Jump to content
Sign in to follow this  
darkshadow

The hopefulness game

Recommended Posts

เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องที่2ที่ผมเขียนขึ้นแล้วเอาไปไว้ในเว็บเด็กดีนะครับ แต่เห็นว่าที่นี้ลงนิยายได้ด้วยเลยเอามาให้อ่านดูเพื่อที่จะได้รู้ว่าเรื่องที่เขียนมันสนุกหรือเปล่ายังไงก็ช่วยคอมเม้นด้วยนะครับขอบคุณครับ

บทนำ

แสงสว่างที่แสนอบอุ่นจากพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ซึ่งแสงสีเหลืองอร่ามก็ทอดท่อแสงไปทั่วเมืองๆหนึ่งที่ดูสงบสุข เหล่าผู้คนที่อยู่อาศัยภายในเมืองต่างก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูโอบอ้อมอารีต่อกัน แสงหัวเราะที่ดังขึ้นจากเด็กๆที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ตามที่ต่างๆที่อยู่ในเมืองที่ดูเงียบสงบแห่งนี้ โดยที่ทุกคนดูไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มีเสียงๆหนึ่งที่ยืนอยู่ ณ จุดชมวิวของเมืองนี้ ที่สามารถจ้องมองรอบๆเมืองที่กำลังถูกแสงสีเหลืองอร่ามนั้นอาบไปทั่วทั่งเมือง ผ่านจุดๆนี้ ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูแสนจะเซ็งจับจิตออกมา

“ให้ตายสิ ทั้งๆที่อยู่ถึงม.ปลายแล้วทำไมต้องมาทำการบ้านย้อนหลังด้วยนะฉัน คิดดูแล้วถึงจะยืมสมุดของเจ้าบ้าชูมาแล้วก็เถอะ แต่เจ้านั้นก็ลอกของคนอื่นมาด้วย แบบนี้ถ้าอาจารย์จับได้ สงสัยได้โดยด่ากันยกแก้งแน่ฉัน”

ชายคนนั้นก็พูดพรางทำหน้าทอดถอนใจขึ้นมา สายตาของเขาก็ดูเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวันที่ดูจำเจอยู่ตลอดเวลา แถวยังรู้สึกเซ็งๆเมื่อเพื่อนของเขาคนอื่นเดินมา ตบบ่าของเขาตอนที่อยู่ในโรงเรียน พรางพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มๆว่าตนมีแฟนแล้ว จนทำให้ชายคนนี้ก็ดูเหนื่อยใจออกมาไม่น้อย ซึ่งชายที่ยืนอยู่ก็มีสีผมดำสั้นปล่อยลงมา โดยที่ผมด้านหน้าตกลงมาระดับเกือบถึงลูกตา อายุประมาณ17ปี รูปร่างสูงประมาณ175เซนติเมตร สวมชุดไปรเวทเสื้อแขนสั้นสีขาวแทบดำ กางเกงขายาวสีน้ำเงิน พรางจ้องมองพระอาทิตย์อยู่นั้น ก็ถอนใจออกมาก่อนที่จะหลังเดินกลับไปด้วยสีหน้าเซ็งๆ โดยที่ขณะที่เขาเดินอยู่ก็ได้เดินสวนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผมสีน้ำตาลยาว ผูกโบว์ใว้ที่ผมด้านหลัง ซึ่งชายคนนั้นก็ไม่ได้สนใจในตัวผู้หญิงที่เดินขึ้นมาเลย เพียงแต่เดินก้มหน้าก้มตาลงจากจุดชมวิวแห่งนั้น โดยที่ขณะที่เดินส่วนกับผู้หญิงคนนั้น เธอก็หันมามองชายผู้นั้นด้วยสีหน้าที่ดูประหลาดใจออกมา ดวงตาของเธอก็จับจ้องยังชายผู้นั้นอย่างไม่กระพริบ ซึ่งชายคนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรได้แต่เดินลงไปด้วยสีหน้าเซ็งๆเท่านั้น

ซึ่งพอลงมาถึงทางเข้าของสวนสาธารณะ โดยที่เขาตั้งใจที่จะเดินกลับบ้านของเขา ซึ่งระหว่างทางที่เดินอยู่ ขณะที่เขาเดินผ่านทางย่านร้านค้าที่เป็นย่านที่ใหญ่พอใช่ได้กับเมืองๆนี้ ซึ่งถัดจากย่านร้านค้าก็จะเป็นห้างขนาดใหญ่ที่มีคนเดินเที่ยวบ่อยๆ ก็มีหญิงสาว อายุประมาณ 20ต้นๆ ที่อยู่ในชุดนักศึกษาที่ตรงเข้ามาหาชายผู้นั้น โดยที่ชายผู้นั้นก็จ้องมองนักศึกษาสาวคนนั้นด้วยสีหน้าที่ดูประหลาดใจออกมา

“ไม่ทราบว่าจะช่วยตอบแบบสอบถามหน่อยได้ไหมจ้ะ พอดีพวกพี่จะเอาข้อมูลนี้ไปใช่ในรายงานนะจ้ะ ไม่ทราบว่าน้องจะช่วยตอบหน่อยได้ไหมจ้ะ”

ชายผู้นั้นที่ได้ยินที่นักศึกษาสาวคนนั้นถามก็ทำหน้าคิดขึ้นมา ซักพักก็ตอบตกลงออกมา เพราะเขาคิดว่ายังไงกลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้วเสียเวลาซักนิดช่วยคนอื่นเขาบ้างก็ไม่เป็นไร ดังนั้นนักศึกษาคนนั้นก็พูดถามขึ้นมาทันทีด้วยสีหน้าดูย้อมแย้มออกมา

“ไม่ทราบว่าชื่ออะไรจ้ะ”

“ไค อากาซึระครับ”

“อายุเท่าไรและ”

“17ครับ”

“ไม่ทราบว่ามีอาการป่วยหรือเปล่า หรือโรคประจำนะมีไหม”

ตัวเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าไค ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำสีหน้างงๆออกมา แต่ก็ไม่คิดอะไรมาเลยตอบกลับไปว่าไม่มี แล้วนักศึกษาสาวคนนั้นก็พูดออกมาด้วยสีหน้าดูเป็นห่วงออกมา

“แต่พี่ว่าเธอดูเหนื่อยๆยังไงไม่รู้นะ แถมหน้าก็ดูซีดด้วย ไม่สนใจอาหารสุขภาพหน่อยหรือไง พอดีพี่รู้จักกับที่ขายอาหารเสริมดีๆอยู่นะ ราคาก็ถูกด้วยสนใจไหม”

ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา พรางเดินหนีจากนักศึกษาสาวคนนั้นทันที โดยที่นักศึกษาสาวคนนั้นก็ทำหน้าไม่พอใจออกมาเป็นอย่างมาก พรางพูดด่าว่าไคที่เดินจากไป ด้วยท่าทีที่ไม่สนใจในคำด่าว่าพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ไคที่กำลงเดินอยู่คิดขึ้นมาในใจ

“นี้คงกะจะมาหาลูกค้าถึงที่นี้เลยหรือไงนะ ก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมถึงมาคนเดียว เซ็งสุดๆเลยฉัน กะจะช่วยคนแต่ดันมาเจอแบบนี้ซะได้ กลับบ้านไปกินข้าวอาบน้ำ ทำการบ้านที่ค้างให้เสร็จดีกว่า และจะได้นอนซักที”

ไคพูดพรางเดินตรงไปทางบ้านของเขาทันทีดูเบื่อหน่ายออกมา แต่พอเดินไปได้ซักพักก็หันไปเห็นข่าวที่อยู่ในทีวีที่ตั้งอยู่ในร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ก็ทำหน้าแปลกใจออกมาเพราะในข่าวกลับเป็นข่าวที่เกิดขึ้นในเมืองของเขา ซึ่งภายในข่าวก็มีการพูดขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือที่ว่าอยู่ๆก็มีคนสลบไม่ได้สติเหมือนกลับหลับแบบปกติ มากถึง100-20คน รวมถึงคดีฆาตกรที่เกินขึ้นอย่างเป็นปริศนา ที่ไม่สามารถจับคนร้ายได้เลย แถมส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงด้วย รวมถึงเรื่องที่มีคนถืออาวุธสู้กันที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ไคที่เห็นแบบนั้นก็ดูแปลกใจออกมา พรางยืนฟังข่าวนั้นจนจบ แล้วจึงเดินกลับบานของเขา พรางนึกในใจขึ้นมา

