วเดินเข้าไปยังห้องอาบน้ำแบบเนิบ ๆ ก่อนที่จะนำผิวกายเปลือยเปล่าขาวเนียนนุ่มน่าสัมผัสลงไปแช่ในน้ำอุ่น ๆ อย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์

หลังจากที่ วีโดรา คุยเสร็จแล้วเขาเดินไปหยิบ หนังสือนิยายแนวสายลับเรื่อง 007 ตอน Casino Royal ออกมาจากตู้เก็บหนังสือ เพื่อนำมันมานั่งอ่านอย่างช้า ๆ จนเวลาผ่านไปสักพักแล้วค่อยออกไปหามื้อเช้าทาน

กรุงปักกิ่ง สาธารณะรัฐประชาชนจีน 9.00pm

มา ยังภัตตาคารสุดหรูหราแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางมหานครกรุงปักกิ่ง มันตั้งอยู่ท่ามกลางอาคารสูงเสียดฟ้าที่รายล้อม ภายในภัตตาคารแห่งนี้นั้นมีบรรดานักท่องเที่ยวและนักธุรกิจกำลังทานอาหาร อยู่ตามโต๊ะต่าง ๆ

มา ยังห้องอาหารห้องหนึ่ง ในห้องนั้นมีสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีสองคนนั่นคือ ฮันนิบาล เลคเตอร์ นักธุรกิจผู้ทรงอำนาจที่สุดคนหนึ่งของโลก กับ หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามนางหนึ่งนามของเธอคือ นอร์มา เซรีน สุดยอดชีอีโอชั้นนำคนหนึ่งของโลก ชายหญิงทั้งสองกำลังรอการมาของใครบางคนอยู่

ผ่าน ไปสักพักประตูเลื่อนอัตโนมัติได้ถูกเปิดออก แล้วมีพนักงานต้อนรับเชิญชายคนหนึ่งให้เดินเข้ามาเขาคือ ลูเซียส คาเมนี มหาเศรษฐีพันล้านผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของอิหร่าน

“สวัสดี คุณลูเซียส / สวัสดีค่ะ คุณลูเซียส”

ฮันนิบาล กล่าวคำทักทายอย่างสุภาพ พร้อมกับ เซรีน ที่กล่าวคำทักทายตามมา

“สวัสดีครับ คุณเลสเตอร์”

ลูเซียส กล่าวตอบรับคำทักทายของ ชายหนุ่ม ก่อนที่จะหันไปตอบรับคำทักทายจาก หญิงสาว

“สวัสดีครับ คุณเซรีน”

“ผมคงต้องขอโทษพวกคุณด้วยนะครับ ที่มาช้าพอดีทางผมติดธุระนิดหน่อยกับทางบริษัทของผมน่ะครับ”

ลูเซียส กล่าวคำขอโทษอย่างสุภาพพร้อมกับบอกเหตุผลที่ตัวเขามาสาย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณลูเซียส”

“ใช่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”

“ได้ ยินแบบนี้ ผมเองก็รู้สึกยินดีมากที่พวกคุณยกโทษให้ เพราะในตอนแรกนั้น ผมคิดว่าพวกคุณกำลังโกรธผมที่ผมมาช้าซะอีก ต้องขอบคุณจริง ๆ ครับ”

“ผมว่าเรามาทานอาหารกันก่อนดีกว่าครับ คุณลูเซียส”

ฮันนิบาล กล่าวคำเชิญชวนให้ ลูเซียส มาร่วมโต๊ะด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่พวกเขาทานอาหารเสร็จ

“มาเข้าเรื่องกันดีกว่า คุณลูเซียส”

ฮันนิบาล กล่าวขึ้นมาหลังจากที่สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งสามคนทานอาหารเสร็จ

“ได้ครับ คุณเลสเตอร์”

“คุณตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนเรื่อง “สัมปทานด้านอวกาศ” ในประเทศอิหร่านอย่างแน่นอนแล้วสินะครับ”

“ใช่ครับ”

“แล้ว เมื่อเช้านี้ทางคุณเลสเตอร์เองก็บอกกับผมไว้แล้วว่าคุณต้องการข้อมูลเรื่อง เมืองแห่งพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศอิหร่านจากผม เพื่อนำมันไปพิจารณาก่อนสินะครับ”

“ใช่ครับ ผมต้องการ”

“รบกวนด้วยนะคะ คุณลูเซียส”

“ได้เลยครับ ถ้าพวกคุณขอมา ทางผมเองก็เตรียม “ข้อมูลส่วนหนึ่ง” ไว้เรียบร้อยแล้ว”

“ผม คงไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่าทุกวันนี้มีเมืองสำคัญ ๆ กี่เมืองบ้างที่กำลังหันไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพราะ ยังไง ๆ ผมว่าผู้เป็นเจ้าของธุรกิจสัมปทานด้านอวกาศ และพลังงานอย่างพวกคุณคงจะรู้อยู่แล้ว”

“โครงการเมืองพลังงานแสงอาทิตย์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่เมืองเตหะราน และบนเกาะ Kish Island ประเทศอิหร่านนั้นเกิดขึ้นหลังจากการที่ทางรัฐบาลของเราต้องการสร้างเมืองที่ใช้พลังงานทดแทน ขึ้นมา ทดแทนน้ำมันที่กำลังจะหมดจากโลกนี้ไป”

“ทางรัฐบาลของเราได้ไปดูงานจากประเทศอื่น ๆ ที่มีการสร้าง “เมืองแห่งพลังงานแสงอาทิตย์” เพื่อ นำเมืองเหล่านั้นมาศึกษาเพื่อใช้เป็นต้นแบบ หลังจากนั้นเจ้าพวกนั้นมันก็ประกาศให้โครงการนี้เป็นโครงการที่สำคัญมาก ๆ ที่จะใช้ในการขับเครื่องเศรษฐกิจ ท่ามกลางวิกฤติด้านพลังงานที่เกิดขึ้นทั่วโลก”

ลูเซียสได้อธิบายรายละเอียดของโครงการ เมืองพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมกับเปิดโน๊ตบุ๊คของเขาขึ้นมาเพื่อฉายภาพอันยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างของ เมืองแห่งพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศอิหร่าน

“จริง ๆ แล้ว โครงการนี้ทางผมเองก็ให้ความสนใจไม่น้อยเหมือนกัน แต่ว่ามันดันเกิดเรื่องนั้นขึ้นมาซะก่อน....”

ลูเซียส พยายามกัดฟันพูดเพื่อระงับความแค้นลง แต่ ฮันนิบาล กับ เซรีน ที่นั่งฟังอยู่นั้นกับสังเกตได้

“คุณลูเซียส ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี”

ฮันนิบาลพูดปลอบใจแต่ลึกเข้าไปในใจของเขานั้นกลับคิดว่า ลูเซียส ได้กลายเป็นตัวหมากของพวกเขาแล้ว

“ช่างมันเถอะครับ คุณเลคเตอร์ ผมผิดเองที่จู่ ๆ มาพูดเรื่องนั้น อีกทีเอาตอนนี้”

“เอาล่ะครับ ผมจะไม่พูดเรื่องนั้นให้พวกคุณหมดอารมณ์อีกแล้ว มาเริ่มเรื่องของเรากันต่อเลยนะครับ”

ลูเซียส ถามแล้วมองไปที่ ฮันนิบาลกับเซรีนที่พยักหน้านิด ๆ

“โครงการเมืองพลังงานแสงอาทิตย์นั้นเป็นโครงการที่สำคัญมากๆ ทางรัฐบาลของเราจึงจัดให้มีการ ประมูลสัมปทานขึ้นมาอีกหนึ่งโครงการนอกจาก “โครงการธุรกิจท่องเที่ยวด้านอวกาศ” เพื่อให้บรรดานักธุรกิจนำเงินเข้ามาลงทุน”

ลูเซียส พูดด้วยความรู้สึกแค้น และ เริ่มรู้สึกเสียดายนิด ๆ ที่ตัวเขานั้นคงไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปเป็นเจ้าของเมืองแห่งนี้อีกแล้ว

“เรื่อง ที่ผมจะเล่าคงหมดแค่นี้แหละครับ เหลือแค่พวกคุณต้องตัดสินใจกันเอาเองแล้วล่ะว่าจะเข้ามาลงทุนในโครงการนี้ หรือไม่หรือจะรับไว้พิจารณาก่อน เพราะ อีกนานมากๆ กว่าโครงการนี้จะเริ่มประมูล”

ลูเซีย สอธิบายเสร็จเขาก็ส่งเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ให้แก่ ฮันนิบาล ไม่ว่าจะเป็น วันประมูล เงื่อนไขการประมูล และ รายชื่อนักธุรกิจทั้งหมดที่เข้าประมูลด้วย

“ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจไม่แพ้ “สัมปทานด้านอวกาศ” เลยล่ะครับ แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทาง คุณเลสเตอร์ คิดอย่างไรกับโครงการนี้”

“เป็นโครงการที่น่าสนใจดีครับ”

นั่น คือคำตอบอันเยือกเย็นของ ฮันนิบาล เลคเตอร์ บุรุษผู้ทรงอำนาจบนเวทีโลก ซึ่งมันทำให้ ลูเซียส ที่ฟังอยู่ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะกล่าวชมชายหนุ่ม

“ยอดเยี่ยม สมกับที่เป็นผู้นำของอาณาจักรธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ผมคิดไว้ไม่ผิดว่าพวกคุณต้องสนใจโครงการนี้แน่นอน” ลูเซียส กล่าวชม

“เอา ล่ะครับ ผมเองไม่มีเรื่องอะไรจะพูดแล้วล่ะในตอนนี้ คงต้องขอตัวกลับประเทศของก่อนล่ะ เพราะ ผมมีธุระอีกหลายเรื่องที่ต้องรีบกลับไปทำ วันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่มีโอกาสมานั่งทานอาหารกับพวกพวกคุณ

“เราเองก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกันค่ะ คุณลูเซียส”

“แล้วเราค่อยมาทานมื้อค่ำกันอีกนะครับ”

ฮัน นิบาล และ เซรีน กล่าวคำเชิญชวนอย่างเป็นมิตรด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น แต่ลึกเข้าไปในใจของทั้งคู่นั้นกำลังคิดว่า ลูเซียส ได้กลายเป็นตัวหมากของเขาไปแล้ว และ กำลังคิดด้วยว่าจะใช้ประโยชน์อย่างไรดี

