Jump to content
Sign in to follow this  
pikasaiya

เศษเสี้ยวหายนะศึกมนต์ตราสงครามมหาเวทย์ The Special stage

Recommended Posts

อะแฮ่มๆ จะขอเกริ่นไว้ว่า ณ ที่นี้เป็นที่สำหรับลงตอนพิเศษของเรื่อง scrap of memory เราซึ่ง จะมีมาเป็นพักๆนะครับ

และก็ไอตอนพิเศษแบบนี้ บางตอนมันก็ไม่มีเกี่ยวข้องกับในเนื้อเรื่องหลักเลยนะครับ เพราะงั้น - - อาจจะงงกันบ้าง

เพราะฉะนั้น ก็อ่านแล้วเม้มไปละกันนะครับ ฮะฮะ เพื่อ writer จะได้พัฒนามากยิ่งขึ้น

STATUS

special stage 1 Josafe

part 1 จะเข้มแข็งให้ได้ เพื่อเธอ (26 มีนาคม 54) RE Write

part 2 กำลังอยู่ในระหว่างทำงาน coming soon

Edited by pikasaiya

Share this post


Link to post
Share on other sites

ตอนที่1 จะเข้มแข็งให้ได้ เพื่อเธอ

‘มืด’ เสียงจากความนึกคิดของใครคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืดที่กว้างใหญ่ ‘มืด ที่นี้มัน ที่ไหนกัน’ เสียงนั้นยังคงพร่ำถามกับตัวเอง ‘แล้วตัวชั้นมาทำอะไรที่นี่กัน….’ เจ้าของเสียงความคิดนั้นก็ยังคงได้เพียงแต่ถามตัวเอง

“เจ้าอย่าได้เคียดแค้นไปเลย” เสียงของผู้อาวุโสกว่าดังขึ้น ‘ใคร นั้นเสียงใคร’ “ความเคียดแค้นของเจ้าจะเป็นเหมือนสิ่งอันตรายที่จะมุ่งทำลายทุกสิ่ง” เสียงนั้นยังคงว่าต่อ ‘อะไร เคียดแค้นอะไร ชั้นงั้นเหรอที่จะเคียดแค้น ทำลาย? แล้วชั้นจะทำลายอะไร อะไรกันที่ทำให้ชั้นต้องทำอย่างนั้น’

“ความเคียดแค้นนั้นเป็นสิ่งเจ็บปวดข้าเข้าใจ แต่เจ้าจงจำเอาไว้ ความเจ็บปวดจะเป็นแรงผลักดันให้เจ้าเข้มแข็งขึ้น จงรับรู้แล้วเข้าใจมัน อย่าได้เอามันมาทำร้ายตัวเอง จำเอาไว้โจเซฟ จำเอาไว้ จนกว่าโชคชะตาจะชักนำให้เวลาของเจ้าเริ่มเดินอีกครั้ง ถึงกระนั้นเจ้าก็ต้องจดจำคำพูดนี้เอาไว้” แล้วเสียงนั้นก็เงียบหายไปกลับไปเป็นความมืดที่เงียบสงบเช่นเดิม ‘เดี๋ยว ใครกัน สิ่งที่บอกมันหมายความว่าอะไรกัน พ่อใช่ไหม นั้น....พ่อ...ใช่....ไหม’ และกระแสความคิดนั้นก็หลับใหลลงสู่เบื้องลึกเพื่อรอการชักนำของโชคชะตาที่ไม่อาจทราบได้ว่าจะมาเมื่อไหร่

หลายร้อยปีต่อมา ณ หมู่บ้านพาราเรล

ที่นี่เป็นหมู่บ้านทางใต้ของทวีป เป็นหมู่บ้านที่ล้าหลังเมื่อเทียบกับในเมือง เพราะที่นี่ผู้คนอยู่กับธรรมชาติ เนื่องจากตัวหมู่บ้านตั้งอยู่ในสวนหย่อมแห่งชีวิตที่ซึ่งต้นไม้ซึ่งสูงอย่างมากเติบโตครอบคลุมรอบๆ แต่ที่น่าแปลกคือมันไม่ได้บดบังแสงแดดที่ส่องมายังหมู่บ้านเลย ส่งผลให้ที่นี้เป็นแดนดินที่อุดมสมบูรณ์

ประชากรอยู่กันอย่างสุขสบาย อาศัยการล่าสัตว์หาของป่าอยู่กับธรรมชาติ และรักษาไว้ซึ่งธรรมชาติ ทุกคนจึงไม่เคยคิดแม้จะออกไปติดต่อโลกภายนอก ดังนั้นคนจากภายนอกจึงเป็นที่สนใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้อย่างเดียวของคนที่นี่

*******************

“เฟริโอน่า นั้นเจ้าจะไปไหนรึ” เสียงของชายชราเอ่ยถามขึ้นทำให้หญิงสาวเจ้าของชื่อต้องหันกลับไปหา

“ผู้ใหญ่บ้าน พอดีสมุนไพรที่ต้องการมันมีไม่พอน่ะคะ เลยว่าจะออกไปหาเพิ่มแถวรอบรอบโบราณสถานค่ะ”เสียงใสๆเอ่ยจากปากเรียวสวยของหญิงสาว เฟริโอน่า ฮาดันดายู เธอมีผมสีเขียวใบไม้ยาวเกือบถึงกลางหลังและดวงตาสีทองที่แลดูสดใสรับกับแสงแดดยามบ่าย

“อืมๆ รีบไปรีบกลับหละ แล้วก็ระวังตัวด้วย ชั้นไปช่วยงานย่าเค้าต่อหละ” ว่าจบชายชราก็เดินกลับเข้าหมู่บ้านไปเช่นเดิม

หญิงสาวออกเดินไปตามเส้นทางในป่าพลางร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์ น่าแปลกที่เหมือนสรรพสิ่งรอบข้างล้วนตอบสนอง เสียงนกนานาบรรจงร่ำร้องเป็นท่วงทำนองรับกับเพลงที่เธอร้องอยู่ บรรดาเสียงใบไม้เสียดสีบรรเลงกันเป็นจังหวะดนตรีที่ฟังแปลกหูแต่เข้ากันอย่างประหลาด

“เอาหละ ได้แค่นี้ก็คงพอแล้ว รีบกลับดีกว่า ออกมานานแล้วด้วย” เสียงใสพูดอย่างอารมณ์ดีพลางเก็บสมุนไพรลงตะกร้าที่ถือมาด้วย