“เมืองนี้ปกติก็เงียบสงบอยู่แล้ว แต่ไหงมันมีเรื่องแบบนี้ได้หว่า แถมเรื่องคนหลับไปเราเองก็เคยได้ยินเหมือนกัน แต่คิดว่าเรื่องเล่นๆซะอีกตกลงมันเรื่องจริงหรือเปล่าหว่า แต่ที่เอาอาวุธมาสู้กันด้วย อันนั้นก็หน้าเล่นดีเหมือนกันนะ แต่คิดดูไม่ดีกว่า ยังไง ถ้าถือดาบออกมาจากบ้านสงสัยคุณแม่ได้อัดเราตายแน่ เอาเถอะกลับบ้านดีกว่าฉัน”

ไคพูดพรางเดินกลับบ้านไปด้วยที่ทีที่ดูสนุกขึ้นมานิดๆ เพราะได้ยินข่าวที่ดูแปลกแบบี้ก็เป็นได้เลยทำให้เขาคิดว่าเมืองนี้ก็มีเรื่องแปลกเหมือนกันขึ้นมา ก็เดินสวนทางกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูท่าทางและสีหน้าที่ดูเย็นชา โดยที่ไคเองก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นเด็กสาวคนนั้นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งพอเด็กสาวคนนั้นเดินมาได้ซักพักก็จ้องมองเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักเรียนสีน้ำเงินเช่นเดียวกับตัวเด็กสาวคนนั้น ซึ่งพอเด็กหนุ่มคนนั้นเห็นเด็กสาวคนนั้นก็ทำหน้าตื่นกลัวออกมา โดยที่เด็กสาวคนนั้นก็เดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างช้าๆ แววตาที่ดูแสนจะเย็นชาและเยือกเย็นก็จับจ้องเด็กหนุ่มนั้นอย่างไม่กระพริบ จนเด็กหนุ่มคนนั้นถึงกับเย็นยะเยือกไปทั้งตัวที่เห็นดวงตาคู่นั้น พรางรีบวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต โดยที่เด็กหนุ่มคนนั้นก็เหมือนถืออะไรบางอย่างอยู่ในมอง ซึ่งเด็กสาวที่เห็นเช่นนั้นก็ยกโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา พรางพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเย็นชาดังแววตาของเธอ

“ฉันเจอเป้าหมายแล้ว จะทำการจับกุมเดียวนี้ ดังนั้นเตรียมคนมาเคลียร์พื้นที่ให้ด้วย”

ซึ่งเด็กสาวคนนั้นพูดจบก็เก็บมือถือเธอไวในกระเป๋า พรางหายไปจากตรงนั้นเหมือนดังร่างที่หายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแสงไฟที่สว่างขึ้นมาตามเสาไฟ โดยที่ท้องฟ้าก็มืดลงจนดูหน้าหวั่นใจ

“แคร้ง แคร้ง แคร้ง”

เสียงของเหล็กที่คมกลีดที่กระทบกันอย่างรุนแรง ดังขึ้นเหนือบ้านเรือนที่มีคนอาศัยอยู่หลายครอบครัว ซึ่งขณะที่มีเสียงนั้นขึ้นก็มีร่างของหญิงสาวในชุดนักเรียนที่ถือดาบสองเล่มอยู่ในมือ กำลังฟาดฟันด้วยท่วงท่าที่เหมือนกับกำลังลอยอยู่บนอากาศก็ไม่ปาน กับผู้ชายที่หนีมาที่อายูไม่ต่างกันมากนักที่ถือเคียวขนาดเล็กอยู่ทั้งสองมือ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วง และรุนแรงเหมือนจะฆ่ากันให้ตายไปข้างให้ได้ แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายของผู้หญิงจะได้เปรียบอยู่มาก ซึ่งผู้ชายคนนั้น ก็รีบวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวอย่างมากไปทางโรงเรียนแห่งหนึ่ง ส่วนผู้หญิงก็ตามไปจนมาอยู่ที่หน้าโรงเรียน แล้วชายคนนั้นก็พูดออกมาด้วยเสียงกระหืดกระหอบว่า

“ทำไมถึงตามฉันมากันละ แกต้องการอะไร”

หญิงสาวที่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมถือดาบทั้งสองมือ ก็เอาปากขึ้นด้วยแววตาที่เย็นชา เหมือนดังตุ๊กตาที่ไร้ความรู้สึกหรือเป็นดังเครื่องจักรสังหารที่ไรซึ่งความรู้สึกก็เป็นได้ว่า

“ฉันมาเพื่อจับแก ในฐานะผู้ครอบครองที่ทำร้ายคนธรรมดาไงละ แกนะใช่อาวุธนั้นทำร้ายเพื่อนนักเรียนด้วยกันเองที่มารังแกแกใช่ไหมละ ดังนั้นฉันจึงได้มาตามจับแกไงละ ถ้าเข้าใจแล้วก็ยอมซะ”

ชายคนนั้นได้ยินก็พูดด้วยเสียที่บรรดาโทสะอย่างมากว่า

“อย่ามาพูดบ้าๆนะ ฉันนะพวกนั้นแกล้งตั้งแต่เข้าเรียนแล้วนะ ดังนั้นฉันถึงได้จัดการกับพวกนั้นไงละ อย่างเธอนะไม่เข้าใจความรู้สึกของการถูกรังแกหรอก”

แล้วชายคนนั้นก็ตรงเข้าไปโจมตีใส่หญิงสาวคนนั้นทันที ซึ่งทางหญิงสาวก็พูดด้วยเสียงที่เย็นชาดังเดิม และด้วยสายตาที่เย็นชาจนเป็นน้ำแข็งนั้นว่า

“งั้นเหรอ แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่แบบนั้นมากกว่า แกนะมันก็แค่คนที่ไม่กล้าที่จะสู้เท่านั้นละ แล้วเอาไปโทษคนอื่นอยู่ตลอดไม่ยอมทำอะไรเพื่อตัวเองเลยมากกว่ามั่ง มัวแต่รอให้คนอื่นมาช่วยอยู่นั้นละ ดังนั้นเลยถูกรังแกไงละ”แล้วหญิงสาวก็ตรงเข้าไปใช่ดาบข้างซ้ายมือปัดอาวุธที่ชายคนนั้นที่ฟันเข้ามาได้อย่างง่ายดาย แล้วชายคนนั้นก็ใช่มืออีกข้างที่ถือเคียวอยู่ฟันใส่หญิงสาวทันที แต่หญิงสาวกับหายไปจากตรงหน้าราวกับไม่มีตัวตนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่แรกแล้ว แล้วหญิงสาวไปปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของชายคนนั้นด้วยถ่วงท่าที่เหมือนกับเคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็น

“ตัวแกนะ มันก็แค่ไอพวกขี้ขลาดงอมืองอเท้ารอคนช่วยนั้นและ หลับไปได้แล้วละ”

หญิงสาวพูดพร้อมกับใช่ปลายด้ามจับของดาบกระแทกเข้าที่ท้ายทายของชายคนนั้น อย่างแรง จนชายคนนั้นถึงกลับสลบไป ส่วนเคียวในมือทั้งสองข้างก็หายไปราวกับปฎิหารย์ พร้อมกับกำไลที่ปรากฏขึ้นที่แขนขวาของชายคนนั้น แล้วหญิงสาวก็ยกดาบขึ้นแล้วฟันลงไปที่กำไลนั้นอย่างแม้นยำ จนลูกแก้วที่กำไลแตกออกกลายเป็นผงรวมถึงกำไลด้วยแล้วปลิวตามลมไป แล้วซักพักก็มีรถคันหนึ่งมาถึง ก็มีหญิงสาวอีกคนเดินลงมาด้วยท่าทางที่มาดมั่นแล้วพูดด้วยเสียงที่ดุไม่พอใจนิดๆว่า

“เธอเบาๆมือหน่อยสิ เดียวเด็กคนนี้ก็ตายกันพอดี”

หญิงสาวที่ถือดาบอยู่ก็ไม่ได้สนใจในคำพูดของหญิงสาวคนนั้นเลยแม้แต่น้อย ซักพักก็ได้ยินอะไรแปลกๆมาจากในอาคาร เลยหันหลังเดินเข้าไปในโรงเรียนโดนไม่สนใจหญิงสาวอีก

“จะไปไหนนะ ทำไมไม่กลับบ้านละ”

“ฉันมีธุระนิดหน่อยนะ”ซึ่งเมื่อหญิงสาวอีกคนได้ยินก็ทำท่าไม่คิดอะไรมากก็พูดว่า

“ให้ตายสิ งั้นฉันจะไปรอที่ห้องพยาบาลนะ ถ้าเสร็จแล้วก็กลับด้วยกันนะ”