“เป็น เรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่ตัวผมเองนั้นยังมีเรื่องต่าง ๆ อีกหลายเรื่องที่อยากจะคุยกับพวกคุณ แต่ตอนนี้ผมคงต้องขอตัวไปทำธุระที่ประเทศของผมซะแล้วสิ หากมีโอกาสวันหลังเราคงได้มาคุยกันอีกนะครับ”

“เราคงได้คุยกันอีกครั้งแน่นอนครับ คุณลูเซียส”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้คงจะดีไม่น้อยเช่นกันครับ คุณเลสเตอร์ เพราะ ทางผมเองก็อยากจะคุยกับพวกคุณอีกครั้ง”

ลูเซีย สพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องนั้นไปทันที โดยมีเหล่าพนักงานต้อนรับประจำภัตตาคารจำนวนสองคนมารับ ก่อนที่จะพาไปส่งถึงรถลีมูซีนที่ทำจากทองคำ

สิบนาทีผ่านไปหลังจากที่ ลูเซียส เดินทางกลับไปแล้ว บรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบสงบลงชั่วคราว ฮันนิบาล จึงหันไปพูดกับเซรีน

“เซรีน เดี๋ยวเรามาคิดเรื่องเงื่อนไขด้วยกันนะ”

“ได้ค่ะ ฮันนิบาล”

สามวันต่อมาที่กรุงปารีส ประเทศ ฝรั่งเศส เวลา 9.00 am

ตรง ไปที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มทุนเลสเตอร์แฟมิลี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก มันเป็นอาคารสูงเสียดฟ้าที่ถูกสร้างให้มีรูปร่างคล้ายกับหอคอยขนาดใหญ่ ที่มีความสูงถึงหนึ่งพันสองร้อยเมตรและมีจำนวนสองร้อยชั้น มันได้ตั้งตระหง่านอยู่ที่ใจกลางกรุงปารีสท่ามกลางตึกสูงเสียดฟ้าของบริษัท เอกชนต่างๆ ที่รายล้อมมันไว้อยู่

ใน ห้องประธานบริษัทที่อยู่บนชั้นที่หนึ่งร้อยแปดสิบของบริษัทแห่งนี้ ฮันนิบาล เลสเตอร์ ผู้เป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลกกับ นอร์มา เซรีน ที่ปรึกษาคนสำคัญของเขา กำลังนั่งอ่านเอกสารสำคัญชุดหนึ่งที่เกี่ยวกับเงื่อนไขการลงทุนของธุรกิจ สัมปทานด้านอวกาศของประเทศอิหร่าน

“อย่าให้มีขยะลอยอยู่ในอวกาศอย่างนั้นรึ นึกแล้ว”

ฮันนิบาล กำลังอ่านเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดของการลงทุนด้านอวกาศ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า

“เป็นเงื่อนไขที่ไม่ยากสำหรับเรา ใช่มั้ย”

“อืม ไม่ยากสำหรับเราเลย”

“อย่าลืมเรื่องคู่แข่งของเราสิคะ”

เซรีน พูดจบเธอก็ส่งเอกสารสำคัญอีกชุดหนึ่งที่เกี่ยวกับรายชื่อของนักธุรกิจทั้งหมดที่จะเข้ามาร่วมประมูลในโครงการนี้ให้แก่ ฮันนิบาล

ฮัน นิบาล นั่งมองภาพและรายชื่อบรรดานักธุรกิจทั้งหมดอย่างพิจารณา แล้วเขาก็สังเกตเห็นรายชื่อของนักธุรกิจผู้หนึ่งซึ่งดูโดดเด่นกว่าใคร ๆ “วิคเตอร์ โรมานอฟ”

“เหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนนะ” ชายหนุ่มผู้ทรงอำนาจใช้ความคิดเมื่อมองรายชื่อของนักธุรกิจรายนี้

แล้ว ชายหนุ่มก็หยิบโน๊ตบุ๊คของเขาขึ้นมา แล้วพิมพ์รหัสผ่านให้เข้าไปยังไซท์งานส่วนตัวของเขา เพื่อหารายชื่อนักธุรกิจที่เขาต้องการ จากบรรดารายชื่อนักธุรกิจทั้งหมดที่เป็นทั้งคนรู้จัก หรือ คนที่เขาได้ยินชื่อมาก่อน

วิ คเตอร์ โรมานอฟ (30 ปี) มหาเศรษฐีระดับหมื่นล้าน ชายผู้ร่ำรวยเป็นลำดับที่ห้าแห่งประเทศรัสเซีย ผู้เป็นเจ้าของสัมปทานด้านธุรกิจอวกาศ และ การสื่อสาร

“นึกออกแล้ว มหาเศรษฐีชาวรัสเซียนั่นนี่เอง”

“ไม่นึกว่าจะได้เจอของแข็งในการประมูลนี้ด้วย ชักน่าสนใจแล้วสิ”

เป็นครั้งแรกที่ ฮันนิบาล ได้เผยความรู้สึกที่ตื่นเต้นออกมาให้เห็น ทันทีที่ได้เห็นคู่แข่งที่เป็นนักธุรกิจระดับเดียวกัน

“เซรีน เราควรเสนอราคาไปเท่าไหร่ดีนะ”

ชายหนุ่มผู้ทรงอำนาจหันไปถาม หญิงสาวผู้เป็นที่ปรึกษาของเขา

“เรื่องนั้น เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”

กลางทะเลทรายแห่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก และอยู่ห่างออกไปจากสายตาของเหล่าผู้คน เวลา 8.00 AM

มายังเคหะสถานขนาดใหญ่หลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลทราย มัน คือคฤหาสน์ที่มีขนาดกว้างใหญ่และหรูหรามาก มันถูกสร้างให้มีรูปร่างคล้ายกับมหาวิหารแห่งโรมัน เพียงแต่ว่ามันเป็นคฤหาสน์ที่ถูกทาสีดำทั้งหลัง และมันถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้สามารถกันความร้อนได้ พื้นที่โดยรอบของมันนั้นถูกรายล้อมด้วยกำแพงที่ใหญ่และหนาราวกับป้อมปราการ และที่รอบ ๆ กำแพงนั้นมีหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ติดอาวุธครบมือกำลังทำงานกันอยู่

ภาย ในห้องทำงานของคฤหาสน์สีดำที่สร้างอยู่กลางทะเลทราย เดเมียน ธอร์น นักค้าอาวุธเถื่อนผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก กำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ โดยมี อลองโซ คาลิเวียลา นักฆ่าที่อันตรายที่สุดในโลกอาชญากรรม ยืนอยู่ข้างกาย

“ขอโทษค่ะนายท่าน แขกที่พวกท่านเรียกมาพบ ตอนนี้พวกเขาเดินทางมาถึงแล้วค่ะ”

เสียง ของสาวใช้นางหนึ่งดังขึ้นมาจากนอกประตู ทำให้ เดเมียน นักค้าอาวุธรายใหญ่ของโลก หันไปมอง อลองโซ นักฆ่าคนสนิทของเขา ก่อนที่นักฆ่าลึกลับจะเปิดประตูแล้ว บอกให้บรรดาคนรับใช้ทั้งหลายพาพวกเขาทั้งสองเดินออกจากห้องทำงาน ไปยังห้องรับรองที่มีแขกสองคนรออยู่

ใน ห้องรับรองที่อยู่ภายในคฤหาสน์สีดำ มีชาย-หญิง ลึกลับสองคนกำลังนั่งรอ เดเมียน ผู้เป็นเจ้านายของพวกเขา ที่กำลังเดินเข้ามาเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ พวกเขาทั้งสองคือ

ดอลฟา ไฮเลอร์ (24 ปี) สาวเยอรมันผู้มีผิวพรรณขาวนวลเนียนรูปร่างสูงสง่า ผมสีขาวราวหิมะยาวสยาย ใบหน้าแหลมเรียวเป็นธรรมชาติ ดวงตาคม นัยน์ตาสีม่วงฉายแววเย่อหยิ่ง ท่าทางไม่แยแสใคร เธอเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของยุโรป แต่มีเบื้องหลังเป็นทนายความที่คอยรักษาผลประโยชน์ทางการเงินให้แก่ เดเมียน ในหลาย ๆ ประเทศที่เขาถูกแบลคลิสต์ และที่สำคัญเธอยังเป็นสมาชิกระดับผู้นำเพียงคนเดียวของ OHRR ที่ยังไม่เคยติดแบลคลิสต์จากประเทศใด ๆ

วิคเตอร์ โรมานอฟ (33 ปี) ชาวรัสเซียรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีเทาแสกกลางมาอย่างดี ใบหน้าคมเข้ม นัยน์ตาสีดำสนิท แววตาของเขานั้นดูแข็งกร้าวจนน่าสะพรึงกลัว เขาคือ มหาเศรษฐีผู้เป็นเจ้าของสัมปทานด้านการสื่อสาร และ ด้านอวกาศ ที่มีเบื้องหลังเป็น ผู้ที่คอยทำหน้าที่ด้านการข่าวให้แก่องค์กรก่อการร้าย OHRR

“แกคิดว่าใครเป็นคนลอบสังหาร เดเมียน”

ทนายความสาวลึกลับเป็นฝ่ายตั้งคำถามขึ้นมาก่อน ทำให้มหาเศรษฐีลึกลับชาวรัสเซียตอบคำถามของเจ้าหล่อน

“จะไปรู้รึ”

“ฉันนึกว่าแกจะรู้ซะอีก ไม่น่าถามเลย”

“ถ้าฉันรู้คงบอกแกไปนานแล้ว”

ระหว่าง ที่ ดอลฟา ไฮเลอร์ กับ วิคเตอร์ โรมานอฟ กำลังพูดกันอยู่นั้น ประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของชายสองคนที่ก้าวเท้าเข้า ประตูมา แล้วเดินไปนั่งบนโซฟาหนังอย่างดี

ความ เงียบงันอันน่าสะพรึงกลัวได้บังเกิดขึ้นภายในห้องนั้นทันทีเมื่อเดเมียน ธอร์นนักค้าอาวุธผู้ทรงอำนาจของโลก เอนกายลงบนเก้าอี้หนังบุนวมสีดำ ส่วน อลองโซ นักฆ่าลึกลับที่ติดตามตัวเขามานั้นได้เดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ

“สวัสดีค่ะ เดเมียน ปลอดภัยดีเหรอคะ”

คำทักทายของทนายความสาว ดอลฟา ไฮเลอร์ ได้ทำลายเงียบภายในห้อง แล้วตามมาด้วยเสียงทักทายของ โรมานอฟ เจ้าพ่อสื่อแห่งรัสเซีย

“สวัสดี เดเมียน ดีแล้วที่คุณยังไม่ตาย”