แซกๆๆๆๆ เสียงของใบไม้ที่เสียดสีกันดังขึ้น “เอ๊ะ! มีอะไรอย่างงั้นหรือ”หญิงสาวหันไปมองตามทางที่เสียงมา แซ๊กๆๆ เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่องเหมือนเรียกร้องอะไรบางอย่าง “อยากให้ชั้นไปทางนั้นหรือจ๊ะ” แซกๆๆ เหมือนตอบรับคำพูดของหญิงสาว เธอจึงเริ่มออกเดินไปตามทางที่เสียงเรียกหา

เฟริโอน่าเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ จากเขตป่าเริ่มเข้าสู้ส่วนโบราณสถาน “ที่นี่มีอะไรอย่างงั้นหรือ” เธอเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย ‘มาสิ’ หญิงสาวสะดุ้งเล็กๆเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังก้องในหัว ‘มาสิผู้ที่โชคชะตานำทาง จงมา เพื่อปลดปล่อยกุญแจผู้มาจากอดีตดอกนั้น’ เสียงนั้นพูดบอก ทำให้เฟริโอน่าสงสัยไม่น้อย แต่เธอก็ยังคงก้าวเข้าไปยังโบราณสถานแห่งนั้น

“ที่นี่มันมีอะไรกันแน่นะ ทั้งที่ชาวบ้านเองก็เคยมาสำรวจออกจะบ่อยครั้ง” แล้วเธอก็เดินลึกเขาไปเรื่อยๆอย่างไม่เกรงว่าจะหลงทางยังไงอย่างงั้น

เธอเองเดินเข้ามาเรื่อยๆจนมาสุดที่ทางตันแห่งหนึ่งที่มีสัญลักษณ์ประหลาดที่เลือนลางแล้วสลักอยู่ “ตรงนี้อย่างงั้นหรือที่อยากให้ชั้นเข้ามาหนะ สัญลักษณ์นี้มัน สัญลักษณ์โบราณของเผ่าปีศาจ เหมือนกับที่เห็นในใบบันทึกเก่าๆนั้นเลยนี่นา ” เธอยกมือขึ้นลูบอย่างไม่คิดอะไรมากแต่แล้วสัญลักษณ์นั้นก็เรืองแสงขึ้นพร้อมกันนั้นผนังก็แยกออกจากกันเผยให้เห็นห้องอีกห้องที่ภายในมีของสิ่งหนึ่งตั้งอยู่ในสุดรายล้อมด้วยเศษซากของหนังสือมากมายที่เปื่อยยุ่ยไปตามกาลเวลา

“อ๊ะ! โรงศพอย่างงั้นหรือ ไม่ใช่สิ นี้มัน..” สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคือโลงศพขนาดใหญ่ที่น่าสงสัยคือแทนที่จะมี ฝาปิด แต่กลับเป็นผลึกน้ำแข็งสีแดงเข้มที่ส่งไอระเหยออกมามากมาย มันเรืองแสงเล็กๆเหมือนตอบสนองเมื่อเฟริโอน่าเดินเข้าไปใกล้ๆ

“ตรงนี้เหรอ แล้วชั้นต้องทำยังไงถึงจะเปิดมันได้กันนะ” ว่าพลางยกมือขึ้นลูบด้วยความสงสัย พลันนั้นเองก้อนน้ำแข็งมากมายที่ครอบคลุมอยู่ก็เริ่มปลิแตกออกอย่างรวดเร็ว เฟริโอน่าเองก็ตกใจถอยออกมาเช่นกัน แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่าคือสิ่งที่อยู่ภายใน เด็กน้อยผมสีน้ำตาลดินเผาที่ดูวัยไม่น่าเกินห้าหกปีมีเพียงผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่และสร้อยคอที่ร้อยห่วงอะไรซักอย่างสี่ห่วงอยู่เท่านั้น

เฟริโอน่าเองตอนแรกก็ยังคงไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดเท่าไร แต่เธอเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรจึงเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้น

“หนู หนูจ๊ะ”ว่าแล้วก็เขย่าไหล่เด็กน้อยเรือนผมสีน้ำตาลเบาๆ เด็กน้อยเองเมื่อถูกปลุกก็เริ่มปรือตาขึ้นมองมายังผู้ที่ปลุกเขาขึ้นมา “คุณเป็นใครกัน” น้ำเสียงที่เอ่ยแหบแห้งเหมือนไม่ได้พูดอะไรมาเนิ่นนาน “เฟริโอน่าจ๊ะ แล้วหนูหละ” เฟริโอน่าเอ่ยตอบเสียงสดใสพลางสังเกตเด็กน้อยที่มีดวงตาสีเงินสวยงามแต่กลับมีแววตาที่ดูเหม่อลอยอย่างไม่เข้ากันเลย

“โจเซฟ ผม...นึกอะไรอย่างอื่นไม่ออกเลยมันเกิด...อะไร...ขึ้นบ้าง”ตอบได้เพียงแค่นั้นเด็กน้อยก็ซบลงที่อกของหญิงสาวแล้วหลับไป “สงสัยพึ่งจะตื่นขึ้นมาเลยยังไม่มีแรงสินะ พากลับไปหมู่บ้านก่อนแล้วกัน”แล้วเธอก็อุ้มร่างน้อยไว้แล้วเดินออกไปตามทางเดิมที่มาโดยไม่ทันได้รู้เลยว่ามีเสียงหนึ่งไล่ตามหลังมาอย่างเบาๆ

‘กุญแจได้ถูกปลดปล่อยแล้ว โชคชะตาได้ชักนำเวลาของเจ้าให้เริ่มเดินอีกครั้ง’

เมื่อทั้งสองออกจากโบราณสถานมาห้องแห่งนั้นก็ปิดลงกลับไปอยู่สภาพเดิมโดยที่ไม่มีทางสังเกตได้เลยว่ามันคือประตู แต่เป็นผนังเช่นกาลก่อน

‘มืด ความมืดนี่อีกแล้วเหรอ อา...แต่ช่างเป็นความมืดที่อบอุ่นเสียจริง’ เสียงความคิดดังขึ้นท่ามกลางความมืดหากแต่ว่าก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น “เธอก็รู้ว่าเขาอยู่ที่นี้ไม่ได้” นั่นเองเป็นเหตุให้เจ้าของความคิดนั้นตื่นจากจากการหลับไหลขึ้นมาจึงรู้ได้ว่าสถานที่ที่ตนอยู่นั้นไม่ใช่ที่เดิมอีกแล้ว หลังคามุงหญ้า พื้นไม้เรียบๆและชุดที่นอนเล็กๆที่เขาใช้อยู่สร้างความฉงนให้แก่เขายิ่งนัก

