Jump to content
Sign in to follow this  
falconzero

The Endless Story

Recommended Posts

สนุกมากเลย อ่านทั้งวันเลย สนุกมากใช้ได้เลย :emo (76): :emo (43): :emo (49):

Share this post


Link to post
Share on other sites

ตอนใหม่มาแล้ว หลังจากดองมานาน lol

เคร้ง โครม!!

เสียงกระทบกันของโลหะสองชนิด ดังลั่นไปทั่วลานประลอง และตามมาด้วยเสียงกระแทกกันอย่างรุนแรงระหว่างกำแพงของสนามประลองกับร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งที่ทรุดตัวลงนั่งพิงผนังอย่างอ่อนแรง ผมสีมรกตเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นโคลน แก้มสีขาวนวลอาบไปด้วยของเหลวสีแดงสดที่ไหลลงมาจากศีรษะด้านบนจนใบหน้าซีกซ้ายถูกย้อมไปด้วยของเหลวนั้น นัยน์ตาสีโลหิตเพ่งมองอีกฝ่ายหนึ่งที่ยังคงยืนนิ่งอย่างสบายๆอยู่กลางสนาม คาตานะยาวสองเมตรในมือถูกควงไปมาอย่างสบายอารมณ์ ก่อนที่มันจะถูกเก็บเข้าฝักดาบสีขาวลายทองด้วยความรวดเร็ว นัยน์ตาสีทองคู่นั้นหันมาสบตาเธอและจ้องมาอย่างท้าทาย แต่คนที่ถูกท้าแทบจะไม่เหลือแรงอีกแล้ว ขนาดจะขยับตัวยังยากเลย

ชิ...ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียวแฮะ เจ็บใจชะมัด...

เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ที่ห้องทานอาหารประจำบ้าน

สาวงามสามคนกำลังนั่งล้อมรอบหม้อไฟเล็กๆ ใบหนึ่งด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน โดยมีหญิงสาวผมสีทองยาวสลวยที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีที่สุดนั่งอยู่หัวโต๊ะ เธอฮัมเพลงไปพลางใช้ตะเกียบคนอาหารในหม้อไปพลาง โดยมีน้องสาวทั้งสองนั่งอยู่ข้างๆ

หญิงสาวผมสีม่วงเป็นประกายถอนหายใจเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาสีเดียวกันจ้องมองเครื่องต่างๆ ในหม้ออย่างเลื่อนลอย ผิดกับพี่รองที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงราวกับหุ่นไม้

“พี่เรล...”

“ไม่ได้จ๊ะ”

“โธ่พี่ หนูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ”

“วิลลาอยากจะขออะไรเพิ่มใช่ไหมล่ะจ๊ะ แต่เราตกลงกันแล้วนี่นาว่าจะใช้วิธีแบบนี้น่ะ” AI สาวฟุบหน้าลงกับโต๊ะเมื่อได้ยินคำตอบจากพี่สาว ก่อนจะทำสีหน้าราวกับคนสิ้นหวังในชีวิต

เป็นความคิดของพี่เรลที่บอกว่าอยากจะกินหม้อไฟด้วยกัน แต่กินธรรมดามันไม่สนุก ก็เลยเพิ่มกฏขึ้นมาข้อหนึ่งว่า “แต่ละคนจะต้องเลือกวัตถุดิบมาคนละอย่างเท่านั้น” นั่นหมายความว่าหม้อไฟนี้จะมีเครื่องได้แค่สามอย่าง ซึ่งมันดูน้อยพิกล แต่เธอก็ไม่เคยเห็นหม้อไฟจริงๆ มาก่อนเหมือนกัน บางทีแบบนี้ก็น่าจะเรียกว่าหม้อไฟได้มั้ง? แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนี้น่ะสิ ปัญหามันเริ่มมาจากที่พี่เรลเอารูปผักบุ้งมาให้เธอดู พร้อมโฆษณาชวนทานอย่างสวยหรูจนเธอต้องน้ำลายไหล วัตถุดิบของเธอก็เลยเป็นผักกาดแก้วไปโดยปริยาย แต่พอเธอเห็นของที่พี่ๆเตรียมมาก็แทบอยากจะทำให้เธอเป็นบ้า

“หม้อไฟที่ใส่แค่ผักบุ้งกับผักกาดแก้วแล้วก็วุ้นเส้นเนี่ยมันน่าอร่อยตรงไหนกัน...”

“แต่คนเลือกผักบุ้งมาก็คือวิลลาไม่ใช่เหรอจ๊ะ อีกอย่าง พวกพี่ๆ เองก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้” ถึงจะบอกเช่นนั้น แต่ตัวคนพูดเองกลับยิ้มร่าแล้วค่อยๆ ตักเครื่องทั้งสามใส่ชามใบเล็ก ก่อนจะค่อยๆ ทานอย่างเอร็ดอร่อย ตามมาด้วยพี่รองที่เริ่มตักทานโดยไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดๆ ออกมาเช่นเคย

เฮ่อ...รู้งี้ไม่น่าหลงเชื่อเรื่องผักบุ้งของพี่เรลเลย โดนหลอกให้กินหม้อไฟมังสวิรัตเสียได้ วิลลาคิดอย่างเศร้าๆ ก่อนจะตักผักบางส่วนขึ้นมาทานบ้าง อา...มีแต่รสของผักทั้งนั้นเลย เนื้อจ๋า~ อยู่ไหนกัน

ในระหว่างที่วิลลากำลังเศร้าอยู่นั่นเอง เรดาห์ของเธอก็รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง เจ้าสิ่งนั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ซึ่งดูจากทิศทางการเคลื่อนที่แล้ว เป้าหมายของมันก็คงไม่พ้น...ที่นี่ และเป็นห้องนี้เสียด้วย!!

“พี่!”

“นั่งลงเถอะวิลลา พี่รู้แล้วล่ะ” พี่คนโตของบ้านบอกเสียงเรียบ พร้อมโบกมือให้วิลลานั่งลงเหมือนเดิม น้องสาวยอมทำตามแต่ภายในใจก็ยังกระวนกระวายไม่หาย เพราะตอนนี้เจ้าสิ่งนั้นเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว แถมยังพุ่งตรงมาที่ห้องนี้ราวกับรู้ดีว่าพวกเธออยู่ที่ไหนอีกด้วย!

“เลนเน่ ไปเปิดประตูต้อนรับแขกของเราหน่อยสิจ๊ะ” เลนเน่ลุกขึ้นไปยืนรอที่ประตูไม้เงียบๆ แทนคำตอบ ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับบางสิ่งบางอย่างที่พุ่งผ่านประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว เจ้าสิ่งนั้นใช้เท้าข้างหนึ่งถีบกำแพงดังโครม ก่อนจะตีลังกากลางอากาศแล้วลงมายืนบนพื้นอย่างสง่างาม เรือนผมสีเขียวมรกตที่ยาวพอสมควรโบกสะบัดไปตามการเคลื่อนไหวของร่างบางที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงสามส่วนอันแสนมอซอ นัยน์ตาสีแดงฉานมองสำรวจสามพี่น้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันดังว่า

“ยอดเยี่ยม! พวกเจ้ารับรู้การลอบโจมตีของข้าได้ถือว่ามีฝีมือพอตัว ที่แห่งนี้น่าสนใจอย่างที่หมอนั่นบอกจริงๆ”

“หมอนั่น? ใช่ฟอลหรือเปล่าจ๊ะ” พี่ใหญ่ของบ้านถามกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสราวกับกำลังต้อนรับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง

“ใช่! ชื่อนี้แหละ ข้าจำมันได้แม่นเชียวล่ะ” หญิงสาวนิรนามยังคงตอบด้วยเสียงอันดังเช่นเดิม ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขยายความต่อไปว่าทำไมถึงจำได้แม่นยำนัก

“งั้นเหรอจ๊ะ งั้นเรามานั่งกินหม้อไฟกันเถอะ” เรลเวียร์กวักมือเรียกเพื่อนใหม่ให้มานั่งร่วมโต๊ะด้วย พร้อมๆ กับที่เลนเน่กลับมานั่งทานอาหารเหมือนเดิม คงจะมีแต่วิลลาเท่านั้นที่หันมองผู้มาใหม่กับพี่สาวของตนสลับกันไปมาด้วยความงง

ผู้มาเยือนขมวดคิ้วกับปฏิกิริยาแปลกประหลาดของผู้อยู่อาศัยทั้งสาม แล้วก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจกับท่าทีนิ่งเฉยของทั้งสามขึ้นมา ไวเท่าความคิด เท้าข้างหนึ่งพุ่งเข้าไปหมายจะเตะโต๊ะอาหารแสนสุขนี้ให้คว่ำในทีเดียว แต่มันกลับไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการ เมื่อจู่ๆ หญิงสาวก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงประหลาดจากด้านหลังที่ทำให้เสียการทรงตัวลงไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ และภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นชามใบเล็กที่อัดแน่นไปด้วยผักบุ้ง ผักกาด และวุ้นเส้นพร้อมน้ำซุปร้อนๆ ที่มีควันลอยออกมา แถมในมือของเธอยังถือช้อนเอาไว้อีกด้วย!

มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?

“นี่เธอ...”

“ถ้าไม่รีบทานมันจะเย็นเสียก่อนนะจ๊ะ” เรลเวียร์พูดด้วยความห่วงใย ก่อนจะยกถ้วยน้ำซุปของตนขึ้นมาซดอย่างเอร็ดอร่อย ไม่คิดแม้แต่จะเหลือบตามองผู้มาใหม่ที่ยังคงขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

“ทานก่อนสิ แล้วต้องการอะไรค่อยว่ากันหลังทานเสร็จ” เลนเน่เอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรกของวัน

“ทานหน่อยน้า~ เดี๋ยวตักให้ด้วย” ไม่ว่าเปล่า วิลลาคว้าชามเปล่าใบหนึ่งขึ้นมาแล้วพยายามตักเอาของในหม้อใส่ชามใบนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย เท่านี้ก็มีคนมาช่วยกินของที่ไม่อยากกินแล้ว ดีจังเลย~

ผู้มาใหม่ก้มลงมองชามทั้งสองใบที่พูนไปด้วยผัก ก่อนจะทำใจหยิบขึ้นมากินอย่างรวดเร็ว เอาวะ กินเสร็จค่อยคุยก็ได้

ว่าแต่ทำไมมันมีแต่ผักกับวุ้นเส้นล่ะเนี่ย?