นัยน์ตา สีน้ำเงินคู่นั้นของ เดเมียน ได้มองตรงไปยัง ดอลฟา ไฮเลอร์ ทนายความสาวสักพัก แล้วหันไปมอง วิคเตอร์ โรมานอฟ อีกสักครู่หนึ่ง แล้วกล่าวคำทักทายขึ้นมาอย่างสุภาพ แต่แฝงความเลือดเย็นไว้ในน้ำเสียง

“สวัสดี”

นาย ทุนก่อการร้ายผู้ทรงอิทธิพลในระดับโลกอย่าง เดเมียน ธอร์น ก็มองไปยัง อลองโซ นักฆ่าผู้จงรักภัคดีที่สุดของเขา เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไปให้ นักฆ่าคนสนิท หยิบกระเป๋าสีดำขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วเปิดกระเป๋าขึ้นมาเพื่อส่งเอกสารสำคัญ ที่มีจำนวนหลายฉบับไปให้ ดอลฟา ไฮเลอร์ กับ วิคเตอร์ โรมานอฟ ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม

“มาเริ่มกันดีกว่าครับ”

คำพูดสั้น ๆ นั้นฟังดูสุภาพนุ่มนวลก็จริง แต่มันได้สร้างคลื่นความหวาดกลัวให้แผ่กระจายไปทั่วทั้งทะเลทราย

เดเมียนได้เผยรอยยิ้มเล็กๆ แต่เป็นรอยยิ้มชั่วร้ายอย่างที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นในตัวมนุษย์คนไหนมาก่อน

7 ธันวาคม 2052 ประเทศไทย จังหวัดกรุงเทพมหานคร เวลา 9.00 pm

ใน ปัจจุบันนี้เมื่อกล่าวถึงจังหวัดกรุงเทพมหานครกันแล้ว มันคือเมืองที่กลายมาเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เป็นศูนย์กลางความเจริญในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านระบบการเมืองการปกครอง ด้านการสื่อสารและเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ตลอดไปจนถึงการท่องเที่ยว ทั่วทั้งเมืองนั้นถูกรายล้อมไปด้วยสถานที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า โรงแรม รีสอร์ท เกตส์เฮาส์ และอาคารสูงเสียดฟ้าที่มีรูปทรงอันทันสมัยของบริษัทเอกชนต่าง ๆ จำนวนมากที่รายล้อมไปทั่วทั้งเมือง ส่วนบนท้องถนนนั้นเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมหาศาลที่กำลังเดินสัญจรผ่านกันไป-มา จำนวนมาก

แม้ บรรยากาศโดยรวมรอบๆ กรุงเทพมหานครนั้นจะดูสวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่ทว่าในพื้นที่บางส่วนในกรุงเทพนั้นกลับเต็มไปด้วยความโกลาหล ความวุ่นวายและความสับสน โดยเฉพาะในพื้นที่แถวแยกราชประสงค์ซึ่งเป็นเพียงจุดเดียวในกรุงเทพที่ในตอน นี้มีฝูงชนจำนวนมหาศาลกำลังชุมนุมขับไล่รัฐบาล พวกเขาเหล่านั้นกำลังเรียกร้องรัฐบาลลาออกจากปัญหาการคอรัปชั่นที่เกิดขึ้น ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่กำลังชุมนุมกันโดยสงบกันอยู่นั้น ประชาชนบางกลุ่มก็กำลังปะทะกับพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่กำลังเข้าสลาย การชุมนุมกันอย่างดุเดือด ทำให้ท้องถนนบางสายภายในเมืองนั้นเกิดการจราจรติดขัดพอสมควร เพราะ มีพวกเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจมาตั้งด่านตรวจ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตตัวเมือง

ท่าม กลางความแตกแยกที่เกิดขึ้นนั้น บนท้องถนนสายหนึ่งบุรุษผู้มีผมสีเงินยาวนาม ซามาเอล วีโดรา กำลังนั่งฟังเพลงคลาสสิกผ่านทางหูฟังบลูทูธอย่างสบายอารมณ์อยู่บนรถสปอร์ตสี ดำคันโปรดของเขา ที่จอดอยู่มุมหนึ่งบนท้องถนนเพื่อรอให้พวกเจ้าที่ทหารและตำรวจส่งสัญญาณให้ รถขยับ

เวลา ผ่านไปสักพักเมื่อรถเริ่มขยับชายหนุ่มจึงสตาร์ทรถของเขาแล้วขับมันตรงไปยัง ด่านตรวจ แล้วหยุดรถสักครู่หนึ่งเพื่อให้พวกเจ้าหน้าที่นำเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด มาแสกนที่รถ ก่อนที่จะขับรถออกไปหลังจากที่พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้นตรวจสอบเสร็จแล้ว

“คงต้องหาที่พักก่อน”

นั่น คือสิ่งที่อยู่ในความคิดของบุรุษผู้มีนามว่าวีโดรา เมื่อเขาขับรถผ่านด่านตรวจมาได้สักพักแล้วในขณะนี้กำลังใช้คอมพิวเตอร์โน้ต บุ๊กในการค้นหาสถานที่พัก ที่เขาต้องการจะค้างคืน

แล้ว ชายหนุ่มก็ขับรถออกจากพื้นที่ราชประสงค์มุ่งตรงไปตามท้องถนน ห่างออกไปเรื่อย ๆ จากพื้นที่แห่งความขัดแย้ง เพื่อไปหาที่ๆ เงียบสงบในการพักร้อนประจำเดือน

เช้า วันต่อมาเวลาเจ็ดโมง ในห้องอาหารห้องหนึ่งที่อยู่ภายในภัตตาคารอาหารแห่งหนึ่ง วีโดรา กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พลางกินกาแฟกับขนมปังที่วางไว้อยู่บนโต๊ะอย่างใจ เย็น

ตอนนี้สายตาของชายหนุ่มกำลังมองไปยังข่าวๆ หนึ่งซึ่งดูเหมือนว่า เขาจะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ

“สำนัก งานต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวานนี้ นายฮันนิบาล เลสเตอร์ ประธานกลุ่มบริษัท เลสเตอร์ แฟมิลี ได้รับชัยชนะในการประมูลโครงการ สัมปทานด้านอวกาศ ในประเทศอิหร่าน ทำให้บรรดานักธุรกิจจำนวนมากนำเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้ามาลงทุนที่ประเทศ อิหร่านทันที”

“ยังเยี่ยมไม่เปลี่ยน”

ชาย หนุ่มคิด เมื่อมองไปยังข่าวที่พาดหัวไว้อยู่แล้ววางมันลง แล้วจัดการทานมื้อเช้าที่วางไว้อยู่บนโต๊ะ ก่อนที่จะเดินออกจากร้านอาหารที่มีเหล่านักท่องเที่ยวกำลังนั่งทานอาหารกัน อย่างเนืองแน่น

To Be Continued

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

:emo (58): นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นฟิกที่แต่งมาได้สักพักแล้ว ผมละอยากจะบอกว่า

มีเวลาว่างมากเหลือเกิน(ขณะที่ผมยุ่งกับการนั่งแก้ฟิกที่เค้าเอามาให้ผม) :emo (55):

ยังไงลองมาติฟิกที่ผมเอามาลงมั่งน่ะครับ(น่าจะเรียกว่านิยาย) :emo (46):

ปล.อยากอ่านตอนฉากต่อสู้ซธแล้วสิ :emo (30):

Share this post


Link to post
Share on other sites

ง่า ชมเกินไปแล้วครับ บาร์คุง ผมเองก็ยังติดเรื่องเนื้อเรื่องกับคำบรรยายอยู่เลยครับ

เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นฝ่ายต่าง ๆ ในเรื่อง Black Remember และ บรรดาตัวละครหลักที่ประจำอยู่ฝ่ายต่าง ๆ

ฝ่ายต่าง ๆ ในเรื่อง Black Remember

Solitary Peace of Humanity Embattle Reinforcement (SPHERE)

"SPHERE" คือ กองกำลังพิเศษที่ไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจรัฐของประเทศใด ๆ ในโลก เป็นกองกำลังพิเศษที่ "คณะมนตรีเพื่อสันติภาพ" ก่อตั้งขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อดำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงของโลก และ คอยกำจัดผู้ที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติ ด้วยวิธีการขั้นเด็ดขาดและรุนแรง เงินสนับสนุนของกองกำลังนี้มาจาก "คณะมนตรีเพื่อสันติภาพ" และ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ระดับโลก ทำให้พวกเขาได้รับเงินทุนสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา

ฝ่ายตัวละครเอก

1. ซามาเอล วีโดรา (22 ปี) เขาคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ทุกชนิด และ การสู้รบทุกรูปแบบ ในอดีตเขาเคยเป็นทั้ง นักปฏิวัติ และ ผู้ก่อการร้าย มาก่อน

2. ฮันนิบาล เลคเตอร์ (26 ปี) เขาคือ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของโลก ผู้เป็นเจ้าของธุรกิจสัมปทานด้านอวกาศ การสื่อสาร และ พลังงาน ที่มีเบื้องหลังเป็นหนึ่งใน ผู้บัญชาการสูงสุดคนหนึ่งของ SPHERE และ ที่สำคัญเขายังทำหน้าที่เป็น ทูตสันติภาพ ที่คอยเจรจาข้อพิพาทระหว่างประเทศ

3. มินอร์วา เพรสซิเดนท์ (18 ปี) เธอคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดที่มากด้วยความสามารถ และยังเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ แม้เธอจะอายุยังน้อย

4. วิเนอรี เพรสซิเดนท์ (17 ปี) เธอคือ เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค และ วิศวกรคอมพิวเตอร์ ที่มีฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งขององค์กร

5. นอร์ม่า เซรีน (22 ปี) เธอคือ ที่ปรึกษาทั้งทางด้านการเมือง ด้านธุรกิจ และ ด้านทหาร ของ ฮันนิบาล และ ที่สำคัญเธอยังเป็น สไนเปอร์ ที่มีฝีมือเหนือชั้น ล้ำหน้ายิ่งกว่าใคร ๆ

ฝ่าย Organization of Humanity Relic Reform (OHRR)

OHRR คือ องค์กรอาชญากรรมที่ชั่วร้ายและอันตรายที่สุด ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก ที่เกิดจากการรวมตัวกันของ กลุ่มนักธุรกิจที่ชั่วร้าย หลายกลุ่มเข้าไว้ด้วยกัน พวกเขาคอยอยู่เบื้องหลังสงครามกลางเมือง และ การก่อการร้ายในหลายประเทศ เงินทุนของพวกเขามาจาก การลักลอบค้าอาวุธสงคราม ขายยาเสพติด ค้ามนุษย์ ธุรกิจผิดกฏหมายทุกอย่าง และจากนั้น พวกเขาก็นำเม็ดเงินที่ได้ไปลงทุนในธุรกิจที่ถูกกฏหมายในหลายธุรกิจ ๆ เพื่อฟอกเงิน