“เรา....ที่นี่มันที่ไหนกัน”เขารำพึงขึ้นเบาๆ พลางมอบไปรอบๆ สายตาก็ไปสะดุดที่ประตูบานหนึ่งที่เปิดแง้มๆอยู่ มีเสียงพูดคุยและแสงนวลๆลอดออกมา ด้วยความอยากรู้เขาจึงค่อยๆพยุงตัวขึ้นอย่างยากลำบาก “ร่างกาย...ไม่ค่อยมีแรงเลย” พูดขึ้นลอยๆพร้อมค่อยๆเดินเกาะกำแพงไปยังประตูนั้น พอไปถึงจึงค่อยๆเปิดออกไป

“ชั้นรู้ค่ะว่าเขาเป็นคนนอกหมู่บ้าน แต่ท่านคิดจะปล่อยให้เด็กอย่างนี้ไปอยู่ที่ไหนได้หละคะ” เสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมกับที่เขาเปิดประตูออกไป ทำให้เห็นว่า คนทั้งสี่ที่อยู่ข้างนอกก่อนหน้าหันมามองเขาเป็นตาเดียว

“อ๊ะ! โจเซฟ ขอโทษที่เสียงดังจนทำให้เธอตื่นนะ แต่เธอควรจะไปพักก่อนเถอะ ร่างกายเธออ่อนแอมากเลยตอนนี้น่ะ” หญิงสาวเรือนผมสีเขียวหันมากล่าวยิ้มๆกับเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “เฟริโอน่า?” เด็กน้อยพูดด้วยความสงสัย “ที่นี่ ที่ไหนกัน ชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วก่อนหน้านี่มัน..เกิดอะไรขึ้น”

“ที่นี่หมู่บ้านพาราเรลจ๊ะชั้นเป็นคนพาเธอมาเอง เอานี่ดื่มน้ำก่อนนะ” พูดจบก็เดินไปอุ้มโจเซฟมานั่งที่ข้างเบาะของตนแล้วค่อยๆประคองแก้วน้ำให้เด็กน้อยอย่างเบามือ

“เด็กคนนี้สินะ ที่เธอเล่าว่าไปเจออยู่ในโบราณสถานนั้น” ชายที่ท่าทางจะอยู่ในวัยกลางคนกล่าวออกมา หากสังเกตเขาดูท่าทางจะเป็นคนที่เคร่งมากซะด้วย “ก็ดีจะได้ให้เจ้าตัวรู้ซะเลยว่าที่หมู่บ้านนี้หนะ ไม่อนุญาตให้มีใครหน้าไหนจากภายนอกเข้ามาอยู่อาศัย” เขาพูดพลางจ้องมายังโจเซฟด้วยสายตาเชิงขับไล่อย่างโจ่งแจ้ง

“เปเล่ อย่าพูดอย่างนั้นเลยน่า ถึงอย่างไรเขาก็ยังเด็กอยู่ ให้เขาอยู่ที่นี่ไปจนกว่าเขาจะสามารถดูแลตัวเองได้ก่อนเถอะ แล้วอีกอย่าง กฎที่ว่าหนะ คือห้ามคนจากภายนอกสวนแห่งชีวิตนะ แต่นี่เขาเป็นคนจากโบราณสถานภายในเขตสวนนี้ไม่ใช่หรือ เอาเป็นว่า เฟริโอน่า เธอช่วยดูแลเขาจะได้ไหม ไหนๆก็เป็นถึงผู้ขับขานเสียงเพลงแห่งชีวิต นี่นา ชาวบ้านเค้าคงยอมรับกันได้อยู่” ชายชราเอ่ยเสียงเนิบๆ “ตามที่ปู่ว่าแหละนะ เปเล่ และอีกอย่างสมัยนี้เค้าไม่เกี่ยงเรื่องนั้นกันซักเท่าไร แล้วไม่ใช่หรือ” ผู้ใหญ่บ้านและภรรยาเอ่ยกับชายวัยกลางคนหรือเปเล่อย่างนิ่มนวล

“เฮอะ! ถ้างั้นก็ได้ งั้นผมขอลาหละ” เขาแค่นเสียงทีหนึ่งก่อนจะเดินออกจากบ้านไป

“นี่ก็สายแล้ว โจเซฟ เธอคงจะหิวสินะ ไปหาอะไรทานกันเถอะจ๊ะ ผู้ใหญ่บ้านจะทานด้วยกันเลยไหมคะ” เฟริโอน่าพูดยิ้มๆกับโจเซฟพลางอุ้มเขาขึ้น

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พวกข้ากินมากันแล้ว เชิญตามสบาย ขาดเหลืออะไรก็ไปหาที่บ้านใหญ่ได้เลย ถ้างั้นพวกข้าก็ขอลาก่อนหละ แล้วค่อยเจอกันใหม่นะ” ว่าแล้วสามีภรรยาทั้งสองก็ลุกเดินออกไปจากบ้านเช่นกัน

“ค่ะ เอาหละ โจเซฟ ไปหาอะไรทานกันเถอะจ๊ะ เธอมีอะไรที่ทานไม่ได้บ้างหรือเปล่าหละ” เฟริโอน่าเอ่ยถามเด็กน้อยในอ้อมแขน

“ไม่.....ไม่รู้....มันนึกอะไรไม่ออกเลย ที่พอจะนึกออกก็มีแค่ชื่อตัวเอง กับคำพูดของ...พ่อประโยคหนึ่ง” น้ำเสียงติดๆขัดๆเหมือนกับไม่มั่นใจในความคิดนั้นของตน

“อืมแล้วประโยคที่ว่านี่ เป็นยังไงหรือจ๊ะ” พูดจบก็วางหนูน้อยไว้ที่เก้าอี้เล็กๆที่เข้าชุดกับโต๊ะไม้ไม่ใหญ่เกินไปนั้น

“เค้าว่า อย่าได้เอาความแค้นมาทำร้ายตัวเอง แต่ให้นำความเจ็บปวดจากความแค้นนั้นมาทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเค้าอยากจะให้ผมทำอะไร” เด็กน้อยพูดพลางจ้องมองนอกหน้าต่างออกไปด้วยสายตาเลื่อนลอยทำให้ผู้ที่จ้องมองเขาอยู่นั้นอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ ‘จะมีเด็กที่ไหนบ้างนะ ที่มีสายตาที่เลื่อนลอยไร้ความเป็นตัวของตัวเองได้ขนาดนี้’

“เอานี่จ๊ะ ซุปหวานสูตรของชั้น ช่วยเพิ่มพลังและยังช่วยให้สดชื่นด้วยนะจ๊ะ กินให้เต็มที่หละ พรุ้งนี้จะได้มีแรงไปทักทายคนอื่นๆในหมู่บ้านด้วย” ชามใส่ซุปใสสีเหลืองนวลๆวางลงเบื้องหน้าของเด็กน้อย เขามองไปยังชามนั้นอย่างฉงนพลางหันกลับมามองผู้ที่ทำมันมาให้เขา