แล้วก็เดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยกันกับหญิงสาวคนแรก ซักพักก็มีรถอีกคันมาจอดพร้อมกับมีคนออกมารับชายที่สลบไปเพราะถูกหญิงสาวที่ถือดาบนั้นทำให้สลบขึ้นรถไป ส่วนตัวหญิงสาวที่ถือดาบอยู่นั้นก็เดินด้วยท่าทางที่มาดมันไม่หวาดกลัวสิ่งไดเลยแล้วก็เข้ามาที่ห้องๆหนึ่งที่ปิดไปมืดไปหมดยกเว้นแต่แสงที่เข้ามาทางหน้าต่าง

“ทำไมแกถึงมาอยู่นี้ได้ละ เจ้าอสูรจักรกล แกไม่น่าจะมาในที่ไม่มีผู้ครอบครองอยู่เลยนี้นา”

ซึ่งภาพที่อยู่ตรงหน้าหญิงสาวเป็นสิ่งที่มีรูปร่างคลายคน แต่ร่างกายกลับเป็นเหล็กทั้งหมดก็หันมาราวกับเจอเหยื่อที่ต้องการ แล้วเมื่อมันเห็นหญิงสาวก็ตรงเข้ามาหาหญิงสาวเหมือนดังสัตว์ร้ายที่ตรงเข้าหาเหยื่อก็ไม่ปาน

“ให้ตายสิดังลืมสมุดทิ้งไว้ได้นะ แบบนี้ถ้าไม่ไปเอาได้โดยเจ้าชูด่าเอาแน่ฉัน”

ไคที่วิ่งอยู่ตามถนนทางไปโรงเรียนของเขาก็พูดออกมา ด้วยสีหน้าที่ดูหงุดหงิด เพราะพอเขากลับบ้านไป ภายหลังจากกินข้าว ตัวเขาที่คิดจะทำการบ้านก่อนที่จะอาบน้ำ แต่พอค้นในกระเป๋านักเรียน ก็ไม่เจอสมุดที่เขายืมมาจากเพื่อนของเขา ซึ่งพอไคทำท่าคิดก็เหมือนจะจำได้ว่าตนลืมไว้ที่โรงเรียนเลยต้องรีบวิ่งออกมาจากบ้าน เพื่อมาเอาสมุดที่โรงเรียนทันที

ซึ่งภายหลังจากนั้นไคที่วิ่งมาถึงโรงเรียนด้วยท่าทางกระหืดกระหอบก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากภายในโรงเรียน ไคที่รู้สึกไม่ชอบมาพากลเลยหันไปมองรอบๆซึ่งเป็นโรงเรียนที่วางเปล่าไรคนเดินผ่าน รวมถึงยังมืดจนดูวังเวงอีกด้วยแล้ว

“นี้มันเสียงบ้าอะไรกัน ใครมาตีกันหรือไง หรือว่าเป็นผีกันหว่า แต่ว่ามาถึงนี้แล้วจะกลัวผีไม่กล้าเข้าไปเอามันก็เสียหน้ากันพอดี ดังนั้นตายเป็นตายวะลุยเลย”

แล้วไคก็วิ่งเข้าไปในอาคารเรียนโดยที่ไม่ยอมหันไปมองด้านข้างเลยแม้แต่น้อย

ส่วนทางด้านหญิงสาวที่กำลังสู้อยู่กับตัวประหลาดนั้น ก็มายืนอยู่กลางห้องด้วยท่าทางที่ไม่ได้หวาดกลัวสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย ยังกับว่าสู้อยู่กับสิ่งที่ตนเองเจอมามากแล้ว เมื่อตัวประหลาดนั้นตรงเข้ามาด้วยท่าทีที่ดุร้าย หญิงสาวก็ยกดาบขึ้นแล้วกระหน่ำฟันไม่ยั้งจนเป็นดังประกายดาบจำนวนมากผ่านร่างที่เป็นเหล็ก จนตัวประหลาดนั้นกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยไป แล้วหญิงสาวก็ได้ยินเสียงเหมือนใครกำลังวิ่งมาก็ทำท่าจะหันหน้าไปมองที่ประตูที่ยังคงปิดอยู่ ซึ่งขณะนั้นประตูก็เปิดออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับไคที่วิ่งมาอย่างสุดชีวิต แล้วไคไปมองที่หญิงสาวที่หันหน้ามาอย่างช้า โดยหญิงสาวนั้นมีแววตาที่ดูเย็นชาจนเป็นดังตุ๊กตาไร้หัวใจ โดยที่ไคไม่รู้เลยว่า นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทั้งสองที่ได้มาเจอกัน

ความปรารถนาคืออะไรกัน หลายคนที่ได้ยินคำถามนี้อาจจะตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูมั่นใจในคำตอบของตัวเองก็ว่า เป็นความต้องการ ความฝัน ความหวัง และความรู้สึกที่อยากจะเป็น แต่ว่าแท้ที่จริงแล้วความปรารถนานั้นจริงๆแล้วคืออะไร ทำไมคนเราถึงได้ต้องการที่จะได้สิ่งที่ตนปรารถนามา แล้วการที่เราได้สิ่งนั้นมาง่ายๆนั้นคือความปรารถนาจริงหรือ แต่ถ้าหากสิ่งนั้นต้องแล้วด้วยสิ่งสำคัญของคุณรวมถึงชีวิตของคุณที่ต้องย่ามเท้าเข้าไปในอันตรายเพื่อให้ได้มาซึ่งความปรารถนาของท่านแล้ว ท่านจะยอมหรือเปล่าที่จะทำมันให้เป็นจริงตามที่ต้องการ ถ้าท่านพร้อมที่จะสีสละสิ่งที่สำคัญและยอมที่จะเผชิญอันตรายแล้วละก็จงมาสิง จงมาที่นี้สิ และจงทำความปรารถนาของท่านให้เป็นจริง แม้ต้องแลกด้วยชีวิตท่านทีจงมาสู้เกมที่ชื่อว่า HOPEFULNESS GAME เกมแห่งความปรารถนา

บทที่1 การเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง ตอนที่1

“นี้มันอะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ละ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกัน”

ไคทำท่าตกใจในสิ่งที่ตนเห็นอยู่ตรงหน้าพูดขึ้นมา ซึ่งในห้องที่ไคอยู่นั้นเป็นห้องที่มืดไม่มีแสงจากหลอดไปจากเพดานห้องมีเพียงแสงที่ลอดผ่านบานกระจกเข้ามาเท่านั้น ซึ่งตัวห้องมีโต๊ะมากมายกระจัดกระจายอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบเหมือนกับมีพายุพัดโต๊ะเหล่านั้นกระจายไปทั่วก็มิบาน ส่วนสภาพของผนังห้องก็พังเป็นรูขนาดเท่ากำปั้นของผู้ใหญ่อยู่หลายที่ของตัวห้องเรียนนั้น โดยที่มีคนๆหนึ่งยืนอยู่อย่างนิ่งเฉยอยู่กลางห้องนั้น ซึ่งไคก็มองไปที่คนๆนั้น แล้วเห็นว่าคนที่อยู่กลางหน้าห้องเป็นผู้หญิงผมสีดำสนิทและเมื่อมีลมพัดมาพร้อมกับแสงที่สาดส่องมาจากหน้าต่างที่เปิดอยู่เส้นผมเหล่านั้นก็ปลิวสะไหวพร้อมเปล่งประกายที่ความเงางามของเส้นผมเหล่านั้น เมื่อเส้นผมเหล่านั้นกระทบกับแสงที่ส่องมา ไคที่เห็นแบบนั้นถึงกับตาค้างอยู่ซักพักกับภาพที่เห็น โดยที่ในมือทั้งสองข้างถือดาบสไตล์ดาบของยุโรป ความยาวตั้งแต่ปลายคมดาบถึงปลายด้ามจับประมาณ เล่มละ80เซนติเมตรเห็นจะได้ ส่วนที่ด้ามจับไม่รวมตัวดาบประมาณ 20เชนติเมตร มีรอยสลักเป็นรู้เหมือนกับเกี่ยวคลื่นของสายลมอยู่ทั้งสองเล่ม โดยที่บริเวณตรงกลางของส่วนครอสการ์ด หรือส่วนที่มีไว้ป้องกันมือนั้น มีผลึกแก้มสีฟ้าอยู่ทั้งสองเล่ม ส่วนตัวใบดาบดูแล้วมีความคมสูงมากและเมื่อกระทบกับแสงก็เปล่งประกายออกมา เหมือนกับว่าถ้าตวัดเพียงเล็กน้อยแขนคนก็ขาดกระจุยง่ายๆ โดยตรงกลางใบดาบเป็นลอยลึกลงไปเป็นแถบยาวจากส่วนครอสการ์ดจนเกือบถึงปลาบดาบโดยลอยนั้นกลับมีสีฟ้าเป็นแถบยาวตลอดทั้งแถบ โดยที่ตัวหญิงสาวคนนั้นหันหน้ามาหาไคอย่างช้าๆ ไคที่เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่เรียบเฉยสายตาเย็นชาเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องที่เกิด ไคที่เห็นแบบนั้นก็ถอยหนีด้วยความกลัวทันที แต่ก็ดันไปลื่นล้มลงซะได้ ซึ่งหญิงสาวคนนั้นที่อยู่ในชุดนักเรียน ที่เป็นชุดเสื้อแขนยาวสีขาว ผูกโบว์สีแดง โดยใส่เสื้อนอกที่เป็นเสื้อสีน้ำเงินแบบเสื้อสูท โดยที่ทางอกซ้ายของเสื้อจะมีตราโรงเรียนที่เป็นรูปปีกนกสองข้างใส่ทับไว้ ส่วนกระโปงจะยาวถึงเข่า ซึ่งตรงกระโปงจะมีดำมีแทบที่ชายกระโปงเป็นแถบขาว ซึ่งเป็นชุดของโรงเรียนเดียวกับที่ไคเรียนอยู่ ก็เดินมาตรงหน้าของไคด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย แล้วก็ยกดาบขึ้นจ่อคอของไค โดยที่ปลายดาบห่างจากคอของไคไม่กี่เซนเท่านั้น ซึ่งประกายดาบที่ส่องออกมาทำให้ไคที่เห็นถึงกับหน้าซีดลง ส่วนหญิงสาวที่ถือดาบอยู่ด้วยกลับมีแววตาที่แสนจะเย็นชา แล้วก็พูดกับไคด้วยเสียงที่เย็นยะเยือกไปถึงหัวใจ

