Jump to content

PlaydAy

Members
  • Content Count

    38
  • Joined

  • Last visited

About PlaydAy

  • Rank
    Advanced Member

Profile Information

  • Gender
    Male
  • Location
    samutprakarn
  • Interests
    Anime
  • Facebook
    mmagsa2010@hotmail.com

Contact Methods

  • MSN
    mmagsa2010@hotmail.com
  1. ชอบ FF7 ที่สุดในดวงใจแล้วครับ เกมนี้จิตนาการสูงมากเลย แล้วก็เดินแผนที่ได้แบบว่าไปไหนก็ได้ แค่เรือเหาะ สุดยอดมากๆ
  2. Fanista เกาะแห่งท้องฟ้ามหัศจรรย์ ตอนที่ 2 บทเพลงที่ดังก้องไปทั่วมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ คลืนนนน!!! เสียงลังที่เลียงซ้อนกันสามชั้นตกลงมาระเนระนาด เสียงสายลมพัดเรือลำใหญ่อย่างรุนแรง คลื่นน้ำก่อตัวสูงขึ้น ซัดกระเซ็นกราบเรือทั้งซ้าย ทั้งขวา รุนแรงเกินดูชม ลูกเรือในเรือโจรสลัดบางส่วนตั้งสติจากอาการเมาสุรา พยายามเดินโซซัดโซเซไปประจำที่เรือ เป้ง เป้ง เป้ง !!! เสียงระฆังเตือนภัยดังขึ้น ลูกเรือโจรสลัดบางคนได้สติ “เฮ้ย... เกิดอะไรขึ้น” ลูกเรือคนหนึ่งตะโกนด้วยน้ำเสียงส่ายๆ ถามคนที่อยู่ข้างกาย สายตามองไปรอบด้าน “พายุ แย่แล้วละ เราดันหลงเข้ามาในเขต เส้นทาง ลาย แดนเก้อร์ (Line Danger)” ลูกเรืออีกคนที่กำลังวิ่งขนของอยู่ตะโกนตอบกลับมา อาเช่อร์ และคิด รีบวิ่งไปที่ห้องกัปตันเพื่อรายงานเรื่อง ลาย แดนเก้อร์ ทว่าเห็นเพียง คลาวด์ อยู่ในห้องเพียงคนเดียว “คลาวด์!!! ฮ่...ฮ่...ฮ่... กัปตันไปไหนละ” อาเช่อร์ เหนื่อยหอบถามด้วยสีหน้าเคร่ง หน้าตาโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ “เขาเพิ่งวิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เองนะ” ยังไม่ทันที่ คลาวด์ จะได้พูดอะไรมาก เมื่อทั้งสองคนได้ยินแค่นั้นเขาก็วิ่งออกไปจากห้องทันที “ด...เดี๋ยวก่อนสิไอ้พวกบ้า... อ้าวไปซะแล้ว” ทั้งสองวิ่งไปกลางลำเรือ เห็นกัปตันยืนสั่นระฆังอยู่บนยอดสุดของเสากระโดงเรือ จากนั้นเขาจึงกระโดดลงมาจากเสากระโดงเรือที่สูงเกิน 30 เมตร “เอ้า...ตื่นได้แล้ว เราจะออกเดินทางแล้วเร็วเข้า” เขาชี้ไปแล้วสั่งการณ์ลูกเรือทุกคนที่ยังพอมีสติอยู่อย่างขะมักเขม้น “เฮ้ย มองอะไรสองคนน่ะ ไปยกสมอขึ้นสิฟระ คิด ส่วนอาเช่อร์ ไปบังคับหางเสือ เร็ว!!! ” “คะ...ครับ” ทั้งสองขานรับ “เรือไม่น่าจะเดินทางมาเส้นทางนี้ได้เลยนี่นา เป็นไปไม่ได้ ฉันคาดการณ์ผิดเหรอ เรือของเราทอดสมอห่างจาก ลาย แดนเก้อร์ ตั้งหลายสิบกิโลนี่นา...” สีหน้าของ ฟิทช์ ดูซีดเซียว แล้วพูดขึ้นว่า “หรือว่า...เจ้านั่น” กลุ่มเรือโจรสลัด ฟิทช์ ตกอยู่สถานการณ์ที่ลำบาก พวกเขาในตอนนี้อยู่ใจกลางน้ำวนขนาดมหึมา คลื่นซัดโหมถล่มเข้าใส่เรืออย่างรุนแรง เส้นทางอันตรายที่ ฟิทช์ กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้านี้เต็มไปด้วยพายุลูกใหญ่นับไม่ถ้วน คลื่นที่ไหลเชี่ยวอย่างรุนแรงนี้ พร้อมที่จะจมเรือของเขาได้ทุกเมื่อ และในขณะที่กำลังชุลมุนกันอยู่นั้น ก็ได้มีพายุลูกหนึ่งได้ลอยพัดโหมกระหน่ำเข้ามาที่เรือของเขา กัปตัน ฟิทช์ จึงรวบรวมสมาธิทั้งหมดสั่งการณ์ไปที่ อาเช่อร์ “หมุนพวงมาลัยไปทางด้านซ้าย 180 องศา เร็วเข้า” เมื่อ อาเช่อร์ หมุนพวงมาลัย เรือจึงเคลื่อนที่เปลี่ยนทิศทางไปทางขวาเต็มกำลัง แต่ก็ยังไม่รอดพ้นกับพายุอีกลูกที่พัดมาจากทิศทางอื่น เรือแล่นอยู่ทางขอบน้ำวนทางขวา แต่ก็โดนพายุพัดเข้าหาอย่างจัง เรือจึงก็เกิดการเอียงตัวไปทางซ้าย เรือเริ่มเปลี่ยนทิศทางไปทางซ้าย แล่นเข้าไปหาใจกลางน้ำวนเอง แต่ทว่ากัปตัน ฟิทช์ ยังคงอยู่ เขาจึงสั่งลูกเรือ “กางใบเรือเต็มที่ได้” “นายแน่ใจเหรอว่าจะกางใบเรือน่ะ” อาเช่อร์ ตะโกนไปถาม “ใช่ ...กางทั้งสองใบเลย เราจะเคลื่อนที่เต็มกำลัง สู้กับมันดูสักตั้ง” ฟิทช์ พูดด้วยความมั่นใจเต็มที่ “มาดูสิว่าฉันกับพระเจ้า ใครจะเหนือกว่ากัน” เมื่อกางใบเรือสำเร็จ เรือจึงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ลมนั้นยังคงพัดมาอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งมันช่วยทำให้ความเร็วของเรือกัปตัน ฟิทช์ ยังคงพยุงตัวอยู่ได้ เรือแล่นสู้คลื่นน้ำวนที่กำลังไหลลงอย่างทรหด เรือที่พยายามแล่นขึ้น สู้กับคลื่นน้ำวนที่กำลังพัดลง ตัวเรือนั้นเอนเอียงไปทางซ้ายที ไปทางขวาทีอย่างน่าหวาดเสียว แต่ทว่า ความเร็วของเรือโจรสลัดลำนี้นั้น ยังไม่มีเรือลำไหนในน่านน้ำตะวันออกเทียบได้ ด้วยความเร็วของเรือ และการเคลื่อนที่ของลมที่พัดมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยทำให้เรือของกัปตัน ฟิทช์ ออกมาจากวงน้ำวนอันแสนหรึโหดได้ ทว่ายังไม่หมดแค่นั้น เมื่อเรือของกัปตัน ฟิทช์ หนีออกห่างน้ำวนได้แค่ไม่กี่วินาทีนั้นเอง เขาก็ต้องเจอปรากฏการณ์ที่ต้องทำให้ลูกเรือทุกคนบนเรือโจรสลัดต่างก็ช็อคกันไปตามๆ กันทั้งลำเรือ คลืนนนนนนน!!! เสียงคำรามแห่งเทพเจ้าได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของทุกคนแล้ว เสียงคำรามจากท้องฟ้า ดั่งมีสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่บินอยู่ทั่วทั้งท้องนภาที่มืดครึ้มแห่งนี้ แสงสีขาวแสบตายิ่งนักสาดส่องไปทั่วแผ่นฟ้า อีกทั้งยังเต็มไปด้วยคลื่นสายฟ้าสีม่วงผ่าลงมายังใจกลางมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ “ม...