“นี่เฟ ไอนี่ใช้ยังไงหรือ” โจเซฟเอ่ยขึ้นพลางเอามือเขย่าถ้วยไปมา เฟริโอน่าเองมองด้วยสายตาปนเอ็นดู

“มานี่มา ชั้นป้อนเอง เอ้า อ้าม~” ว่าแล้วเธอก็หยิบช้อนตักซุปขึ้นยื่นไปป้อนให้โจเซฟอย่างอ่อนโยน “เค้าใช้กันอย่างนี้นะ จำเอาไว้หละเพราะคราวหน้าเธอต้องทำเองนะ” พูดจบก็ป้อนซุปให้เด็กน้อยจนหมดชาม และก็อดยิ้มอย่างยินดีไม่ได้เมื่อเด็กน้อยขอเพิ่มอีกชาม

หลายสัปดาห์ต่อมา

เด็กน้อยของเรานั่งอยู่บนระเบียงไม้เตี้ยๆริมลานกว้างที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเฟริโอน่ามากนัก เนื่องจากที่นี่เป็นลานกว้างที่ตรงกลางเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ให้ร่มเงาอย่างทั่วถึงทำให้มีเด็กมาวิ่งเล่นกันมากมาย โจเซฟมองรอบๆพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาไม่เข้าใจว่าที่พวกเด็กคนอื่นกำลังทำมันสนุกยังไง

“โจเซฟจ๊ะ ถ้าอยากรู้ก็ไปขอเล่นกับพวกเขาสิ เด็กๆหนะสมควรจะวิ่งเล่นกันให้เต็มที่นะ” เสียงใสๆเอ่ยขึ้นเหมือนรู้ความในใจของเขา

“เฟเองก็เด็กอยู่ไม่ใช่เหรอ ดูแล้วก็น่าจะอายุแค่สิบนิดๆเองนี่นา ไม่เห็นไปเล่นกับพวกเขาเลย” โจเซฟเอ่ยตอบโดยไม่หันไปมองเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เฟริโอน่าเองเมื่อได้ฟังคำตอบก็ลองมองตัวเองที่ดูเหมือนเด็กอายุสิบเอ็ดสิบสองจริงๆอย่างที่เด็กชายว่า พลางยิ้มเล็กๆแล้วเอ่ยขึ้น

“เอ๊? นี้ชั้นยังไม่เคยบอกเธอเหรอว่าเห็นชั้นเป็นอย่างนี้แต่ชั้นอายุยี่สิบแล้วนะ” เธอเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่ไม่กับร่างน้อยๆที่แทบจะหงายหลังตกจากระเบียงเตี้ยๆนั้นเมื่อได้ยินคำตอบที่เอ่ยออกมา

“ไม่! ไม่จริงอะ ดูยังไงเธอก็ไม่น่าที่จะอายุเยอะขนาดนั้นได้เลยนะ” โจเซฟโดดลงมาพร้อมหันหลังกลับมามองอย่างตกใจ “จริงจ๊ะ ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมร่างกายนี้มันถึงได้โตช้าเมื่อเทียบกับอายุ” เธอเอ่ยตอบยิ้มๆพลางโบกมือให้เด็กๆที่ชูมือทักทายมาห่างๆ

“ถ้าไม่เชื่อ ชั้นเองก็คงไม่รู้จะเอาอะไรมาอธิบายเหมือนกันนะ แต่ลองไปถามถามคนในหมู่บ้านเอาก็ได้นะเพราะว่าชั้นเองก็เป็นอย่างนี้มาก็หลายปีแล้ว”โจเซฟเองเมื่อเถียงไม่ออกก็หันหน้าหนีพลางทำแก้มป่องเหมือนขัดใจ แต่เมื่อเด็กเล็กๆทำอย่างนั้นมันก็น่าเอ็นดูซะจนเฟริโอน่าเองก็หัวเราะเล็กๆให้เหมือนกัน

“ฮิฮิ ดูซิพ่อคนเก่ง จะโตเกินเด็กไปแล้วไหมฮะ เอาหละจ๊ะ จะไปไหนก็ได้นะ แต่อย่าออกจากหมู่บ้านหละ แล้วกลับมาให้ทันข้าวเย็นด้วยนะ” ว่าแล้วก็ลูบหัวเด็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านที่อยู่สุดทางเดิน

“ฮึ ทำอย่างกับจะไปเดินที่ไหนได้ ใครๆก็ไม่รู้จัก หืม?” บ่นขึ้นเล็กๆแล้วก็หันไปตามแรงดึงที่เสื้อของเขา

“นายหนะ เด็กใหม่ที่มาจากโบราณสถานใช่ไหม” เด็กชายตัวใหญ่ที่ดูจะเป็นหัวกลุ่มเดินเข้ามาทัก “ที่นี่ชั้นเป็นหัวหน้ากลุ่มเข้าใจไหม” โจเซฟเพียงพยักหน้าเล็กๆเป็นเชิงเข้าใจ

“ชั้นเปเป้ ชั้นเองก็เป็นปีศาจเหมือนกับนาย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอดูพลังมารของนายหน่อยเดะ” หัวโจกพูดไปดึงพลังจากเงาตัวเองออกมาสร้างเป็นลูกบอลกลมๆโยนไปโยนมา

ทำไมเค้าจะไม่รู้หละว่าเผ่าปีศาจใช้พลังมารได้ ทั้งที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยเรียนรู้ถึงมัน แต่กลับเข้าใจมันได้ภายใต้จิตใต้สำนึกของเขา พลังมารของเผ่าปีศาจแต่ละคนเองก็จะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง คุณสมบัติ ปริมาณ รูปแบบ ต่างกันไปแต่นั้นคงต้องเป็นเผ่าปีศาจคนอื่นแล้วเพราะสำหรับเขานั้น...