หลังจากผ่านมื้อเที่ยงอันแสนจะเงียบสงบเพราะไม่มีใครคิดจะเปิดประเด็นขึ้นมา พี่ใหญ่ของบ้านก็เป็นคนทำลายความเงียบนี้ลง

“สวัสดีอีกครั้งจ๊ะ ฉันชื่อเรลเวียร์นะ จะเรียกว่าเรลก็ได้ ส่วนสองคนนี้คือเลนเน่กับวิลลา ทั้งสองคนเป็นน้องสาวของฉันเองจ๊ะ” เลนเน่ก้มหัวลงทำความเคารพอีกฝ่ายเล็กน้อย ส่วนวิลลาก็โบกมือทักทายอย่างร่าเริง แต่คนถูกทักเหมือนจะไม่ค่อยมีอารมณ์ทักทายตอบสักเท่าไหร่

“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหามิตร ข้ามาเพื่อต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่งเท่านั้น!” หญิงสาวประกาศเจตนารมย์ของตนเองออกมา ก่อนจะชี้นิ้วไปที่หญิงสาวที่นั่งตรงกันข้ามกับตน

“ดูแล้วเจ้าน่าจะเก่งที่สุด มาสู้กับข้าซะ”

“แล้วคู่ต่อสู้ของฉันจะไม่แนะนำตัวอะไรก่อนเลยเหรอจ๊ะ” เรลเวียร์ถามกลับอย่างยิ้มๆ ส่งผลให้อีกฝ่ายแสยะยิ้มตอบ

“ฉายาของข้าคือแร็คน่าร็อค”

“ฉายา? แล้วชื่อล่ะจ๊ะ?” ผู้ไม่ยอมบอกชื่อจริงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปว่า

“ไว้ชนะข้าก่อนแล้วจะบอกให้”

สนามประลองภายในบ้านไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้เธอจะหลับไปถึงสองปีก็ตามที

“อืม...รู้สึกคิดถึงยังไงก็ไม่รู้แฮะ” เรลเวียร์ยืนบิดไปมาอยู่กลางสนามประลอง โดยมีเลนเน่และวิลลาคอยมองดูการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ที่ริมขอบสนาม นัยน์ตาสีทองหันไปมองร่างบางของอีกฝ่ายที่แม้จะยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงรัศมีอันตรายที่อยู่รอบๆ ร่างนั้น ที่สำคัญคือแม้จะอยู่ในท่ายืนปกติ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย

อืม...สมกับที่คุยว่าแข็งแกร่งจริงๆ แฮะ

“เฮ้ย เจ้าน่ะ!”

“เรลเวียร์จ๊ะ”

“ไม่ได้จะถามชื่อว้อย!! ข้าจะบอกให้เจ้าบุกเข้ามาหาข้าก่อนต่างหาก”

“ท้าให้บุกเข้าไปทั้งๆ ที่ตัวเองตั้งการ์ดระวังภัยอยู่ตลอดเหรอจ๊ะ” แร็คนาร็อคยิ้มเมื่ออีกฝ่ายดูท่าทีของตนออก ก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีที่ได้ยินประโยคถัดไป

“นึกว่าสมองจะมีแต่กล้ามเนื้อเสียอีก”

“แกว่าไงนะ!!” หญิงสาวตะคอกกลับ ก่อนที่ประสาทสัมผัสทั่วร่างจะส่งสัญญาณเตือน เธอพุ่งตัวหลบไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว พอดีกับที่เธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่พุ่งผ่านร่างของตนไป แร็คนาร็อคหันไปมองคู่ต่อสู้ของตนที่ยังคงยืนอยู่เช่นเดิม ทว่าไม่ได้อยู่ที่เดิม

“หืม? ไวดีนี่”

“ขอบใจที่ชมจ๊ะ” เรลเวียร์ยังคงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

“แสดงว่าที่จับให้ข้านั่งในห้องอาหารนั่นก็ฝีมือเจ้าด้วยสินะ”

“หม้อไฟนั่นก็ฝีมือฉันด้วยจ๊ะ” แร็คนาร็อคไม่ตอบ เพราะเธอเริ่มจะจับจุดเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ของอีกฝ่ายได้แล้ว คู่ต่อสู้ของเธอน่าจะเป็นสายใช้ความไวในการต่อสู้ มักจะยั่วยวนอีกฝ่ายด้วยคำพูดหรือวิธีการเพื่อให้ศัตรูเผลอแล้วจะจู่โจมปิดฉากในครั้งเดียว สังเกตได้จากครั้งแรกที่เธอเผลอเสียสมาธิไปกับคำยั่วยวนแล้วเกือบจะโดนโจมตีด้วยความเร็วสูงที่เธอก็เกือบจะมองไม่ทัน

และในเมื่อคาดเดาได้แล้ว ก็แค่ปรับแนวทางการต่อสู้ให้เหนือกว่าอีกฝ่ายก็เท่านั้น!!

“อ้อ หม้อไฟผักนั่นก็ฝีมือเจ้าด้วยงั้นเหรอ? มิน่า รสชาติห่วยชะมัด”

“แหม ถ้าไม่ถูกปากก็บอกกันตรงๆ ก็ได้นะจ๊ะ จะได้ปรุงให้ใหม่”

“ไม่ล่ะ อย่างเจ้าน่ะ ทำอะไรก็คงไม่อร่อย เมื่อกี้ก็ไปล้วงคออาเจียนในห้องน้ำมารอบนึงแน่ะ”

“แย่ล่ะสิ” เลนเน่พึมพำ ทำให้วิลลาที่ยืนอยู่ข้างๆ กันหันมามองด้วยความสงสัย

“อะไรแย่เหรอคะ?”

“ยัยนั่นจับจุดของการต่อสู้นี้ได้และกำลังยั่วท่านเรลให้โจมตีเข้าไปก่อนน่ะสิ” หญิงสาวอธิบายให้น้องน้อยฟัง

“อ๋า แปลว่าพี่เรลกำลังตกหลุมพรางอีกฝ่ายอยู่งั้นเหรอ อย่างนี้ก็แย่น่ะสิ” วิลลามีท่าทีร้อนรนและพยายามจะเอ่ยเตือน แต่ก็โดนพี่รองยกมือห้ามเอาไว้

“นี่เป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว เราไม่ควรเข้าไปยุ่ง”

“แต่พี่เรลกำลังจะแย่ไม่ใช่เหรอคะ?”

“ใครบอก คนที่จะแย่น่ะ ยัยแร็คนาร็อคต่างหาก”

“เอ๋?”

“เธอน่ะ มาว่าคนอื่นว่าสมองมีแต่กล้ามเนื้อ แต่ไม่เคยคิดจะมองตัวเองเลยสินะ วันๆ คงเอาแต่นั่งสวยอยู่ในห้องล่ะสิ ข้าเดาถูกใช่ไหมล่ะ?” แร็คนาร็อคยักคิ้วล้อเลียนอีกฝ่ายที่ยังคงยิ้มให้เช่นเดิม ทว่าถึงปากจะยิ้ม แต่ตาไม่ยิ้มตาม แสดงว่ากำลังอดกลั้นอารมณ์โกรธของตัวเองอยู่ภายในเป็นแน่ หึๆๆ แล้วพอเผลอจู่โจมเข้ามา ข้าก็จะสวนกลับให้จอดในหมัดเดียวเลยคอยดูสิ!

“ฉันไม่ได้เอาแต่...”

“โถๆๆ ไม่ต้องมาพูดแก้ตัวหรอกน่า พวกคนอย่างเจ้าน่ะ คงเอาแต่พยายามทำตัวให้น่ารักเพื่อจับใจผู้ชายล่ะสิ ทำไปทั้งปีทั้งชาติก็ไม่ได้ร๊อก~”

“หยุดก่อนจะดีกว่า...”

“แทงใจดำหรือไงจ๊ะ คุณหนูน้อย ต้องขออภัยโทษอย่างสูงด้วยนะจ๊ะที่พูดตรงไปนิด” แร็คนาร็อคล้อเลียนวิธีการพูดของคู่ต่อสู้ และดูเหมือนว่าประโยคเมื่อกี้จะทำให้อีกฝ่ายหมดความอดทน สติขาดผึง เงื้อหมัดขวาพุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว ดูจากวิถีแล้วคงจะเล็งมาที่ท้องน้อยของเธอเป็นแน่ แค่เบี่ยงตัวหลบสักนิด... ด...เดี๋ยวสิ เฮ้ย!!

หญิงสาวผมมรกตเบี่ยงตัวหลบหมัดนั้นอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจจะหลบได้ทั้งหมด ชายเสื้อที่เฉี่ยวกับหมัดนั้นขาดภายในพริบตา แต่เธอไม่มีเวลามากพอจะมาห่วงเสื้อผ้า เพราะขาซ้ายของอีกฝ่ายกำลังตรงดิ่งมาที่ตำแหน่งเดิมด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่าหมัดนั้นเสียอีก

ผัวะ!!

“อึก!” ร่างบางปลิวไปตามแรงเตะนั้น ก่อนจะตีลังกากลับหลังมามายืนได้อีกครั้ง แต่ความจุกที่ได้รับทำให้เธอขยับกายไม่ถนัดนัก

ชิ...เผลอประเมินความสามารถต่ำไปแฮะ

“แหม...ดูท่าจะเป็นหญิงสาวที่ไม่ค่อยได้รับการฝึกมารยาทมานะจ๊ะ โดยเฉพาะเรื่องการใช้คำพูดเนี่ยเหมือนจะยังห่างไกลความเป็นผู้ดีอีกเยอะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก” เรลเวียร์ชักดาบคาตานะของตนออกมาแล้วฟาดมือตนเองเล่นราวกับว่ามันเป็นไม้เรียว พร้อมกับส่งยิ้มหวานที่เต็มไปด้วยไอเย็นและจิตสังหารไปให้

“เดี๋ยวฉันจะจับฝึกให้ทุกอย่างเลยล่ะ” พูดเสร็จร่างบางก็เลือนหายไป ในสนามจึงเหลือเพียงหญิงสาวผมสีมรกตที่ตอนแรกมีท่าทีตกใจในความสามารถที่แท้จริงของอีกฝ่าย ทว่าตอนนี้นัยน์ตาสีโลหิตพราวระริกไปด้วยความรื่นรมย์ที่จะได้ต่อสู้กับคนๆ นั้น

“หึๆ ฮ่าๆๆๆ ต้องให้ได้อย่างนี้สิ!!” และแล้วร่างของแร็คนาร็อคก็ค่อยๆ เลือนหายไปเช่นกัน ก่อนที่หมู่มวลอากาศภายในสนามประลองจะเริ่มหมุนวนราวกับพายุ พร้อมๆ กับเสียงปะทะกันของโลหะและพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ผู้ชมทั้งสองยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

“ตอนนี้ทั้งสองคนต่อสู้กันด้วยความเร็วประมาณ 270 เมตรต่อวินาทีแล้วค่ะ” นัยน์ตาสีม่วงของ AI สาวพราวระริกไปกับการต่อสู้ตรงหน้า พลางบันทึกการต่อสู้ครั้งนี้เอาไว้ด้วยความสามารถส่วนตัว ต่างจากพี่รองที่หันหลังเดินออกจากสนามประลองไปอย่างเบื่อหน่าย

การต่อสู้ที่รู้ผลอยู่แล้วน่ะ มันน่าสนใจตรงไหนกัน?

วันต่อมา

“แง ทำไมยังเป็นหม้อไฟผักอยู่อีกล่ะคะ” วิลลาคร่ำครวญกับอาหารตรงหน้า แต่พี่คนโตกลับยิ้มให้แทนคำตอบ ทำให้สาวน้อยรู้สึกสิ้นหวังกับอาหารมื้อนี้เสียเหลือเกิน ต่างกับพี่รองที่พนมมือขอบคุณในอาหารมื้อนี้ และกำลังจะตักอาหารใส่ถ้วยใบเล็กของตน

“อย่าเพิ่งจ๊ะเลนเน่ ยังกินไม่ได้” ผู้ถูกเรียกชะงัก ก่อนจะเก็บอาวุธ(?) ของตนกลับเข้าที่ และใช้นัยน์ตาสีเงินมองมายังพี่สาวแทนคำถาม แน่นอนว่าน้องเล็กก็หันมามองพี่ใหญ่ด้วยเช่นกัน

“เราต้องรอให้ทุกคนมาพร้อมกันก่อนถึงจะเริ่มทานอาหารกันได้จ๊ะ” พูดเสร็จประตูห้องอาหารก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยหญิงสาวร่างบางในชุดกระโปรงสีชมพูหวานประดับด้วยระบายลูกไม้ ผมสีเขียวมรกตถูกรวบเอาไว้เป็นหางม้าโดยมีโบว์เล็กๆ สีเดียวกับชุดประดับอยู่

“มาแล้วเหรอจ๊ะ ไลรา” เรลเวียร์เรียกชื่ออีกฝ่ายพลางหัวเราะคิกคัก ทว่าผู้ถูกเรียกกลับไม่มีอารมณ์ขันเท่าไรนัก รีบกระแทกตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปจ้องเจ้าของบ้านด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“จะเริ่มได้หรือยัง?”