มะ...ไม่อยากจะเชื่อเลย อ...อะไรวะเนี่ย!!!” อาเช่อร์ หน้าซีดเซียว เอ่ยปากทั้งที่ตาทั้งสองจ้องไปข้างหน้าอย่างหวาดหวั่น ทุกคนบนเรือต่างตกตลึงกับภาพที่เห็นจนทำให้ขาของลูกเรือแต่คนสั่นไหว ทำเอาอวัยวะทุกส่วนในร่างกายแข็งทื่อไม่สามารถทำงานได้ มันคือ พายุไซโคลนลูกใหญ่กว่าเรือถึงหนึ่งร้อยเท่าได้ มันเป็นไซโคลนที่ลูกใหญ่ที่สุดเท่าที่บันทึกมาในประวัติศาสตร์กว่าร้อยปี กำลังหมุนอย่างบ้าคลั่ง พร้อมที่จะกลืนกินทุกอย่างที่เข้าเฉียดเพียงนิดเดียว “หันพวงมาลัยไปทางซ้ายสิฟระ อาเช่อร์!!! เรือของเราอยู่ทางขอบขวาของไซโคลน มีโอกาสรอดอยู่นะ ตั้งสติหน่อย ...คิด ไปดูทิศทางลมเร็วเข้า” กัปตัน ฟิทช์ ตะโกนไปสุดเสียงเท่าที่เขาจะพอทำได้ จากนั้นเขาจึงวิ่งลงมาจากชั้นสองเพื่อลงไปยังห้องของตนเอง เขาเปิดประตูเข้ามาเห็น คลาวด์ กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในมุมห้อง เขาไม่สนใจ จึงเดินเลยไปแล้วควักกุญแจออกมาจากกระเป๋าลับ ลงมือเปิดหีบขนาดใหญ่ที่เท่ากับขนาดตัวเขาเอง เมื่อเปิดออกจึงเห็นระฆังขนาดเล็กกว่าช่วงส่วนเอวของเขาแค่นิดเดียว ระฆังสีทองเหลืองอร่ามส่องแสงระยิบระยับไปทั่วทั้งห้องกัปตัน ระฆังนี้ทำจากทองแท้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาล้วงเข้าไปจับเชือกของระฆังด้วยแขนเพียงข้างเดียว แล้วถือมันออกมา “นี่...ให้ฉันไปด้วยนะ ฟิทช์” เสียงของ คลาวด์ ดังออกมาจากมุมหนึ่งของห้องในขณะที่กัปตัน ฟิทช์ กำลังจะออกจากห้อง “ไม่ได้ นายต้องรอฉันอยู่ที่นี่” “แต่ฉันก็เป็นโจรสลัดคนหนึ่งเหมือนกัน ฉันไม่กลัวหรอก ...ยังไงฉันก็จะช่วยลูกเรือทุกคนด้วย” คลาวด์ ตอกกลับอย่างแรง “เชอะ... ไอ้เด็กบ้า” เมื่อ ฟิทช์ พูดจบจึงวิ่งออกจากห้องไป แล้วก็ตามมาด้วยคลาวด์ ที่วิ่งตามติดกันออกมาไม่ห่างมากนัก ฟิทช์ วิ่งไปที่ใต้เสากระโดงเรือแล้วจึงย่อตัวลง และกระโดดพุ่งขึ้นไปบนยอดของเสา แค่การกระโดดเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ตัวเขาลอยไปอยู่ยอดสุดของเรือได้แล้ว ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมไซโคลนลูกมหาศาลดั่งเทพเจ้าได้เสกมันขึ้นมา กัปตันร้องตะโกนอย่างสุดเสียงที่สุดเท่าที่ในชีวิตของเขาจะทำได้ “ไอ้พายุบ้าาาาาาา!!! …ยังไงซะ ฉันก็จะไม่ยอมแพ้แกหรอก รู้ไว้ซ้าาาาา!!!...” ทันใดนั้นเขาจึงลั่นระฆังสีทองที่ส่องแสงไปทั่วลำเรือนั้น แปงงงงง!!! แปงงงงง!!! แปงงงงง!!! เสียงของระฆังทองดังไปทั่วทั้งเรือ เสียงนั้นช่างไพเราะเพราะพริ้งเสนาะหูยิ่งนัก เสียงของระฆังดังเป็นจังหวะจนทำเอาคลื่นเสียงสั่นไหวสะท้อนกันไปมาทั่วทั้งท้องฟ้านั้น “ออกมาแล้วสินะ บทเพลงอันยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเล…” คิด พูด เสียงนั้น ทำเอาคนที่ไร้สติทุกคนต่างลุกขึ้นมายืน พวกเขาทุกคนไร้ความหวาดกลัวต่อไซโคลนที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาถูกเสียงระฆังที่ยิ่งใหญ่นั้นปลุกให้ตื่น กัปตัน ฟิทช์ ทำสำเร็จ เขาได้สร้างขวัญกำลังใจของลูกเรือทุกคนบนเรือ เรี่ยวแรงของชายฉกรรจ์ที่หายไปนั้นได้กลับคืนมาแล้ว “ทำงานได้แล้ว” เสียงของ กัปตัน ฟิทช์ ตะโกนออกมาจากบนยอดเสากระโดงเรือ “โอ้ววววววววว!!!” เสียงขานรับของลูกเรือโจรสลัดที่ให้ต่อกัปตันนั้น ดังสนั่นไปไกลจนแทบจะทำให้พายุไซโคลนลูกนี้หยุดหมุนกันเลยทีเดียว!!! ทันทีที่เสียงขานรับดังลั่น กลุ่มโจรสลัด ฟิทช์ ทุกคนออกวิ่งไปประจำตำแหน่งทันที ลูกเรือทั้ง 31 คนรวมถึงกัปตันกลับมามีเรี่ยวแรงกันอีกครั้ง กัปตันที่ยืนอยู่บนยอดของเรือ เมื่อเห็นลูกเรือกลับมาเป็นปกติแล้ว เขาจึงยิ้มออกมาอย่างกว้างพรางมองไปที่ลูกเรือทั้งหมดของเขา “นี่ล่ะ…กัปตันของพวกเรา” คิดเอ่ยพรางยิ้มออกมาให้ อาเช่อร์ “ก็เพราะว่ามีไอ้เจ้าบ้านั่นไงละ เรือของเราจึงครึกครื้นแบบนี้น่ะ” อาเช่อร์ พูดตอบกลับไป พร้อมทั้งเริ่มหมุนพวงมาลัยไปทางซ้าย “จะไปละนะ” เมื่อเขาพูดจบก็เริ่มออกแรงหมุนทันที เรือเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ใบเรือไม่ได้ถูกเก็บ เรือโจรสลัดแล่นเปลี่ยนทิศทางไปทางขวาอย่างรวดเร็ว ตัวเรือเอนเอียงไปทางขวาอย่างน่าหวาดเสียว ลูกเรือโจรสลัดทุกคนต่างรู้หน้าที่กันดีอยู่แล้วพากันไปประจำตัวเองอยู่ทางกราบขวากันหมด เรือเริ่มโน้มตัวเอียงมากขึ้นจนทำให้ขอบเรือของกราบขวาแทบจะติดกับพื้นมหาสมุทร เรือเอียงไปเต็มที่ แม้ว่าจะน่าหวาดหวั่นแค่ไหนก็ตาม เพราะลูกเรือทุกคนก็ได้เตรียมใจไว้แล้ว พวกเขาไม่กลัวและยังทำมันต่อไป เรือเคลื่อนที่เข้าใกล้กับพายุที่แสนยิ่งใหญ่นั้นเข้าไปทุกที ทุกเสี้ยววินาทีมีค่ายิ่งนัก