Jump to content
Sign in to follow this  
Nisoku

ดูถูกสติปัญญา:ญี่ปุ่น-ไทย อนิเมะในแนวคิดที่ต่างกัน

Recommended Posts

เราลองมาดูความแตกต่างกันน๊ะคัฟ :emoother_03:

ragecomic-31.png

*การเปิดใจกว้างๆเพื่อยอมรับความคิดเด็ก เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำไม่เป็นมานานมากแล้ว ทุกวันนี้จึงทำได้เพียงทำใจ ไม่ใช่เปิดใจ แก๊กนี้ก็หวังเพียงนิดๆไว้ว่าผู้ใหญ่ หรือ คนอื่นๆที่ไม่ได้สนใจอนิเมะ หรือ การ์ตูน จะเข้าใจ และ ยอมเปิดใจให้กว้างๆขึ้นครับ :emo (65):

***แก๊กนี้ไม่ได้เน้นฮา หรือ ทำออกมาให้ขำ แต่ผมขอใช้พื้นที่นี้ในการสื่อถึงเรื่องราวต่างๆมั่ง ไม่ใช่ทำแก๊กแค่เอาฮาอย่างเดียว แต่ทำแก๊กเพื่อหาสาระได้เหมือนกัน :emo (59):

เครดิต : http://naikak.com/archives/33458

(เปิดกระทู้ครั้งแรก ถ้ามีไรผิดพลาดก็ขออภัย น๊ะคัฟ :emo (68): )

Share this post


Link to post
Share on other sites

นั่งอ่านแล้วเป็นตามนั้นเลยemo%20%2865%29.gif มุมมองคนละยุคกันไปเถียงเค้า(พ่อแม่)ก็ไม่ได้เด๋วบาปอีก :emoother_04:

Share this post


Link to post
Share on other sites

ก็แล้วแต่คนคิดกันแหละครับ มันบอกไม่ได้อยู่แล้วว่า "ค่านิยม" อย่างนี้ถูกหรือผิด

เพราะเอาจริงๆ อ่านการ์ตูนมากไปก็ไม่ดี [ซึ่งเด็กไทยส่วนใหญ่เป็นงั้น อ่านจนเสียการเรียน]

ดูเมะข้ามวันข้ามคืนจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ซึ่งพ่อแม่เราคิดว่ามันเป็นอย่างนี้ครับ

ส่วนเรื่องวาดการ์ตูน ผมว่าอันนี้มันก็จริงๆอะนะ - - เคยโดนบ่นๆอยู่ แต่ผมก็บอกว่าวาดตอนไม่มีไรทำ

แต่สุดท้าย ผู้ใหญ่เค้าก็บ่นด่าเพื่อเราแหละครับ ถึงบางครั้งเราอาจจะคิดว่ามันเกินก็ตาม

ปล. คหสต.ส่วนตัวล้วนๆ

Share this post


Link to post
Share on other sites

ความคิดมุมมองมันคนล่ะยุคจริง เปิดใจยอมรับบ้าง emo%20%2865%29.gif

Share this post


Link to post
Share on other sites

เป็นเหมือนดันเเฮะ นั่งทำซับกับคาราเพลง โดนหาว่าเล่นเกม ห้าห้า

แต่ที่จริงก็กำลังฝึกโปรเเกรมเอง ห้าห้า

เเต่มันก็อยู่ที่เเเต่ละคนเหมือนกันว่าจะมองแบบไหน ดีหรือไม่ดีอะน่ะ :emo (40): :emo (40):

Share this post


Link to post
Share on other sites

เด็กไทยไร้ซึ่งความฝันเคยมีผู้ใหญ่คนไหนไหม ถามว่าอยากเป็นอะไรนอกจากจะบอกว่าตั้งใจเรียน คำถามในใจบอกว่าเรียนเพื่ออะไร ทำไปทำไมแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร

บางคนเรียนสายศิลป์มาแต่อยากเป็นวิศวตูผิดไหม เรียนสายวิทย์มาแต่อยากเป็นจิตกรตูผิดไหม เพียงแค่เลือกสมัยประถมมันส่งผลถึงมหาลัยเลยหรือคนเราสามารถไปตามสิ่งที่อยากเป็นได้ทุกเมื่อเพราะเรียนจบแล้วก็ไม่ได้ทำในงานที่ตัวเองเรียนมาซะส่วนใหญ่ทั้งที่ถ้าตามความฝันเดิมมาจะได้ประสิทธิภาพมากกว่านี้