“จ๊ะ งั้นพวกเรามาทานอาหารกันเถอะจ๊ะ” เมื่อได้รับคำอนุญาต หญิงสาวในชุดสีชมพูหวานก็รีบตักอาหารของตนทันที ทว่ายังไม่ทันจะได้ทานก็ถูกขัดเสียก่อน

“นั่นพี่แร็คนาร็อคเหรอ?” วิลลาเอ่ยถามพลางจ้องมองผู้มาใหม่ตาแป๋ว ผู้ถูกจ้องเหลือบตามามองก่อนจะถามกลับเสียงเบา

“ถ้าใช่แล้วจะทำไมไม่ทราบ?”

“แต่เมื่อกี้พี่เรลเรียกว่าไลรานี่นา นั่นคือชื่อจริงๆ ของพี่งั้นเหรอ?”

“ใช่แล้วล่ะจ๊ะวิล” เรลเวียร์ตอบแทบอีกฝ่ายที่มีหน้าตาบูดบึ้ง ทำให้ผู้ที่เป็นประเด็นของการสนทนาครั้งนี้หันมาจ้องสตรีผมทองที่หัวโต๊ะอีกครั้ง

“ชื่อของข้า ข้าตอบเองได้”

“อย่าซีเรียสนักสิ ยังไงพวกเราก็เป็นคนบ้านเดียวกันแล้วนะจ๊ะ สนิทกันเข้าไว้ล่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ไลราทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ก่อนจะเริ่มทานอาหาร แต่ก็ต้องถูกขัดอีกครั้งด้วยฝีมือของสาวน้อยคนเดิม

“แล้วทำไมพี่ถึงแต่งตัวแบบนี้มาล่ะคะ?” ว้อย!! คิดว่าข้าอยากใส่รึยังไงเล่ายัยเด็กบ้า!!!

“เพราะระหว่างต่อสู้เมื่อวาน พี่ตกลงกับไลราไว้ว่า ผู้แพ้ต้องทำตามคำสั่งของผู้ชนะ แล้วเมื่อวานพี่ชนะ พี่ก็เลยให้ไลราแต่งชุดนี้มาเองล่ะ น่ารักดีใช่ไหมล่ะ?” วิลลาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เพราะเมื่อวานเธอดูการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา แต่เธอกลับไม่ได้ยินบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ต่างจากหญิงสาวผู้เป็นประเด็นของการสนทนาที่กำช้อนส้อมจนหักไปเป็นที่เรียบร้อย

ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยผมทอง!!

Share this post


Link to post
Share on other sites

อ่านไปที่ละนิดละนิดสนุกมากเลย

แต่ต้องขอพัหสายตาก่อนปวดตามากเลย

Share this post


Link to post
Share on other sites

ต้องขออภัยเนื่องจากติดเกมส์ =w=" แถมยังสับสนนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เชิญรับชมได้ครับ =w=

ฮูม!!!

สัตว์ประหลาดตนหนึ่งร้องคำรามก้องไปทั่งทั้งหุบเขา หางอันใหญ่โตปาดซ้ายขวา กวาดต้นไม้สูงใหญ่แต่ละต้นหักโค่นล้มไปเป็นทาง มันเปิดปากของตนออกก่อนจะปล่อยเปลวเพลิงร้อนๆ ใส่ผู้ที่มารบกวนเวลาพักผ่อนของมัน ส่งผลให้บริเวณรอบๆ กลายเป็นทะเลเพลิงไปอย่างรวดเร็ว ทว่าผู้บุกรุกกลับไม่สะทกสะท้านกับคู่ต่อสู้ที่ขนาดใหญ่กว่าตนหลายสิบเท่า พุ่งเข้าไปปล่อยหมัดใส่กรามของมันอย่างแรงจนหัวสะบัด และม้วนตัวตอกส้นเท้าใส่หัวของมันอย่างรุนแรงจนชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมาใช้เขี้ยวโง้งกัด ทว่าเธอผู้นี้ว่องไวเกินกว่าที่เขี้ยวเหล่ายนั้นจะสัมผัสแม้แต่ปลายเส้นผม มันจึงเปลี่ยนวิธีการโจมตีเป็นคำรามใส่อีกฝ่ายซึ่งมันได้ผล! เป้าหมายชะงักไปชั่วครู่เนื่องจากพลังเสียงอันมากมายมหาศาล มันจึงถือโอกาสกระโจนเข้ากัดอย่างรวดเร็ว!!

กร๊อบ!!

เขี้ยวอันแสนจะภาคภูมิใจถูกหักลงอย่างง่ายดายพร้อมๆ กับที่สองมือและสองเท้าของหญิงสาวหยุดการถูกกินเอาไว้ได้ เจ้าสัตว์ประหลาดพยายามกดกรามของตนลง แต่กลับสู้แรงของเป้าหมายไม่ได้แม้แต่น้อย

“หึๆๆ พวกมังกรนี่แกร่งใช้เล่นเลยนะ แต่อย่าคิดว่าข้าจะแพ้ล่ะ!!” หญิงสาวดันปากของมันให้อ้ากว้างยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะรีบฉวยโอกาสกระโจนออกมาและพุ่งกลับไปแทบจะในทันทีที่สองปากของมันหุบลง

“ย้าก!!!” หนึ่งหมัดเสยคางของมันอย่างรุนแรง อีกหนึ่งหมัดที่ลำคอ อีกหนึ่งหมัดที่ท้องน้อย ตามมาด้วยอีกหลายร้อยหมัดที่รัวไม่ยั้งจนร่างอันใหญ่โตของเจ้ามังกรลอยขึ้นสูงเพราะแรงหมัดของหญิงสาวเพียงคนเดียว!!

“เอาล่ะ...” เธอชักหมัดขวาของตนมาไว้ข้างลำตัว มือซ้ายแบออก ยื่นตรงไปด้านหน้าราวกับกำลังตั้งศูนย์ยิงและเมื่อร่างของเจ้ามังกรร่วงลงมาตรงหน้า หมัดขวาก็ถูกปล่อยออกไปอย่างรุนแรง!!!

“แร็คน่าเบรค!!!”

ตูม!! ร่างของเจ้ามังกรกระแทกเข้ากับกำแพงหินเบื้องหลัง ส่งผลให้เกิดรอยแตกร้าวเป็นทางยาวลากไปสุดลูกหูลูกตา ก่อนที่ร่างของมันจะร่วงหล่น เผยให้เห็นรอยยุบเป็นรูปของเจ้ามังกรตัวนั้นอย่างชัดเจน หญิงสาวชักหมัดของตนกลับอย่างพึงพอใจ

“เอาล่ะ วอร์มอัพเรียบร้อย!!”

“เอ๋ วันนี้พี่ไลราก็แต่งชุดผู้หญิงอีกแล้วเหรอคะ?” AI สาวลอยตัวไปเกาะพนักเก้าอี้ด้านหลังนักสู้สาวในชุดกระโปรงสีชมพูหวานจ๋อยประดับไปด้วยระบายลูกไม้แทบทั้งตัวที่ดูแล้วอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก คนถูกเรียกพยายามระงับอารมณ์แล้วหันไปสนใจหนังสือในมือต่อ แม้จะไม่ได้อ่านเลยสักตัวก็ตาม

“แปลว่าวันนี้แพ้พี่เรลอีกแล้วใช่ไหมคะ? คิกๆ” วิลลาหัวเราะคิกคัก จนผู้ถูกหัวเราะเยาะดึงหนังสือในมือขาดเป็นสองท่อน ก่อนจะใช้มันขว้างใส่สาวน้อยที่ลอยตัวหลบไปมาอย่างคล่องแคล่ว ส่งผลให้เจ้าตัวยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีกและเริ่มใช้ชั้นหนังสือในห้องแทนอาวุธบิน จนพี่ใหญ่ของบ้านต้องเข้ามาห้ามก่อนที่ห้องจะพังไปมากกว่านี้

“ชิ งั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ” ไลราหันหลังและกำลังจะเดินออกไปจากห้อง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกใครบางคนเรียกเอาไว้

“จะไปไหนเหรอจ๊ะ? ไลรา”

“ก็ลงไปโลกมนุษย์น่ะสิ ถามได้” พอได้ยินคำตอบเท่านั้นแหละ ทุกคนในห้องก็ชะงักไปทันที ขนาดเลนเน่ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ มุมห้องก็ยังเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสนใจ จนคนตอบเองก็เริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองพูดอะไรผิดหรือเปล่า

“เอ๋? เดี๋ยวสิ จากที่นี่มีทางลงไปโลกเบื้องล่างด้วยงั้นเหรอ?” วิลลาถามขึ้นอย่างสนใจใคร่รู้ ทั้งสามเพ่งมองไปยังหญิงสาวเพียงคนเดียวที่สามารถตอบคำถามของพวกเธอได้

“เอ๋? พวกเธอไม่เคยลงไปโลกมนุษย์หรอกเรอะ” คนถูกถามถามกลับ สามพี่น้องพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง จนเธอเองถึงกับแปลกใจ

“ลงไปโลกมนุษย์ง่ายจะตายไป ไม่เคยลงไปกันเลยเหรอ?” สามพี่น้องหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้ารับอีกครั้ง ไลราเบิกตากว้าง

“แล้วนี่พวกเธอทนอยู่ในคฤหาสน์น่าเบื่อๆ แบบนี้มาตลอดเลยเรอะ?” ทั้งสามพยักหน้าพร้อมกันอีกครั้ง จนหญิงสาวนักสู้กุมขมับตนเอง

ไม่น่าเชื่อว่ายัยพวกนี้จะไม่รู้วิธีลงไปโลกมนุษย์ แถมยังทนอยู่ในคฤหาสน์น่าเบื่อนี้ได้ตั้งนาน พอคิดว่าตัวเองมาแพ้คนพวกนี้แล้ว... โอ้ย ปวดหัว!!

หญิงสาวหันหลังและกำลังจะเดินออกจากห้องไปเพราะความปวดเศียร ทว่ากลับมีมือหลายข้างมาฉุดรั้งร่างของตนเอาไว้ เมื่อหันกลับไปก็พบกับสายตาอ้อนวอนของสามสาวที่ไม่ต้องมองก็รู้ว่าใครส่องประกายวิบวับอย่างมีความหวัง

“ไลราจ๋า~ พาลงไปโลกมนุษย์หน่อยนะ” เรลเวียร์พูดอ้อนวอน

“พี่ไลราพาหนูลงไปเที่ยวหน่อยนะ” วิลลากระตุกแขนเสื้อของหญิงสาวแรงๆ

“...” เลนเน่ไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองมาก็สื่อความหมายได้เช่นเดียวกับคนอื่นๆ จนคนอยากไปทำธุระที่โลกมนุษย์ใจจะขาดถึงกับตะโกนออกมาดังลั่น

“โว้ย! งั้นเดี๋ยวพาไปก็ได้”

สายลมอันอ่อนโยนพัดผ่านร่างของหญิงสาวทั้งสี่ เรือนผมหลากสีปลิวไสวไปตามแรงลมช่วยเพิ่มความงดงามให้กับทั้งสี่ได้ไม่น้อย เพียงแต่ใบหน้าของพวกเธอไม่ได้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเนี่ยสิ

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ ไลรา” คนถูกถามเกาหัวแกรก ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจที่ตนต้องพูดซ้ำอีกครั้ง

“ก็บอกว่าโดดลงไปนี่ไง มันเข้าใจยากตรงไหนกัน?” พูดเสร็จก็ชี้มือลงไปยังเบื้องล่างของเกาะลอยที่มีแต่ปุยเมฆสีขาว

ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเธอสามพี่น้องตามนักสู้สาวที่รู้ทางลงไปโลกมนุษย์ เพื่อที่ตนจะได้ลงไปเที่ยวกับเขาบ้าง ทว่ามันติดอยู่ที่การลงไปเนี่ยสิ

ให้โดดลงจากเกาะลอยฟ้าที่ลอยอยู่เหนือเมฆเนี่ยนะ?