พวกเขาทุกคนต่างลุ้นระทึกไปกับความอันตรายที่ใกล้เข้ามานี้... เรือเคลื่อนที่เข้าไปใกล้กับไซโคลนมากขึ้นแล้วในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า แต่พื้นที่ที่จะเดินเรือหนีนั้นยังคงมีไม่พอ ยังคงขาดยู่อีกหลายสิบเมตร เรือโจรสลัดลำนี้กำลังพุ่งเข้าหาพายุที่หมุนวนอยู่กลางมหาสมุทร และแล้ว เรือที่เอนเอียงไปทางด้านขวานั้นต่างก็พลิกกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทุกคนในเรือกลับมาอยู่ประจำที่ของตนเอง อาเช่อร์ หักพวงมาลัยเรือไปทางขวาเหมือนเก่า ทำให้เรือที่กำลังเคลื่อนที่ไปทางด้านขวานั้น กลับมาเคลื่อนที่เป็นแนวตรงเหมือนเดิม ‘ทุกคนทำได้ดีที่สุดแล้วสินะ…ถึงยังไง ก็ต้องเชื่อใจ อาเช่อร์’ ฟิทช์ ที่อยู่บนยอดเสากระโดงเรือนั้นยิ้มให้กับไซโคลนที่กำลังพัดเข้ามาอย่างบ้าคลั่งตรงหน้า ‘ฝากด้วยนะ’ อาเช่อร์ กวาดสายตาไปรอบๆ พื้นที่มหาสมุทรที่อยู่ตรงหน้า เขากำลังมองหาคลื่นน้ำที่กำลังก่อตัว และในแค่เสี้ยววินาทีที่มองเห็นนั้น เขาจึงบังคับเรือเข้าหาเกลียวคลื่นยักษ์ที่กำลังซัดมาที่เรืออย่างพอดิบพอดี เรือแล่นเข้าไปปะทะกับคลื่นยักษ์นั้นเข้า จังหวะนั้น อาเช่อร์ จึงหักพวงมาลัยไปทางซ้ายนิดหน่อยทำให้คลื่นไหลชนกับขอบซ้ายของเรือ ใต้ท้องเรือทางด้านซ้ายนั้นแตกเป็นแนวยาวไป เรือที่พุ่งเข้าหาคลื่นกลับถูกคลื่นยักษ์นั้นซัดลอยไปทางขวาอย่างรวดเร็ว เรือพัดกระเดนไปทางขวา ช่างเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงมาก แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากของ อาเช่อร์ ช่างเรือที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่รักเรือของตนยิ่งชีวิตก็ตาม แต่ว่า ชีวิตของพวกพ้อง และกัปตันนั้น ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ช่างเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากเสียเหลือเกิน เรือโจรสลัดลำนั้นกระเดนไปทางขวา และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ไซโคลนลูกนั้นก็ได้โหมพัดเข้ามาหาลำเรือเข้า เรือที่ถูกกระแทกอย่างแรงจากคลื่นน้ำนั้นทำให้เรือเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นหนีไซโคลนออกไปได้ แต่ทว่าพลังของคลื่นไซโคลนนั้นยังคงพัดเข้ามาดูดเรืออยู่ ทางกราบซ้ายของเรือยังคงถูกคลื่นของไซโคลนดูดอย่างแรง “อ่ะ ...ดาบของฉัน” คลาวด์ ที่ใช้มือทั้งสองข้างยึดอยู่กับขอบเรือทางกราบซ้าย เขามองไปยังข้างตัวของเขาแล้วพบว่าไม่มีดาบสนิมนั้นอยู่ข้างกายแล้ว คลาวด์ ปล่อยมือข้างขวาจากขอบเรือ แล้วควานหาดาบของเขาที่หายไปท่ามกลางความมืดมิดนั้น เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าร้องลั่นสั่นสะท้านไปทั่วท้องมหาสมุทร ทำเอาใจของลูกเรือบางคนสั่นคลอนไปด้วย สายฟ้าแลบขึ้นทั่วท้องฟ้านั้นทำให้เกิดแสงชั่วเสี้ยววินาที ทันทีที่เกิดแสงแค่ชั่วครู่ สายตาทั้งคู่ของ คลาวด์ ก็ได้กวาดสายตาไปรอบตัวอย่างรวดเร็ว “อ่ะ...นั่นไง” ดาบของ คลาวด์ หล่นไปอยู่ที่ข้างขอบระเบียงของเรือห่างจากตัวของเขาได้สามก้าว ที่ปลายของดาบนั้นหลุดออกไปนอกตัวเรือได้หนึ่งในสามส่วนแล้ว “ขอร้องละ อย่าเพิ่งหลุดออกไปจากเรือเลยนะ” ตัวเรือโอนเอนเอียงไปทางซ้ายที ไปทางขวาทีอย่างน่าหวาดเสียว คลาวด์ ค่อยๆ ก้มตัวลงอย่างช้าๆ มือทั้งสองข้างนั้นจับที่ระเบียงเรืออย่างสุดแรงมือ เขาใช้มือทั้งสองค่อยๆ ขยับตะเกียกตะกายตัวเองเข้าไปหาดาบของเขา แต่ทว่า เรือที่อยู่ท่ามกลางคลื่นน้ำนั้นไม่สามารถทรงตัวได้อย่างแน่นอน ดาบของ คลาวด์ เริ่มขยับหลุดออกไปจากขอบเรือได้ครึ่งหนึ่งแล้ว “รอก่อนนะ ดาบของข้า กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” คลาวด์ พึมพำกับตัวเองไปพร้อมกับใช้แรงที่มี พยุงตัวเองให้ไปถึงดาบเล่มนั้นให้ได้ แม้ว่าเรือของพวกเขาจะหลุดออกจากวงโคจรของไซโคลนนั้นได้แล้ว แต่ว่าคลื่นน้ำที่ซัดอย่างรุนแรงบวกกับคลื่นลมของไซโคลนที่ยังคงพัดหลงเหลืออยู่ และเรือที่แตกเกือบทั้งลำนั้นไม่สามารถทรงตัวให้อยู่อย่างสงบได้ ทำให้ คลาวด์ เคลื่อนที่อย่างยากลำบากมาก ในที่สุด คลาวด์ ก็พยุงร่างที่อ่อนล้าของตัวเองเข้าไปใกล้ดาบเล่มนั้นจนได้ ระยะห่างของเขานั้นอยู่แค่เพียงเอื้อมมือเดียวเท่านั้น คลาวด์ ยื่นแขนขวาออกไปจนสุดเอื้อมได้แล้ว เมื่อนิ้วชี้ของเขาได้แตะแค่เพียงปลายดาบเล่มนั้นเท่านั้น เสี้ยววินาทีต่อมาดาบก็ค่อยๆ หนีมือห่างออกไป ปลายดาบเริ่มออกแรงทิ้งตัวลงทำให้ส่วนของสันดาบลอยขึ้นไปอย่างช้าๆ “ไม่...” คลาวด์ ร้องตะโกนออกมาพร้อมทั้งยื่นแขนทั้งสองของเขาเอื้อมไปอย่างสุดกำลัง แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อดาบเล่มนั้นกำลังทิ้งปลายดาบดิ่งลง ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นเอง คลาวด์ จึงพุ่งตัวกระโดดออกไปจากระเบียงนั้นทันที และในที่สุด มือของเขาก็สามารถคว้าดาบเล่มนั้นไว้ได้อย่างฉิวเฉียด ร่างของเขาที่ส่วนข้อเท้านั้นเกาะระเบียงของเรือเอาไว้ได้พอดี แต่ทว่าก็เกิดมีลมพายุพัดเข้ามาหาเขาอย่างรุนแรง ในช่วงที่ลมได้พัดเข้ามาในช่วงเสี้ยววินาทีชีวิตนั้น คลาวด์ ที่เหนื่อยล้าจากการใช้พลังงานไปทั้งหมด ทำให้เขาไม่สามารถเกาะระเบียงนั้นเอาไว้ได้ ร่างของเด็กหนุ่มอายุ 15 ที่ลอยลงไปสู่ห้วงมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยเกลียวคลื่นขนาดมหึมารอบด้าน “ไอ้เจ้าเด็กบ้าาาาาาา!!!...” เสียงตะโกนของกัปตัน ฟิทช์ ดังมาจากด้านบนของเสากระโดงเรือ “คิดรับนี่ไว้” เขาขว้างระฆังทองจากมือของตัวเองไปให้ชายร่างใหญ่ที่ชื่อ คิด ที่อยู่ห่างกันถึง 30 เมตร เหมือนกับขว้างลูกบอลธรรมดา “อัก!...” คิด ถึงกับออกแรงรับด้วยกำลังทั้งหมด เพราะน้ำหนักของระฆังทองที่บวกกับแรงเหวี่ยงของกัปตันนั้นไม่ใช่เล่นๆ เลย ทันทีที่กัปตัน ฟิทช์ ขว้างระฆังทองไปให้ คิด ได้เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เขาก็กระโจนพุ่งตัวอย่างแรงออกมาจากเสากระโดงเรือทันที แรงถีบของเขาที่พุ่งมานั้นทำเอาไม้ที่พาดกับตัวเสาหักร่วงลงมากันเป็นแถบๆ ใบเรือแห่งความภาคภูมิใจของโจรสลัด ฟิทช์ ร่วงหล่นสู่ตัวพื้นอย่างช้าๆ ร่างของกัปตัน ฟิทช์ ยังคงลอยอยู่เหนือพื้นลำเรือ และกำลังร่วงลงมาสู่พื้นเรืออย่างรวดเร็ว เขาใช้พลังทั้งหมดอัดไปที่แรงขาของเขาทั้งสอง และเริ่มออกวิ่ง ร่างของเขารวดเร็วราวกับพายุที่กำลังพัดอยู่ในเรือลำนี้ เมื่อเขาวิ่งจนไปถึงระเบียงเรือได้แล้วเขาจึงกระโดดออกจากเรือทันที ร่างของเขาที่กำลังจะพุ่งลงสู่ห้วงมหาสมุทรตามเด็กหนุ่มคนนั้นไป แต่ทว่า “หนอยทำตามใจตัวเองอีกแล้วนะ กัปตัน!” อาเช่อร์ กระโดดออกจากที่บังคับพวงมาลัยเรือ แล้ววิ่งตรงไปที่ระเบียงนั้น เขาควักดาบคู่กายของเขาออกมาอย่างรวดเร็วด้วยแขนข้างซ้าย แล้วหยุดอยู่ที่ขอบระเบียงนั้นสักครู่จึงปรากฏแสงออร่าสีฟ้ารอบมือคลุมไปจนถึงดาบของเขา และแค่เพียงอึดใจเดียวเขาตวัดดาบออกไปสุดแรงพร้อมทั้งร้องตะโกนว่า “ไลท์ วิป” (Light Whip แส้แสง) ทันใดนั้นก็มีแสงออกมาจากคลื่นที่ฟาดด้วยดาบ ออร่าพุ่งยื่นออกมาจากปลายดาบเล่มนั้นอย่างรวดเร็วเรียวยาวออกไปในทิศทางข้างหน้า แสงของออร่ายาวมาก ปลายสุดของออร่านั้นเดินทางอย่างรวดเร็วจนไปถึงร่างของกัปตัน ฟิทช์ แสงออร่าพันไปที่ข้อเท้าข้างขวาของกัปตัน ฟิทช์ อย่างแน่น มันแน่นจนทำให้กัปตัน ฟิทช์ ต้องถอยออกมาจากกลางเกลียวคลื่นยักษ์นั่น ทันทีที่ อาเช่อร์ รู้ว่าสามารถจับร่างของกัปตันได้แล้วเขาจึงเร่งออร่าออกแรงที่มีทั้งหมดเหวี่ยงดาบขึ้นไปเหนือศีรษะ จากนั้นเขาจึงกระโดดถอยออกจากระเบียงนั้นแล้วใช้แรงทั้งหมดเหวี่ยงดาบถอยกลับมา ด้วยแรงเหวี่ยงมหาศาลของ อาเช่อร์ ทำให้ร่างของกัปตันนั้นลอยกลับมาที่เรือของตนเองอย่างรวดเร็ว ร่างของกัปตันลอยตกลงมาดั่งอุกาบาตรพุ่งลง เขาตกลงสู่พื้นเรือทะลุลงไปยังห้องเก็บอาหาร ทำเอาลังไม้ที่บรรจุเหล้าอยู่มากมายนั้นแตกระเนระนาด ศีรษะของเขานั้นพุ่งตกลงไปชนกับถังเหล้าใบใหญ่เข้าอย่างจัง ศีรษะของกัปตันยังคงติดอยู่ในถังใบนั้น ลูกเรือทุกคนวิ่งมาดูกัปตันที่ยังคงนอนกองอยู่กับพื้น ทุกคนบนเรือได้มารวมกันอยู่บนพื้นเรือนั้น มองดูร่างของกัปตันที่ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ จากด้านล่าง น้ำค่อยๆ ทะลักไหลเข้ามาภายในตัวเรือเรื่อยๆ ร่างของกัปตันยังคงนั่งคุกเข่านิ่งเงียบอยู่ ท่ามกลางเกลียวคลื่นที่เริ่มสงบลง ท่ามกลางสายลม ความวุ่นวาย ที่ผ่านพ้นไป... ไร้เสียงวี่แววของผู้คน บนเรือลำนั้นเงียบสงบดั่งไร้ผู้อาศัย เสียงของสายลมอ่อนๆ ค่อยๆ พัดไปมาอย่างเบาบาง เสียงนกร้องโบยบินอยู่ท้องนภาเป็นกลุ่มเป็นก้อนบินไปมาดูมีความสุข ธงโจรสลัดโบกสะบัดท่ามกลางคลื่นและสายลมอ่อนนั้น แสงจากเส้นขอบทะเลค่อยๆ เจิดจรัสเปล่งสีเหลืองส้มออกมาพร้อมทั้งให้ไออุ่น ลูกเรือบางคนต่างก็ค่อยๆ ก้มตัวนั่งลงอย่างช้าๆ ไปทีละคน อาเช่อร์ และ คิด ยังคงยืนมองดูกัปตันของตนเองอยู่จากด้านบนนั้น ทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง มีคนหายไปจากเรือหนึ่งคน กัปตันยังคงคุกเข่านิ่งอยู่กับพื้นทั้งที่มีถังเหล้าใบใหญ่คลุมศีรษะอยู่ ร่างกายโชกชุ่มไปด้วยเหล้ากับเหงื่อที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน เขาค่อยๆ โน้มตัวลงไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เอามือทั้งสองข้างยันตัวเองไว้ แขนข้างขวาขยับอย่างช้าๆ แล้วเริ่มทุบลงไปที่พื้นเรือนั้นเบาๆ เบาๆ และเริ่มออกแรงเร็วขึ้น เร็วขึ้น... “ฮึก ...ฮึก...!!!” เสียงสะอื้นของกัปตันนั้นดังไปเข้าหูของลูกเรือทุกคน ทำเอาพวกเขาถึงกับน้ำตาซึมออกมา ไม่เว้นแม้แต่ อาเช่อร์และคิด แม้จะไม่เห็นใบหน้าอันโศกเศร้าของกัปตันก็ตาม แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า น้ำที่ไหลออกมาจากถังใบใหญ่ที่คลุมศีรษะอย่างไม่หยุดหย่อนนั้น ก็คือน้ำตาของลูกผู้ชายที่มีชื่อว่ากัปตัน จอห์น ฟิทช์ PlaydAy
  3. สนุกอย่าลืมบอกต่อ ติชมได้ตามมารยาทครับ พลาดไม่เข้าใจตรงไหน คอมเม้นติได้เลยครับไม่ต้องเกรงใจ เพื่อความก้าวหน้าของผู้เขียนเอง อ่านแล้วอยากให้คอมเม้นกันเยอะๆ ครับ เพื่อความสนุกขึ้นไปอีกในตอนต่อๆ ไป ...