Edited by kukuli

Share this post


Link to post
Share on other sites

100 คนก็ 100 ความคิดครับ พูดยาก มองกันคนละมุม เค้าไม่เข้าใจพวกเราและมองเราแบบผิด ๆ แต่บางที เราก็ไม่เข้าใจพวกเค้าและมองพวกเค้าแบบผิด ๆ เช่นกัน :emo (68):

Edited by Jkwon

Share this post


Link to post
Share on other sites
เด็กไทยไร้ซึ่งความฝันเคยมีผู้ใหญ่คนไหนไหม ถามว่าอยากเป็นอะไรนอกจากจะบอกว่าตั้งใจเรียน คำถามในใจบอกว่าเรียนเพื่ออะไร ทำไปทำไมแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร

บางคนเรียนสายศิลป์มาแต่อยากเป็นวิศวตูผิดไหม เรียนสายวิทย์มาแต่อยากเป็นจิตกรตูผิดไหม เพียงแค่เลือกสมัยประถมมันส่งผลถึงมหาลัยเลยหรือคนเราสามารถไปตามสิ่งที่อยากเป็นได้ทุกเมื่อเพราะเรียนจบแล้วก็ไม่ได้ทำในงานที่ตัวเองเรียนมาซะส่วนใหญ่ทั้งที่ถ้าตามความฝันเดิมมาจะได้ประสิทธิภาพมากกว่านี้

+1 เลยคอมเม้มนี้ แต่ถ้าความจริงของผมก็คงไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากให้ผู้ใหญ่เข้าใจบ้าง เปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆที่ตามมาในยุคหลังๆ ไม่ใช้เอาความคิดตัวเองเป็นหลักฐานที่ตั้ง = 2 =

Share this post


Link to post
Share on other sites

การเลือกที่จะทำอะไรไม่ใช่เรื่องผิดครับ แต่ปัญหาคือเราตัดสินใจทำอะไรอย่างดีแล้วหรือยังแค่นั้นเองครับ

ผมเชื่อว่าหลายๆคนเมื่อโตขึ้น มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น มุมมองหรืออะไรหลายๆอย่างก็จะค่อยๆเปลี่ยนไปครับ เราจะปรับตัว โดยเข้าใจกับความคิดของคนสูงวัย และมุมมองในวัฒนธรรมที่ต่างยุคสมัยกันได้กระจ่างชัดขึ้น ในขณะเดียวกัน เราก็จะมีเหตุผลในตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยให้เราอธิบายสิ่งต่างๆกับคนที่ต่างวัย ต่างมุมมองความคิดกับเราได้ดีขึ้นครับ

เรื่องราวในการ์ตูน หรือในบางความคิดเห็น ผมมองว่าเราไม่ผิด หากจะทำอะไร เพียงแต่บุคคลอื่นๆที่มีมุมมองของตัวเองก็ไม่ผิดเช่นกันครับ เพราะแต่ละคนก็ประมวลผลลัพธ์ความคิดออกมาแตกต่างกัน อยู่ที่ว่าแล้วตัวเราพยายามอธิบายมุมมองความคิดของเราให้กับคนอื่นๆได้มากน้อยแค่ไหนต่างหากครับ

เด็กไทยไร้ซึ่งความฝันเคยมีผู้ใหญ่คนไหนไหม ถามว่าอยากเป็นอะไรนอกจากจะบอกว่าตั้งใจเรียน คำถามในใจบอกว่าเรียนเพื่ออะไร ทำไปทำไมแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร

บางคนเรียนสายศิลป์มาแต่อยากเป็นวิศวตูผิดไหม เรียนสายวิทย์มาแต่อยากเป็นจิตกรตูผิดไหม เพียงแค่เลือกสมัยประถมมันส่งผลถึงมหาลัยเลยหรือคนเราสามารถไปตามสิ่งที่อยากเป็นได้ทุกเมื่อเพราะเรียนจบแล้วก็ไม่ได้ทำในงานที่ตัวเองเรียนมาซะส่วนใหญ่ทั้งที่ถ้าตามความฝันเดิมมาจะได้ประสิทธิภาพมากกว่านี้

ตามที่บอกมานี่ล่ะครับ ผมกับเพื่อนๆเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์มาเหมือนกันตอนปี 1 พอเลือกภาคตอนปี 2 จากนั้นเมื่อเราจบมา 3 ปีที่เรียนก็กำหนดวิถีชีวิตแต่ละคนไปตามสายวิชาที่เรียนเลยครับ