“เอ่อ...ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอจ๊ะ ไลรา” เรลเวียร์ถามเสียงสั่น ถึงตัวเธอจะมีปีกก็เหอะ แต่คนมันไม่เคยใช้อ๊ะ

“มันจะไปมีทางอื่นได้ยังไงกันเล่า ก็ถ้าจะลงไปโลกมนุษย์ก็ต้องลงจากเกาะลอยนี่ แล้วจะลงจากเกาะลอยฟ้าก็ต้องกระโดดเท่านั้นใช่ไหมล่ะ?”

มันก็จริงนะ แต่...

สามสาวก้มหน้าลงมองปุยเมฆสีขาวเบื้องล่าง ก่อนจะหันไปสบตากันเองราวกับขอคำปรึกษา ทว่ายังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันมากมายนัก ไลราก็เดินเข้ามาทางด้านหลังของพวกเธอทั้งสาม ก่อนจะรัวบาทาใส่อย่างรวดเร็ว แม้จะไม่รุนแรงนัก แต่ก็พอจะทำให้เท้าของสามพี่น้องเหยียบอยู่บนปุยเมฆสีขาวสะอาดได้

แล้วมันมีคนยืนอยู่บนเมฆได้ที่ไหนกันล่ะ?

กรี๊ดดดดดดด!!!

เสียงร้องโหยหวนดังลั่น ก่อนจะค่อยๆ ห่างออกไปจากเกาะลอยฟ้าอย่างรวดเร็ว ไลรายิ้มให้กับตัวเองอย่างพอใจในผลงาน

“เอาล่ะ! กำจัดเจ้าพวกนั้นไปได้แล้ว เท่านี้สถานที่แห่งนี้ก็เป็นของ...”

พลั่ก! บาทาเล็กๆ ของใครคนหนึ่งกระแทกเข้าที่กลางหลังของหญิงสาว ส่งผลให้ร่างบางลอยละลิ่วลงสู่เบื้องล่างอีกคน ทว่าด้วยประสพการณ์ที่มีมากมาย ทำให้หล่อนสามารถกลับหลังหันมามองหน้าคนประทุศร้ายได้ทันท่วงที

“ฝากไว้ก่อนเหอะ ยัยAIIII….” เสียงตะโกนค่อยๆ จางหายไปเนื่องจากเจ้าของเสียงออกห่างจากตัวเกาะอย่างรวดเร็ว ทำให้ตอนนี้เหลือผู้อาศัยอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น

“พี่เรล พี่เลน พี่ไล ขอให้โชคดีนะคะ หนูขอไปท่องเน็ตต่อล่ะ” อวยพรเสร็จวิลลาก็หันหลังกลับเข้าบ้านไปพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี

Share this post


Link to post
Share on other sites

ตอนที่ 16 มาเยือนครั้งแรก

ภายในค่ำคืนอันเงียบสงบ เหล่าแมกไม้นานาพรรณค่อยๆ ไหวไปมาตามกระแสลมอ่อนๆ ยามค่ำคืน แสงจันทร์ที่ส่องทอลงมายังพื้นเบื้องล่างมากพอที่จะทำให้ราตรีนี้สว่างไสว เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายแต่ต่างก็นอนหลับอย่างเป็นสุข ทว่า...

ฟิ้ว...ตูม!!!

เสียงของบางสิ่งบางอย่างร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนผืนดินสั่นสะเทือน เหล่าสรรพชีวิตต่างสะดุ้งตื่นขึ้นจากนิทราอันแสนสงบ ก่อนจะแตกตื่นกันไปคนละทิศละทาง ยกเว้นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่แม้จะตื่นตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังจัดระเบียบกันได้อย่างเรียบง่าย พร้อมๆ กับแบ่งกลุ่มกันตรวจตราสิ่งผิดปกติรอบๆ

“เฮ้ย เมื่อกี้มันเสียงอะไรน่ะ พวกเราถูกจู่โจมงั้นเหรอ?” สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นตะโกนถามเพื่อนของตน

“ไม่ครับ เราไม่พบร่องรอยของการใช้เวทย์มนต์เลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าทางทิศตะวันออกจากนี้ไป 50 เมตร เราพบหลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่ง และภายในหลุมนั้น...เอ่อ...เอาเป็นว่าท่านมาดูเองจะดีกว่าครับ” เขาคนนั้นรายงานเสร็จก็รีบเดินนำทางไปในทันที โดยมีคู่สนทนาเมื่อครู่นี้เดินตามมาอย่างว่องไว และเมื่อทั้งสองถึงจุดหมายที่ตนต้องการ ทั้งสองก็พบว่าพรรคพวกของตนหลายคนได้มายืนมุงอยู่รอบปากหลุมพลางจ้องลงไปในนั้นด้วยสีหน้างงงวย

“เอ้า พวกแกยืนบื้ออะไรอยู่ ในหลุมนั้นมันมีอะไรแปลก...” ผู้มาใหม่แทรกตัวเข้าไปยืนที่ปากหลุม ก่อนจะต้องชะงักกับคำพูดของตนเองเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในหลุมลึกนั้น ร่างบางในชุดขาวที่กำลังนอนหลับอย่างเป็นสุขโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร เส้นผมสีทองยาวสลวยดุจแพรไหมที่น่าสัมผัส กับเรือนร่างอันงดงามนั้นทำให้เขาได้คำตอบในทันที

“ผู้หญิง?”

อืม...หลับสบายดีจังเลยน้า~

เรลเวียร์ค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะบิดกายไปมาอย่างเกียจคร้าน นัยน์ตาสีทองกระพริบปริบๆ เพื่อปรับภาพตรงหน้าให้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดรอบข้าง

“เดี๋ยวนะ...เมื่อคืนเราถูกยัยไลราลากลงมาบนโลกมนุษย์ แล้วระหว่างทางก็ดันกระจัดกระจายไปคนละทิศ ไอ้เราก็ยังใช้ปีกไม่คล่องเท่าไหร่ บินควงไปมาจนหน้ามืด แล้วจำได้ว่าโหม่งโลกกลางป่า... เอ...แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงนะ?” หญิงสาวพึมพำเพื่อเรียบเรียงเรื่องราว ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ เต็นท์โทรมๆ ที่ตัวเองอยู่ ที่นอนของเธอตอนนี้ก็เป็นเตียงฟูกแบบพับเก็บง่าย หยิบใช้สะดวก นอกจากนั้นก็ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรหรือมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รอบตัวอีกเลย

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอคุณหญิง” ชายหนุ่มคนหนึ่งแหวกเต็นท์เดินเข้ามาเห็นเธอ ก่อนจะหันหลังกลับไปตะโกนบอกเพื่อนของตน

“เฮ้! ตื่นแล้วล่ะ” เท่านันแหละ เต็นท์ว่างๆ ในตอนแรกก็คับคั่งไปด้วยเหล่าชายหนุ่มในชุดเกราะสีเงินจำนวนไม่น้อยที่แห่กันเข้ามาทำไมก็ไม่ทราบ

“เอ...มีอะไรกันเหรอคะ?” เรลเวียร์ถามกลับไปอย่างแปลกใจ ทว่าหญิงสาวก็ไม่ได้คำตอบเพราะเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายต่างหันไปพูดคุยกันเองจนเสียงดังเซ็งแซ่ ฟังไม่ได้ศัพท์ ในตอนแรกเธอก็คิดจะถามซ้ำอีกรอบหนึ่ง แต่แล้วทุกสิ่งรอบข้างก็เงียบลงในพริบตา เมื่อมีชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นในชุดเกราะสีเงินหนาเตอะพร้อมกับดาบเหล็กเล่มโตที่ถืออยู่ ชายหนุ่มคนอื่นๆ ต่างก็เปิดทางให้เขาคนนั้นเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับเธอโดยตรง ท่าทีเกรงใจปนให้ความเคารพของแต่ละคนทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้ต้องเป็นหัวหน้ากองทหารแน่ๆ

“เจ้าเป็นใคร?” เขาคนนั้นถามคำถามกับเธอ

“ตอบคำถามของฉันก่อนไม่ได้เหรอคะ?”

“เจ้าไม่มีสิทธิ์ต่อรอง!!”

กึง!!! ดาบเหล็กกระแทกพื้นอย่างแรงด้วยฝีมือของชายหนุ่มคนนั้น เข้าจ้องขเม็งมาที่เธอราวกับไปกินรังแตนที่ไหนมาก็มิปาน หญิงสาวทำได้เพียงถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ขยับกายลงจากเตียง

“เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น หากไม่ยอมตอบคำถามของข้ามาก่อน” ดาบเหล็กถูกตวัดมาจ่อที่คอของหญิงสาวอย่างรวดเร็วจนเหล่าชายแกรรจ์รอบๆ หายใจเฮือก ก่อนที่หลายๆ คนจะพยายามส่งสัญญาณมือไปมาเป็นนัยว่ายอมๆ เขาไปเถอะ แต่ก็ต้องชะงักลงเมื่อโดนสายตาของผู้เป็นนายจ้องเขม็งกลับมาอย่างรู้ทัน

เรลเวียร์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย หญิงสาวดีดนิ้วทีหนึ่ง โฮปก็ปรากฎขึ้นมา การกระทำนั้นส่งผลให้เหล่าทหารโดยรอบตกตะลึง ซึ่งผู้ที่ตั้งสติได้ก่อนก็คือหัวหน้ากองทหาร เขาตวัดดาบหมายจะปลิดชีวิตหญิงสาวตรงหน้าในพริบตา ทว่า...

แกร๊ก!

ดาบคาตานะถูกเก็บกลับเข้าฝัก พร้อมๆ กับการปรากฎตัวของร่างบางที่ควรจะนั่งอยู่บนเตียง ทว่าตอนนี้กลับมายืนอยู่ที่ด้านหลังของหัวหน้ากองทหาร หญิงสาวมองไปรอบๆ โดยไม่สนใจสายตาของทุกคนที่จ้องมองมาที่เธอ

“น...นี่เจ้าทำอะ...” หัวหน้ากองทหารหันตัวกลับมา แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกได้ว่าชุดเกราะของตนเริ่มที่จะหลวมแปลกๆ ก่อนจะค่อยๆ ร่วงหล่นลงพื้นไปจนหมด เหลือเพียงกางเกงในลายหมีตัวเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ขาด ชายหนุ่มตกใจ รีบคว้าเอาผ้าห่มบนเตียงมาพันรอบตัวเพื่อปกปิดอย่างเร่งด่วน แต่ดูท่าว่าจะไม่ทันการเสียแล้ว...

“เฮ้ย...หัวหน้าใส่ลายหมีน้อยว่ะ”

“เออ ตุก็เห็น”

“สุดยอดจริงๆ เลยหัวหน้าเราเนี่ย...”