  4. Fanista เกาะลอยฟ้ามหัศจรรย์ ตอนที่ 1 จอห์น ฟิทช์ (jonh fitch) โจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเล ในเรือขนส่งสินค้า ทางทวีปตะวันออกกลางทะเลแห่งหนึ่ง “ท้องฟ้าช่างเงียบสงบดีเหลือเกินนะ เห้อ~~…บรรยากาศแบบนี้แหละที่จะเหมาะแก่การตกปลาเป็นที่สุด” เสียงนี้เป็นเสียงพึมพำของชายร่างใหญ่คนหนึ่งในเรือสำเภาขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ เขากำลังเอื้อมมือไปหยิบเบ็ดตกปลาอันโปรดของเขาแล้วเดินออกไปจากห้อง เขาเดินไปทางด้านท้ายของเรือ เมื่อเขาเดินไปชิดกับขอบเรือได้จึงเลือกเหยื่อออกมาติดกับตะขอเบ็ด แล้วเหวี่ยงมันออกไป “โอ้ว ...เพื่อนตกปลาอีกแล้วเหรอ วันนี้จะได้ปลาแบบไหนกันนะ อากาศดีแบบนี้ ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเลยเนอะว่าไหม” เสียงของชายร่างผอมคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของชายร่างใหญ่ที่กำลังตกปลาอยู่ เขาเดินเข้ามาใกล้ชายร่างใหญ่แล้วจึงพูดต่อว่า “ถ้าท้องฟ้าแจ่มใสทั้งวันก็คงจะดีสินะ ว่าไหมเพื่อน” ชายร่างใหญ่ยิ้มแล้วตอบกลับ “สงบสุขก็ดีอยู่แล้วละ จะได้ส่งของเสร็จแล้วก็กลับบ้านกันสักที” “...อืม ...เอ๊ะ!” ชายร่างผอมที่กำลังยืนมองเส้นขอบทะเลอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า “เฮ้เพื่อน เมื่อกี้ฉันรู้สึกเห็นอะไรแว๊บ ๆ นะ” ชายร่างผอมชี้มือไปที่สุดขอบทะเลแล้วถามอีกว่า “นั่น แกเห็นหรือเปล่า” ชายร่างใหญ่มองไปในทิศที่เพื่อนเขาชี้แต่ก็ไม่เห็นอะไร แล้วจึงตอบกลับไปว่า “นี่แกคงตาฝาดแล้วละนะ อากาศดีๆ แบบนี้อย่ามาทำเสียบรรยากาศเลยน่า ไปทำงานได้แล้ว” “เฮ้ย! ...แต่ว่าฉันเห็นจริงๆ นะ” ชายร่างผอมตอกกลับ “เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลยนี่นา” “แกบ้าไปแล้วรึไง” “หนอย!!!...ก็ยังเห็นอยู่เลย” ในขณะที่ชายทั้งสองกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น ก็ได้มีเรือลำใหญ่แล่นมาด้วยความรวดเร็วราวพายุพัดเข้าใส่ “นั่นๆ แกดูสิ นั่นไงเห็นไหม” ชายร่างผอมชี้ไปยังเรือที่กำลังแล่นเข้าหามาด้วยความรวดเร็ว ชายร่างใหญ่เมื่อได้เห็นเรือลำนั้นก็ถึงอึ้งตะลึง!! อ้าปากค้าง เพราะเรือที่กำลังพุ่งเข้ามาหานั้น คือเรือโจรสลัด ทันใดนั้นชายทั้งสองจึงออกวิ่งพร้อมทั้งร้องตะโกนไปทั่วทั้งเรือว่า “เรือโจรสลัดบุก เรือโจรสลัดบุกแล้วพวกเรา!!!” ทันทีที่กัปตันของเรือสินค้าได้ยินเสียงของชายสองคนนั้นร้องตะโกน เขาจึงมองออกไปที่นอกหน้าต่างของห้องกัปตันเรือ เขาเห็นเรือโจรสลัดแล่นมาด้วยความเร็วสูงจริงๆ เขาจึงสั่งการณ์ออกไปให้ลูกเรือทุกคนเตรียมปืนใหญ่ที่ข้างลำเรือ หวืออออ!!! เสียงของวัตถุแปลกประหลาดชนิดหนึ่งบ่งชี้ให้รู้ถึงภัยอันตรายดังสนั่นไปทั่วลำเรือ ลูกเรือที่อยู่ในเรือสินค้าต่างวิ่งกันไปประจำตำแหน่งของตนที่กระบอกปืนใหญ่กระบอกละสองคน “บรรจุกระสุน” เสียงของนายทหารคนหนึ่งร้องตะโกนให้ลูกเรือที่ประจำปืนใหญ่ทราบ และทันทีที่ลูกเรือได้บรรจุกระสุนเสร็จก็ได้ตะโกนออกไปอีกว่า “เตรียมยิง” เรือโจรสลัดลำนั้นได้แล่นเข้ามาขนานกับเรือสินค้าอย่างรวดเร็วทางกราบขวา เรือทั้งสองลำแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วเท่ากัน ขนาดของเรือทั้งสองนั้นเทียบเคียงกันได้เลย “สัญลักษณ์นั่น ม...ไม่จริง กลุ่มโจรสลัด ฟิทช์ !!! ย...แย่แล้ว” ชายคนหนึ่งในเรือสินค้าเมื่อได้เห็นสัญลักษณ์ของกลุ่มโจรสลัดกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นรูปหัวกะโหลกไขว้ด้วยแขนกระดูกสองข้าง ก็ถึงกับตกตะลึง จนร้องตะโกนออกไปให้เพื่อนคนอื่นๆ รู้ “กลุ่มโจรสลัด ฟิทช์ กลุ่มโจรสลัด ฟิทช์” “โจรสลัดมีชื่อคนนั้น มาทำอะไรที่น่านน้ำแห่งนี้กันนะ” กัปตันเรือขนส่งสินค้าพึมพำกับตัวเอง บึ้ม!! บึ้ม!! บึ้ม!! ...เสียงปืนใหญ่เริ่มดังขึ้น เรือทั้งสองลำผลัดกันโต้ตอบกันเป็นจังหวะไปมา เสียงปืนนั้นดังสนั่นไปทั่วท้องทะเล เรือโจรสลัดระดมยิงปืนใหญ่ไปถูกกราบขวาของเรือสินค้า จนทำให้เรือสินค้าเสียการทรงตัว ตัวเรือสินค้าเอียงไปทางด้านขวา ลูกเรือทั้งหมดต่างเสียการทรงตัว บางคนล้มลงไปนอนกองกับพื้น ในชั่วจังหวะนั้นเอง กลุ่มโจรสลัดที่ยืนอยู่บนเสากระโดงเรือก็ได้ใช้เชือกติดตะขอโยนไปที่เสากระโดงเรือของเรือสินค้านั้น เมื่อตะขอลอยไปเกี่ยวกับไม้ที่พาดบนเสากระโดงเรือสำเร็จ กลุ่มโจรสลัดจึงกำเชือกที่ถืออยู่อย่างแน่น แล้วกระโดดโหนลอยมาจากเรือโจรสลัดไปยังเรือสินค้า ในทันทีที่เท้าแตะกับพื้นเรือเท่านั้นก็ชักดาบของตนออกมา โจรสลัดบางคนลอยเข้ามาใช้เท้าของตนถีบไปที่ลูกเรือของเรือสินค้านั้น พร้อมทั้งตะโกนว่า “เฮ้!!! เจ้าหน้าโง่ ฮ่าฮ่าฮ่า…” กลุ่มโจรสลัดที่อยู่บนเรือสินค้าวิ่งเข้าไปโจมตีลูกเรือของเรือสินค้าอย่างรวดเร็ว ทุกคนบุกเข้าไปตั้งแต่กราบเรือทางด้านขวา วิ่งไปตีเรือรอบด้าน บุกตะลุยยึด จนเรือสินค้าที่ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของกลุ่มโจรสลัด ฟิทช์ ได้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าลูกเรือของเรือสินค้าเป็นแค่เด็กอมมือไปเลย