“นายนะ เป็นผู้ครอบครองหรือคนขององค์กรรุ่งอรุณกันแน่ บอกมาซะ”

ไคที่อยู่ในอาการหน้าซีดมือไม้สั้นได้ยินแบบนั้นก็ทำใจแข็งแล้วตอบกลับไป

“พู พูดอะไรของเธอกัน ฉันไม่รู้จักหรอกนะไอผู้ครอบคง ครอบครองนั้นนะ รวมถึงไอองค์กรอะไรนั้นนะ”

หญิงสาวเมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“เหรอ ไม่รู้จักเหรอ งั้นช่วยยกแขนขวาขึ้นหน่อยซิ”

“พูดอะไรของเธอนะ ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย แล้วยังเอาดาบมาจี้คอฉันอีก ฉันไปทำอะไรให้เธอกันเล่า”

“เฮ นายนี้แปลกคนจังนะ ทั้งที่มีดาบจี้คออยู่ ยังกล้าต่อปากต่อคำกับฉันอีกนะ ดูท่าคงอยากจะเจ็บตัวแล้วสินะ งั้นฉันขอแขนข้างนึงแล้วกันนะ”

หญิงสาวคนนั้นก็ยิ้มออกมาที่มุมปากเหมือนกับกำลังมองดุสิ่งที่แปลกประหลาดอยู่ พร้อมกับพูดออกมาดูเสียงที่ดูเหมือนเจอของสนุกเข้า แล้วหญิงสาวก็ยกมือที่ถือดาบอีกข้าง แล้วฟันลงมา แล้วไคทีเห็นแบบนั้นก็ยกแขนขาวขึ้นกันดาบนั้นทันที ซึ่งเมื่อหญิงสาวคนนั้นเห็นมือขาวที่ไม่ได้สวมใส่อะไรไว้ก็หยุดดาบทันที แล้วพูดออกมาด้วยเสียงที่ดูเสียดายนิดๆ

“งั้นเหรอ คิดว่านายเป็นผู้ครอบครองปลอมมาซะอีก กะว่าถ้านายเรียกอาวุธออกมา จะได้ฟันให้ตายไปซะเลยแท้ๆ แต่ว่าท่าทางว่าจะไม่ใช่ซะแล้วสิ เอาเถอะงานนี้คงจะพลาดแล้วสิ ตัวฉันนะ”

แล้วหญิงสาวคนนั้นก็หันหลังเดินกลับไปที่กลางห้องโดยไม่ได้สนใจตัวของไคเลย

“ นี้มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเธอเป็นใครกันทำไมถึงใส่ชุดของโรงเรียนฉันละ”

ไคถามออกมาด้วยท่าทีที่สงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกลับลุกขึ้นยืน

“นายนี้ก็แปลกนะ ทั้งๆที่คนอื่นเห็นแบบนั้นต้องกลัวแล้ววิ่งไปแล้วซะอีก แต่ดันกล้าที่จะเผชิญหน้ากับฉันอีกนะ”

หญิงสาวคนนั้นหันมาพูด แล้วจ้องหน้าของไค ด้วยแววตาที่ดูประหลาดใจอย่างมาก โดยที่ใบหน้าที่ถูกแสงที่ลอดผ่านทางหน้าต่างก็ทำให้ไคได้เห็นใบหน้าที่ดูขาวเนียนของผู้หญิงคนนั้น รวมถึงแววตาที่ดุใจเย็น ริมฝีปากที่ดูอ่อนนุ่มและอวบอิ่มดุมีน้ำมีนวล เส้นผมที่เปล่งประกายสีดำมันเงา จนไคที่เห็นเช่นนั้นก็ถึงกลับใจเต้นขึ้นมา แล้วหญิงสาวก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปดูดุดันขึ้นมาเล็กน้อย

“เอาเถอะฉันขอเตือนนะ อย่าพูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด ถ้านายบังอาจพูดหรือบอกใครก็ตาม ฉันจะฆ่านายทิ้งซะ”

พอหญิงสาวคนนั้นพูดเสร็จก็หายไปจากตรงหน้าของไค ไคที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจ แล้วอยู่ๆก็มีเหมือนของแข็งมากระแทกตรงคอทำให้ไคสลบไป

เมื่อไคตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคล้ายเตียงผู้ป่วยโดยมีผ้าม้านที่ยังเปิดไว้ โดยข้างๆก็มีเตียงอีกตัว ซึ่งตัวสภาพห้องเป็นสีขาว มีตู้ยาขนาดใหญ่สีเงินอยู่ด้วยกันสองตูภายในประจุยามากมายไว้ และข้างตู้ยาก็มีโต๊ะทำงานที่มีของใช่ในการตรวจโรคอยู่เล็กน้อยกับกองหนังสืออีกหลายเล่ม โดยที่ข้างๆโต๊ะมีใครบางคนที่สวมชุดแบบหมออยู่ ซึ่งเมื่อไคได้สติ อาจารย์พยาบาลที่อยู่ในชุดคุมแบบหมอ โดยที่อาจารย์คนนั้นไว้ผมสีน้ำตาลยาวหยิกถึงคอ สวมแว่นตาก็หันกลับมาแล้วลุกขึ้นเดินเข้ามา

“เป็นอะไรหรือเปล่าเธอนะ ฉันเห็นเธอนอนสลบอยู่หน้าชั้นเรียน ฉันเลยพามาที่ห้องพยาบาลนี้และ เป็นอะไรไปเหรอ”

ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ

“แล้วยายนั้นละ เด็กผู้หญิงที่ถือดาบทั้งสองข้างไปไหนแล้วละ”

“ยังละเมออยู่หรือไงกัน ว่าแต่กลับบ้านไปได้ละ ฉันก็จะกลับแล้วละ เอาลุกได้แล้ว เร็ว”

ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็รับลุกขึ้นมาทันที เมื่อไคเดินออกจากห้องพยาบาลก็ต้องผ่าน ห้องเรียนที่ตนได้เห็นหญิงสาวคนนั้น ไคที่เดินตามหลังอาจารย์ห้องพยาบาลอยู่ เมื่อมาถึงที่ห้องนั้นก็รีบเข้าไปดู แต่สิ่งที่ไคได้เห็นกลับเป็นห้องเรียนปกติ รวมถึงผนังที่สะอาดไม่มีแตกเป็นรูอยู่เลย ไคที่เห็นแบบนั้นก็แปลกใจมากเลยคิดว่าตัวเองฝันไปก็ได้ ซึ่งอาจารย์ที่เดินนำอยู่ก็พูดขึ้นมา