ไม่ผิดอะไรที่จะไปทำงานด้านที่ไม่ตรงกับสายที่เรียนมาเบื้องต้น แต่ผมก็มองว่า การทำงานตามความฝันเพียงอย่างเดียว อาจจะเป็นการทำงานตามใจรัก แต่งานอาจไม่มีประสิทธิภาพดีครับ เพราะการเรียนรู้ การศึกษาต่างๆ ก็เหมือนกับการหยิบบันทึก เคล็ดลับ ตลอดจนข้อผิดพลาด สิ่งที่ควรทำ ข้อควรระวัง และส่วนที่ต้องแก้ไขให้เรารับรู้และไม่ทำพลาดครับ ดังนั้นการเรียนจึงไม่ใช่การไปเช็คชื่อ เข้าห้อง และเรียนจบเฉยๆ แต่เป็นการพัฒนาตนเองให้มีความสามารถในทักษะด้านที่จะเอาไปใช้ในชีวิตให้มากขึ้น ดียิ่งขึ้นครับ

แต่เรียนสายศิลป์อยากเป็นวิศวะนี่พลาดตั้งแต่การเลือกทางเดินชีวิตแล้วนะครับ ไม่ผิดที่อยากเรียน แต่ต้องเข้าใจว่าพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นในการทำงาน มันก็อยู่ที่การเรียนเบื้องต้นนั่นล่ะครับ ซึ่งหากพื้นฐานไม่แน่น เราก็จะต้องใช้ความพยายาม อุตสาหะมากกว่าคนอื่นมากๆ ซึ่งหากเราไปเผลอเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วไม่พยายามหนัก พื้นฐานความรู้ที่ไม่เท่ากันอาจทำให้งานที่เรารับผิดชอบมีปัญหา และส่งผลต่อคนอื่นๆได้ครับ เช่นหากคุณอยากเป็นวิศวกรโครงสร้าง แต่ไม่เคยเรียนเรื่องแรงและโครงสร้าง คุณวางแผนไม่ดี ก็มีทั้งเคสที่ตึกพังเพราะคุณกะจำนวนเสา จำนวนคานผิด ใช้วัสดุน้อยไป หรือเคสที่บริษัทเจ๊ง เพราะคุณสั่งใช้วัสดุเกินความจำเป็นจนลูกค้ายกเลิกสัญญาครับ แน่นอนว่าหากคุณจะทำงานให้มีประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้มีการพัฒนาตนเอง ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะทำงานออกมาได้ดีครับ

และการที่จะพัฒนาตนเองนั้น การเรียนรู้เป็นกุญแจยกระดับความสามารถของคุณครับ

หากเราอยากให้คนอื่นเข้าใจเรา เราต้องอธิบายให้คนอื่นเห็นภาพและเข้าใจความคิดเห็นในมุมมองของเราให้เป็นครับ หลายคนเจอปัญหาอย่างในการ์ตูน แต่สามารถอธิบายคนรอบข้างได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ และเราต้องเรียนรู้ รับฟังมุมมอง ความคิดเห็นของคนอื่นๆที่คิดต่างกับเราด้วยเช่นกันครับ เพราะการเปิดมุมมอง จะทำให้เราเห็นแนวคิดในเรื่องนั้นๆที่กว้างขึ้น ครอบคลุมความคิดเห็นของคนทั้งหมด และนำแนวคิดมาประมวลผล เพื่อปรับใช้กับชีวิตเราครับ

ปัญหาเดียว และใหญ่มากในตอนนี้คือ คนไทยยังมีการรับความคิดของคนที่มีมุมมองต่างๆนอกเหนือจากตัวเราน้อยกว่าที่ควรจะเป็นครับ ซึ่งนั่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การพัฒนาตนเองของประชากรเราช้ากว่าชาติอื่นๆ นอกจากนี้ยังต้องฝึกการแสดงความคิดเห็นกับผู้อื่นโดยมีหลักการ การเรียบเรียงความคิดเห็น เหตุและผลเช่นกันครับ เพราะกรอบขวาในการ์ตูนนั้น หากเราโตพอ เราจะสามารถอธิบายเหตุและผลให้กับคนทุกคนให้รับทราบและเข้าใจได้ครับ และเช่นเดียวกัน เราจะเข้าใจมุมมองความคิดเห็นและความห่วงใยของผู้ใหญ่ไปได้ในเวลาเดียวกันด้วยครับ