จนในที่สุดกัปตันเรือสำเภาขนส่งก็ถึงกับยอมจำนนต่อกลุ่มโจรสลัด ฟิทช์ ในเวลาต่อมา “ฮ่าฮ่าฮ่า!!! ฮ่าฮ่าฮ่า...” เสียงหัวเราะของชายร่างกำยำคนหนึ่ง มีลักษณะหน้าตาดีจมูกโด่งผิวขาว ทรงผมสีแดงไม่ยาวมาก ใส่เสื้อยืดสีแดงเก่าๆ กางเกงขายาวสีดำ มีรอยขาดที่หัวเข่าทั้งสองข้าง รองเท้าแตะธรรมดา ใช้ดาบเป็นอาวุธ ชื่อของเขาคือ โพเดสต้า อาเช่อร์ (Podesta Archer ) เขากำลังเหยียบสมบัติที่ตนเองได้ปล้นมา อีกทั้งยังพูดจาดูถูกลูกเรือสำเภาขนส่งที่เพิ่งถูกปล้นว่า “เรือสินค้าของ เบรอน มีแต่ลูกเรือสวะทั้งนั้นเลยวะ ฮ่าฮ่าฮ่า...” “แกน่ะไม่ได้ช่วยอะไรสักหน่อยทำเป็นพูดดีไปเจ้า... อาเช่อร์” เสียงทุ้มของชายอีกคนที่กำลังขนของอยู่ มีลักษณะอ้วนล่ำผิวคล้ำ ผมสีดำสั้นมีรอยแผลเป็นที่ใต้คางด้านขวา ใส่เสื้อสีน้ำเงินที่ปักสัญลักษณ์กลุ่มโจรสลัด ฟิทช์ อยู่ตรงหน้าอกข้างซ้าย ใส่กางเกงขาสั้นที่ยาวมาถึงแค่หัวเข่าสีดำ ใส่รองเท้าแตะธรรมดา ชื่อของเขาคือ บลูจิ คิด (Blueji Kid) “เฮ้ย เฮ้ย! …พูดงี้ได้ไง เดี๋ยวเถอะ” อาเช่อร์ ตอกกลับอย่างไม่พอใจ “งั้นแกก็มาช่วยฉันขนของสิฟระ” “ฮ่าฮ่าฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฟิทช์...จั้มเปอร์...บอลลิ่ง!!!” เสียงหัวเราะดังออกมาจากทางด้านบนศีรษะของ อาเช่อร์ พร้อมทั้งปรากฏเงาของชายคนหนึ่ง เขากระโดดตีลังกาหลายตลบลงมาจากด้านบนของเสากระโดงเรือ ลงมาสู่พื้นใกล้กับจุดที่ อาเช่อร์ ยืนอยู่ซึ่งทำเอา อาเช่อร์ ตกใจจนล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น แต่พื้นที่ชายคนนั้นกระโดดลงมานั้นกลับเป็นรูโหว่ขนาดคนเข้าได้ทีละหนึ่งคน(จะกระโดดมาทำไมเนี่ย= =*) ไม่นานเขาก็กระโดดขึ้นมาจากรูนั้นอย่างรวดเร็ว ในสภาพที่มีเศษไม้บางๆ และฝุ่น ตลบ อบอวล ไปทั่ว เขายกแขนข้างขวาชี้ขึ้นไปบนฟ้าทางด้านขวาเหนือศีรษะ ส่วนข้างซ้ายย่อมือลงต่ำเท่าหน้าอกชี้ไปบนฟ้าด้านขวาเช่นกัน ขาทั้งสองข้างย่อเข่านิดหน่อย ใบหน้ายิ้มร่าแล้วร้องตะโกนอย่างดังว่า “นี่ไงท่าใหม่ของฉัน เท่ไหมละ ฮ่าฮ่าฮ่า” “..........................”(ปิ๊ง ปิ๊ง) ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก(สายลมกับใบไม้พัดผ่าน) ทั้งสองมองชายคนนั้นอย่างงงแบบสุด ๆ ชายผู้นั้นมีลักษณะรูปร่างสูงล่ำผิวสีแทน หน้าตาดี มีรอยแผลเป็นที่แก้มข้างขวาเป็นรูปกากบาท ผมสั้นสีน้ำเงิน อายุราว 30 ต้นๆ เขามักจะสวมเสื้อโค้ทสีน้ำเงินแบบไม่ติดกระดุมที่ด้านหน้า และมันมักจะติดตัวอยู่ที่หลังของเขาเป็นประจำ เขาสวมเสื้อยืดสีขาวจากข้างใน กางเกงสามส่วนสีดำ ใช้หมัดเป็นอาวุธ ชายคนนั้นก็คือกัปตันเรือโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเลตะวันออก กัปตัน จอห์น ฟิทช์ (Jonh Fitch) “เฮ้ยๆ เอาอีกแล้วนะกัปตัน รู้หรือเปล่าว่าพื้นเรือมันแตกไปกี่รูแล้วเนี่ย” อาเช่อร์ ตะคอกเสียงดัง “แหมๆ โทษทีนะ ก็มันไม่เท่นี่นาลองคิดดูสิ ความเท่ของฉันน่ะ กินขาดใช่ไหมละ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” “กัปตันบ้า ไม่เท่สักนิด” อาเช่อร์ขึ้นเสียง “ใช่ ไม่เท่สักนิด” คิด เสริม “เอาน่า ยังไงก็ค่อยให้ช่างซ่อมเอาก็แล้วกันนะ ว่าแต่ของทั้งหมดน่ะเป็นอาวุธปืนหมดเลยใช่ไหม” “อืม ใช่ มันจะส่งไปยังทวีปตะวันตกน่ะ เราปล้นมาหนึ่งลำ แต่เดี๋ยวมันก็ส่งมาอีก” อาเช่อร์ พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “หากแต่เราจะตามดูลาดราวมันไปเรื่อยๆ หรือเราควรจะไปหยุดพวกมันไว้ แต่ว่าพวกมันคงไม่ยอมแน่ ยังไงก็ต้องระวังเรื่องของ ฟอกซ์(FOX) ไว้จะดีที่สุด” คิดออกความคิดเห็น “เรื่องนี้น่ะเป็นเรื่องใหญ่มาก เจ้าพวกหน่วยงานลับคงจะไม่ปล่อยไว้แน่ ฉันจะไม่ยอมให้มันได้ทำตามแผนแน่นอน พวกมันแค่ใช้กฎหมายบังหน้าเท่านั้นแหละ” ฟิทช์ เอ่ยพรางยิ้มให้กับทั้งสองคน “ไอ้เจ้าบ้ากัปตัน!!! (เสียงเอ็คโค่)…กัปตัน!! ...กัปตัน!” เสียงของชายหนุ่มดังสนั่นไปทั่วทั้งเรือ ไม่สิ ทั่วท้องทะเลเลย เสียงของเขานั้นทำเอาลูกเรือบางคนตกใจจนต้องหันมามอง เขาวิ่งตะโกนมาจากด้านท้ายของเรือ และวิ่งมาหยุดอยู่ที่จุดเกิดเหตุ ลักษณะรูปร่างผอมไม่สูงมากผิวขาวหน้าตาดี ผมยาวชี้ตรงขึ้นฟ้าสีน้ำเงิน ใส่เสื้อยืดธรรมดาสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าแตะธรรมดา ข้างเอวมีดาบเก่าๆ ติดสนิมแนบกายอยู่หนึ่งเล่ม ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่เขารักที่สุด เขาเป็นเด็กฝึกหัดประจำเรือที่ติดตาม ฟิทช์ มาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ชื่อของเขาคือ ไลอ้อน คลาวด์ (Lion Cloud) เขาอายุน้อยที่สุดในกลุ่มโจรสลัดฟิทช์ อายุของเขาแค่เพียง 15 ปีเท่านั้น เมื่อมาอยู่ต่อหน้าของกัปตันแล้วเขาจึงตะคอกเข้าไปที่หน้าของ ฟิทช์ อีกว่า “รู้หรือเปล่าว่ามันซ่อมยากขนาดไหนเนี่ย เรือเป็นรูอีกแล้ว ไอ้กัปตันบ้าาาาาา...!!”(หูจะแตกเอาให้ได้) “เอ่อ...ฮ่าฮ่าฮ่า เอาน่า เอาน่า ก็ถ้าลงมาแบบปกติมันไม่เท่นี่นา จริงไหม คิด อาเช่อ” ฟิทช์ พูดแล้วหันไปมองลูกเรือทั้งสองคนด้วยสายตาวิงวอน แต่ทว่า พวกเขาส่ายหน้า...