“เป็นอะไรไป”

ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็บอกว่าไม่มีอะไร แล้วเดินตามอาจารย์ห้องพยาบาลไปทันที เมื่อไคเดินไปได้ซักพักก็หันกลับมามองแล้วคิดว่าคงจะคงจะฝันไปจริงๆ ส่วนอาจารย์พยาบาลเห็นไคแบบนั้น ก็มองไคด้วยแววตาแปลกๆขึ้นมา หลังจากที่แยกจากอาจารย์ห้องพยาบาลแล้ว ไคที่เดินอยู่ก็พูดขึ้นมา

“สงสัยเราจะฝันไปจริงๆนั้นละก็ห้องที่เกิดเรื่องขึ้นดันอยู่ในสภาพปกติอยู่เลยนี้นา แถมยังเด็กผู้หญิงนั้นอีก จะมีใครบ้าเดินถือดาบไปมากันบ้างละ สงสัยเพราะเล่นเกมมากไปแน่เลย เอาละกลับไปนอนดีกว่า”

ไคเดินไปซักพักก็คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองลืมสมุดไว้ แถมประตูโรงเรียนก็ถูกปิดแล้วด้วยคงจะเข้าไปเอาไม่ได้แล้ว เลยเดินคอตกกลับบ้านไป แต่ขณะที่เดินอยู่ไคก็คิดขึ้นมา

“แต่ยายนั้นที่เราเห็นดูสาวน่ารักจังเลยนะ”

พร้อมกับนึกภาพหญิงสาวคนนั้นในขณะที่หันมา โดยที่ใบหน้าที่ประทบกับแสงไฟยามค่ำคืนทำให้เห็นถึงใบหน้าที่ขาวได้รูป รวมถึงผมที่ยาวเป็นประกายเมื่อกระทบกับแสงไฟพร้อมกับปลิวสะไหวไปมาเมื่อลมพัดผ่านเล่นเอาไคที่คิดแบบนั้นถึงกับหน้าแดง แล้วไคก็พยายามไม่คิดถึงเรื่องนั้น แล้วเดินตรงกลับบ้านไป ซึ่งในขณะนั้นบนเสาไฟก็ปรากฏร่างใครบางคนที่รู้ร่างละไม้คล้ายกับหญิงสาวที่ไคเห็นกำลังมองไปที่ไค ซักพักก็หายไปจากบนเสาไฟนั้น

รุ่งเช้าไคก็รีบไปโรงเรียนในชุดสีขาวผู้เนกไทสีน้ำเงิน สวมเสื้อนอกสีน้ำเงินมีตราโรงเรียนด้านซ้ายเช่นเดียวกับชุดนักเรียนหญิงแต่ต่างกันตรงที่ ชุดนี้เป็นชุดสำหรับผู้ชาย แล้วสวมกางเกงขายาวสีดำ เมื่อมาถึงก็ลงตัวลงนอนบนโต๊ะทันที แล้วสักพักก็มีเสียงของใครบางคนเข้ามาทัก ซึ่งชายคนนั้นไว้ผมทรงตั้งขึ้นทั้งหัว รูปร่างดูเล็กกว่าไคเล็กน้อย โดยที่สวมเสื้อนักเรียนสีขาวผู้เนกไทสีน้ำเงิน สวมเสื้อนอกสีน้ำเงินมีตราโรงเรียนด้านซ้าย แล้วสวมกางเกงขายาวสีดำ เช่นเดียวกับที่ไค

“ไงไควันนี้มาซะสายเลยนะ ว่าแต่นายไปทำอะไรมาละดูเหมือนนอนไม่พอเลยนะ”

ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อย

“ที่แท้นายเองเหรอชู พอดีเมื่อคืนมีอะไรคิดมากไปหน่อยเลยนอนไม่พอนะ ว่าแต่มีอะไร รีบพูดมาแล้วจะได้นอนต่อซักที”

“พูดแบบนี้มันหน้านัก ทั้งๆที่จะเอารูปของมาเรียมาให้ซะหน่อยแบบนั้นสงสัย นายคงไม่ต้องการแล้วสินะ แบบนั้นชั่งเถอะ เอาไปขายให้คนอื่นก็ได้”

ชูพูดพร้อมกับเอารูปออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วคลี่ออกมา ซึ่งเป็นรูปของหญิงสาวอายุใกล้เคียงกับได3-4รูป ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็ หันมาหาชูอย่างเร็วแล้ว

“เอาสิเอาใครบอกกันละว่าไม่เอานะ”

แล้วไคก็รับไปคว้ารูปมาทันที ด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความดีใจ

“นายนี้นายังชอบมาเรียเหมือนเดิมเลยนะ แต่ไม่คิดหรือไงว่าอย่างนายนะไม่มีทางที่สาวสวยประจำห้องจะมาชอบนายได้หรอกนะ”

“พูดมากน่า มันเรื่องของฉันไม่ต้องมาพูดมากเลยนะ”

ซักพักก็มีสาวสวยผมสีดำแดงผูกโบว์อันใหญ่ไว้ด้านหลังโดยใบหน้าของเธอเรียวรีได้รูปผมก็ปลิวสะไหวขณะที่เดินมาด้วยท่าทางที่ดูสวยงามดังเจ้าหญิง เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วชูที่หันไปเห็นก็พูดขึ้นมา

“นั้นไงพูดถึงก็มาเลยนั้นไงละ เป็นไงละไคได้เห็นนางฟ้าแต่เช้าคงจะหายง่วงเลยใช่ไหมละ”

“อย่ามาพูดมากนะจะไปไหนก็ไปเลยไป”

“ก็ได้ๆ ฉันไปนั่งที่ก่อนนะ สัญญาณเข้าเรียนมันจะดังแล้วนี้นะไปละ แล้วถ้ามีรูปมาแล้วฉันจะเอามาขายต่อนะ”

แล้วชูก็เดินจากด้วยท่าทีที่สบายใจ ส่วนไคที่เห็นมาเรียก็คิดขึ้นมาภายในใจ

“มาเรีย มิสุกิ นี้ถ้าฉันสามารถสารภาพรักกับเธอได้ก็ดีสิ แต่ว่าอย่างเธอคงไม่สนใจคนอย่างฉันหรอก แถมเห็นว่าเธอมีแฟนแล้วซะด้วยสิ แบบนี้ฉันก็แห้วรับประทานแล้วนะสิฉัน”

แล้วไคก็ก้มหน้าลงกับโต๊ะ ซักพักไคก็รู้สึกเหมือนใครมองอยู่ ก็สะดุ้งตัวแล้วหันไปมองรอบๆทันที ซึ่งไคก็คิดว่าคงคิดไปเองเลยไม่ได้สนใจอะไร แล้วก้มลงนอนต่อทันที ซึ่งที่หน้าประตูทางเดินก็เห็นร่างหญิงสาวคนหนึ่งยืนมองไปที่ไคด้วยสายตาที่จับจ้องไปที่ไคพร้อมกับยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินจากไป

พอถึงช่วงพักเที่ยงไคที่คิดจะไปท่าข้าวในสวนก็เดินผ่านทางเดินระหว่างอาคาร ซึ่งเป็นทางลัดไปสวนหย่อมที่ไคชอบไปแอบนอนที่นั้นประจำเพราะไม่ค่อยมีคนไปนั่งแถวนั้นกันมากนัก ส่วนทางที่ไคเดินนั้นมีข่าวลือว่าเคยมีคนตายอยู่ที่นี้เลยไม่มีคนเดินกันเลย แต่ไคก็ไม่สนใจก็เดินมา ซักพักไคก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินมาใกล้ๆด้วยท่าทีที่สงบ แล้วเมื่อไคเดินผ่านไปก็ถึงกับเหงื่อแตก และหน้าซีดขึ้นมา แล้วไคก็รีบหันกลับไปมองพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่แสดงถึงความตกใจ

“นี้เธอทำไมถึง”

แต่เมื่อไคหันกลับมาก็ไม่เห็นอะไร ไคเลยคิดว่าตาฝาดไปเลยหันกลับมากับมาก็ตกใจ เมื่อได้เห็นหญิงสาวที่เดินผ่านไปกลับมาอยู่ห่างจากตนแค่ประมาณ2เมตรเท่านั้น ส่วนในมือก็ถือดาบทั้งสองข้างแล้วชี้มาที่ไค ซึ่งไคที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจอย่างมากมาก แล้วหญิงสาวคนนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เย็นชาไร้อารมณ์เช่นเดิม

“ไง ไม่เจอกันแค่ครึ่งวันลืมหน้าฉันไปแล้วหรือไง”

ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดด้วยท่าทีที่แปลกใจอย่างมาก

“นี้เธอทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้ละ”

“พูดอะไรแบบนั้นกันละ ก็ฉันเรียนอยู่ที่นี้ด้วยนี้นา ฉันชื่อเชนน่า คาสึกิ เรียนอยู่ห้อง5-2 แล้วนายละ”

เชนน่าก็ทำสายตาเย็นชาใส่เช่นเดิม

“ฉันไค อากาสึระ อยู่ห้อง1 ว่าแต่เธอต้องการอะไรกันแน่นะ ถึงได้ตามฉันมากัน”

เชนน่าก็ไม่ได้สนใจในคำถามของไคเลยแม้แต่น้อย

“ว่าแต่นายเถอะคงไม่ได้ไปพูดเรื่องของฉันกับใครหรอกนะ”

เชนน่าพูดออกมาด้วยเสียงที่ดูไม่ไว้ใจไคอยู่ ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาด้วยเสียงที่ประหลาดใจ

“เรื่องนั้นนะชั่งมันเถอะ นี้มันเรื่องอะไรกันทำไมถึงหันดาบนั้นใส่ฉันกัน ฉันไม่เคยทำอะไรให้เธอซะหน่อย”

เชนน่าที่ได้ยินคำตอบของไคก็ดูท่าจะไม่ค่อยชอบใจมากนัก

“อย่าให้พูดคำถามเดิมซ้ำๆกันสองครั้งสิ แล้วอีกอย่างนายยังไม่ตอบฉันเลยนะ ว่านายได้บอกเรื่องนี้กับคนอื่นหรือเปล่า”

เชนน่าที่พูดออกมาด้วยสายตาที่เรียบเฉย แต่กับมีความรู้สึกที่ดูไม่พอใจแฝงไว้ในแววตานั้น ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำท่าไม่พอใจ

“ทำไมฉันต้องตอบเธอด้วยละในเมื่อเธอไม่ตอบเรื่องที่ฉันถามเลยนะ”

“นายนี้แปลกอย่างที่คิดไว้จริงๆ ทั้งๆที่ถูกดาบจี้ใส่แบบนี้ ยังกล้าที่จะต่อปากต่อคำกับฉันอีกนะ แต่ว่านะฉันเองก็มีความอดทนจำกัดเหมือนกัน ฉันจะถามอีกครั้ง นายได้บอกเรื่องนี้กับใครหรือเปล่าบอกมา”

เชนน่าพูดพร้อมกับแววตาที่โกรธขึ้นมา แต่ไคที่เห็นแบบนั้นก็ยังคงทำท่าทางเช่นเดิม

“ใครจะไปบอกกันละ เธอนั้นและเอาแต่พูดอยู่ได้ไม่ยอมบอกเหตุผลกับฉันซะที จ้างให้ฉันก็ไม่บอกหรอกนะเรื่องนั้นละ”

“งั้นหรือ งั้นฉันขอเชือดนายให้หายหงุดหงิดหน่อยเถอะ”

เชนน่าพูดพร้อมหันไปด้านข้างด้วยหน้าตาที่ดูสงบลงพร้อมหลับตาลง แล้วซักพักก็เปิดตาขึ้นมาพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไปราวกับว่าจะฆ่าไคขึ้นมาจริงๆ แล้วเชนน่าก็พุ่งดาบเข้าใส่ เมื่อไคเห็นแบบนั้นก็เบี่ยงตัวหลบได้อย่างเฉียวฉิว แล้วเชนน่าก็ยกดาบอีกข้างพร้อมกับพันไปด้านที่ไคหลบ จนไคเสียหลักล้มลง แล้วเชนน่าก็เดินเข้าไปใกล้พร้อมกับชี้ไปยังหน้าของไคด้วยไปหน้าที่กลับมาเย็นชาดังเดิม

“ไม่คิดเลยนะว่านายจะหลบการโจมตีของฉันได้นะ แบบนี้ถ้านายเกิดเป็นผู้ครอบครองฉันคงแย่แน่ๆ ดังนั้นก่อนที่จะเป็นแบบนั้นฉันจะจัดการกับนายก่อน แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนายนะไม่ทันได้เจ็บหรอกนะ ดังนั้นตายซะ”

แล้วเชนน่าก็ยกดาบทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะแล้วฟันลงไป ซึ่งไคที่ยื่นมือข้างหนึ่งไปหยิบแป๊บเหล็กข้างๆก็เอามากันไว้”แคร้ง” เสียงของดาบที่เชนน่าฟันลงมากระทบกับแป๊บเหล็กที่ไคถือขึ้นมากัน แล้วเชนน่าที่เก็บแบบนั้นก็อึ่งไปซักครู่ แล้วไคก็รีบหนีออกมาตั้งหลักด้วยท่าทางรีบร้อน แล้วหันกลับมาหาเชนน่าพร้อมกับถือแป็บเหล็กนั้นด้วยมือสองข้างไปทางเชนน่าที่ยืนอยู่แล้วพูดด้วยท่าทีที่เหมือนจะมั่นใจเต็มที่ว่า

“คราวนี้ละ ฉันจะขอคืนมั่งละ ถึงจะเป็นแป๊บเหล็กก็ตาม แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะแพ้เธอหรอกนะ ดังนั้นจงไปซะ”

เชนน่าที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมาแล้วพูดด้วยสายที่ดูเย้ยหยันในตัวของไคขึ้นมา

“นายคิดหรือไงว่า ไอของอย่างนั้นจะมาสู่ดาบสองเล่มนี้นะได้นะ ดูถูกกันเกินไปแล้วมั่ง”

หลังจากที่เชนน่าพูดจบ แป๊บเหล็กนั้นก็ขาดเป็นสี่ท่อน เล่นเอาไคที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจมากจนหน้าซีดเผือกในทันทีเลยก็ว่าได้

“นายนี้โชคดีจังนะที่ฉันไม่ได้ออกแรงมากเท่าไรไม่งั้นนายก็คงจะโดนฟันไปด้วยแล้วละ ดังนั้นจงอยู่เฉยๆให้ฉันฟันซะ แล้วอย่าคิดขัดขืนอีกไม่งั้นนายได้เละทั้งตัวแน่ๆ”

ไคที่ได้ยินแบบนั้นถึงกลับตัวสั่นกลัวขึ้นมาทันที ซึ่งเมื่อเห็นแบบนั้นไคก็คิดขึ้นมา

“ตายแน่ งานนี้ฉันต้องตายแน่ๆ”

แล้วเชนน่าก็ทำท่าที่จะเดินตรงเข้าไปช้าๆ พร้อมกับยกดาบที่มือขาวขึ้นพร้อมที่จะฟันไคให้ตายได้ในดาบเดียว แต่ขณะนั้นก็มีเสียงคนหนึ่งดังขึ้น

“พอได้แล้วเชนน่า หยุดเดียวนี้นะ”

เมื่อเชนน่าได้ยินแบบนั้นก็ลดดาบลงแล้วหันไปพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่เรียบๆกับสายตาที่ดูเย็นชาดังเดิม

“ทำไมถึงสั่งให้หยุดละ ทั้งๆที่ฉันจะจัดการกับเจ้านี้อยู่แล้วนะ”

ส่วนไคที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบหันไปมองที่คนที่เป็นเจ้าของเสียง แล้วสิ่งที่ไคเห็นคืออาจารย์พยาบาลที่ยืนห้ามเชนน่า

“เธอทำงานเกินคำสั่งแล้วนะ ไม่เห็นต้องฆ่าเขาเลยนิกับอีแค่ถูกเห็นหน้าเท่านั้นเอง แถวถ้าเธอใช่พลังของอาวุธนั้นมากไปละก็”

เชนน่าที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจ

“คุณกล้าดียังไงมาสั่งฉันคนนี้นะ ส่วนเรื่องการใช่อาวุธของฉันก็ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ ไม่ต้องมาห่วงหรอกคะ แค่นี้มันไม่ทำให้ชีวิตของฉันลดลงไปหรอกคะ”

อาจารย์คนนั้นได้ยินแบบนั้นก็อึ่งไป

“แต่ก็เอาเถอะ ฉันเองก็ชักเบื่อแล้ว ดังนั้นวันนี้พอแค่นี้ก็ได้ แต่จงจำไว้ว่าฉันนะทำงานให้พวกคุณเพื่อที่จะให้พวกคุณช่วยตามหาคนๆนั้น รวมถึงทำให้ฉันได้รู้ที่อยู่ของผู้ครอบครองคนอื่นเท่านั้น ดังนั้นถ้าครั้งหน้ายังสอดมือเข้ามายุ่งอีก ฉันจะจัดการกับคุณซะด้วยเลย”