หลังจากนั้นเสียงนินทาก็ดังเซ็งแซ่ไปทั่วจนฟังไม่ได้ศัพท์อีกครั้ง เรลเวียร์ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะชักคาตานะออกมาอีกครั้ง แล้วจงใจเก็บเข้าฝักเสียงดัง เหล่าทหารทั้งหลายถึงได้เริ่มเงียบกัน ทว่าหลายๆ คนก็ยังมีท่าทางหวาดกลัวอยู่ไม่มากก็น้อย สงสัยเธอจะเล่นแรงไปล่ะมั้ง พูดดีๆ หน่อยก็แล้วกัน...

“ทุกท่านคะ ไม่ทราบว่าพอจะบอกฉันได้ไหมคะว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกัน?” หญิงสาวถามพร้อมโปรยยิ้มสวยๆ ให้ เหล่าทหารหาญเห็นแล้วต่างก็หน้าแดงอายม้วนกันเป็นแถบ มีนายทหารใจกล้านายหนึ่ง เดินเข้ามาหาเธอแล้วตอบคำถามให้

“เรียนให้ท่านหญิงทราบ พื้นที่แห่งนี้เป็นป่าต้องสาป เป็นที่อยู่อาศัยของพ่อมดชั่วร้ายคนหนึ่งที่ได้ทำการจับมนุษย์มาทดลองหลายร้อยคนแล้ว พวกเราซึ่งเป็นทหารกล้าของเมืองอิเลสได้รับหน้าที่ให้มาจัดการสังหารมันให้สิ้นครับผม” ไม่ตอบคำถามเปล่า ชายหนุ่มจับมือของเรลเวียร์ยกขึ้นแล้วจุมพิตอีกด้วย จนสร้างความอิจฉาให้กับนายทหารผู้อื่นเป็นอย่างมาก แต่เรลเวียร์ไม่ได้สนใจตรงนั้น

“อิเลส? มันเป็นชื่อเมืองสินะคะ? อิเลสนี่เป็นเมืองแบบไหนเหรอคะ? แล้วพ่อมดนี่ใช่คนที่ใช้สิ่งที่เรียกว่าเวทย์มนตร์รึเปล่า?” หญิงสาวยิงคำถามออกมาด้วยความตื่นเต้นในสิ่งที่ตนไม่รู้จักมาก่อน เหล่าทหารหาญเองก็เริ่มได้ใจ รีบคุยอวดสิ่งที่ตัวเองรู้กันอย่างเร่งรีบ บางคนถึงกับเอาแผนที่และหนังสือประวัติของเมืองมาให้อ่านเลยก็มี ทำให้ตอนนี้หญิงสาวรับรู้ข้อมูลที่จำเป็นหลายอย่างมากพอตัว

“อ...อย่าไปเชื่อมัน!! นังนี่เป็นลูกน้องของเจ้าพ่อมดชั่วนั่นแน่ๆ” จู่ๆ หัวหน้าหน่วยที่ถูกลืมไปแล้วก็โพล่งขึ้นมา เหล่าทหารปกติต่างก็หันมามองหน้ากันแบบแปลกๆ ก่อนจะจ้องมาที่เธอ และเริ่มถอยห่าง

“เอ๋ ลูกน้อง? หมายความว่ายังไงกันคะ?” เรลเวียร์หันไปถามหัวหน้าหน่วยคนเดิมอีกครั้ง ครั้งนี้มันแสยะยิ้มออกมา ซึ่งเธอคิดว่ารอยยิ้มนั้นมันดูชั่วร้ายยังไงชอบกล

“เพราะเจ้าพ่อมดนั่นมีผมสีทองยังไงล่ะ!! แถมละแวกนี้หรือในอีเลสก็ไม่มีใครมีผมสีทองเหมือนกันเลยด้วย แกที่จู่ๆ ก็โผล่มาแถมยังมีผมสีทองเหมือนกันต้องเป็นลูกน้องมันแน่ๆ” พอคำพูดเริ่มฟังน่าเชื่อถือ เหล่าทหารรอบๆ ต่างก็ถอยห่างออกไปมากกว่าเดิม บางคนถึงขั้นจับอาวุธของตนเพื่อเตรียมจู่โจมด้วยซ้ำ เรลเวียร์เห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

“คิดว่าของแบบนี้จะชนะชั้นเหรอคะ?” หญิงสาวมองไล่ไปที่ดาบของแต่ละคนที่ถูกชักออกมาจากฝักกันเป็นที่เรียบร้อย

เอ...สงสัยจะพูดผิดไปหน่อย เอาไงดีหว่า ขี้เกียจจัดการเจ้าพวกนี้ซะด้วยสิ...

“อืม...ถ้ามีผมสีทองเหมือนกันก็ช่วยไม่ได้สินะคะ...” เหล่าทหารแต่ละนายพยักหน้า

“งั้นเอางี้ละกันค่ะ ให้ฉันไปปราบเจ้าพ่อมดนั่นด้วยตัวเอง ตกลงไหมคะ?” เอาแบบนี้แหละ จัดการคนเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง ที่สำคัญคือจะได้เจอสิ่งที่เรียกว่าพ่อมดเสียที เอ...พ่อมดนี่อาศัยอยู่ในปราสาทรึเปล่าน้า~

“ใครจะปล่อยให้แกกลับไปหาหัวหน้าแกกัน!! พวกเรา ฆ่ามัน!!” หัวหน้าหน่วยสั่ง ก่อนจะรีบวิ่งแทรกออกไปจากที่พัก(คาดว่าไปหาชุดใหม่มาใส่) ก่อนที่เหล่าทหารแต่ละนายจะพุ่งมาหาเธอ

“เฮ่อ... ไม่อยากทำหรอกนะคะ...”

แกร๊ก... หญิงสาวเก็บดาบของตนเข้าฝักก่อนจะมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจค่ายทหารด้วยนัยน์ตาลุกวาวแบบเด็กๆ โดยไม่ได้สนใจเหล่าทหารชั้นผู้น้อยที่กำลังตกตะลึงว่าอีกฝ่ายออกไปอยู่นอกที่พักได้อย่างไร แถมอาวุธในมือของแต่ละคนก็หักเป็นสองส่วนไปเป็นที่เรียบร้อยอีกด้วย

“อืม...แบบนี้คือค่ายทหารสินะคะ โอเคค่ะ เราจะไปหาเจ้าพ่อมดคนนั้นได้หรือยังคะ?” เรลเวียร์ฉีกยิ้มสวยให้กับเหล่าทหารอีกครั้งหนึ่ง

“ที่นี่งั้นเหรอคะ?” เรลเวียร์เอ่ยถามทหารหนึ่งกองพันที่เดินนำหน้าเธอมา พอพวกเขาพยักหน้าตอบก็ทำให้หญิงสาวแปลกใจ เพราะเธอคิดว่าจอมเวทย์เนี่ยเป็นคนที่อาศัยอยู่ในปราสาทหลังโตๆ แบบในหนังสือเสียอีก แต่ไหงสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันเป็นแค่กะท่อมไม้เล็กๆ เท่านั้นเองล่ะเนี่ย?

“เล็กกว่าที่คิดไว้มากเลยแฮะ” หญิงสาวพึมพำ

“อย่าประมาทดีกว่าท่านหญิง แม้ท่านจะเก่งกาจมหาศาลยังไงก็มิอาจสู้กับมันได้หรอก ยิ่งตอนนี้เราเข้ามาอยู่ใกล้ๆ กับเขตของมันแล้วยิ่งอันตรายไม่น้อยเลยล่ะ” ทหารนายหนึ่งพูดเสียงเบาให้เธอได้ยิน หญิงสาวยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะนึกสนุก เดินเข้าไปใกล้ๆ กับกระท่อมเล็กๆ นั้น ทหารบางนายพยายามที่จะเข้ามาห้ามเธอ ทว่าไม่ทันเสียแล้ว เมื่อจู่ๆ กองทัพซอมบี้ก็ผุดขึ้นมาจากพื้นดินเป็นจำนวนมากมายมหาศาล เหล่าทหารหาญต่างบ่นอุบพร้อมชักอาวุธเตรียมต่อกร ทว่าพวกเขาก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อหญิงสาวคนต้นเรื่องเดินไปหาเหล่าซอมบี้พวกนั้นอย่างไม่เกรงกลัว

“ว้าวๆ นี่ซอมบี้งั้นเหรอคะ? เพิ่งจะเคยเห็นซอมบี้ตัวเป็นๆ ก็วันนี้เนี่ยแหละ” เรลเวียร์เดินเข้าไปในดงซอมบี้ที่ค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้าจนล้อมร่างของตนเอาไว้หมดแล้ว แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกตัว

“นี่ๆ พวกคุณตายแล้วใช่ไหมคะ? ถึงได้กลายเป็นซอมบี้แบบนี้น่ะ เอ...ว่าแต่ซอมบี้มันพูดไม่ได้นี่เนอะ แหะๆ” หญิงสาวยังคงพูดเองเออเองอยู่อย่างนั้น จนกระทั้งนายทหารคนหนึ่งฝ่าฟันกองทัพซอมบี้เข้ามาแล้วกระชากแขนเธอให้รีบออกมาอย่างรวดเร็ว เป็นหัวหน้านายทหารที่โดนเธอผ่าชุดเกราะทิ้งนั่นเอง

“จะบ้าหรือไง! เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นพวกมันหรอก!!” เขาตวาดใส่ แต่เรลเวียร์ก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดสักเท่าไหร่ จนกระทั่งมีเสียงกรีดร้องจากนายทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งที่พลาดโดนซอมบี้กัดเข้าที่แขน

“ว้าก! ช่วยด้วย!! ชั้นยังไม่อยากตาย!!” ชายหนุ่มร้องขอความช่วยเหลือ ทั้งชุดเกราะและกล้ามเนื้อแขนช่วงบนหายไปส่วนหนึ่งจากการกัดเพียงครั้งเดียวของพวกมัน! เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจนย้อมแขนของเขาให้เป็นสีแดงสดน่าสยดสยอง ทว่ากลับไม่มีคนผู้ใดเข้าไปใกล้หรือคิดจะยื่นมือเข้าไปช่วยแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวสิ เขาคนนั้นร้องขอความช่วยเหลืออยู่นะคะ ทำไมไม่เข้าไปช่วยล่ะ” เรลเวียร์เอ่ยถามและพยายามจะรั้งแขนของตนเอาไว้เพื่อกลับไปช่วยเหลือ ทว่าหัวหน้านายทหารกลับตวาดใส่เธออย่างรุนแรง

“ยัยโง่!! ไอ้หมอนั่นมันโดนกัดไปแล้ว อีกไม่นานร่างกายมันจะเน่าเปื่อยและกลายเป็นซอมบี้...โอ้ย!!” ครั้งนี้เสียงร้องเป็นของหัวหน้านายทหาร ทว่าเขาไม่ได้โดนซอมบี้กัดหรอกนะ แต่เพราะเธอสะบัดมือจนหลุดแล้วต่อยเขาหน้าคว่ำต่างหากล่ะ

“เป็นหัวหน้าภาษาอะไรทิ้งลูกน้องได้ลงคอกัน!!” พูดเสร็จแล้วเธอก็วิ่งฝ่าฝูงซอมบี้เข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้นอย่างรวดเร็ว โชคยังดีที่เขาไม่ได้โดนซอมบี้กัดเพิ่มที่อื่น จึงน่าจะง่ายต่อการรักษาไม่น้อยเลยทีเดียว

“คอยเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวชั้นจะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ....” พูดเสร็จหญิงสาวก็วางมือลงบนปากแผลอย่างว่องไว ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มดูมีความหวังขึ้นมานิดหนึ่ง ทว่า...