= =* “เอ่อ... งั้นก็ขอโทษด้วยนะ คลาวด์ จัง” -.-: “ไม่ให้อภัย ยังไงนายก็ต้องมาช่วยฉันซ่อมเรือนี้ด้วย เข้าใจไหม” “เอ๋!...นี่ฉันเป็นกัปตันนะ” “งั้นก็ไม่ยกโทษให้” คลาวด์ พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เอาน่า เดี๋ยวฉันให้น้ำส้ม เอาไหม เอาไหม เอาไหม” คลาวด์หน้าบึ้งเงียบไปชั่วครู่ …และไม่นานนักเขาจึงกัดฟันพูด “...เอา!” “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เด็กน้อยดื่มน้ำส้มด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า” ทั้งสามคนหัวเราะเสียงดัง “หนอย...งั้นไม่เอา!!!...” :C “ยังไงนายก็ต้องช่วยฉันซ่อมเรือ เพราะว่านายเป็นคนทำมันพัง” เมื่อคลาวด์พูดจบ เขาจึงหันหลังใส่ ฟิทช์ “เอ่อออออ... อืม...ก็ได้...” ฟิทช์ พูดอย่างไม่เต็มใจ “เห้อไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นกัปตันของพวกเรา…” คิดและอาเช่อร์ พึมพำ พร้อมทั้งยกมือกอดอกและส่ายหน้า ในที่สุด ฟิทช์ ก็ต้องช่วย คลาวด์ ซ่อมเรือ ยามค่ำคืนในเรือโจรสลัด เสียงสายลมรุนแรงพัดผ่าน คลื่นโยกเรือทั้งลำซ้ายขวาโอนเอนเอียงไปมาเป็นจังหวะ ผู้คนในเรือเปิดไฟเต้นรำ ร้องเพลงฉลองกันสนุกสนานทั่วทั้งเรือ งานดูไม่ยิ่งใหญ่มาก อาหารมีแค่เพียงเหล้าและเนื้อที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก “เอ้า...ร้องเพลงเร็วพวกเรา...วันนี้เอาให้เต็มที่” เสียงร้องตะโกนของชายที่กำลังตีกลองอยู่อย่างสนุกสนาน สร้างจังหวะจนทำให้ชายอีกหลายคนต่างก็ลุกขึ้นมาเต้น แต่ก็ยังมีชายอีกคนที่กำลังเขียนบันทึกเดินเรืออยู่ในห้องของกัปตันเรือ นั่นก็คือ จอห์น ฟิทช์ ดูเหมือนว่าสีหน้าของเขานั้นกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่หลายต่อหลายอย่างเลย ฟิทช์ ประวัติของเขานั้นหากมองในมุมของทหารเรือละก็ เขาจะกลายเป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดในแถบทะเลตะวันออก อีกทั้งยังมีประวัติการปล้นเรือสินค้าต่างๆ มากมาย ทว่าเมื่อเขาปล้นได้แล้ว เขาก็จะนำส่วนหนึ่งไปแบ่งให้กับหมู่บ้านที่ขาดแคลนอยู่เสมอ แต่ถ้าหากมองในมุมของลูกเรือเขาก็เป็นเหมือนเพื่อนคนสำคัญคนหนึ่งของลูกเรือทุกๆ คน กัปตัน ฟิทช์ ได้เดินทางไปทั่วทุกสารทิศ ทั่วโลก เขาได้พบกับศัตรูที่เก่งกาจ เพื่อนที่สร้างมิตรภาพ และการต่อสู้ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันมามากมาย แต่สิ่งที่เขาได้จดจำไปตลอดทั้งชีวิตนั่นก็คือ Fanista โลกแห่งท้องฟ้า ในสมัยก่อนเมื่อเขายังหนุ่มอยู่ เขาคือลูกเรือของกลุ่มโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ ได้เดินทางไปยังท้องฟ้าที่กว้างใหญ่นั้น พบเจอกับสัตว์ประหลาดมากมายนับไม่ถ้วน ต่อสู้กับเหล่าโจรสลัดกลุ่มอื่นๆ เดินทางสำรวจทวีปแห่งท้องฟ้ามามากกว่าครึ่งของทวีป ประสบการณ์ที่สั่งสมมานานจากการผจญภัยที่ไม่รู้จบนี้ ทำให้เขาเป็นโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ “เข้าไปหน่อยได้ไหม” เสียงของ อาเช่อร์ ดังมาจากหลังประตู “อืม...เข้ามาสิ” ฟิทช์ ตอบกลับ อาเช่อร์ เปิดประตูเข้ามาแล้วเอ่ยถามกัปตันว่า “นี่...กัปตัน ไม่ไปสนุกด้วยกันเหรอ” “แน่นอนอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันเขียนนี่เสร็จแล้วเดี๋ยวจะไปแจมด้วยก็แล้วกัน” “บันทึกเดินเรือเหรอ อืมเข้าใจแล้วละ...งั้นก็รีบๆ ตามมานะ เดี๋ยวของกินจะถูกไอพวกบ้านั่นกินจนหมดซะก่อน” อาเช่อร์พูดพลางส่งยิ้มอ่อนๆ ไปให้กัปตันที่กำลังหันหลังตั้งใจเขียนบันทึกเดินเรืออยู่ จากนั้น อาเช่อร์ จึงปิดประตูแล้วเดินออกไป เมื่อเขาก้าวเท้าได้เพียงสามก้าวก็เหลือบไปเห็น คลาวด์ เดินมาพอดี คลาวด์ เดินไปเปิดประตูห้องกัปตัน เขาเดินเข้าไปหาแล้วทัก “นี่ ฟิทช์” “บอกแล้วไงก่อนเข้าห้องน่ะต้องเคาะหรือไม่ก็ต้องเรียกฉันก่อนน่ะ” ฟิทช์ เอ่ยปากทั้งที่กำลังหันหลังเขียนบันทึกอยู่ “อ่า งั้นโทษทีนะ อ่า...เดี๋ยวฉันเดินกลับไปเปิดใหม่ก็ได้” “ไม่ทันแล้วไอ้เด็กบ้า” ฟิทช์ พูดไปทั้งที่เขียนไปด้วย ในขณะที่เขาเขียนบันทึกอยู่ เขาก็เอ่ยปากถามอีกพลางมองหน้า คลาวด์ อย่างช้าๆ “มีอะ...ไร...หืม” “คือ ...ฉันน่ะมีเรื่องอยากจะถามนายตั้งหลายเรื่องนะ ฟิทช์…” คลาวด์ พูดด้วยน้ำเสียงเครือๆ ฟิทช์ มองหน้าแล้วส่งยิ้มอ่อนๆ ให้ คลาวด์ “…ว่ามาสิ” “เมื่อไรนายจะสอนพลังนั้นให้ฉันสักทีละ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมานะ ฉันก็ทำงานให้นายมาตลอดเลย ทั้งซ่อมเรือ ทำความสะอาดเรือ งานช่างทุกชนิด ฉันก็ทำคนเดียว ทำไมละ...ทำไมลูกเรือคนอื่นๆ เขาก็ใช้พลังนั้นได้ ยกเว้นแค่ฉันเท่านั้น” คลาวด์ พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ฟิทช์ ยิ้มแล้วถามอย่างใจเย็น “นายจะอยากได้มันไปทำไมล่ะ” “ก็ฉันอยากแข็งแกร่ง ฉันน่ะอยากจะต่อสู้ได้เหมือนนายไงละ รู้ไหมพลังหมัดของนายน่ะแข็งแกร่งยิ่งกว่าปืนใหญ่อีก” คลาวด์ พูดพลางแสดงออกด้วยมือทั้งสองข้าง แล้ว คลาวด์ ก็ถามอีกครั้ง “เมื่อไรละ” “อืม...