Share this post


Link to post
Share on other sites

การเลือกที่จะทำอะไรไม่ใช่เรื่องผิดครับ แต่ปัญหาคือเราตัดสินใจทำอะไรอย่างดีแล้วหรือยังแค่นั้นเองครับ

ผมเชื่อว่าหลายๆคนเมื่อโตขึ้น มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น มุมมองหรืออะไรหลายๆอย่างก็จะค่อยๆเปลี่ยนไปครับ เราจะปรับตัว โดยเข้าใจกับความคิดของคนสูงวัย และมุมมองในวัฒนธรรมที่ต่างยุคสมัยกันได้กระจ่างชัดขึ้น ในขณะเดียวกัน เราก็จะมีเหตุผลในตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยให้เราอธิบายสิ่งต่างๆกับคนที่ต่างวัย ต่างมุมมองความคิดกับเราได้ดีขึ้นครับ

เรื่องราวในการ์ตูน หรือในบางความคิดเห็น ผมมองว่าเราไม่ผิด หากจะทำอะไร เพียงแต่บุคคลอื่นๆที่มีมุมมองของตัวเองก็ไม่ผิดเช่นกันครับ เพราะแต่ละคนก็ประมวลผลลัพธ์ความคิดออกมาแตกต่างกัน อยู่ที่ว่าแล้วตัวเราพยายามอธิบายมุมมองความคิดของเราให้กับคนอื่นๆได้มากน้อยแค่ไหนต่างหากครับ

เด็กไทยไร้ซึ่งความฝันเคยมีผู้ใหญ่คนไหนไหม ถามว่าอยากเป็นอะไรนอกจากจะบอกว่าตั้งใจเรียน คำถามในใจบอกว่าเรียนเพื่ออะไร ทำไปทำไมแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร

บางคนเรียนสายศิลป์มาแต่อยากเป็นวิศวตูผิดไหม เรียนสายวิทย์มาแต่อยากเป็นจิตกรตูผิดไหม เพียงแค่เลือกสมัยประถมมันส่งผลถึงมหาลัยเลยหรือคนเราสามารถไปตามสิ่งที่อยากเป็นได้ทุกเมื่อเพราะเรียนจบแล้วก็ไม่ได้ทำในงานที่ตัวเองเรียนมาซะส่วนใหญ่ทั้งที่ถ้าตามความฝันเดิมมาจะได้ประสิทธิภาพมากกว่านี้

ตามที่บอกมานี่ล่ะครับ ผมกับเพื่อนๆเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์มาเหมือนกันตอนปี 1 พอเลือกภาคตอนปี 2 จากนั้นเมื่อเราจบมา 3 ปีที่เรียนก็กำหนดวิถีชีวิตแต่ละคนไปตามสายวิชาที่เรียนเลยครับ

ไม่ผิดอะไรที่จะไปทำงานด้านที่ไม่ตรงกับสายที่เรียนมาเบื้องต้น แต่ผมก็มองว่า การทำงานตามความฝันเพียงอย่างเดียว อาจจะเป็นการทำงานตามใจรัก แต่งานอาจไม่มีประสิทธิภาพดีครับ เพราะการเรียนรู้ การศึกษาต่างๆ ก็เหมือนกับการหยิบบันทึก เคล็ดลับ ตลอดจนข้อผิดพลาด สิ่งที่ควรทำ ข้อควรระวัง และส่วนที่ต้องแก้ไขให้เรารับรู้และไม่ทำพลาดครับ ดังนั้นการเรียนจึงไม่ใช่การไปเช็คชื่อ เข้าห้อง และเรียนจบเฉยๆ แต่เป็นการพัฒนาตนเองให้มีความสามารถในทักษะด้านที่จะเอาไปใช้ในชีวิตให้มากขึ้น ดียิ่งขึ้นครับ