“เอ...เดี๋ยวนะ วิธีการรักษานี่ต้องทำยังไงหว่า? ช่วยรอสักครู่นะคะ ขอนึกก่อน” หญิงสาวละมือออกมาทำหน้าครุ่นคิด สีหน้าของชายหนุ่มกลับไปซีดลงอีกครั้ง ทว่าไม่ได้ซีดลงด้วยสาเหตุเดียว แต่เพราะซอมบี้แถวๆ นั้นเริ่มรายล้อมเข้ามาแล้ว และเหมือนเป้าหมายของพวกมันจะเป็นหญิงสาวเสียด้วยสิ!

“เธอ ระวัง!!!” ชายหนุ่มร้องเตือน ทำให้หญิงสาวสะดุ้ง ก่อนจะหันกลับไปเห็นซอมบี้ตัวหนึ่งใช้ปากของมันก้มลงมากัดไหล่เธออย่างรวดเร็ว!!

หงับ!!

....

“ฮื่อ....” ซอมบี้ส่งเสียงครางออกมา ฟันอันแหลมคมของมันกัดเข้าที่ผิวขาวๆ ของหญิงสาวเต็มแรง แต่ก็ไม่สามารถทำให้เกิดแผลได้แม้แต่น้อย ชายหนุ่มเบิกตากว้างกับสิ่งเหลือเชื่อตรงหน้าไม่น้อย

“อุ๊ย สกปรกจัง อย่ามากัดกันอย่างนี้สิคะ” เรลเวียรดันหน้าของมันออกไป ทว่าซอมบี้อีกหลายตัวก็แห่กันเข้ามาแทนที่ ทำให้หญิงสาวรู้สึกรำคาญไม่น้อย ช่วยไม่ได้แฮะ...

กริ๊ก... ดาบยาวถูกเก็บเข้าฝักอีกครั้งโดยที่ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกชักออกมาเมื่อไหร่ ก่อนจะตามมาด้วยหัวของซอมบี้ทุกตัวที่ถูกตัดขาดพร้อมๆ กัน ทำให้พวกมันล้มลงไปนอนกับพื้นและเริ่มสลายกลายเป็นเพียงฝุ่นผงจนหมด

“โอ๊ะ นึกวิธีรักษาออกพอดีเลย” เรลเวียร์ทำหน้าดีใจเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ก้มตัวลงและวางมือทาบแขนที่แหว่งไปของชายหนุ่ม บาดแผลนั้นค่อยๆ เรืองแสงขึ้น และฟื้นฟูจนกลับมาเป็นสภาพเดิม แถมชายหนุ่มยังไม่มีอาการเหมือนถูกเชื้อซอมบี้ครอบงำอีกด้วย

“อืม...โอเคแล้วล่ะ...” เรลเวียร์ยืนขึ้นก่อนจะบิดขี้เกียจเล็กน้อย โดยไม่สนใจสายตาหลากหลายของนายทหารที่ถูกช่วยไว้ และเหล่าทหารรอบข้างที่เพิ่งจะวิ่งกลับมา หลังจากถอยหลังไปมากพอสมควร หญิงสาวส่งสายตาตำหนิไปให้ทหารเหล่านั้น ก่อนจะเลิกสนใจพวกเขา และหันมาสำรวจกระท่อมจอมเวทย์ต่อ

เอ...นี่เราอาละวาดเสียขนาดนี้ ทำไมจอมเวทย์ข้างในยังไม่รู้ตัวอีกนะ ทำไงดีน้อ... จริงสิ ต้องทำให้รู้ตัวมากกว่านี้นี่เอง!!

“เอ่อ...คือ...ท่านหญิง...” ทหารหนุ่มที่ถูกช่วยเอาไว้กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่เรลเวียร์กลับพูดออกมาก่อน

“หลบไปอยู่ข้างหลังกับพวกนั้นหน่อยได้ไหมคะ ไม่งั้นอาจจะโดนลูกหลงได้นะคะ” เธอชี้มือไปที่กองทหารข้างหลัง ตอนแรกทหารหนุ่มก็ลังเล แต่เมื่อเห็นหญิงสาวจับดาบ เขาก็กุลีกุจอวิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อนในพริบตา และเมื่อหญิงสาวเห็นว่าพื้นที่ตรงหน้าไร้สิ่งกีดขวางแล้ว ดาบในมือก็ทำหน้าที่ของมันอีกหน ซึ่งก็ไม่มีคนเห็นวิถีดาบเช่นเดิม แต่ผลลัพธ์คืตัวกระท่อมไม้นั้นขาดครึ่งภายในพริบตา เผยให้เห็นร่างของจอมเวทย์ที่เปลือยท่อนล่างกำลังนั่งอยู่บนชักโครก และมีท่าทีตกใจเป็นอย่างมาก

“ห...เฮ้ย!!” พริบตานั้น เศษไม้ก็มารวมตัวกันเพื่อบังร่างของจอมเวทย์ ก่อนจะหล่นลงไปอีกครั้ง และปรากฎร่างของจอมเวทย์ที่ใส่ชุดคลุมสีดำและฮู้ดสีเดียวกันเพื่อปกปิดใบหน้า มือข้างหนึ่งถือคทาที่ประดับลูกแก้วสีม่วงอยู่

“ฮ่าๆๆๆ เก่งมากที่พวกเจ้าสามารถหลบรอดกับดักซอมบี้ของข้ามาได้!! แต่พวกเจ้าก็ไม่อาจจะต่อกรกับข้าผู้นี้....”

“เข้าห้องน้ำเสร็จทำไมไม่ล้างให้สะอาดก่อนล่ะคะ? สกปรกจังเลย” เรลเวียร์เอ่ยส่วน พลางทำหน้ายี้แล้วโบกมือปัด ส่งผลให้จอมเวทย์หน้าเสียทันควัน

“ข้าล้างนะเฟ้ย!!! แต่พวกเจ้ามาพังบ้านกับห้องน้ำข้าต่างหากล่ะ!!”

“แปลว่าไม่ได้ล้างสินะคะ”

....

เงียบ...

“เจ้า...กวนบาทาข้ามากไปแล้วนังโง่!! รับสุดยอดเวทย์ของข้าไปซะ!!” จบประโยค ผืนดินใต้ล่างของเรลเวียร์ก็แปรเปลี่ยนเป็นความมืดโดยฉับพลัน ก่อนที่สภาพแวดล้อมรอบข้างจะมืดมิดลงจนมองไม่เห็นสิ่งใด

“หึๆๆ มิติมืดนี้จะกักขังเจ้าไปตลอดกาล...” เสียงของจอมเวทย์ผู้นั้นดังขึ้นจากที่ไกลๆ เรลเวียร์หันไปมองรอบๆ ทว่าจะให้มองยังไงก็มีเพียงความมืด ไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

“ทำไมเวทย์สุดยอดถึงมีแค่นี้ล่ะคะ น่าเบื่อจัง”

แกร๊ก...

ดาบของหญิงสาวถูกเก็บเข้าฝักอีกครั้ง พร้อมๆ กับที่มิติมืดถูกตัดขาดเป็นสองท่อน และร่างของจอมเวทย์ที่ถูกฟันสะพายแล่งจนของเหลวสีแดงพุ่งออกมาอาบร่างกาย ก่อนจะค่อยๆ ล้มลงไปกับพื้น

“ก...แก...ทำไมถึงทำลายเวทย์มนต์ของข้าได้...” จอมเวทย์แค่นเสียงพูดอย่างเคียดแค้น

“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ? ชั้นเพียงแค่ตัดมันทิ้งเท่านั้นเอง” หญิงสาวพูดพลางลูบดาบของตนเอง

“โอ๋ๆ ขอโทษนะที่ต้องใช้ฟันคนที่ไม่รักความสะอาดอย่างนั้น ไว้จะล้างให้นะ” พูดเสร็จเรลเวียร์ก็เก็บโฮปเข้าฝัก ก่อนจะหันหลังกลับไปหาเหล่ากองทหารที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือว่าอย่างไรก็ไม่ทราบ ทว่าเสียงๆ หนึ่งกลับทำให้เธอชะงักลงอีกครั้ง

“หึๆๆ คิดว่าข้าจะยอมตายเปล่าอย่างนั้นรึไง...” จบคำพูดของจอมเวทย์ วงแหวนสีแดงเลือดก็ปรากฎขึ้นบนผืนดินเป็นวงกว้าง เหล่าทหารหาญหลายคนเมื่อเห็นสัญลักษณ์นี้แล้วต่างก็วิ่งพล่านหลบหนีหายไปกันจนหมดไม่เหลือสักคนเดียว มีเพียงเรลเวียร์และจอมเวทย์ที่ดิ้นไปมาอย่างทรมานอยู่บนพื้นเท่านั้น

“แหม...ยังมีไม้เด็ดซ่อนอยู่อีกงั้นเหรอคะ คิดถูกจริงๆ ที่ยั้งมือเอาไว้ตอนนั้น” เรลเวียร์พูดแล้วหัวเราะคิกคักในลำขอ เพราะเธอเพิ่งจะลงมาโลกมนุษย์ครั้งแรกก็ได้เจอเรื่องน่าสนุกแบบนี้ติดต่อกันหลายครั้ง ทำให้รู้สึกไม่เบื่อเท่าไหร่

“หัวเราะไปเถอะยัยโง่! การที่แกไม่หนีไปคงเป็นเพราะไม่รู้จักวงเวทย์นี้น่ะสิ เอาเถอะ ข้าจะบอกให้เอาบุญ แค่กๆ” จอมเวทย์สำลักเลือดของตนออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยังเงยหน้าพูดกับเธอต่อ

“วงเวทย์นี้เป็นเวทย์อัญเชิญเทพ และเทพที่ข้าอัญเชิญนั้นเป็นเทพแห่งสงครามที่แข็งแกร่งที่สุด เจ้าไม่มีทางต่อกรได้แน่นอน!! ฮ่าๆๆๆ” จอมเวทย์ค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก โดยปล่อยให้เลือดในกายของตนไหลไปผสมกับวงเวทย์เบื้องล่างเรื่อยๆ อันที่จริงหญิงสาวจะจัดการในตอนนี้ก็ทำได้ แต่ถ้าทำอย่างนั้นไปก็น่าเบื่อแย่สิ! ให้โอกาสอีกฝ่ายพลิกสถานการณ์บ้าง จะได้ตื่นเต้นหน่อย

“จงมาตามคำเชิญของข้า ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ ข้าอ้อนวอนต่อท่านด้วยโลหิตและชีวิตอันน้อยนิดที่ข้ามีอยู่ ได้โปรดกำจัดอริร้ายเบื้องหน้าให้ดับสูญไปด้วยเถิดท่านเทพแร็คนาร็อค!!” สิ้นคำเชิญ ร่างของจอมเวทย์ก็ล้มลงสิ้นชีพ ณ ตรงนั้น วงเวทย์ใต้เท้าส่องสว่างจ้า ก่อนจะเกิดลมกรรโชกพัดรอบๆ สถานที่แห่งนี้อย่างรุนแรง พร้อมๆ กับที่ร่างของหญิงสาวผมสีมรกตยาวสลวยปรากฎขึ้น นัยน์ตาสีแดงหันมาประสานสายตากับเรลเวียร์ ก่อนจะเบิกกว้างขึ้นด้วยท่าทางตกใจเช่นเดียวกับเธอที่มีอาการช็อคเล็กน้อย

“ยัยผมทอง?”

“ไลรา?”

ทั้งสองต่างเรียกชื่อของกันและกันอย่างแปลกใจ และชะงักไปด้วยกันทั้งคู่ ทว่าเป็นไลราที่เอ่ยขึ้นมาก่อน

“เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ?”