รู้ไหมว่าพลังนั้นน่ะ ไม่ได้มีไว้โอ้อวด หรือมีไว้เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นหรอกนะ” ฟิทช์ พูดด้วยสีหน้าหม่น แล้วกล่าวต่ออีก “เป็นไปได้ฉันเองก็ไม่อยากใช้นักหรอก” ฟิทช์ มองไปที่ตาทั้งสองข้างของ คลาวด์ แล้วเอ่ย “คลาวด์ ...สักวันนายจะเข้าใจเอง” เขาพูดพลางคิดถึงลูกเรือของเขาทุกคน ภาพในหัวของเขาเต็มไปด้วยเพื่อนพ้องที่ตนเองรัก แต่ก็คงจะเป็นอะไรที่เข้าใจยากสำหรับ คลาวด์ คลาวด์ เงียบไปชั่วครู่แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อืม...เข้าใจแล้วละ” เขาพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “งั้นคำถามสุดท้ายนะ” “เมื่อไร ฉันจะได้ไป Fanista สักทีละ” “…” ฟิทช์ เงียบไปพักหนึ่ง ครู่เดียวเขาจึงพูดอย่างช้าๆ “เมื่อ...วันที่นายเป็นโจรสลัด” คลาวด์ จ้องเขม็งไปที่หน้าของ ฟิทช์ แล้วเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ “อ้าว แล้วตอนนี้ฉันก็เป็นโจรสลัดอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันอยู่กับนายมาตั้งสามปีแล้วนะ นี่ไม่เรียกว่าโจรสลัดเหรอ” “ไม่” “แล้วฉันต้องทำยังไงบ้างละ” “ไม่รู้” “ทำไมถึงไม่บอกฉันละ” “ไม่รู้” “นี่นายกำลังยั่วโมโหฉันเหรอ ไม่มีคำอื่นเลยหรือไง” ฟิทช์ เงียบได้ครู่เดียว แล้วเอ่ยปากอีก “…พิสูจน์สิ …คนอย่าง ไลอ้อน คลาวด์ น่ะ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วใช่ไหมละ” ฟิทช์ ยิ้มหน้าตาย พูดพลางแฝงบอกอะไรบางอย่าง นัยน์ตาของเขาบ่งชี้ถึงความคิดที่อยู่ข้างในลึกๆ บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบวังเวง ทั้งสองคนต่างจ้องเขม็งไปที่หน้าของอีกฝ่าย “ก็ได้...ฉันจะพิสูจน์ให้นายได้เห็นเอง สักวันเถอะ แต่ถ้าฉันทำได้นายต้องสัญญานะว่าจะพาฉันไปน่ะ” ฟิทช์ จิบชาที่วางอยู่ข้างๆ บันทึกเดินเรือของเขาจนหมด แล้วพูดว่า “...ไม่!!!” เขายิ้มพลางเอื้อมมือของตนไปลูบหัวของ คลาวด์ อย่างช้าๆ แล้วกล่าวอีกว่า “เมื่อถึงตอนนั้นนายก็คงไม่ต้องพึ่งฉันแล้วละ เจ้าหนู” คลืนนนน!!! เสียงลังที่ซ้อนกันสามชั้นตกลงมาระเนระนาด เสียงสายลมพัดเรือลำใหญ่อย่างรุนแรง คลื่นน้ำก่อตัวสูงขึ้น ซัดกระเซ็นกราบเรือทั้งซ้าย ทั้งขวา รุนแรงเกินดูชม ลูกเรือในเรือโจรสลัดบางส่วนตั้งสติจากอาการเมาสุรา พยายามเดินโซซัดโซเซไปประจำที่เรือ เป้ง เป้ง เป้ง !!! เสียงระฆังเตือนภัยดังขึ้น... PlaydAy
  5. เกริ่นนำเรื่อง Fanista โลกแห่งท้องฟ้าที่ทุกคนต่างก็ฝันที่จะขึ้นไปผจญภัย ยุคสมัยต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ทรัพย์สมบัติมากมายที่อยู่บนนั้นยังคงรอให้เราได้ค้นหาอยู่ ในทวีปตะวันออกกลางมหาสมุทรที่สุดแสนจะน่ากลัว กลุ่มโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ต้องเสียพวกพ้องคนสำคัญไป ไลอ้อน คลาวด์ (Lion Cloud) หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี โจรสลัดฝึกหัดที่ฝันว่าจะต้องไป Fanista ให้ได้ กลับถูกคลื่นพายุพัดออกจากเรือโจรสลัดลงมหาสมุทรที่แสนกว้างใหญ่นั้น แต่แล้วโชคชะตายังคงไม่ทอดทิ้งเขา เมื่อเรือของชาวประมงที่บังเอิญมาเจอร่างของเขาพัดลอยมากับคลื่นอยู่ลิบๆ และเมื่อเขาหายดี จึงต้องเดินทางออกไปสู่โลกกว้างเพียงลำพัง พร้อมทั้งตามหาพวกพ้องของเขากลุ่มโจรสลัดผู้มีพระคุณ จอห์น ฟิทช์ (Jonh Fitch) แต่ทว่าก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งเพื่อนพ้องที่ได้มารู้จัก กลุ่มโจรสลัดกลุ่มอื่นๆ ที่แข็งแกร่ง รู้จักกับโลกทั้ง 4 ทวีป และรู้จักกับพลังธาตุ เมื่อวันหนึ่งเขาได้รู้ข่าวเรื่อง จอห์น ฟิทช์ (Jonh Fitch) เดินทางไปยัง Fanista เขาจึงตัดสินใจตามไป แต่ทว่าเขาจะขึ้นไปบนท้องฟ้าได้อย่างไรกันละ เรื่องราวการผจญภัยที่แฝงไปด้วยมิตรภาพ ความลับแห่งท้องนภา น้ำตาแห่งท้องทะเล และอีกมากมายใน Fanista เกาะลอยฟ้ามหัศจรรย์
  6. หนายดูสิ -------------------------
  7. - - นั ก โ บ ร า ณ ค ดี . . สำ ร ว จ ล า ย มื อ ข อ งเ พื่ อ น ต อ น ล อ ก ก า ร บ้ า น โครตฮา -------------------------------------- ก๊าก ๆ/ๆๆๆๆๆๆๆ
  8. 55555555 สุโค่ย ๆๆๆๆๆๆ เออได้ยินบ่อยเวลาดู AV แต่ได้ยินบ่อยสุดคือ---- อิขึ จะแตก ๆ
  9. เอ้ากดผิด ไปโพส sorry ไม่ได้ปั้มนะ ---เหมือน ๆ กับพี่โน็ตเดี่ยว เหมือนคนที่เล่นตลก เหมือนงานเขียนนิยายโดยทั่วไปแหละครับ เป็นศาสตร์ที่ผมเองเข้าใจดีครับ
  10. อันนี้เค้าเรียกศิลปะครับ นี่แหละงานที่ดี เหมือน ๆ
  11. 1.ต้องหล่อ ต้องเท่ 2.ต้องมีเสน่ --- 3.ต้องเนียน 4.ต้องไม่จับคนไทย หรือคนเอเชีย 555
  12. อย่าขายเลยเก็บไว้ ดูแลให้เว็ปราคาเหยียบ 10 ล้านอีก haha เป้าหมายมีไว้พุ่งชน
  13. 5555 ฮาดี 555 โฆษณาชีสสสสส กินชีสแล้วจะแข็งแรงเหมือนหนู เออเข้าใจทำนะ 555
  14. เอาดาราดังมาแสดงเลยนะนี่ ชอบอ่ะ miku อิอิ เวลาร้องเพลงก็ไม่ต้องให้คนร้องด้วยมีเครื่องอยู่แล้ว แต่เวลาพากษ์คงต้องหาเสียงที่เหมือน miku หน่อย วงนี้ร้องเพลงได้ทุกคน 555
  15. hahahahaha -- ^^ -- คุ้มดีเหมือนกัน
×
×
  • Create New...