แล้วเชนน่าก็เดินจากไป แล้วอาจารย์ที่ห้องพยาบาลก็เดินเข้ามาหาไคที่ตอนนี้นั่งหมดแรงอยู่ ซึ่งไคก็รีบถามอาจารย์ห้องพยาบาลคนนั้นด้วยท่าทีที่ประหลาดใจอย่างมาก

“นี้มันเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมยัยนั้นถึงได้จ้องจะฆ่าผมละครับ แถมยังดาบนั้นด้วยยายนั้นไปเอามาจากไหนกัน แล้วอาจารย์เป็นใครกันแน่ แล้วเรื่องที่พูดด้วยมันอะไรกันครับ”

อาจารย์พยาบาลได้ยินแบบนั้นก็พูดด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ

“ฉันขอเตือนเธอนะ ว่าอย่ารู้เรื่องพวกนี้ดีกว่า แล้วอย่างพยายามเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ดีกว่านะ”

“ทำไมละครับก็ยายนั้นคิดจะฆ่าผมนี้”

“เรื่องของเชนน่าฉันจะจัดการเอง เอาเป็นว่าเธอนะลืมๆเรื่องนี้ไปดีกว่า แล้วถ้าเจอเธอคนนั้นก็อยู่ห่างๆซะ”

“ทำไมละครับบอกผมหน่อย ทำไมผมต้องลืมด้วยละครับบอกเหตุผลผมหน่อยสิ”

ไคทำท่าไม่พอใจขึ้น เมื่ออาจารย์ที่ห้องพยาบาลได้ยินอย่างนั้นก็ทำท่าไม่พอใจแล้วพูดใส่ไค

“ถ้าเธอไม่อยากที่จะให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปละก็จงลืมซะ นี้และเหตุผลละ เข้าใจไหม”ไคที่โดนพูดแบบก็เงียบลง แล้วอาจารย์พยาบาลก็เดินจากไปโดยไม่ได้หันมามองไคที่นั่งอยู่เลย

“อะไรกันไม่เห็นจะเข้าใจเลย มันเรื่องอะไรกัน”

ไคที่ตอนนี้อยู่ในอาการสับสนสุดๆ

“ไม่เอาด้วยหรอกยังไงฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่ายายนั้นเป็นใครกันแน่เลยคอยดู”

แล้วไคก็ยืนขึ้นพร้อมกำหมัดทั้งสองมือขึ้นมาระดับอก เหมือนกับว่าจะแสดงว่าจะพยายามอีกครั้งก็ไม่ปาน

ภายหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ไคที่ตอนนี้อยากรู้ถึงเรื่องเกิดขึ้นเลยไปที่ห้อง2 ก็เห็นเชนน่านั่งเก็บกระเป๋าอยู่ที่โต๊ะตัวสุดท้ายข้างหน้าต่าง ซักพักเมื่อเชนน่าเก็บกระเป๋าเสร็จก็ลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินออกจากห้องทันที โดยไม่ได้พูดลาใครเลย รวมถึงเพื่อนในห้องก็ทำเหมือนกับเชนน่าไม่มีตัวตนอยู่เลย ไคที่เห็นแบบนั้นก็นึกแปลกใจ แต่ก็ไม่คิดอะไร แล้วก็ทำท่าสะกดรอยตามเชนน่าไป เมื่อเชนน่าเดินออกจากโรงเรียนโดยมีไคแอบตามไป ก็เดินไปทางไปเขตก็สร้างที่ตอนนี้คนงานไม่เหลืออยู่เลย รวมถึงไม่มีคนเดินผ่านแถวนั้นเลยแม้แต่คนเดียว ไคที่เห็นแบบนั้นก็ยังคงตามไป แล้วซักพักเชนน่าก็เดินเข้าไปในซอยๆหนึ่ง ซึ่งไคเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตามไป ซึ่งเมื่อไควิ่งเข้ามาถึงอยู่ไคก็เห็นดาบพุ่งเข้ามา แล้วไคก็รับเอียงตัวหลบสุดชีวิตพร้อมกับล้มลงไป แล้วเชนน่าก็เดินเข้ามาแล้วนั่งทับบนตัวตัวไค แล้วเอาดาบแทงลงไปที่พื้นข้างคอของไคโดยที่ดาบทั้งสองไขว้กันเป็นรูปตัวXแล้ว โดยที่แววตาของเชนน่ากลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง

“ไม่คิดเลยนะว่า นายยังกล้าตามฉันมาอีกนะ ทำไมละหรือว่าสนใจในตัวฉันนะ เป็นไงฉันนั่งคอมตัวนายอยู่คงถูกใจนายสินะ”

เชนน่าพูดพร้อมกับยิ้มขึ้นเล็กน้อย ส่วนแววตาก็ยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนไปจากเดินเลยแม้แต่น้อย ไคที่ตอนนี้ได้สติว่าอะไรเป็นอะไรแล้วก็รู้สึกถึงความเบาของร่างของเชนน่าพร้อมกลับมองไปยังใบหน้าของเชนน่า แต่ก็ขยับไม่ได้เลยเพราะดาบที่จ้อคออยู่นั้น ถ้าไปโดนเข้าอาจจะทำให้เลือดไหลออกมาได้ง่ายแถมตัวของไคก็ถูกเชนน่านั่งทับอยู่ด้วย ไคจึงได้แต่พูดขึ้นด้วยเสียงที่ไม่พอใจ

“พูดบ้าอะไรของเธอกัน แล้วยังมานั่งบนตัวฉันอีกออกไปนะ แล้วเอาไอดาบบ้านี้ออกไปด้วยเลยนะ”

“โห ฉันคิดว่านายจะชอบแบบนี้ซะอีก แต่ว่าตอบมานายตามฉันมาทำไม ต้องการอะไร”

เชนน่าพูดพร้อมด้วยเสียงที่ดุดันขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับแววตาที่ดุดันขึ้น รวมถึงกดดาบลงเล็กน้อยซึ่งคมดาบของเชนน่าก็เข้าไปใกล้คอของไคมากขึ้น ไคที่เห็นแบบนั้นก็รับตอบกลับไปทันที

“ฉันแค่อยากรู้เท่านั้นละว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้คิดจะฆ่าฉันนะสิ”

“งั่นเหรอ เรื่องนั้นเองเหรอ”

แล้วเชนน่าก็ลุกขึ้นแล้วดึงดาบออกจากพื้นแล้วอยู่ดาบนั้นก็หายไปจากมือของเชนน่า ไคที่เห็นแบบนั้นก็แปลกใจมากๆ

“งั้นก็ได้ฉันจะไม่ตามฆ่านายอีก พอใจไหม”

ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็ดูโล่งใจขึ้น

“แต่นายจะต้องห้ามพูดเรื่องของฉันอีกเข้าใจไหม ไม่งั้นฉันจะฆ่านายทันทีที่เอยปากเลย”

เชนน่าพูดพร้อมกับหันหน้ามามองไคด้วยสายตาที่เรียบเฉย

“ทำไมละ กะอีแค่พูดเรื่องของเธอเอง มันมีเหตุผลอะไรอีกหรือไงกัน”

“ฉันว่านายอย่ารู้ดีกว่าไม่งั้นนายได้ตายแน่ๆ ดังนั้นอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ฉันบอกนายได้แค่นี้ละ ลาละ”

แล้วเชนน่าก็ทำท่าจะเดินจากไป แต่ไคที่เห็นแบบนั้น ก็รับจับไหล่ของเชนน่า

“เดี๋ยวสิยังพูดกันไม่จบเลยนะ ช่วยบอกหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แถมดาบนั้นมันอะไรกันทำไมถึงหายไปได้ละ”

เชนน่าที่โดยไคจับไหล่ก็หันมาแล้วพูดด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ

“เอามือออกจากตัวฉันซะ”

ซึ่งแววตาของเชนน่านั้นดุดันกว่าเดิมหลายเท่า รวมถึงน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ซึ่งไคเห็นแบบนั้นก็รีบเอามือออกจากไหล่ของเชนน่าทันที แล้วเชนน่าก็หันกลับมา

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายทำไมถึงได้สนใจเรื่องนี้นัก แต่ถ้านายยังยุ่งกับเรื่องนี้อีกนายได้ตายจริงๆแน่ ไม่ว่าจะเพราะฉันหรือผู้ครอบครองคนอื่น รวมไปถึงสิ่งนั้นด้วย ดังนั้นฉันจะเตือนนายอีกเป็นครั้งสุดท้าย อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้อีกไม่งั้นฉันฉันจะฆ่านาย”

“ผู้ครอบครอง? สิ่งนั้นเหรอ?”