“ไม่ได้ ชั้นใช้พลังมารของชั้นไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งที่พยายามดึงมันออกมาแล้วก็ยังไม่ได้อยู่ดี” โจเซฟเอ่ยตอบเสียงเรียบๆ

“ห๊ะ! อะไรกันนะ นายใช้ไม่ได้ ประหลาดแล้วนาย ไอของแบบนี้พวกเราใช้กันได้ตั้งแต่เกิดเลยไม่ใช่เหรอ นายนี่ตัวประหลาดจริงๆเลยนะ ฮ่าๆๆๆ” เปเป้พูดเยาะเย้ยอย่างไม่สนใจอะไร ดูแบบนั้นแล้ว โจเซฟก็ได้แต่กำมือแน่นไว้

“แล้วนายใช้พลังอะไรได้อีกมั่งเนี่ย เวทย์นายใช้ได้ไหม” เปเป้พูดพร้อมกับสลายพลังมารทิ้งไป

“ใช้ได้อยู่หรอก” โจเซฟตอบน้ำเสียงขุ่นๆ พลางยกมือขึ้น สายฟ้าเส้นเล็กๆแล่นวิ่งไปมารอบๆมือของเขา

“สายฟ้าเหรอ แล้วอย่างอื่นหละ” หัวโจกยังคงไล่ถาม

“ไม่ได้ ไม่รู้ทำไมพอเร่งพลังให้มันออกมาเป็ฯอย่างอื่นมันกลับแทบไม่ออกมาเลย” โจเซฟพูดจบก็ลดมือลงแนบข้างลำตัวเหมือนเดิม

“เฮอะ! ตัวประหลาดจริงๆนะนายหนะ ถ้ามันไม่ออกแล้วทำไมไม่เร่งพลังให้มันมากๆเข้าไว้เลยหละ หาฦ หรือว่าแค่นี้ก็ทำไม่ได้เหรอไงไอตัวแปลกประหลาดของเผ่าพันธุ์” เปเป้พูดเย้ยอย่างหนัก

“พูดมากจริง พลังมารบ้างหละ เวทย์บ้างหละ ก็ได้ถ้าเร่งพลังเวทย์มากๆแล้วมันจะเปลี่ยนเป็นธาตุอื่นชั้นจะทำให้ดูก็ได้” โจเซฟพูดจบก็เริ่มต้นเร่งพลังเวทย์ในตัวขึ้นเรื่อยๆจนเมื่อ......

เปรี๊ยะๆๆๆๆ กระแสไฟฟ้ามากมายเริ่มแตกตัวออกมาโดยมีตัวโจเซฟเป็นศุนย์กลางเด็กๆที่อยู่รอบรอบวิ่งแตกกระจายออกมากระเจิดกระเจิง บ้างวิ่งไม่ทันก็โดนไฟฟ้าช๊อตไปตามตัว เปเป้เองก็เป็นหนึ่งในเด็กส่วนน้อยที่โดนไฟฟ้าช๊อตเข้า เพราะเขาอยู่ใกล้ที่สุด เขาจึงโดนช๊อตจนใบหน้าไหม้ไปบางส่วน

“อ้าก! แก ไอตัวประหลาด แกมันตัวประหลาด แกมันสัตว์ประหลาด ” ตะโกนโหวกเหวกโวยวายพลางล้มลุกคลุกคลานออกมา

“แกมันตัวสร้างหายนะ ออกไปซะ ออกไปจากหมู่บ้านนี้ซะ” ว่าแล้วก็คว้าก้อนหินมาขว้างใส่โจเซฟเต็มแรง

ปึ้ก! เสียงดังชัดเจนดังขึ้นพร้อมกับกระแสไฟฟ้าที่หายไป ทำให้เห็นเด็กน้อยผมน้ำตาลที่ตอนนี้มีเลือดไหลออกมาที่หางคิ้วบ่งบอกได้ว่าเขาโดนก้อนหินกระแทกไปตรงไหน

ไม่มีคำพูดใดใดเปล่งออกมาจากเขา เขาเพียงแต่ส่งสายตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกที่มีออกมา แล้วก็หันหลังกลับเดินออกไปยังบ้านสุดทางเดิน ระหว่างทางเหล่าผู้ใหญ่มากมายก็เริ่มมองเขาเหมือนเป็นตัวประหลาดมากขึ้นๆ

“อ๊ะ กลับมาแล้วเหรอโจเซฟ ตายแล้ว! หน้าไปโดนอะไรมานั้นหนะ” เฟริโอน่าเอ่ยขึ้นอย่างตกใจพลางวิ่งมาดูบาดแผลของโจเซฟด้วยความเป็นห่วง

“เฟ ผมเป็นตัวประหลาดอย่างงั้นเหรอ” โจเซฟ เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้เฟริโอน่าเองสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกถามแบบไม่ทันตั้งตัว

“เฟ แค่ผมใช้พลังมารไม่ได้มันประหลาดมากเหรอ แค่ผมควบคุมพลังสายฟ้าไม่ได้เนี้ย ผมเป็นสัตว์ประหลาดอย่างงั้นเหรอ” ความรู้สึกมากมายที่ออกมากับคำพูดถามของเด็กน้อยนั้นตอนแรกเฟริโอน่าเองก็ยังคงมีสีหน้าเป็นห่วงเล็กๆแต่แล้วเธอก็ยิ้มออกมา เป็นยิ้มที่สดใสเหมือนที่เธอมอบให้เขาทุกวัน

“ตัวเธอเองอาจจะยังไม่เข้าใจหรอกนะ แต่พลังของเธอหนะ ไม่น่าจะใช่พลังที่เอาไว้ทำร้ายใครหรอก มันเพราะเธอยังควบคุมมันไม่ได้ต่างหาก” พูดพลางเช็ดเลือดที่เลอะอยู่ตามใบหน้าเด็กน้อยออก แล้วจึงลุกขึ้นไปหยิบขวดโหลที่ภายในมีเจลสีเขียวเฝื่อนๆออกมา

“เธอเองเมื่อได้พบความผิดพลาดนี่แล้ว เพื่อจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเธอก็ต้องหมั่นฝึกฝนสิจ๊ะ ฝึกให้สามารถที่จะควบคุมไม่ให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อีก” พูดไปมือก็ค่อยๆบรรจงทายาที่บาดแผลที่หางคิ้วของโจเซฟไปด้วย

“และเมื่อเธอสามารถที่จะควบคุมมันได้แล้ว มันจะเป็นพลังที่เธอใช้เพื่อปกป้องผู้อื่นได้เหมือนกันนะจ๊ะ เธอหนะ ไม่ใช่ตัวประหลาดหรอก แต่เธอแค่ยังไม่รู้จักตัวเองก็เท่านั้นเอง” พูดจบเธอก็วางขวดโหล่ยากลับเข้าที่เดิมแล้วอุ้มโจเซฟมานั่งยังเก้าอี้ตัวประจำของเขา

“ชั้นว่าประโยคที่พ่อเธอได้บอกเธอไว้นั้นหนะเค้าคงจะหมายความว่า ให้เธอเรียนรู้ตัวเองจากความเจ็บปวดที่เธอได้เจอนั้นแหละจ๊ะ เพราะเราเราหนะ จะเข้มแข็งขึ้นเมื่อได้รับรู้และเข้าใจถึงสิ่งนั้นของเราแล้วเราก็จะได้แก้ไขตัวเองเพื่อที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกยังไงหละจ๊ะ” แล้วเธอก็ยิ้มให้เขา ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนดังเดิม

โจเซฟเองที่ตอนแรกสับสนกับตนเอง เหมือนจมอยู่กับด้านมืดของตัวเอง แต่ในตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เขาเริ่มเข้าใจเรื่องที่เกิด และเริ่มตั้งมั่นที่จะทำในสิ่งต่างๆมากขึ้นแล้ว เฟริโอน่าเองก็อมยิ้มเล็กๆเมื่อเธอมองเห็นสายตาที่มีความมุ่งมั่นฉายออกมา ถึงแม้จะเป็นความมุ่งมั่นเล็กๆนั้นแต่เธอมั่นใจ มั่นใจว่าเมื่อเด็กน้อยคนนี้โตขึ้น เขาจะเป็นชายที่เข้มแข็งและพร้อมจะปกป้องผู้อื่นได้แน่ๆ

“เอาหละจ่ะ เย็นนี้อยากจะทานอะไรดีจ๊ะ” หลังจากพูดคุยกันได้แล้ว เฟริโอน่าจึงเอ่ยถามขึ้นมาแล้วก็เป็นยามเย็นที่แสนสุขเช่นเดิม

หลายวันต่อมานั้น โจเซฟเองก็ยังคงฝึกซ้อมเพื่อใช้พลังเวทย์ของเขาเองจนตอนนี้เริ่มที่จะควบคุมให้ออกมาเป็นลูกศรได้แล้วถึงจะไม่ใหญ่ และไปไม่ไกลแต่ก็เป็นความก้าวหน้าที่มากมายแล้วสำหรับเด็กอย่างเขา และไม่เพียงแค่นั้น เวลาว่างเขาเองก็ยังไปนั่งอ่านหนังสือที่มีเก็บไว้ในบ้านที่มีจำนวนมากมายเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม

“โจเซฟจ๊ะ พักก่อนเถอะจ่ะ ฝึกมาตั้งแต่เช้าแล้ว” เฟริโอน่าเอ่ยทักขึ้นจากประตูหลังบ้านที่เปิดออกมา

“อืม เข้าใจแล้ว เฟ เฟ? เป็นอะไรรึเปล่าหนะ ทำไมหน้าดูซีดๆแบบนั้นกัน” โจเซฟที่เดินเข้าบ้านมาถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของเฟริโอน่าที่ดูซีดกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด

“อืม เพลียนิดหน่อยหนะจ่ะ สงสัยวันนี้คงต้องขอพักก่อนแล้วหละ วันนี้โจเซฟไปกินข้าวที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเขาละกันนะ ชั้นเอง....ก็.....เพลียมาก...เลย” “เฟ!” ด้วยความตกใจที่จู่ๆ เฟริโอน่า ก็ทรุดตัวลงไปทำให้โจเซฟวิ่งเข้ามารับเกือบไม่ทัน

“เฟ เป็นอะไรไปหนะ เฟ แย่หละสิ ต้องไปหาผู้ใหญ่บ้าน” ว่าแล้วก็ค่อยพาเธอมานอนยังฟูกนอนที่ปูอย่างลวกๆแล้วออกจากบ้านวิ่งไปยังบ้านที่หลังใหญ่สุดในละแวกนั้นเอง พอไปถึงก็ออกแรงเคาะประตูอย่างร้อนรน

“ปู่ใหญ่ ปู่ใหญ่”โจเซฟ เรียกอยู่ชั่วครู่ก็มีชายชราที่ดูแล้วร่างกายไม่ชราตามหน้าเลยโผล่ออกมาทัก

“อ้าว โจเซฟเองเหรอ มีอะไรหละ ดูท่าทางรีบร้อนมากเลย” ผู้ใหญ่บ้านพูดทักทายอย่างเรียบๆ

“เฟ หนะ เฟ หนะ” โจเฟซพูดพลางหายใจหอบแฮกๆ “เฟ เป็นอะไรไม่รู้ จู่ๆก็ล้มไป ตัวเย็นมากเลยด้วยแล้วก็...แล้วก็” พูดตะกุกตะกัก แต่กระนั้นผู้ใหญ่บ้านเองก็พอจะเข้าใจรางๆแล้ว

“ย่า เตรียมตัวไปรักษาคนไข้กัน เร็วหน่อยหละ” รอชั่วครู่ทั้งสามก็ออกเดินไปยังบ้านสุดทางเดินอย่างเร่งรีบ

“เป็นยังไงบ้าง ย่าใหญ่ เฟเป็นอะไรอย่างงั้นเหรอ”โจเซฟ เอ่ยถามระหว่างที่คุณย่าภรรยาผู้ใหญ่บ้านดูอาการของเฟริโอน่าอยู่

“แย่ แย่มากเลย นี้เป็นอาการลอสเทมเพ้อ ที่พอเป็นแล้วอุณหภูมิร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือ สมุนไพรที่รักษาอาการนี้มันไม่มีในตอนนี้ซะด้วยสิ ต้องออกไปหา” ย่าใหญ่พูดพลางห่มผ้าเพิ่มให้เฟริโอน่า

“แล้วสมุนไพรนั้นมันคืออะไรเหรอ ย่าใหญ่”โจเซฟพูด ท่าทีร้อนรนมาก

“ว่านอัคนี แต่ไอต้นนี้มันขึ้นแต่ที่รอบๆซากของต้นไม้ยักษ์ในป่าต้องห้ามเท่านั้นหนะสิ” ย่าใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนมาก

“ผมจะเอามาเองครับ จะไปขอร้องคนในหมู่บ้านด้วย” พูดจบโจเซฟก็วิ่งออกจากบ้านไป

เขาวิ่งไปทั่วหมู่บ้านพร้อมกันนั้นก็ไปเคาะประตูตามบ้านต่างๆเพื่อขอร้องแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะที่เขาได้รับมีเพียงสายตาเย็นชาที่มองมาเหมือนมองตัวประหลาดตัวหนึ่งเท่านั้น เขาเดินกลับมาบ้านอย่างอ่อนแรง

“ทำไม ไม่มีใครเข้าใจเลยนะ ทำไมกันทั้งๆที่”พูดพลางมองกลับมายังบ้านที่เขามาอาศัยอยู่ บ้านของเธอคนนั้น เธอที่ยิ้มให้เขาทุกครั้ง เป็นยิ้มที่ทำให้เขาสุขใจเมื่อได้เห็น “ใช่แล้ว ถึงใครจะไม่ช่วยก็ช่าง” เอ่ยขึ้นพร้อมกันนั้นก็หันไปเห็นมีดเล่มเล็กอยู่หน้าประตูบ้านเขาจึงเดินไปคว้ามา “ชั้นจะช่วยเธอเอง เฟ พลังของชั้นนี้ จะปกป้องเธอเอง” แล้วเขาก็ออกเดินจากหมู่บ้านมา