“ชั้นต่างหากที่ต้องถาม ทำไมเธอถึงถูกอัญเชิญมาได้ล่ะ?” ไลราชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ มองสำรวจบริเวณรอบๆ กระท่อมไม้ที่โดนผ่าครึ่ง กองเลือดมหาศาลที่เคยเป็นวงเวทย์มาก่อน และร่างไร้วิญญาณของจอมเวทย์ที่อยู่แทบเท้าเธอ ทำให้หญิงสาวเริ่มประเมินสถานการณ์ได้

“เท่าที่คิดไว้คือ ข้าถูกเจ้าหมอนี่อัญเชิญมาเพื่อสู้กับใครสักคนที่แข็งแกร่งเกินกว่ามันจะสู้ได้...” ไลราใช้เท้าเขี่ยศพของจอมเวทย์คนนั้น และค่อยๆ หันหน้ามาสบตากับเรลเวียร์

“แล้วไหงคนที่มันสู้ไม่ได้เป็นแกฟะ ยัยผมทอง!!!” หญิงสาวตะโกนลั่นป่า ก่อนจะต้องส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเนื่องจากถูกคนผมทองที่ว่าเขกกะโหลกอย่างแรง

“สอนไม่จำนะจ๊ะ บอกให้เรียกว่าท่านเรลยังไงล่ะ หรือจะเรียกเรลเฉยๆ ก็ได้ไม่ว่ากัน” พูดเสร็จหญิงสาวก็เขกอีกสักโป๊กข้อหาหมั่นไส้

“โอ้ย! ข้าจะเรียกยังไงก็เรื่องของข้านี่ ไม่เกี่ยวสักหน่อย โอ้ยๆๆ พอแล้วๆ แค่เรียกชื่อก็พอใช่ไหม โอเคๆ เรียกก็เรียก” พอได้ยินดังนั้น มะเหงกพิฆาตก็หยุดลง ไลราลูบหัวตัวเองเพื่อคลายความเจ็บ ส่วนเรลเวียร์ยืนหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน

นี่ถ้ามีคนมาเห็นผู้ที่ถูกเรียกว่าเทพแห่งสงครามต้องมาเรียกชื่อคนอื่นเพราะกลัวถูกเขกกะโหลกคงจะมีสีหน้าพิลึกชอบกล...

“อืม...ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว ไลราช่วยพาชั้นเที่ยวโลกมนุษย์หน่อยได้ไหมจ๊ะ” เรลเวียร์พูดเสียงหวานใส่อีกฝ่ายหลังจากปล่อยให้ไลราหายเจ็บ

“เรื่องสิ”

โป้ก!!

“โอ้ย! เออๆ พาเที่ยวก็ได้ แล้วหยุดเขกหัวข้าสักที เข้าใจไหมยัยผม...เรลเวียร์” หญิงสาวกำลังจะเอ่ยเรียกด้วยความเคยชิน แต่เพราะกำปั้นของอีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าเลยกลับลำได้ในคำพูดสุดท้าย ส่งผลให้รอดจากมะเหงกนรกได้อย่างทันท่วงที

“คิกๆ ใจดีจังเลย งั้นก็ช่วยนำทางด้วยนะคะ ท่านเทพแห่งสงคราม”

Share this post


Link to post
Share on other sites

จากตอนที่อ่านไปตอนเดือนกุมภาฯ นึกว่าจบแล้ว มีต่ออีก :idz_emo05:

สนุกมากเลยครับ มีฮานิดหน่อย ชอบมากๆเลยครับเรื่องนี้ ยังไม่จบสินะถ้าแต่งเสร็จแล้วก็เอามาให้อ่านอีกนะครับ ชอบมากๆเลย :idz_emo02:

Share this post


Link to post
Share on other sites

สนุกจริง ๆ :idz_emo06: คงมีตอนที่ 17 ด้วยสินะครับ ทำออกมาไว ๆ นะครับ ผมจะคอยอ่าน (ปวดตาเหมือนกันครับอ่าน 16 ตอนรวดเนี่ย น้ำตาไหลเลย :emoidz_01:) แต่ก็ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้นะ ยอมรับเลยว่าสนุก จริง ๆ ชอบ ๆ :idz_emo06:

Share this post


Link to post
Share on other sites

ภายในห้องส่วนตัว...

แกรกๆ

หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งรัวนิ้วใส่คียร์บอร์ดตรงหน้าอย่างร่าเริง โดยหยุดเป็นพักๆ แล้วจึงพิมพ์ต่อ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็มีอาการดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะหยิบหูฟังที่อยู่ข้างตัวมาใส่พร้อมกับเลื่อนไมค์ให้ตรงกับเรียวปากสวย

“ฮิๆ ในที่สุดนายก็ยอมให้คุยด้วยจนได้ล่ะน้า” วิลลาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง พร้อมๆ กับส่งยิ้มสวยให้

“แหม...ก็นายเป็นมนุษย์คนแรกที่ฉันคุยด้วยนี่นา” หญิงสาวโวยเล็กน้อย ก่อนจะทำท่าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่ไม่นานเธอก็ยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง...

“นี่....ฉันไปหานายได้ไหม?” เธอถามอีกครั้งด้วยความสนุกสนาน ซึ่งคำตอบของอีกฝ่ายก็เป็นไปตามที่เธอคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก

“คิดว่านายหยุดฉันได้ไหมล่ะ?” ว่าแล้วหญิงสาวก็ค่อยๆ เอามือวางทาบกับจอคอมพิวเตอร์ ก่อนที่มือข้างนั้นจะค่อยๆ จมลงไปข้างใน และค่อยๆ ตามมาด้วยร่างของวิลลา จนในที่สุด ทั้งห้องก็เหลือเพียงคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่เปิดทิ้งเอาไว้ ซึ่งฉายให้เห็นภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังตกใจที่จู่ๆ ก็มีหญิงสาวพุ่งพรวดออกมาจากจอคอมพิวเตอร์ของตนเอง...

พื้นโลกยามใกล้ค่ำ

“เอาล่ะ วันนี้เราจะหยุดพักกันที่นี่ก่อนละกัน” ไลราเอ่ยขึ้นมาพลางชี้ไปที่หมู่บ้านเล็กๆ ข้างหน้า

“ว้าว~ หมู่บ้านงั้นเหรอเนี่ย เอ...หมู่บ้านเนี่ย ทำจากไม้ล้วนๆ อย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วยสินะ” เรลเวียร์เอ่ยออกมาอย่างร่าเริง ก่อนจะวิ่งเข้าหมู่บ้านไปเป็นคนแรกเพื่อสำรวจสิ่งต่างๆ ที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน จนคนนำทางต้องกุมขมับตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้...

ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าคนที่เก่งกว่าเธอขนาดนี้จะไม่เคยลงมาบนโลกมาก่อน...

“นี่ๆ ไลรา หมู่บ้านนี้น่าสนุกจังเลยอ๊ะ มีอะไรแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นเพียบเลย” จู่ๆ เรลเวียร์ก็โผล่มาตรงหน้าหญิงสาวอีกครั้งพร้อมๆ กับของกินเต็มสองมือ

ไอ้นี่ก็น่าห่วง...เห็นอะไรแปลกๆ ชอบหยิบมาให้เธอดู แล้วก็จะมีเรื่องมาให้ซวยทุกครั้ง อย่างตอนมาระหว่างทางดันไปหยิบไข่มังกรออกจากรัง เล่นเอามังกรทั้งฝูงบินไล่กวด ไอ้ฝีมืออย่างพวกเธอสองคนน่ะ เจอมังกรทั้งฝูงก็ไม่เท่าไหร่หรอก...แต่เกิดอะไรแบบนี้บ่อยๆ ถี่ๆ มันก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย!!!

“นี่ๆ ไลรา แล้วคืนนี้จะพักที่ไหนล่ะ? ถ้าจำไม่ผิดต้องเข้าโรงเตี๊ยมหรือโรงแรมอะไรพวกนี้ใช่ไหม? แล้วก็ต้องจ่ายไอ้สิ่งที่เรียกว่าเงินด้วยใช่ไหมๆ? เอ...แล้วไลรามีเงินพกติดตัวด้วยงั้นเหรอ?”

“โอ้ย!! พอๆ ทีละคำถามก่อนได้ไหม!?” หญิงสาวโวยออกมาเสียงดัง ก่อนจะค่อยๆ ไล่ตอบคำถามไปทีละคำถาม แถมตอนพาเข้าที่พักยังไม่วายที่ยัยนี่จะขอดูสิ่งที่เรียกว่าเงินอีก นี่ฉันไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กนะ!!!

“โอ้ เตียงนุ่มดีจัง แม้จะไม่เท่าในห้องตัวเอง แต่ก็ดีกว่านอนป่าแบบก่อนหน้านี้เยอะเลย” เรลเวียร์โดดเด้งอยู่บนเตียงเล่นราวกับเด็กเล็กจริงๆ ทำให้ไลราถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน...

“นี่ เรลเวียร์ รู้สึกว่าจะทำตัวสบายๆ มากเกินไปแล้วนะ อย่างน้อยๆ แกก็เป็นเทพไม่ใช่เหรอ?” คนถูกเรียกได้ยินดังนั้นก็ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแบบเดิมที่เคยได้ยินเป็นประจำ

“เป็นสาวเป็นนางก็ต้องรักษามาดให้ถูกที่ถูกเวลา แล้วก็ต้องรู้จักปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้เหมาะสมกับสถานที่ด้วยนะคะ” พูดเสร็จหญิงสาวก็ส่งยิ้มให้ และเริ่มกลับไปเล่นเป็นเด็กๆ อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งไลราเองก็ขี้เกียจพูดอะไรในเรื่องนี้แล้ว จึงปล่อยเลยตามเลย และเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำก่อนเป็นคนแรกโดยไม่รออีกฝ่าย

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรลเวียร์ก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำพร้อมกับกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมสีทองของตนเองให้แห้ง โดยที่หญิงสาวผมเขียวกำลังคร่ำเคร่งกับแผนที่ตรงหน้า นัยน์ตาสีแดงกวาดมองไปตามตำแหน่งต่างๆ บนแผนที่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“มีอะไรเหรอ ไลรา?” คนที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จถาม ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ อีกฝ่าย แล้วหยิบหวีไม้ที่ไลราทำให้มาจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย

“ก็... เส้นทางที่เราจะเดินทางต่อไปน่ะ...” ไลราพูดแล้วก็ชี้นิ้วไปยังพื้นที่สีเหลืองบนแผนที่ เรลเวียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นเป้าหมาย

“ทะเลทรายสตรอม? เธอบอกว่าเป้าหมายของเราอยู่ที่เมืองโฮชิโนะอุเมะไม่ใช่เหรอ?”

“ก็นั่นแหละ ถ้าเราจะเดินทางไปเมืองนั้นโดยเร็วที่สุด ก็เดินทางตัดผ่านทะเลทรายนี่ไปเลย แปปเดียวเดี๋ยวก็ถึง”

“เอ... แล้วทำไมเราไม่อ้อมไปล่ะ ถ้าอ้อมไปเราก็มีเมืองให้เที่ยวอีกตั้งสามสี่เมืองเชียวนะ” เรลเวียร์ชี้นิ้วไล่ไปตามเมืองต่างๆ ที่อยู่ห่างจากทะเลทรายไปนิดหน่อย

“แล้วใครกันที่บอกว่าจะรีบออกตามหาน้องสาวอีกคนที่ลงมาด้วยกันฟะ!!!”