แต่เรียนสายศิลป์อยากเป็นวิศวะนี่พลาดตั้งแต่การเลือกทางเดินชีวิตแล้วนะครับ ไม่ผิดที่อยากเรียน แต่ต้องเข้าใจว่าพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นในการทำงาน มันก็อยู่ที่การเรียนเบื้องต้นนั่นล่ะครับ ซึ่งหากพื้นฐานไม่แน่น เราก็จะต้องใช้ความพยายาม อุตสาหะมากกว่าคนอื่นมากๆ ซึ่งหากเราไปเผลอเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วไม่พยายามหนัก พื้นฐานความรู้ที่ไม่เท่ากันอาจทำให้งานที่เรารับผิดชอบมีปัญหา และส่งผลต่อคนอื่นๆได้ครับ เช่นหากคุณอยากเป็นวิศวกรโครงสร้าง แต่ไม่เคยเรียนเรื่องแรงและโครงสร้าง คุณวางแผนไม่ดี ก็มีทั้งเคสที่ตึกพังเพราะคุณกะจำนวนเสา จำนวนคานผิด ใช้วัสดุน้อยไป หรือเคสที่บริษัทเจ๊ง เพราะคุณสั่งใช้วัสดุเกินความจำเป็นจนลูกค้ายกเลิกสัญญาครับ แน่นอนว่าหากคุณจะทำงานให้มีประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้มีการพัฒนาตนเอง ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะทำงานออกมาได้ดีครับ

และการที่จะพัฒนาตนเองนั้น การเรียนรู้เป็นกุญแจยกระดับความสามารถของคุณครับ

หากเราอยากให้คนอื่นเข้าใจเรา เราต้องอธิบายให้คนอื่นเห็นภาพและเข้าใจความคิดเห็นในมุมมองของเราให้เป็นครับ หลายคนเจอปัญหาอย่างในการ์ตูน แต่สามารถอธิบายคนรอบข้างได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ และเราต้องเรียนรู้ รับฟังมุมมอง ความคิดเห็นของคนอื่นๆที่คิดต่างกับเราด้วยเช่นกันครับ เพราะการเปิดมุมมอง จะทำให้เราเห็นแนวคิดในเรื่องนั้นๆที่กว้างขึ้น ครอบคลุมความคิดเห็นของคนทั้งหมด และนำแนวคิดมาประมวลผล เพื่อปรับใช้กับชีวิตเราครับ

ปัญหาเดียว และใหญ่มากในตอนนี้คือ คนไทยยังมีการรับความคิดของคนที่มีมุมมองต่างๆนอกเหนือจากตัวเราน้อยกว่าที่ควรจะเป็นครับ ซึ่งนั่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การพัฒนาตนเองของประชากรเราช้ากว่าชาติอื่นๆ นอกจากนี้ยังต้องฝึกการแสดงความคิดเห็นกับผู้อื่นโดยมีหลักการ การเรียบเรียงความคิดเห็น เหตุและผลเช่นกันครับ เพราะกรอบขวาในการ์ตูนนั้น หากเราโตพอ เราจะสามารถอธิบายเหตุและผลให้กับคนทุกคนให้รับทราบและเข้าใจได้ครับ และเช่นเดียวกัน เราจะเข้าใจมุมมองความคิดเห็นและความห่วงใยของผู้ใหญ่ไปได้ในเวลาเดียวกันด้วยครับ

+ให้ทั้ง สอง ความคิดครับ ที่ผู้ใหญ่บอกให้เด็กๆตั้งใจเรียน เพราะต้องการให้มีความรู้ หางานได้ ส่วนใหญ่คิดแบบนั้น

แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ จะสนใจว่าเด็กๆสนใจอะไร แล้วเสริมให้เขามีความสามารถเพิ่มขึ้นไป

ผู้ใหญ่ของบ้านเราส่วนมากคือ มนุษย์เงินเดือน เมื่อมีลูกหลาน ก็ไม่อยากให้เขาลำบากเหมือนตน และคิดว่าคนที่ตำแหน่งสูงกว่าย่อมสบายกว่า

จึงส่งเสริม(บางคนถึงขั้นยัดเยียด) ให้ลูกหลานเรียนอย่างหนัก เพื่อให้จบไปสามารถหางานในตำแหน่ง ที่สูงๆได้

ทั้งที่แท้จริงแล้ว หากหันมาคืดให้ดีๆ ผู้ใหญ่เหล่านั้นทำเพราะหวังดีแต่ก็เหมือนเป็นการไม่ต้องการเห็นภาพของตัวเองในร่างของลูกหลานเท่านั้นเอง

ปล. ยุคสมัยเปลี่ยนไปไวมากๆ การให้เด็กมีการศึกษาถือว่าดีมาก แต่ไม่ควรยัดเยียดจนเกินไป และไม่ควร ปล่อยจนเคยตัว ให้คำแนะนำ ทำเป็นตัวอย่าง แล้วศึกษาตัวเขาเหล่านั้นเพิ่มเติมบ้าง

Share this post


Link to post
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
Sign in to follow this  

×
×
  • Create New...