“ถ้าจำไม่ผิด เฟ เคยบอกว่าถ้าข้ามสะพานนี้ไปจะเป็นเขตของป่าต้องห้ามสินะ” ว่าแล้วก็ออกไปเดินข้ามสะพานเชือกไปอย่างไม่เกรงกลัวอะไร

เขาเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งที่ตอนเขาเข้ามายังเป็นแค่ตอนบ่ายนิดๆ แต่ภายในป่านี้กลับมืดมีแต่แสงสลัวๆที่ส่องลอดแมกไม้ลงมา

เขาเดินมาเรื่อยๆพลางทำสัญลักษณ์ไว้ตามต้นไม้ ตามที่เคยอ่านเจอในหนังสือเพื่อกันหลงทาง จนมาถึงจุดหนึ่งที่เต็มไปด้วยเศษซากของต้นไม้ใหญ่มากมาย รอบๆนั้นเองก็มีต้นพุ่มเล็กๆที่มีใบยาวๆสีออกแดงหม่นๆเหมือนดินแดง

“นี่ไง ว่านอัคนี เคยเห็นอยู่ตอนที่ เฟ ชี้ให้ดูในหนังสือ” ว่าแล้วก็เดินไปเด็ดออกมาเต็มกำมือแล้วออกวิ่งกลับมาตามทางที่ขีดสัญลักษณ์ไว้แต่แล้วสิ่งที่ไม่น่าเกิดก็เกิดขึ้น

โฮก! กรรรรรร หมาตาสีเทาหม่นตัวเขื่องโดดออกมาจากหมู่ไม้ด้านข้างมาขวางทางไปต่อของโจเซฟไว้ มันหันสายตาดุร้ายจ้องมองยังโจเซฟอย่างกินเลือดกินเนื้อ

“แย่ละสิ เจ้านี้มันเบลโอเฟรูฟนี่นา ไม่นึกว่าจะมาอยู่ที่ป่าต้องห้ามนี้ จะทำยังไงดีเรา” โจเซฟ ยืนนิ่งขาสั่นเพราะจ้องมองไปยังนัยน์ตาของสัตว์ร้ายเบื้องหน้าเข้า มือเล็กกำเข้าหากันอย่างแน่น พลางยื่นมีดเล่มเล็กซึ่งเป็นอาวุธอย่างเดียวมาข้างหน้าด้วยมืออันสั่นเทา

แกร๊บ! เสียงของกิ่งไม้หักในมือดังขึ้นกำให้โจเซฟรู้สึกตัวขึ้นได้ ‘จริงสินะ เราจะมาตายตอนนี้ไม่ได้ เฟ กำลังรอเราอยู่ต้องเอาเจ้าว่านนี่ไปให้เธอให้ได้’ ตัวโจเซฟเริ่มหยุดสั่นสายตามุ่งมั่นแรงกล้าที่ฉายออกมาทำให้เบลโอเฟรูฟที่ตอนแรกยืนคุมเชิงอยู่เริ่มตั้งท่า

“คอยดูนะ เฟ ชั้นจะฟ่ามันไปให้ได้เพื่อเธอ ย้าก!” โจเซฟกู่ก้องเสียงดังพร้อมกันนั้นก็วิ่งเข้าหาเบลโออย่างไม่เกรงกลัว ฝ่ายสัตว์ร้ายเองเมื่อเห็นว่าเหยื่อของมันมีท่าทีต่อต้านจึงกระโจนเข้าใส่หมายตะครุบให้อยู่หมัด

ฉึก! ฉัวะ! เสียงที่บ่งบอกถึงการเชือดเฉือนของของมีคมดังขึ้น ร่างของโจเซฟล้มกลิ้งไปชนกับต้นไม้เบื้องหน้า พร้อมกับปรากฏรอยแผลถูกขวนยาวจากหน้าอกถึงเอวสามรอย แต่พร้อมกันนั้น เขาก็ฝากมีดเล่มเล็กของเขาไว้ที่ตาข้างขวาของเบลโอเฟรูฟไว้เช่นกัน

“อึก แค่นี้ไม่เจ็บหรอก เพื่อช่วยเธอ แค่แผลแค่นี้ไม่เจ็บหรอก ชั้นจะต้องกลับไปให้ได้!” โจเซฟกู่ร้องออกมาพร้อมกับค่อยๆดันร่างของตนขึ้นยืน มองไปยังหมาป่าขนเทาที่ตอนนี้ใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือดจากบาดแผลที่เขาฝากไว้

“ไม่ยอมให้แกมาขัดขวางได้หรอก ชั้นจะต้องกลับไปให้ได้ เอานี่ไป เทมเพสต้า ลิลิค ดัลกัสก้า(ศรอสุนิบาต)” เขาร่ายเวทย์ยิงศรสายฟ้าออกไปยังหมาป่าตัวเขื่องที่ตอนนี้ยังล้มกลิ้งอยู่ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำไรทั้งสี่ที่ห้อยคอของเขามาตั้งแต่ตอนแรกนั้นได้เปิดออกเผยให้เห็นคริสตัลสีฟ้าส่องสว่างอยู่ภายใน มันส่องแสงออกมาส่งผลให้ศรสายฟ้าที่เดิมมีขนาดเล็กเท่าไม้บรรทัด ขยายใหญ่เป็นหอกเล่มโต โจเซฟเองมองออกไปอย่างไม่เชื่อสายตาว่ากำไรที่เขาพกติดตัวจะมีพลังที่ทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้

ศรสายฟ้าพุ่งตรงไปยังร่างของเบลโอเฟรูฟอย่างรวดเร็ว และโดยไม่ทันที่หมาป่านั้นจะขยับตัวศรนั้นก็เข้าปะทะกับตัวมันแล้ว

เปรี้ยง! เอ๋งง! สิ้นเสียงพร้อมกับร่างของเบลโอเฟรูฟที่ตอนนี้ล้มลงไหม้ดำเป็นซากแล้ว โจเซฟมองดูอย่างตื่นตะลึงแต่เพียงชั่วครู่เขาก็ลุกขึ้นออกวิ่งไปยังเส้นทางเดิมที่ทำเอาไว้ วิ่งไปอย่างไม่คิดที่จะหยุด วิ่งไปด้วยแรงทั้งหมดที่ตัวเค้ามี

“ไอหนูโจ มันไปนานจังเลยนะ ชักเป็นห่วงแล้วสิ ว่าจะมีใครช่วยมันรึเปล่า พวกชาวบ้านก็ฝั่งใจกับเหตุการณ์นั้นกันไปแล้ว ไม่รู้ไอหนูโจจะเป็นอย่างไรบ้างนะตอนนี้” ปู่ใหญ่เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลไม่น้อย