1. เด เมียน โดมินิค ธอร์น คือ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเชื้อสายยิว ผู้เป็นเจ้าของธุรกิจสัมปทานด้านพลังงาน ธนาคาร เหมืองแร่ทองคำ และเหมืองเพชรในหลายสิบประเทศทั่วโลก ที่มีเบื้องหลังเป็นนักค้าอาวุธรายสำคัญ และ ยังเป็นผู้นำคนสำคัญที่คอยอยู่เบื้องหลังองค์กรก่อการร้าย Organization of Humanity Relic Reform หรือ OHRR ที่สำคัญเขานั้นยังเป็นอาชญากรรายสำคัญที่ตอนนี้กำลังถูกทาง หน่วยงานของรัฐบาลจากประเทศต่าง ๆ ในหลายสิบประเทศทั่วโลก ตามล่าในฐานะ Highly Dangerous Criminal หรือ บุคลที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งของโลก

2. อลองโซ คาลิเวียลา (42 ปี) เขาคือ ผู้นำหมายเลข 2 ของ องค์กร และ ยังเป็นนักฆ่าที่ได้รับการไว้วางใจมากที่สุดจากเดเมียน โดยที่ตัวเขานั้นเป็นหนึ่งในนักฆ่าที่น่ากลัวและอันตรายที่สุดของโลก อาชญากรรม ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน และ ปัจจุบันเขากำลังถูกตามล่าในฐานะ Highly Dangerous Criminal

3. ดร. ราโดสลาฟ ลูเธอร์ (44 ปี) เขาคือ นักธุรกิจชาวรัสเซีย ผู้เป็นเจ้าของ บริษัทเคมีเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ในหลาย ๆ สิบประเทศทั่วโลก ที่มีเบื้องหลังเป็น ผู้นำหมายเลข 3 ของ องค์กร และเขายังเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่คอยทำการทดลอง เรื่อง อาวุธเคมี อาวุธเชื้อโรค และ อาวุธชีวภาพ ให้กับองค์กรโดยการนำเด็กผู้หญิงมาเป็นเหยื่อทดลอง ก่อนที่จะเอาไปใช้ในงานจริง โดยที่ตัวเขานั้นถูกกำลังถูกตามล่าในฐานะ Highly Dangerous Criminal

4. ดอลฟาร์ ไฮเลอร์ (25 ปี) เธอคือ ทนายความที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของยุโรป ที่มีเบื้องหลังเป็น ผู้นำหมายเลขสี่ขององค์กร ที่คอยรักษาผลประโยชน์ด้านการเงินให้ เดเมียน ในหลาย ๆ ประเทศที่เขาถูก แบลคลิสต์ ที่สำคัญ เธอยังเป็นสมาชิกระดับผู้นำคนหนึ่งในองค์กรที่ยังไม่ติด แบลคลิสต์ จากประเทศใด ๆ

5. วิคเตอร์ โรมานอฟ (33 ปี) เขาคือ นักธุรกิจชาวรัสเซียผู้ถือสัมปทานด้านอวกาศ การสื่อสาร และ โทรมนาคม ที่มีเบื้องหลังเป็น ผู้นำหมายเลข 5 ขององค์กร OHRR ที่คอยทำหน้าที่ด้านการข่าวให้แก่องค์กร

ฝ่าย Frontier of Freedom Treaty Revolutionaries (FFREET)

FFREET คือ กองกำลังอิสระที่เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มคนหลายกลุ่มที่มีความโกรธแค้น ต่อการกระทำของ เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนใน United Nations Security Council for Peace (UNSCP) และ "SPHERE" ที่ กำลังแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ที่เกิดจากสงครามอยู่ เงินทุนที่สนับสนุนของกองกำลังนี้มาจาก การลงทุนร่วมกันอย่างลับ ๆ ของ บรรดานักธุรกิจหลายสิบคน และ รัฐบาลหลายสิบประเทศทั่วโลก

1. จูเลียส สตอฟเฟนเบิร์ก (25 ปี) เขาคือ ผู้นำกลุ่มต่อต้านที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน การวางแผนรบ ยุทธศาสตร์ทางทหาร และที่สำคัญเขายังเป็น สไนเปอร์ ที่มีฝีมือระดับพระกาฬ

2. นีโอ นาคาเอล (24 ปี) เขาคือ มือวางระเบิดยอดอัจฉริยะประจำกลุ่มต่อต้าน ผู้มากด้วยประสบการณ์ และ ทำงานไม่เคยพลาด

3. จูเลีย เฟลมมิ่ง (18 ปี) เธอคือ มือสังหารของกลุ่มต่อต้าน และ ยังเป็นหนึ่งในมือสังหารระดับแนวหน้าที่มีฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งของโลก

4. อิสเบลลา ไรเวอร์ (21 ปี) เธอคือ มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดอีกคนหนึ่ง ผู้เป็นเจ้าของธุรกิจสัมปทานด้าน พลังงาน และ การสื่อสาร ที่มีเบื้องหลังเป็นผู้ที่คอยรวบรวมเงินทุนให้แก่ กลุ่มต่อต้าน

United Nations Security Council for Peace (UNSCP)

UNSCP หรือ "คณะมนตรีเพื่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ" คือ กลุ่มบุคลผู้มีอำนาจสูงสุดของ "United Nation" หรือ องค์กรสหประชาชาติ ที่มีตัวแทนมาจาก 13 ประเทศ ดังต่อไปนี้ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรอังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส แคนนาดา เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น รัสเซีย เนเธอร์แลนด์ สวิตซ์เซอแลนด์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และ อินเดีย (โดยที่ เนเธอร์แลนด์ และ สวิตซ์เซอแลนด์ ยังคงแสดงบทบาทเดิมอยู่นั่นคือ การวางตัวเป็นกลาง)

กลุ่มของ เกเบรียล

1. เกเบรียล ไซเรน (28 ปี) ชายหนุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายยิว ผู้เป็นตัวแทนจากสหรัฐที่เข้าไปดำรงตำแหน่ง "คณะ มนตรีเพื่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ" ที่มีอายุน้อยที่สุด และ ที่สำคัญตัวเขานั้นยังเป็นมหาเศรษฐีผู้ทรงอำนาจที่สุดคนหนึ่งของโลกที่คอย ให้การสนับสนุนทั้งทางด้านการเงิน และ เทคโนโลยีทางทหาร ให้แก่กองกำลังพิเศษ SPHERE แต่ตัวเขานั้นเองก็มีแผนที่จะใช้ SPHERE ในการควบคุมโลก โดยการผลักดันให้ทั่วโลกให้หันมาตั้ง รัฐบาลเดียวกันแบบสากล

2. ไดอานา เฮฟเวน (23 ปี) เธอคือที่ปรึกษาด้านการเมือง ด้านการทหาร และ ด้านเศรษฐกิจ ของ เกเบรียล

3. เลนิน ฮาซาร์ด (25 ปี) เขาคือ เจ้าหน้าที่พิเศษที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งของ SPHERE ที่ ได้รับคำสั่งมาจาก เกเบรียล ไซเรน โดยตรง แต่ตัวเขานั้นไม่ค่อยฟังคำสั่งหรือแผนการต่าง ๆ เลยสักนิด และมักใช้วิธีการของตนเองในการทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงอยู่เสมอ

4. เอลิเซีย คามิลลา (20 ปี) เธอเป็นนางแบบสาวชื่อดังที่มีเบื้องหลังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดสุดระห่ำ ประจำกองกำลังพิเศษ SPHERE ที่ ได้รับการคัดเลือกมาจาก เกเบรียล ให้มาเป็นคู่หูของ เลนิน ฮาซาร์ด แต่ตัวเธอนั้นมักจะทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับ เกเบรียล ในบางครั้ง และที่สำคัญเธอยังเป็นพี่สาวของ เลทีเซีย คามิลลา นักค้าอาวุธอิสระอีกด้วย

5. ไซมอน ฮาเวส (26 ปี) ยังไม่เปิดเผยครับ

6. เรจิน่า ไรซิ่ง (21 ปี) ยังไม่เปิดเผยเช่นกัน

ตัวละครที่ไม่สังกัดฝ่ายใด

1. นิโคไล ลอเรนโซ (23 ปี) เขาคือ มือสังหารอิสระที่อยู่ในชุดคาวบอยลึกลับที่มีฝีมือร้ายกาจจนยากจะหยั่งถึง ที่สำคัญเขายังมีความสัมพันธ์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ วีโดรา

2. เลทีเซีย คามิลลา (19 ปี) เธอคือ มหาเศรษฐีผู้เป็นเจ้าของสัมปทานธุรกิจพลังงาน และ ธนาคารในหลายประเทศ ที่มีเบื้องหลังเป็นหนึ่งในนักค้าอาวุธที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของ ยุโรปและตอนนี้กำลังแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลก ที่สำคัญเธอยังเป็นนักค้าอาวุธที่ไม่เคยฝักใฝ่ฝ่ายใด

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

วีวี่จังยังแต่งฟิกได้สุดยอดเหมือนเดิมเลยน้อ ~ .,

รอดูต่อ ๆ ไปนะคะงิ > w <

( อยากให้มีรูปตัวละครด้วยจังเล๊ยย )

สู้ ๆ ค่ะ ~ /me ปูเสื่อรอ ~

Share this post


Link to post
Share on other sites

วีวี่จังยังแต่งฟิกได้สุดยอดเหมือนเดิมเลยน้อ ~ .,

รอดูต่อ ๆ ไปนะคะงิ > w <

( อยากให้มีรูปตัวละครด้วยจังเล๊ยย )

สู้ ๆ ค่ะ ~ /me ปูเสื่อรอ ~

Share this post


Link to post
Share on other sites

ขอนำข้อมูลตัวละครฝ่ายตัวร้ายมาเปิดเผยครับ ซึ่งตัวร้ายฝ่ายนั้นก็คือ

ฝ่าย Organization of Humanity Relic Reform (OHRR)

ชื่อ- นามสกุล เดเมียน โดมินิก ธอร์น

ชาว อเมริกันเชื้อสายยิว

อายุ 43 ปี

สูง 192 ซ.ม.