“อ...อ้อ เนอะ แหะๆ” หญิงสาวเกาหัวแกรกพลางหัวเราะแหะๆ

“เอ...แล้วตอนแรกถอนหายใจทำไมเหรอไลรา?” ครั้งนี้คนถูกถามจ้องเขม็งกลับมา ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เดินออกนอกเส้นทางหลายสิบครั้ง วิ่งเข้ารังสัตว์ประหลาดเก้าครั้ง ไม่นับรังมังกรอีกสอง แถมยังเดินเข้าไปในโบราณสถานที่มีแต่กับดักเต็มไปหมดอีก ไม่นับเรื่องวุ่นวายจิปาถะนับไม่ถ้วนอีกมากมายที่ไม่อยากพูด...”

“ม..แหม...เรื่องนิดหน่อยเอง...”

“นิดหน่อยตรงไหนกันฟะ!!! รู้ไหมว่าฉันเหนื่อยขนาดไหนที่ต้องวิ่งตามเธอกลับมาจากสถานที่พวกนั้นน่ะ!!”

“แต่เธอก็รับมือกับพวกนั้นได้นี่นา...” เรลเวียร์ทำหน้ามุ่ยลงเล็กน้อย

“ไอ้รับมือมันรับได้อยู่หรอก แต่เจอแบบนี้ทั้งวันมันก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย!!!” ตะโกนเสร็จไลราก็หยุดพักหายใจสักครู่หนึ่ง ก่อนจะเอามือจับไหล่เรลเวียร์

“แม้ต่อไปจะเป็นทะเลทรายที่ไม่มีอะไรเลย แต่สัญญากับฉันมาก่อนว่าจะไม่ออกนอกเส้นทาง”

“อ...เอ๋? แค่ทะเลทรายเองนะ...” เรลเวียร์หน้าซีดลงเล็กน้อยกับท่าทีจริงจังของอีกฝ่าย

“สัญญามาซะ!!!”

“ก...ก็ได้”

“ก็ได้ๆ สัญญากันแล้ว....แล้วตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนฟระยัยหัวทอง!!!” ไลราตะโกนก้องอยู่ท่ามกลางทะเลทราอันร้อนระอุ โดยที่หญิงสาวที่ควรจะอยู่ข้างๆ ตนกลับหายตัวไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่รอบๆ ตัวก็มีแต่ทราย ทราย ทราย แล้วก็ทรายแท้ๆ

ยังอุตส่าห์หายตัวไปได้อีกนะ!!!

“ฮึ่ม...แล้วก็ต้องทำให้เราออกตามหาทุกทีสิน่า...” ไลราหัวเสีย ก่อนจะเริ่มนั่งลงในท่าสตาร์ทวิ่ง และออกวิ่งแทบจะในทันที ฝีเข้าของหญิงสาวเร็วมากจนสร้างฝุ่นทรายทิ้งไว้เบื้องหลังเป็นทาง อันที่จริงเธอไม่ต้องใช้ความเร็วมากถึงขนาดนี้ก็ได้ แต่ตนเองก็อดเป็นห่วงอีกฝ่ายที่หายตัวไปบ่อยๆ ไม่ได้

เพราะหายตัวไปทีไร เธอต้องงานงอกทุกทีสิน่า...

“หายไปอยู่ตรงไหนกันนะ...” ไลราหยุดวิ่งพักเหนื่อยสักพัก ก่อนจะเริ่มรู้สึกได้ถึงกระแสลมอ่อนๆ ที่พัดแปลกๆ จึงหันไปยังทิศที่ลมพัดไป

“พายุทรายอีกแล้วเรอะ... สมกับเป็นสตรอมจริงๆ เลยแฮะ...” หญิงสาวยืนมองพายุทรายขนาดใหญ่ราวทอร์นาโดที่หมุนวนอยู่ห่างจากตัวเธอไปหลายกิโล

“ลูกใหญ่กว่าทุกทีด้วยสิ...เกิดยัยนั่นหลงเข้าไปนั้นล่ะก็วุ่นแน่... ต้องรีบหาตัวให้เจอก่อนให้ได้” ไลราพึมพำเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไป ทว่าสายตาของเธอก็ไปสะดุดกับบางสิ่งบางอย่างในทอร์นาโดนั้น... หญิงสาวเหลียวหลังกลับไปแทบจะในทันทีโดยหวังว่าตนเองจะมองผิดไป

ประกายสีทองแวบๆ ที่ผลุบๆ โผล่ๆ ออกมาจากทอร์นาโดนั่น... จะว่าไปยัยนั่นก็ผมสีทองเป็นประกายสินะ...

“ไม่มั้ง...คงไม่ใช่หรอก...” แม้ตนเองจะพูดเช่นนั้น แต่สองขาก็ก้าวเข้าไปใกล้ๆ เพื่อยืนยันความคิดของตนเอง และเมื่อเดินมาใกล้ทอร์นาโด ความหวังของหญิงสาวก็พังทลายลง เพราะไอ้ประกายสีทองนั่นมันมันมาจากผมของยัยนั่นแท้ๆ แถมร่างของอีกฝ่ายก็กำลังลอยหมุนไปตามแรงลมอย่างสนุกสนาน พร้อมด้วยเสียงหัวเราะร่าเริงอีกต่างหาก

“โว้ว! สนุกจังเลย!!” เรลเวียร์ตะโกนลั่นขณะถูกพายุทรายขนาดใหญ่พัดลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับไม่รับรู้ชะตากรรมของตนเอง ส่วนคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นั่นทรุดลงพื้นไปด้วยความเหนื่อยใจเรียบร้อยแล้ว...

“...ว้อย!!!” ไลราเงยหน้าตะโกนขึ้นท้องฟ้าดังสุดเสียง ก่อนจะวิ่งฝ่าพายุเข้าไปด้วยพลังเหนือมนุษย์ แม้จะยากลำบาก แต่เธอก็ฝ่าเข้ามาอยู่ ณ ใจกลางได้

“อ้าว ไลรา มายังไงล่ะนั่น มาเล่นด้วยกันสิ” หญิงสาวผมทองเอ่ยชวนอีกฝ่ายอย่างร่าเริง แต่คนถูกชวนไม่มีอารมณ์จะมาสนุกสนาน ก่อนจะใช้เท้าวิ่งไต่ลมขึ้นมาเป็นระยะ จนถึงระดับที่เท่ากับเรลเวียร์ จึงฉุดอีกฝ่ายออกมาจากพายุให้มาอยู่ใจกลางด้วยกัน

“ยัยบ้าเอ้ย!!!” ไลราตะคอกใส่คนตรงกลางดังลั่น ก่อนจะเริ่มเทศน์ยาว

“บอกว่าอย่าออกนอกทาง ให้ตามมาดีๆ รับปากสัญญาแบบนั้นแล้วไหงหล่อนมาอยู่ที่นี่ได้ห๊ะ!!”

“อ๊ะ เอ่อ...ก็...”

“ออกนอกเส้นทางยังไม่พอ ยังจะเข้ามาในพายุลูกโตแบบนี้อีก รู้ไหมว่าหยุดพายุลูกใหญ่ๆ แบบนี้มันยากขนาดไหน!!! แล้วนี่ก็เดินออกมาจากเส้นทางที่จะต้องไปมากพอสมควรอีกต่างหาก กว่าจะเดินย้อนกลับไปทางเดิมอีก ทะเลทรายไม่ใช่สวนหลังบ้านนะว้อยจะได้เดินสามนาทีถึง!! ยิ่งสตรอมขึ้นชื่อเรื่องความวุ่นวายและยุ่งยากในการเดินทางอีก แบบนี้เมื่อไหร่จะไปถึงโฮชิโนะอุเมะวะ หา!!”

“เอ่อ.. ไลรา ใจเย็น...”

“เย็นบ้าเย็นบออะไรเล่า! ถ้าอยากให้เย็นนักล่ะก็ ทำตัวดีๆ ไม่ซนได้ไหมเนี่ย!! เกิดมาตั้งกี่ปีแล้วไม่ทราบ... เฮ้ย!!” ไลราที่กำลังจะว่าต่อต้องชะงักลง เมื่อร่างบางตรงหน้าเริ่มสั่น พร้อมๆ กับที่มีน้ำใสๆ เริ่มคลอออกมาจากนัยน์ตาสีทองคู่สวย ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสะอื้นเบาๆ

“ก...ก็ฉัน...แค่...ฮึก...”

ชิหัย!!! ยัยนี่ร้องไห้ซะแล้ว ทำไงดีวะ!?

หญิงสาวผมเขียวกำลังลุกลี้ลุกลนเพราะคนตรงหน้าใกล้จะปล่อยโฮเต็มทีแล้ว จึงตัดสินใจสิ้นคิด ดึงร่างบางตรงหน้าให้เข้ามาซบเธอ

“ฉันขอโทษละกันนะ...” ไลราเอ่ยเพียงแค่นั้น ก่อนจะปล่อยให้สาวน้อยร่างไม่น้อยตรงหน้าร้องไห้มันออกมา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเรลเวียร์กำลังแอบยิ้มไม่ให้เห็น

แผนบ่อน้ำตาตื้นสำเร็จ!!

หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง

“เอาเป็นว่าอย่าซนออกนอกเส้นทางอีกละกัน” ไลราเอ่ยขึ้นหลังจากพาหญิงสาวผมทองฝ่าพายุกลับออกมาอยู่กลางทะเลทรายอันแสนสงบอีกครั้ง

“ค่า~” เรลเวียร์ตอบเสียงใส จนคนที่เพิ่งจะปลอบไปหยกๆ เริ่มสงสัยว่าไอ้อาการเศร้าเมื่อกี้มันเศร้าจริงๆ รึเปล่า

“เฮ่อ...” ไลราถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งเพราะรู้สึกว่าตัวเองตกหลุมพรางของยัยคนข้างหลังนี่อีกรอบแล้ว

“เป็นอะไรเหรอ ไลรา” หญิงสาวผมทองใจดี เดินมาถามสารทุกข์สุขดิบเพื่อนของตนเสียด้วย

“อ้อ เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก แค่ทอร์นาโดลูกเมื่อกี้มันใหญ่กว่าทุกทีน่ะ เลยเหนื่อยๆ” หญิงสาวนักสู้เฉไปพูดเรื่องอื่นแทนเพื่อกลบเกลื่อน

“อ๋อ ไอ้ลูกนั้นมันไม่ใช่ทอร์นาโดหรอกนะ”

“...หมายความว่าไง?” ไลราเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของเรล

“ก็ตอนแรก มันมีพายุอยู่หลายลูกใช่ป่ะ?”

“อื้ม แล้ว?”

“ก็ชั้นเห็นมันหมุนๆ ไปมา อยู่ ก็เลยลองหมุนมั่ง”

“...”

“หมุนๆๆ หมุนไปเรื่อยๆ พอรู้ตัวอีกทีรอบๆ ตัวก็กลายเป็นทอร์นาโดลูกเมื่อกี้แทนแล้ว ก็เลยขึ้นไปเล่น อ้าว ไหงจู่ๆ ทรุดลงไปล่ะไลรา?” เรลเวียร์ที่จู่ๆ เห็นเพื่อนสาวทรุดลงไปกับพื้น ก็แปลกใจเล็กน้อย

เอ...หรือว่าไลราจะเหนื่อยหว่า?

งั้นเดี๋ยวไม่ซนแล้วละกันเนอะ~ คิกๆ

Share this post


Link to post
Share on other sites

ได้อ่านอีกตอนแล้วรออ่านด้วยความหวัง หวังที่จะได้อ่านเรื่องนี้ต่อเร็วๆ เป็นกำลังใจให้คร้าบบ

รออ่านตอนต่อไป :emoother_06::idz_emo02: :idz_emo02:

Share this post


Link to post
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
Sign in to follow this  

×
×
  • Create New...