แกร๊ก! แฮกๆๆ เสียงเปิดประตูที่มาพร้อมกับเสียงหอบหายใจที่ดังมาแต่ไกล ยังผลให้ทั้งห้องมองไปยังผู้มาใหม่ และก็ต้องตกใจอย่างมากเมื่อพบว่าผู้มาใหม่เป็นใคร

“แฮกๆ ได้....มาแล้ว แฮกๆ ว่านอัคนี”โจเซฟ พูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบบนตัวของเขาชุ่มไปด้วยเลือด ไม่ว่าจะจากแผลใหญ่ที่ลากยาวจากอกถึงเอว หรือร่องรอยขีดข่วนจากกิ่งไม้มากมายตามตัว

เฟริโอน่าเองเริ่มรู้สึกตัวก็หันมาเห็นโจเซฟในสภาพนั้นเข้าเธอลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ แม้จะไม่มีแรงลุกเท่าไรก็ตาม

“โจเซฟ ไปทำอะไรมากัน บาดแผลพวกนั้น..”เฟริโอน่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนอย่างมาก

“เอาเจ้านี่มาให้เธอยังไงหละ” ว่าแล้วก็ยื่นว่านนั้นให้ย่าใหญ่

“เพราะไม่มีใครยอมไป ผมถึงต้องไปเอง ผมเข้มแข็งพอจะไปเองได้แล้วนะ” โจเซฟพูดพร้อมกับเดินเข้ามาหา

เพี๊ยะ! เสียงของฝ่ามือขาวๆที่ฟาดกับใบหน้าของโจเซฟดังขึ้นทำให้ย่าใหญ่ที่กำลังปลุงยาอยู่สะดุ้งตกใจมองมาทันที

“เฟ?” เขายกมือขึ้นจับแก้มข้างที่ถูกตบพร้อมกันนั้นก็มองไปยังผู้ที่ตบเขา

“ทำไม” น้ำใสๆเริ่มไหลออกจากนัยน์ตาสีทองคู่นั้น “ทำไมต้องทำตัวเองถึงขนาดนี้ด้วย โจเซฟ!” เฟริโอน่าพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น เธอยกมือขึ้นทำท่าจะตบเขาอีกรอบ โจเซฟเองก็หลับตารอการลงโทษนั้นแต่ดี

หมับ! แต่เปล่าเลย เธอกลับสวมกอดเขาไว้ เด็กชายมีท่าทีตกใจตอนแรก แต่ก็กอดเธอที่กำลังร้องไห้สะอื้นกลับ

“ขอโทษนะ เฟ ผมขอโทษ คราวหน้าจะไม่ทำอีกแล้ว หยุดร้องเถอะนะ เฟ สัญญาจะเข้มแข็งขึ้นให้มากกว่านี้ สัญญาเลยจะไม่ทำให้เธอร้องไห้อีกแล้ว” แล้วสายน้ำเส้นเล็กก็หลั่งออกจากดวงตาสีเงินของเขาเช่นกัน “เพราะงั้นหยุดร้องเถอะนะเฟ แล้วผมจะไม่ทำอีกแล้ว” เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นของลูกผู้ชายคนหนึ่ง

“ผมจะเข้มแข็งขึ้นมากกว่านี้ เพื่อเธอ เฟ”

โปรดติดตามต่อได้ใน PART 2

เป็นผลงาน(อาจจะ)โซโล่โดยกระผม

ฮะฮะ ขอบอกเลยว่า บางช่วงมันก็เข้ม บางช่วงมันก็ไม่มีอะไรเลย ไม่รู้ตัวเองลุยมาได้ยังไง :emo (46):

สำหรับตอนต่อก็คงต้องพูดได้คำเดียวว่า จะตามมาให้ทันในเร็วๆนี้ครับผม ซึ่งอันที่จริง :emo (47): มันก็เป็นความผิดของผมอะนะครับเพราะตามที่คิดไว้คือกะจะให้มันจบไปเลย แต่พอแต่งออกมาเนื้อเรื่องมันก็ยาวอะครับ เลยต้องแบ่งออกเป็นตอน และตอนหน้าก็คงจบแล้วหละครับ ในเรื่องส่วนของตัวเอกนี้ของเรา

Edited by pikasaiya

Share this post


Link to post
Share on other sites

ขอจองที่ไว้ลงตอน 2 นะครับ

ขอแจ้งแก่ท่านผู้อ่านเนื่องจากกระผมติดสภาวะ ม.6(มหาลัยใกล้เข้ามาแล้ว) แม่ห้ามเล่นคอมถ้าไม่จำเป็นต้องใช้งานจริงๆ ทำให้ผมไม่อาจจะแตะต้องคอมได้เลย จึงเรียนมาเพื่อทราบและขออภัยเป็นอย่างยิ่ง - - เมื่อผมกลับมา จะยอมโดนโทษทุกอย่าง แต่ขอช่วงสอบตรงก่อนเถอะแคร๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

Edited by pikasaiya

Share this post


Link to post
Share on other sites

:emo (37): โอ้วโน้ว~

จ๊อดเอ๊ยเจ้าจ๊าปมาก ชั้นจะพยายามในส่วนของชั้นให้มากๆน่ะจ๊อด

ขอโทษที่ไม่อาจทำให้งานออกมาดีได้เท่าเจ้า :emo (35):

Share this post


Link to post
Share on other sites

ตอน2มาเร็วนะ

มาเร็วๆจะอ่าน

Share this post


Link to post
Share on other sites

ขอจองที่ไว้ลงตอน 2 นะครับ

ขอแจ้งแก่ท่านผู้อ่านเนื่องจากกระผมติดสภาวะ ม.6(มหาลัยใกล้เข้ามาแล้ว) แม่ห้ามเล่นคอมถ้าไม่จำเป็นต้องใช้งานจริงๆ ทำให้ผมไม่อาจจะแตะต้องคอมได้เลย จึงเรียนมาเพื่อทราบและขออภัยเป็นอย่างยิ่ง - - เมื่อผมกลับมา จะยอมโดนโทษทุกอย่าง แต่ขอช่วงสอบตรงก่อนเถอะแคร๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

:emoother_08: อ่าน่ะงั้นผมจะคอยเชียร์น่ะจ๊อด ยังไงช่วงนี้ผมจะลองทำไปเรื่อยๆก่อน แต่ก็น่าจะัมาบอกกันมั่ง =3=

ในฐานะคู่หูสู้ๆน่ะจ๊อดดด ผมรออยู่น่ะ

Share this post


Link to post
Share on other sites

สนุกดีจังครับ :emo (73):

ขอเชียร์ให้ทำต่อไปอีกมากๆๆนะครับ :emo (02):

Share this post


Link to post
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
Sign in to follow this  

×
×
  • Create New...