เพศ ชาย

สีผม ผมสีแดงเพลิง

สีตา นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม

รูปร่าง/ลักษณะตัวละคร

อุปนิสัย เขาเป็นคนเงียบ ๆ ฉลาด เจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ ร้ายลึก เย่อหยิ่ง ทะนงตน มีความหยิ่งทะนงในตนเองสูงมาก ไม่เคยสนใจใคร รักใครไม่เป็น มีจิตใจที่โหดร้าย อำมหิต เลือดเย็น และ มีความคิดที่เลวร้ายมากจนไม่อาจคาดเดาความคิดของเขาได้เลย

สิ่งที่ชอบ สงคราม ความรุนแรง ความไม่สงบในสังคม และโลกที่ตกอยู่ในภาวะอนาธิปไตยทุกประการ

สิ่งที่เกลียด ระบบการปกครอง ศาสนา และ กฎหมาย

สีประจำตัวละคร สีเขียวอมดำ

แนวคิด/อุดมการณ์ สิ่ง ที่อยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ เดเมียน โดมินิค ธอร์น บุรุษผู้ที่ต้องการจะสร้างโลกที่ ไม่มีระบบการปกครอง ศาสนา หรือ กฎหมาย ขึ้นมานั้น เป็นเพราะว่า เขามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่สิ่งลวงโลก ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และ ทำให้ตนเองดูดีขึ้นในสายตาคนอื่น ซึ่งมันก็สมควรแล้วที่จะถูกทำลายให้มันหมด ๆ ไป

ด้าน การปกครอง เขามองว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพียงเพื่อแสวงหาอำนาจและหาผล ประโยชน์ส่วนตน และ นอกจากนี้เขายังมองด้วยว่า ระบบการปกครอง คือสิ่งที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกทางชนชั้นขึ้นมา

ใน ด้านศาสนา เขามองว่าเป็นเพียงแค่สิ่งสวยหรูที่ถูกมนุษย์สร้างขึ้นมา เพียงเพื่อให้ตัวเองดูดี มีศีลธรรม และ ยังเป็นต้นเหตุแห่งความขัดแย้งทางความเชื่อ

ส่วนทางด้านกฎหมายนั้น เป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจสร้างขึ้นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ในการแสวงหาความชอบธรรม

สำหรับเรื่องสงครามนั้นเขามองว่า สงครามไม่ใช่งานเลี้ยง แต่เป็นการแสวงหาอำนาจ และ ผลกำไรที่ได้จากมัน

ส่วนในเรื่องของ ครอบครัว หรือ ความรัก เดเมียน มองว่า คนเรานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีความผูกพันใด ๆ ทั้งสิ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ครอบครัว เพื่อน หรือ คนรัก เพราะยังไงซะ ของพรรค์นั้นมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องแหกตา ที่มนุษย์สร้างมันขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์เท่านั้น

ชื่อ-นามสกุล อลองโซ คาลิเวียลา

ชาว ฝรั่งเศส

อายุ 42 ปี

สูง 190 ซ.ม.

เพศ ชาย

สีผม ผมสีทอง (ปกติจะสวมหมวกสีดำทรงสูงไว้ตลอดเวลา)

สีตา นัยน์ตาสีแดงเข้ม (ปกติจะสวมแว่นดำเอาไว้ตลอดเวลาเช่นกัน)

รูปร่าง/ลักษณะตัวละคร

อุปนิสัย เขาเป็นคนเงียบ ๆ หยิ่งในศักดิ์ศรี มีจิตใจที่โหดร้าย อำมหิต เลือดเย็น และ ลึกลับมากจนน่ากลัว

สิ่งที่ชอบ ไม่มี

สิ่งที่เกลียด ความลับ

สีประจำตัวละคร แดง กับ ดำ

ชื่อ- นามสกุล ราโดสลาฟ ลูเธอร์

ฉายา เขาตั้งฉายาให้แก่ตนเองสองฉายานั่นคือ Father of science (บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ทั้งปวง) และ ยังมีอีกฉายาหนึ่งนั่นคือ Knowledge of all world (ความรู้ทั้งปวงบนโลก)

ชาว รัสเซีย

อายุ 44 ปี

สูง 194 ซม.

เพศ ชาย

สีผม ผมสีม่วงเข้ม

สีตา นัยน์ตาสีเหลืองทอง

รูปร่าง/ลักษณะตัวละคร

อุปนิสัย เขาเป็นคนฉลาด เจ้าเล่ห์ ภายนอกดูเป็นคนสุภาพนุ่มนวล วาจาสุภาพ แต่มีจิตใจที่โหดเหี้ยม อำมหิต วิปริตผิดมนุษย์ ละโมบ โลภมาก บ้าอำนาจ เผด็จการ ไม่เคยรับฟังความคิดเห็นของใคร ชอบทำร้ายจิตใจคน และ คิดว่าตนเองสูงส่งกว่าผู้อื่นอยู่เสมอ

สิ่ง ที่ชอบ การทดลองวิทยาศาสตร์ โดย เฉพาะการทดลองอาวุธเชื้อโรค โดยการนำเด็กผู้หญิงมาเป็นสัตว์ทดลอง การคัดเลือกพันธุกรรม และ การโคลนนิ่งมนุษย์

สิ่งที่เกลียด คนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขา และ คนที่วิจารณ์ความคิดของเขาในเชิงลบ

สีประจำตัวละคร สีดำ

ชื่อ-นามสกุล ดอลฟา ไฮเลอร์

ชาว เยอรมัน

อายุ 24 ปี

เพศ หญิง

สูง 175 ซม.

สีผม ผมยาวสีขาว

สีตา สีม่วง

รูปร่าง/ลักษณะตัวละคร

อุปนิสัย เธอเป็นคนเงียบ ๆ ฉลาด เจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ ร้ายลึก เลือดเย็น เห็นแก่ตัว หยิ่งยโส ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา แต่เธอสามารถทำทุกอย่างเพื่อ เดเมียน ได้ และเธอจะยกย่องพร้อมกับเชื่อฟังคำพูดของเดเมียน แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

สิ่งที่ชอบ ยังไม่ได้กำหนด

สิ่งที่เกลียด ยังไม่ได้กำหนด

สีประจำตัวละคร สีม่วง

ชื่อ-นามสกุล วิคเตอร์ โรมานอฟ

ชาว รัสเซีย

อายุ 33 ปี

เพศ ชาย

สูง 185 ซม.

สีผม ผมสีเทา

สีตา สีดำ

รูปร่าง/ลักษณะตัวละคร

อุปนิสัย เขาเป็นคนเงียบ ๆ และ ฉลาดมาก แต่แข็งกร้าว และชอบแสดงความคิดเห็นอย่างรุนแรงออกมาให้ได้ยินอยู่เสมอ ภายในใจของเขานั้นมีแต่ความเกลียดชังต่อสิ่งต่าง ๆ อยู่มากมาย

สิ่งที่ชอบ ยังไม่ได้กำหนด

สิ่งที่เกลียด ยังไม่ได้กำหนด

สีประจำตัวละคร สีเทา กับสีดำ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

:emo (55): ไม่ยอมอ่า ไม่ยอมมมมมมมมม

ทำได้เทพเกินไปแล้วครับคุณวีโดราแล้วแบบนี้ฟิกผมก็โดนเขี่ยทิ้งพอดี :emo (55): :emo (55):

:emo (34): เพลาๆบ้างน่ะครับช่วงนี้ยุ่งเรื่องงานจนไม่มีเวลาแต่งต่อเลย

Share this post


Link to post
Share on other sites

ยาวแจ่มแจ๋วขอก๊อปไปปริ๊นอ่านละกันเน้อ อ่านในนี้ไม่ไหวปวดตา :emo (31):

Share this post


Link to post
Share on other sites

ยังไม่ได้อ่านให้ละเอียด

แต่ดูผ่าน ๆบอกตามตรงว่า... ปวดตาโคตร -*-

ตัวหนังสือติดกันมากไป (อาจจะเพราะในเวบเฉพาะทาง กับตามกระทู้ต่างกัน)

อ่านยาก -*-

แต่เดี๋ยวอ่านรายละเอียดแล้ว ผมจะมาแก้คอมเม้นอีกที

ปล. ผมก็เป็นนักอยากเขียนเหมือนกัน เพราะงั้น ครั้งหน้าอาจจะเอามาลง (ถ้าเขียนเสร็จน่ะนะ)

**************************************************

-หลังจากที่อ่าน-

โครงเรื่อง+ข้อมูลสมทบ+การบรรยาย... แน่นมาก (ชม)

เป็นไม่กี่เรื่องที่ผมอ่านแล้วผมว่ารากฐานของเรื่องราวแข็งแรงมากครับ ผมเองก็ยังไม่ถึงขนาดนี้เลย

ความยาวต่อตอนถือว่ากำลังดีครับ ไม่สั้น ไม่ยาวจนเกินไป แต่ถ้าให้ทำเป็นเล่มจริง ๆ ก็ถือว่าสั้นอยู่ดี

จุดที่ต้องติ

ยังขอติจุดเดิม คือ ตักอักษรแน่นจนเกินไปครับ อ่านยาก

ส่วนที่จะติเพิ่มคือ ลักษณะการแบ่งรูปแบบ

เช่น

ในช่วนการพูดของตัวละคร ท่านใช้ "บลาๆๆๆๆๆๆ"

แต่เวลาที่ท่านใช้เน้นชื่อ เช่น “SPHERE” น่าจะเปลี่ยนจาก "-" เป็น [-] หรือ{-} หรือ (-) เป็นต้นครับ

ตัวผมเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด ในการแสดงความเห็นนี้ ก็ใช้มุมมองของตัวเองเป็นพื้นยืนตัดสิน หากที่ผมกล่าวมาขัดหูประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ขอบคุณอย่างสูงสำหรับผลงานที่ให้ศึกษา

Edited by oxygen

Share this post


Link to post
Share on other sites

โว้วว ,, สุดยอดงิวีวี่จัง ๆๆ XDD

ติดตามต่อ ๆๆ ~

อ๊ากก .. ฟิควี่จังนี่สุดยอดไปเลยเนอะ

เท่าที่ตามอ่านมามังกรชอบอันนี้ที่สุดล่ะะ XDD

Share this post


Link to post
Share on other sites

เข้ามาเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นของตัวละครอีกฝ่ายหนึ่งครับ

ฝ่าย Frontier of Freedom Treaty Revolutionaries (FFREET)

FFREET คือ กองกำลังอิสระที่เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มคนหลายกลุ่มที่มีความโกรธแค้น ต่อการกระทำของ เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนใน United Nations Security Council for Peace (UNSCP) และ "SPHERE" ที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์ที่เกิดจากสงครามอยู่ เงินทุนที่สนับสนุนของกองกำลังนี้มาจาก การลงทุนร่วมกันอย่างลับ ๆ ของ บรรดานักธุรกิจหลายสิบคน และ รัฐบาลหลายสิบประเทศทั่วโลก