ไคที่ทำหน้าสงสัยสุดๆ ก็ที่ท่าว่าจะถามขึ้น แต่ในขณะนั้นก็มีเสียงๆดังขึ้นมาจากบนฟ้า ซึ่งไคก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ซึ่งมีอะไรเหมือนกำลังตกลงมาตรงที่ไคกับเชนน่ายืนอยู่ เชนน่าที่เห็นแบบนั้นก็เข้ามากอดไค ไคที่สัมผัสเข้ากับตัวของเชนน่าก็รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มและอุณหภูมิของร่างกายของเชนน่าที่ส่งผ่านมายังตัวของไค ทำให้ไคถึงกับหน้าแดงออกมาส่วนเชนน่าที่เข้ากอดไคก็โดดหลบออกมา แล้วทั้งสองที่โดดหลบออกมาก็ล้มลงไปกองกับพื้นก็มองไปที่วัตถุนั้นหล่นลงมา ภาพที่ประกฎคือเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายกับคิงคองสูงประมาณ2-3เมตร โดนแขนข้างหนึ่งติดมีดเอาไว้ ไคที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจมาก ส่วนเชนน่าก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับแบมือทั้งสองข้างออก แล้วก็เกิดแสงขึ้นที่ข้อมือขวาของเชนน่า แล้วอยู่ดาบก็ปรากฏขึ้นที่มือของเชนน่า หลังจากนั้นเชนน่าก็หันมาพูดกับไคด้วยสีหน้าที่ยังคนดูใจเย็นอยุ่อย่างเดิม

“ถ้านายไม่อยากตาย ก็หนีไปซะ เร็ว”

ไคที่ตอนนี้อยู่ในสภาพตกใจสุดๆก็ลุกไม่ขึ้น ขาสั้นด้วยความกลัว จนก้าวขาก็ไม่ออก นั่งอยู่ในท่าเดิม เชนน่าเห็นแบบนั้นก็หันไปหาสิ่งนั้นแล้วพุ่งตัวเข้าไปสู้ด้วยทันที ไคที่เห็นแบบนั้นก็ร้องเรียกเชนน่าที่กำลังตรงเข้าไปสู้กับสิ่งนั้น

“นี้เธอจะทำอะไรนะ ถอยมาเดี๋ยวนี้นะ”

แต่เชนน่าไม่ได้สนใจเสียงของไคเลย แล้วก็ตรงเข้าไป เมื่อสิ่งนั้นเห็นเชนน่าตรงเข้ามา สิ่งนั้นก็ฟาดมือข้างซ้ายอันใหญ่โตที่ติดมีดไว้เข้าใส่เชนน่า เชนน่าที่เห็นแบบนั้นก็ก้มลงหลับมือของสิ่งนั้น แล้วเชนน่าก็ตวัดดาบขึ้นไปเหนือหัวของตนเพื่อตัดแขนข้างนั้นของสิ่งนั้นทิ้ง จนแขนของสิ่งนั้นขาดสะบั้นลง โดยรอยที่ถูกตัวนั้นเรียบเสมอกันเหมือนกับถูกตัดด้วยวัตถุที่แหลมคมอย่างมาก แล้วเชนน่าตรงเข้าไปฟันที่ท้องของสิ่งนั้นขาดสองท่อน จนสิ่งนั้นกระเด็นลอยไปตรงหน้าของไคแล้วไฟที่ตาของสิ่งนั้นก้ค่อยๆดับลง ไคที่ได้เห็นแบบนั้นก็ถึงกับทึ่งในฝีมือของเชนน่า แล้วไคก็ถาม

“นี้มันอะไรกัน สิ่งนี้คืออะไรกันทำไงถึงได้เข้ามาทำร้ายพวกเราละ”

“พวกเรา เหรอ”เชนน่าที่ได้ยินที่ไคพูดก็หันมาแย้ง ไคที่เห็นแบบนั้นก็พูดมาแก้ในทันที

“เธอ กับฉันก็ได้”

“เรื่องนี้ฉันคงบอกนายไม่ได้เหรอนะ เอาเป็นว่าสิ่งที่เกิดนายก็ทำลืมๆไปแล้วกัน”

ไคที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่พอใจ แต่เห็นว่าเชนน่าช่วยตนไว้เลยไม่ได้พูดอะไรกลับไป แล้วกันหน้าไปพร้อมกับบ่น

“ให้ตายสิ เธอนี้มันเย็นชาจริงเลย”

แต่ในขณะที่ไคยืนบ่นอยู่นั้น ตาของสิ่งนั้นก็กลับมาสว่างดังเดิม แล้วขยับมือฟาดไปยังไคที่ยืนโดยไม่ได้ระวังตัวอยู่นั้น เชนน่าที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปขวางไว้ แต่ก็โดนตบลอยไปกระแทกกับกำแพง แต่ว่าขณะที่ลอยอยู่นั้นเชนน่าก็ปาดาบไปใส่สิ่งนั้นเข้าที่กลางหัวของสิ่งนั้น จนสิ่งนั้นหยุดทำงานทันที ส่วนเชนน่าเมื่อกระเด็นไปกระแทนกับกำแพงจนสลบไป ไคที่ได้เห็นแบบนั้นก็เข้าไปหาเชนน่า

“นี้เธอ ตื่นสิ นี้เธอ”

ไคที่เห็นว่าสลบไปก็ทำอะไรไม่ถูก จึงทำท่าจะอุ้มเชนน่าขึ้นมา แล้วไคก็รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มจากผิวกายของเชนน่าผ่านเสื้อผ้าที่เชนน่าสวมใส่อยู่ รวมถึงกลิ่นหอมจากตัวของเชนน่าก็ลอยมาแตะจมูกของไค ซึ่งไคคิดว่ากลิ่นหอมนี้เป็นกลิ่นที่หอมชวนหลงใหลอย่างมาก แค่ไคก็คิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมารู้สึกแบบนี้เลย เชนน่าขึ้นพร้อมกับทำท่าว่าจะเก็บดาบของเชนน่าขึ้นมาด้วย แต่พอจะไปจับก็ปรากฏว่าดาบนั้นก็หายไปแล้วไคที่เห็นแบบนั้นก็ประหลาดใจอย่างมาก แต่เพราะเห็นเชนน่าที่สลบไปสำคัญกว่าก็หยุดสงสัย แล้วก็รีบพาเชนน่าวิ่งไปทันที หลังจากนั้นซักพักก็มีรถคันใหญ่มาจอดแล้วมีคนจำนวนประมาณ10-20คนลงมาแล้ว ซึ่งคนเหล่านั้นก็ยังใส่เครื่องแบบที่เหมือนกลับคราวก่อน แล้วดินเข้าไปหาสิ่งนั้น ทำท่าจัดการเก็บกวาดซากของสิ่งนั้นไปทันที ส่วนคนที่นั่งอยู่บนรถก็พูด

“ยัยนั้นหายไปไหนอีกแล้วละ ให้ตายสิเป็นน้องสาวตัวแสบจริงๆนะ ทั้งๆที่ฉันต้องออกไปช่วยเด็กที่ถูกใครก็ไม่รู้จับไปแท้ๆ ยังต้องมาห่วงยายนี้อีก แต่ขอให้ไม่เป็นอะไรเถอะนะ”

แล้วรถก็ขับออกจากบริเวณนั้นทันที

Share this post


Link to post
Share on other sites

แนวเรื่องและการบรรยายดีแล้วค่ะ

แต่ยังมีการเขียนผิดและวิบัติ

สู้ๆนะคะ ^__^

Edited by Kurenai

Share this post


Link to post
Share on other sites

ติดกันเป็นพรืดเลย อ่านยากมากๆ แต่ก็สนุกดีนะ มีวิบัตินิดหน่อย

Share this post


Link to post
Share on other sites

ก็ดีครับแต่อ่านยากหน่อย จะมีต่อรึเปล่านะ :emo (60):

Share this post


Link to post
Share on other sites
:idz_emo05: สนุกดีมากเลยครับแต่น่าจะเว้นบรรทัดนิดนุง

Share this post


Link to post
Share on other sites

สนุกมากครับ แต่บางคำก็ใช้ศัพท์ที่ผมแปลไม่ออกเหมือนกันครับ แหะๆ (เราคงจะอ่อนต่อโลกเกินเหตุเอง)

Share this post


Link to post
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
Sign in to follow this  

×
×
  • Create New...