ชื่อ-นามสกุล จูเลียส สตอฟเฟนเบิร์ก

ชาว เยอรมัน

อายุ 25 ปี

สูง 187 ซ.ม

เพศ ชาย

สีผม สีทอง

สีตา สีเขียวมรกต

อุปนิสัย เขาเป็นคนฉลาด ทำอะไรละเอียดรอบคอบ ตัดสินใจได้อย่างเยือกเย็น แม้ในบางครั้งจะแสดงความร้อนรนออกมาให้เห็นบ้างก็ตาม

นิสัย โดยรวม เขาเป็นฉลาด มีจิตใจที่มุ่งมั่น แน่วแน่ ทำอะไรละเอียดรอบคอบและมีแบบแผนเสมอ สามารถตัดสินใจได้อย่างเยือกเย็น แม้ในบางสถานการณ์นั้นเขาจะแสดงความความร้อนรนออกมาให้เห็นบ้างก็ตาม

สิ่งที่ชอบ ไม่มี

สิ่งที่เกลียด

สถานะในเรื่อง เขาคือ ผู้นำกลุ่มต่อต้านที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน การวางแผนรบ และ ที่สำคัญเขายังเป็น สไนเปอร์ ที่มีฝีมือระดับพระกาฬ

ชื่อ-นามสกุล นีโอ นาคาเอล

ชาว ไอร์แลนด์

อายุ 24 ปี

สูง 185 ซ.ม

เพศ ชาย

สีผม ผมสีแพลตตินัมบลอนด์

สีตา ผมสีฟ้าน้ำทะเล

อุปนิสัย เขาเป็นสุภาพนักรักผู้เรียบง่าย สบาย ๆ รักสนุก อารมณ์ดี มีอารมณ์ขันตลอดเวลา แต่จริงจังมากตอนเวลาทำงาน พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยไม่ลังเล

นิสัยโดยรวม เขาเป็นสุภาพบุรุษเจ้าสำอาง ผู้เรียบง่าย ชอบใช้ชีวิตแบบเรื่อย ๆ สบาย ๆ รักสนุก อารมณ์ดี มีอารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลา และ ยังเป็นคาสโนวาที่ให้เกียรติผู้หญิงอยู่เสมอ แต่จริงจังมากตอนเวลาทำงาน พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยไม่ลังเล

สิ่งที่ชอบ ชอบไปเที่ยวตามโบราณสถาน หรือ ตามธรรมชาติ

สิ่งที่เกลียด

สีประจำตัวละคร สีน้ำเงิน กับ สีฟ้า

สถานะในเรื่อง เขาคือ มือวางระเบิดยอดอัจฉริยะประจำกลุ่มต่อต้าน ผู้มากด้วยประสบการณ์ และ ทำงานไม่เคยพลาด

ชื่อ-นามสกุล จูเลีย เฟรมมิ่ง

ชาว เยอรมัน

อายุ 18 ปี

สูง 172 ซ.ม.

เพศ หญิง

สีผม ผมยาวแดงเพลิง

สีตา อำพัน

อุปนิสัย เธอเป็นคนลึกลับ น่าค้นหา ภายนอกดูแข็งกร้าวและเย็นชา แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนอ่อนโยน และมีอารมณ์อ่อนไหวพอสมควรทีเดียว แต่ในเวลางานเธอสามารถตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด เยือกเย็น แม้บางครั้งจะดูร้อนรนไปบ้างก็ตาม

สิ่งที่ชอบ ความลับ

สิ่งที่เกลียด ความลับ

สีประจำตัวละคร สีแดง

สถานะในเรื่อง เธอคือ มือสังหารของกลุ่มต่อต้าน และ ยังเป็นมือสังหารระดับแนวหน้าที่มีฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งของโลก

ชื่อ-นามสกุล อิสเบลลา ไรฟ์เวอร์

ชาว -

อายุ 21 ปี

สูง 174 ซม.

เพศ หญิง

สีผม ผมยาวสีดำ

สีตา ตาสีน้ำเงิน

อุปนิสัย เธอเป็นคนเฉลียวฉลาด เยือกเย็น มองการไกล มีวิสัยทัศน์ คิดเร็ว ทำเร็ว ตัดสินใจฉับไว

สิ่งที่ชอบ ไม่ได้กำหนด

สิ่งที่เกลียด ไม่ได้กำหนด

สีประจำตัวละคร สีน้ำเงินดำ

สถานะในเรื่อง เธอคือ มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดอีกคนหนึ่งของโลก ผู้เป็นเจ้าของธุรกิจสัมปทานด้าน พลังงาน และ การสื่อสาร ที่มีเบื้องหลังเป็นผู้ที่คอยรวบรวมเงินทุนให้แก่ กลุ่มต่อต้าน

ขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านนะครับ

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

:emo (67): มาแบบนี้มันก็สุดๆแล้วผมยังไม่สามารถลงรายละเอียดแบบนั้นได้เลยแต่งใหม่ไปวันนี้พึ่งได้ไปหน้าเองน้อยมากมาย

:emo (58): แบบนี้สู้ไม่ไหวสุดยอดจริงๆ

Share this post


Link to post
Share on other sites

เข้ามาเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นของ กลุ่มตัวร้ายกลุ่มสุดท้ายครับ

กลุ่มของกาเบรียล

ชื่อ-นามสกุล เกเบรียล ไซเรน

ฉายา บนเวทีการเมืองระดับโลกบุรุษผู้มีนาม เกเบรียล ไซเรน นั้นมีฉายาต่าง ๆ ประดับอยู่มากมายนับไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็น "เจ้าชายแห่งสันติภาพ" หรือ "ผู้นำมาซึ่งสันติภาพบนโลก" หรือ "ผู้ช่วยเหลือมวลมนุษยชาติ" แต่มีน้อยคนนักที่รู้ซึ้งถึงตัวจริงของเขาที่อยู่อีกด้านที่มีฉายาอีกหนึ่ง ฉายา ซึ่งนั่นก็คือ "คนบาปในคราบนักบุญ" หรืออีกฉายานั่นคือ "ผู้ฝักใฝ่ในการปกครอง"

ชาว อเมริกันเชื้อสายยิว

อายุ 28 ปี

สูง 188 ซม.

เพศ ชาย

สีผม สีฟ้า

สีตา สีน้ำเงิน

อุปนิสัย ภายนอกเขาดูเป็นคนฉลาดลึกล้ำ เยือกเย็น มองการไกล มีวิสัยทัศน์ มีเหตุผล รับฟังความเห็นผู้อยู่เสมอ แต่ตัวตนที่แท้จริงนั้นเขาเป็นคนฉลาด ร้ายลึก มีจิตใจที่โหดร้าย อำมหิต เลือดเย็น แต่มีวาทศิลป์ดีมากสามารถพูดจาโน้มน้าวจิตใจคนได้เป็นอย่างดี มีความทะเยอทะยานสูงมากต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง และ สามารถทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตน

สิ่งที่ชอบ เขาชอบอ่านหนังสือทุกประเภทตั้งแต่ นิยาย วรรณกรรม ไปจนถึง หนังสือแนวปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ การเมือง-การปกครอง

สิ่งที่เกลียด เผด็จการ ผู้ก่อการร้าย และ อาชญากร

สีประจำตัวละคร สีน้ำเงิน กับ สีดำ

แนวคิด และ อุดมการณ์

ในเรื่อง การเมือง การปกครอง หรือ ศาสนา นั้นเรามาดูกันสิว่า เกเบรียล มีแนวคิดอย่างไร

สำหรับ เกเบรียล ไซเรน แล้วเขามองว่า เราควรแยกศาสนาออกจากการเมือง เพราะ ศาสนาคือเรื่องของศีลธรรมที่มีไว้เพื่อสั่งสอนผู้คน ส่วนการเมืองนั้นคือเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ การเล่นการเมืองนั้นไม่ควรคำนึงถึงศีลธรรม

ผลประโยชน์ คือสิ่งสูงสุดทางการเมือง นักการเมืองหรือผู้มีอำนาจแต่ละคนควรแสวงหาอำนาจ หรือ ผลประโยชน์ส่วนตนให้ได้มากที่สุด ส่วนในเรื่องของผลประโยชน์ส่วนรวมนั้นถือเป็นเรื่องรองลงไป

นักการเมือง หรือผู้มีอำนาจ จงอย่ากลัวถ้าจะต้องทำอะไรผิด ผู้มีอำนาจและนักการเมืองควรนำความผิดพลาดนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในภาย หลัง เพราะบางสิ่งบางอย่างที่คนภายนอกมองเห็นว่าดี แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ได้ผลดีตามที่เห็น ในขณะที่สิ่งที่ไม่ดีนั้นบางครั้งก็อาจจะใช้การได้

นักการเมืองหรือผู้มีอำนาจนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนดี แต่ควรเสแสร้งแสดงให้คนอื่นคิดว่าเป็นคนดี

นักการ เมืองหรือผู้มีอำนาจ ควรหลีกเลี่ยงการประจบสอพลอ เพราะ การประจบสอพลอนำมาซึ่งความอ่อนนแอ เว้นเสียแต่ว่าเราจะใช้สิ่งนั้นเสียเอง

นักการ เมืองหรือผู้มีอำนาจไม่ควรอยู่ที่ทางสายกลาง เมื่อจะทำอะไรให้เต็มที่และเปิดเผย แต่ก็ต้องปกปิดความจริงบางส่วนเอาไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้ด้วย

และ สุดท้ายในเรื่องของการใช้อำนาจ เกเบรียล มองว่า ผู้มีอำนาจย่อมเป็นผู้ถูกเสมอ เพราะ คนมีอำนาจจะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีใครกล้าว่าว่าผิด จุดมุ่งหมายย่อมสำคัญกว่าวิธีการ จงตัดสินใจให้เด็ดขาดและทำสิ่งใดก็ตามเพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายของตนเอง โดยไม่ต้องสนใจว่าใครจะคิดยังไง

ชื่อ-นามสกุล ไดอานา เฮฟเวน

ชาว อังกฤษ

อายุ 23 ปี

สูง 175 ซม.

เพศ หญิง

สีผม ผมยาวสีทอง

สีตา ตาสีเขียวมรกต

อุปนิสัย ภาพลักษณ์ภายนอกเธอเป็นคนเฉลียวฉลาด มีกิริยาท่าทางที่สุภาพเรียบร้อย ดูดีมีมารยาท แต่ความจริงนั้นเธอเป็นคนฉลาด ร้ายลึก เลือดเย็น จิตใจโหดร้าย สามารถทำเรื่องที่เลวร้ายลงไปได้เพื่อใส่ร้ายผู้อื่นอยู่เสมอ แล้วยังสามารถกลบเกลื่อนความผิดที่จะสาวมาถึงตนได้อย่างไร้ร่องรอย มีจิตใจที่ทะเยอทะยานและมักใหญ่ใฝ่สูงมาก

สิ่งที่ชอบ ไม่ได้กำหนด

สิ่งที่เกลียด ไม่ได้กำหนด

สีประจำตัวละคร สีทอง

สถานะในเรื่อง เธอคือที่ปรึกษาด้านการเมือง ด้านการทหาร และ ด้านเศรษฐกิจ ของ เกเบรียล และ ยังเป็นคนรักของเขาอีกต่างหาก

ชื่อ-นามสกุล เลนิน ฮาซาร์ด

ชาว รัสเซีย

อายุ 25 ปี

สูง 186 ซม.

เพศ ชาย

สีผม ผมสีแดง

สีตา สีทอง

อุปนิสัย เขาเป็นสายลับหนุ่ม PLAY BOY สุด HOT สุดร้อนแรง เร่าร้อนโดนใจ แต่ปากร้าย และมีจิตใจที่แสนเย็นชา บ้าระห่ำไม่เหมือนใคร ชอบทำอะไรตามใจตนเอง

สิ่งที่ชอบ กินเหล้า(ดื่มหนักมาก) เล่นกีฬา Extreme หรือ กีฬาเสี่ยงตายทุกประเภท หรือ อะไรก็ตามที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงให้หวาดเสียวเล่น และ ผู้หญิงที่เงียบ ๆ ท่าทางเรียบร้อย

สิ่งที่เกลียด การหักหลัง การถูกหลอกใช้ และ การเอาความรู้สึกส่วนตัวของผู้อื่นมาล้อเล่น

สีประจำตัวละคร สีแดง กับสีทอง

ชื่อ-นามสกุล อลิเซีย คามิลลา

ชาว ฝรั่งเศส

อายุ 20 ปี

สูง 172 ซม.

เพศ หญิง

สีผม ผมสีฟ้า

สีตา ตาสีเขียวมรกต

อุปนิสัย เธอเป็นคนฉลาด ร่าเริง อารมณ์ดี เจ้าเล่ห์นิด ๆ แอบร้ายหน่อย ๆ และ ชอบทำอะไรที่มันแหวกแนวไม่ซ้ำแบบใคร

สิ่งที่ชอบ อะไรก็ได้ที่มันไม่น่าเบื่อ ซ้ำซากจำเจ

สิ่งที่เกลียด ยังไม่รู้

สีประจำตัวละคร สีเขียว กับ สีฟ้า

ชื่อ-นามสกุล ไซมอน ฮาเวส

ชาว อเมริกัน

อายุ 26 ปี

สูง 187 ซม.

เพศ ชาย

สีผม ผมสีขาว

สีตา ตาสีฟ้า

อุปนิสัย เขาเป็นสายลับหนุ่มสุด Cool ผู้เงียบขรึม ลึกลับ มีจิตใจที่เย็นชา ไร้อารมณ์ ปราศจากความรู้สึกใด ๆ

นิสัย โดยรวม นิสัยโดยรวม เขาเป็นสายลับหนุ่มสุด COOL ผู้เงียบขรึมมาก ๆ และมาดนิ่งแบบสุด ๆ จนหลาย ๆ คนมักจะมองเขาว่าเป็นใบ้ เพราะ เขาไม่เคยพูดอะไรเลยสักคำ หากวันไหนได้ยินเขาพูด โลกคงจะแตกลงไปในวันนั้นภายในทันที ตอนเวลาปกติหากเขาต้องการสื่อสารอะไรบางอย่างกับใครสักคนแล้วล่ะก็ เขามักจะใช้สายตาในการสื่อสารแทนคำพูดของเขา เมื่อถึงเวลาปฏิบัติภารกิจเขาจะกลายเป็นดั่ง เครื่องจักรสังหาร ที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเลือดเย็น ไร้อารมณ์ ปราศจากความรู้สึกใด ๆ ไปในทันที

สิ่งที่ชอบ ความลับ

สิ่งที่เกลียด ความลับ

สีประจำตัวละคร สีขาว

ชื่อ-นามสกุล เรจินา ไรซิ่ง

ชาว เสปน

อายุ 21 ปี

สูง 170 ซม.

เพศ หญิง

สีผม

สีตา

อุปนิสัย

สิ่งที่ชอบ ยังไม่ได้กำหนด

สิ่งที่เกลียด ยังไม่ได้กำหนด

สีประจำตัวละคร ยังไม่ได้กำหนด

ขอบพระคุณทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านนะครับ

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

:emo (71): โอ้วแม่เจ้าท่านจะอินเตอร์ไปถึงไหนครับเนี่ยเอาผมลำบากใจอีกแล้ว

ยังไงต้องขอลาจากไปก่อนซักพักตอนนี้จะสอบเลยต้องไปนั่งหาหนังสือมาอ่านนิยงนิยายตอนนี้ไม่เข้าหัวเลยครับ :emo (02):

ยังไงก็รอๆกันมั่งน่ะท่าน วีวี่ สงสัยต้องคิดคาแรกนางเอกไว้ก่อนที่จะลืมละ :emo (47):

อืมต้องหาเวลาแล้วสิน่ะ :emo (58):

Share this post


Link to post
Share on other sites

ง่า ชมเกินไปแล้ว บาร์คุง(เคคุง) แต่ก็ขอบคุณที่ชมนะครับ

เรื่องสอบพยายามเข้านะครับ บาร์คุง มิมิ๊

เข้ามาเปิดเผย ข้อมูลเบื้องต้นของตัวละครกลุ่มสุดท้ายครับ นั่นคือ

ตัวละครที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

ชื่อ- นามสกุล วินเซนท์ โรเมโน

ชาว อิตาลี

เกิด 14 ตุลาคม 2029

อายุ 23 ปี

สูง 184 ซ.ม.

เพศ ชาย

สีผม ผมยาวสีเงิน

สีตา ข้างซ้ายสีเหลืองทอง ข้างขวา สีแดงเข้ม

อุปนิสัย เขาเป็นคนเงียบ ๆ และ ฉลาดมากจนมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มีจิตใจที่เข้มแข็ง เยือกเย็นได้ในทุกสถานการณ์ และมีความมั่นใจในตนเองสูงมาก

สิ่งที่ชอบ

สิ่งที่เกลียด

สีประจำตัวละคร

ชื่อ- นามสกุล เลทีเซีย คามิลลา

ฉายาในวางการ ราชินีแม่ม่ายดำ

ชาว อังกฤษ

อายุ 18 ปี

สูง 168 ซ.ม.

เพศ หญิง

สีผม ผมยาวสีน้ำตาล

สีตา สีม่วง

อุปนิสัย เธอเป็นคาสโนวีผู้เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่เอาแต่ใจตัวมากเป็นพิเศษ อยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่เมื่อถึงเวลางานเธอจะกลายเป็นนักเจรจาชั้นยอด สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด เยือกเย็น และ จะไม่ยอมปล่อยให้ตนเองเสียผลประโยชน์ไปอย่างแน่นอน

นิสัยโดยรวม เธอเป็นคาสโนวีผู้เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่สามารถสะกดใจคนให้ลุ่มหลงได้ และเธอเองก็เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมากเป็นพิเศษ เมื่อเธออยากได้อะไรแล้วล่ะก็เธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ ในเวลางานเธอจะกลายเป็นนักเจรจาชั้นยอด ที่สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด เยือกเย็น และ จะไม่ยอมปล่อยให้ตนเองเสียผลประโยชน์ไปอย่างแน่นอน

สิ่งที่ชอบ สัตว์เลี้ยงแปลก ๆ เช่น งู แมงป่อง แมงมุมมีพิษ หรือไม่มี ไปเที่ยวตามชายหาดส่วนตัวของเธอเอง และ สิ่งที่เธอชอบที่สุดก็คือ ผู้ชายเงียบ ๆ มาดนิ่ง ๆ

สิ่งที่เกลียด

สีประจำตัวละคร

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

Solitary Peace of Humanity Embattle Reinforcement (SPHERE)

Solitary Peace of Humanity Embattle Reinforcement (SPHERE) หรือ กองกำลังพิเศษเพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงของโลก คืออะไร

คำตอบ SPHERE คือ กองกำลังพิเศษลับสุดยอด ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ 2030 โดย มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อดำรงไว้ซึ่งรักษาสันติภาพ และ ความมั่นคงระหว่างประเทศ ตลอดไปจนถึงการค้นหาและทำลาย กลุ่มบุคลกลุ่มใดก็ตามที่ทาง “องค์กรสหประชาชาติ” เห็นว่าเป็นภัยต่อมวลมนุษยชาติ และ ความมั่นคงของโลก

United Nations Security Council for Peace (UNSCP) หรือ คณะมนตรีเพื่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ คืออะไร

คณะมนตรีเพื่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ คือกลุ่มบุคลที่ทรงอำนาจที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก ประกอบด้วยสมาชิกถาวร 13 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล แคนนาดา ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน และ อินเดีย

สมาชิกล่ะ

ปัจจุบันนี้ กองกำลัง SPHERE มีสมาชิกทั้งหมด 170 ประเทศ ทั่วโลก สมาชิกก่อตั้งประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล แคนนาดา ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน และ อินเดีย

กำลังพลล่ะ

ปัจจุบันนี้ กองกำลัง SPHERE มีเจ้าหน้าที่พิเศษประจำอยู่ในแต่ละประเทศทั่วโลกทั้งหมด ประมาณ 70,000 คน

เจ้าหน้าที่ชายทั้งหมด ประมาณ 40, 000 คน

เจ้าหน้าที่หญิงทั้งหมด ประมาณ 30, 000 คน

เกณฑ์ที่เข้าร่วมล่ะ

สำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมกองกำลัง SPHERE ได้นั้นต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป และ ที่สำคัญต้องเป็นยอดฝีมือในด้านต่าง ๆ ที่ถูกเลือกสรรเอาไว้แล้วจาก Agent ขององค์กร ที่คอยจับตาความเคลื่อนไหวอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของทั่วทุกมุมโลก

อายุเฉลี่ยของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดล่ะ

อายุ 16-20 ปี มี 10 % ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด

อายุ 21-30 ปี มี 50 % ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด

อายุ 31-40 ปี มี 30 % ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด

อายุ 41-50 ปี มี 5 % ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด

อายุ 51-60 ปี มี 4.5 % ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด

อายุ 60 ปีขึ้นไป มี 0.5 % ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด

สมัครใจรึ

ใช่ครับ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดล้วนแต่สมัครใจกันเข้ามา มีเพียงบางคนเท่านั้นที่ถูกบังคับแต่น้อยมากหากเทียบเป็น % กันแล้ว

แล้วชีวิตประจำวันของแต่ละคนล่ะ

ตัวตนของเจ้าหน้าที่พิเศษ SPHERE ใน ฐานะ เจ้าหน้าที่พิเศษ ของแต่ละคนนั้นจะถูกปกปิดไว้เป็นความลับโดยองค์กร ตั้งแต่เจ้าหน้าพิเศษที่คอยทำภารกิจทั่วไป จนไปถึง ผู้บัญชาการประจำประเทศนั้น ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือ ตัวตนภายนอกของเจ้าหน้าที่พิเศษที่คุณเห็นนั้น บางคนอาจจะเป็น นักศึกษา ดารา นางแบบ นายแบบ นักกฎหมาย นักธุรกิจ หรือ บางคนอาจจะเป็นนักการเมือง ก็เป็นได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ มีเจ้าหน้าที่พิเศษ SPHERE อยู่ในทุกสาขาอาชีพ

อำนาจล่ะ

แม้ "SPHERE" จะ เป็น กองกำลังพิเศษที่ไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจรัฐของประเทศใด ๆ ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของประเทศใหน ก็ตามไม่สามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่ SPHERE ปฏิบัติงานได้ มีเพียงผู้บัญชาการ SPHERE เท่านั้น ที่สามารถสั่งการได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เจ้าหน้าที่ SPHERE จะมีอำนาจเหนือกว่ากฎหมายประเทศนั้น ๆ

เงินทุนกับผู้สนับสนุนล่ะ

เงินทุนที่สนับสนุนกองกำลัง SPHERE มาจาก “เงินทุนส่วนกลาง” ของ คณะมนตรีเพื่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ แล้วยังมีเงินทุนสนับสนุน ที่มาจากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ทรงอิทธิพลในระดับโลกที่มีอยู่มากมาย หลายกลุ่ม ทำให้พวกเขาสามารถดำเนินภารกิจของตนเองได้อย่างสะดวก เพราะ ได้รับเงินทุนสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา และถ้าหากเจ้าหน้าที่คนไหนได้รับบาดเจ็บแล้วล่ะก็ ทางองค์กรจะเป็นคนออกค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมดเอง

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

เข้ามาเปิดผยข้อมูลเบื้องต้นขององค์กรก่อการร้ายครับ

Organization of Humanity Relic Reform (OHRR)

Organization of Humanity Relic Reform (OHRR) หรือ องค์กรเพื่อการปฏิรูปมนุษยชาติ คืออะไร

คำตอบ OHRR คือ องค์กรอาชญากรรมที่ชั่วร้ายและอันตรายที่สุดองค์กรหนึ่งของโลก ที่เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มนักธุรกิจสุดโฉดที่ครองอำนาจอยู่ในองค์กร อาชญากรรมหลาย ๆ องค์กร มารวมเข้าไว้ด้วยกันภายใน องค์กรเดียว พวกเขาเข้ามารวมกลุ่มกันโดยมีวัตถุประสงค์บางอย่างที่คล้ายคลึงกันนั่นคือ ต้องการทำลายระบบการปกครองทั่วโลกลง โดยการก่อสงครามกลางเมือง หรือ การก่อการร้าย ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อ โค่นล้มระบบการปกครองทั่วโลกลง

ผู้ก่อตั้ง องค์กรนี้คือใคร

หากจะเอ่ยถามถึงเรื่องนั้นแล้วล่ะก็ คงต้องบอกว่าบุรุษผู้ก่อตั้งองค์กร OHRR นี้ คือ เดเมียน ธอร์น นายทุนผู้ค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ของโลก เขาคือชายผู้ทรงอำนาจสูงสุดในโลกอาชญากรรม ใช่ครับ คน ๆ นี้ถูกทางกลุ่ม “United Nations Security Council for Peace” และ กองกำลังพิเศษ “SPHERE” จัด ให้เป็น บุคลที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งของโลก ไม่เว้นแม้แต่ พวกนักธุรกิจที่ครองอำนาจอยู่ในองค์กรอาชญากรรมหลาย ๆ องค์กร ยังต้องหวาดหวั่น หรือ เกรงกลัวเขา

องค์กรนี้ก่อตั้งมาแล้วกี่ปี

20 ปีครับ องค์กร OHRR แห่งนี้ ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดย เดเมียน ธอร์น ในปี 2032 แต่ทว่า ในตอนนั้นยังเป็นองค์กรอาชาญกรรมทั่ว ๆ ไป ที่ยังไม่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของโลกและมวลมนุษยชาติสักเท่าไหร่นัก

จนกระทั่งปี 2040 ซึ่งเป็นปีที่ องค์กรอาชญากรรม องค์กรนี้แสดงความโหดร้ายออกมาโดยการนำระเบิดแก๊สพิษไปวางตามสถานทูตประจำประเทศต่าง ๆ กว่า 10 ประเทศ ในอิตาลีส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและ ผู้ได้รับบาดเจ็บนับหมื่น ๆ คน แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ให้ แกนนำคนหนึ่งขององค์กร ส่งภาพสัญลักษณ์ประจำองค์กรและเสียงประกอบไปให้ บรรดาผู้นำทุกประเทศทั่วโลกดูในตอนที่พวกเขากำลังประชุมฉุกเฉินกันที่ สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ

เครือข่ายล่ะ

ในเมื่อองค์กร OHRR เป็น องค์กรอาชญากรรมที่เกิดจากการรวมกลุ่มของ องค์กรอาชญากรรมต่าง ๆ ทั่วโลก เข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้มีสมาชิกหลายกลุ่ม หลายองค์กร หลายเครือข่าย กระจัดกระจายไปอยู่ในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งแต่ละองค์กรนั้นจะมีอำนาจภายในกันเอง แต่อำนาจโดยรวมแล้วทั้งหมดจะอยู่ที่ สมาชิกระดับผู้นำ และ ผู้บริหารระดับสูง ทั้งห้าคน ซึ่งเป็นเหมือนกับจุดศูนย์กลางแห่งอำนาจขององค์กร

สมาชิกระดับสูงทั้งห้าคน มีใครบ้าง

ผู้นำ คือ เดเมียน ธอร์น

ผู้บริหารสูงสุดมีทั้งหมด 4 คน นั่นคือ

อลองโซ คาลิเวียลา

ราโดสลาฟ ลูเธอร์

ดอลฟา ไฮเลอร์

และ สุดท้าย วิคเตอร์ โรมานอฟ

โครงสร้างองค์กรล่ะ

โครงสร้างของเครือข่ายทางอำนาจภายในขององค์กรก่อการร้าย OHRR นั้นค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งส่วนต่าง ๆ นั้นมีดังต่อไปนี้

1. ผู้นำ

2. ผู้บริหารสูงสุด

3. นายหน้าคนสำคัญ หรือ ตัวแทนของผู้บริหารสูงสุด (ลูเซียส คาเมนี เองก็อยู่ในระดับนี้)

4. แกนนำระดับปฏิบัติการ (คอยดูแล หรือ ควบคุมกองกำลังประจำฐานบัญชาการต่าง ๆ)

5. นายหน้าทั่ว ๆไป

6. แกนนำกลุ่มย่อย

7. พลทหาร

สมาชิกทั้งหมดขององค์กร

ในปัจจุบันนี้สมาชิกของกองกำลังขององค์กรก่อการร้าย OHRR ที่กระจายอยู่ทั่วโลกมีอยู่ประมาณ 400,000 คน

เงินทุนกับผู้สนับสนุน

หากพูดถึงเงินทุนที่สนับสนุนองค์กรอาชาญกรรมองค์กรนี้แล้วล่ะก็ มาจากการลักลอบขนอาวุธเถื่อน ขายยาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าผู้หญิง ค้าของเถื่อน กรรโชกทรัพย์ และ ทำธุรกิจผิดกฎหมายแทบทุกอย่างเท่าที่คุณจะนึกออก จากนั้นพวก นักธุรกิจที่ครองอำนาจอยู่ในโลกอาชญากรรม ก็นำเม็ดเงินที่ได้เหล่านี้เข้าไปลงทุนในธุรกิจถูกกฎหมาย หลาย ๆ ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ ตลาดแฟชั่น โรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร การสื่อสาร พลังงาน หรือ เหมืองเพชร ไปจนถึงธนาคาร กระทั่งกลายเป็น องค์กรอาชญากรรมที่มีเงินทุนมหาศาล ในตลาดการค้าเสรี

มีผู้เสียชีวิตจากการกระทำขององค์กรก่อการร้าย OHRR นี้แล้วกี่คนนับตั้งแต่ปี 2040

หากจะพูดถึงจำนวนผู้เสียชีวิตที่มีอยู่ทั้งหมดทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 2040 จนมาถึงปี 2052 แล้วละก็ ทางองค์กรสหประชาชาติได้บันทึกไว้ดังนี้

ปี 2040 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 280,000 คน

ปี 2041 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 240,000 คน

ปี 2042 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 220,000 คน

ปี 2043 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 260,000 คน

ปี 2044 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 300,000 คน

ปี 2045 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 310,000 คน

ปี 2046 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 350,000 คน

ปี 2047 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 320,000 คน

ปี 2048 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 330,000 คน

ปี 2049 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 360,000 คน

ปี 2050 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 340,000 คน

ปี 2051 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 420,000 คน

ปี 2052 มีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 500,000 คน

โดยรวมแล้วมียอดผู้เสียชีวิตจากองค์กรนี้ทั้งหมด 4,230,000 คน

ตัวเลขทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่ตัวเลขของจำนวนผู้เสียชีวิตที่ถูกประมาณการเอา ไว้โดยทางองค์การสหประชาชาติเท่านั้น ซึ่งทางองค์การสหประชาชาตินั้นก็ยังคงเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีผู้เสียชีวิต และผู้หายสาบสูญไปจากการก่อการร้าย การก่ออาชญากรรม และ สงครามกลางเมือง ที่เกิดขึ้นจากการกระทำขององค์กรอาชญากรรมองค์กรนี้อีกหลายล้านคน

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน

Edited by วีโดราและมิเนอร์วา

Share this post


Link to post
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
Sign in to follow this  

×
×
  • Create New...