Jump to content

Seraght

Advance Members
  • Content Count

    343
  • Joined

  • Last visited

About Seraght

  • Rank
    Advance Member

Profile Information

  • Gender
    Not Telling
  1. คือผมรู้อยู่แล้วครับว่าตอนนี้มันน้อย ที่ผมอยากรู้คือเหตุผลของมันต่างหากครับว่าทำไมถึงน้อย แบบนี้ผมก็ตอบได้ครับ = =''
  2. ขอถามเองมั่ง เพราะเหตุใดทำไม ISP ต่างๆถึงได้เพิ่มค่า Download ได้สูงและราคาที่ถูกลง แต่พอกรณีที่มีการเพิ่มค่า Upload นั้นกลับเท่าเดิมคือ 512 kbps แต่แค่จะเพิ่มเป็น 1 Mbps กลับราคาสูงมากเลยครับ :emoother_08:
  3. อ้าว เข้าใจมาตลอดว่าเป็นพ่อ ที่แท้คนข้างบ้านสินะ :emoother_08:
  4. เรื่องอะไรของมัน :emoother_08:
  5. ตอบถูกแค่ข้อแรก... :emoother_08:
  6. อยากทราบว่าเป็นเฉพาะ IDM รึเปล่าครับ อยากรบกวนลองใช้การโหลดแบบปกติผ่าน Browser ไม่ก็ Flashget ดูก่อนนะครับ ถ้ายังเป็นอีกนี่ค่อยข้างจะเดาได้กว้างนะครับ แต่คงต้องให้ทาง Stream มาตอบดีกว่า เพราะเป็นปัญหากับการดาวโหลดไฟล์จากเซอเวอร์
  7. เพิ่งมาเห็น ถ้าให้พูดตรงๆล่ะก็ ต้องแก้อีกเยอะ อย่าเพิ่งตัดเส้นลงสีเลย = =''
  8. ตากอฟ ถ้ามันขายได้เงินขนาดนั้นนะ แกขายแล้วมาทำเวปใหม่กันเถอะ
  9. เกี่ยวกับความเร็วเน็ตครับ ซึ่งจะขึ้นอยู๋กับค่าอัพโหลดของบริการอินเตอเนตที่ใช้ครับ โดยปกติที่เราเล่นอินเตอเนตจะมีค่าสปีดอยู่สองค่าครับ คือ Download และ Upload ซึ่ง -Download หมายถึง ความเร็วของข้อมูลที่ส่งจากอินเตอร์เนตมาถึงเครื่องเรา -Upload จึงเป็นความเร็วตรงข้ามกับ Download ซึ่งก็คือความเร็วจากเครื่องเราออกไปสู่อินเตอร์เนต โดยปกติบริการอินเตอร์เนตที่โฆษณาจาก ISP(Internet Service Provider) หรือผู้ให้บริการอินเตอร์เนตเรานั้น จะโฆษณาค่า Download เป็นค่าหลัก จนบางครั้งเราไม่ทันสังเกตว่าค่าอัพโหลดมีไว้ทำไม ดังนั้นกรณีที่เราต้องอัพโหลดหนังหรืออะไรต่างๆนั้น (รวมถึงพวกปล่อยแชร์ไฟล์ในบิท)จะขึ้นกับค่า Upload ครับ โดยปกติพวกค่า Upload นั้นทาง ISP จะให้ค่าบริการตัวนี้ต่ำมากครับ แบบสมมติของผมใช้เนต TOT 3 Mbit แต่มีค่าอัพโหลดแค่ 512Kbit เท่านั้น และเท่าที่เห็นถ้าไม่ใช่บริการอินเตอร์เนตที่ใช้สำหรับทำ co-lo ล่ะก็จะให้ค่าอัพโหลดไม่ค่อยจะเกิน 1Mbit หรอกครับ แต่ถ้าต้องการค่า Upload แรงๆ ต้องลองดู ISP ที่เราใช้บริการอินเตอเนตนั่นแหละครับ ว่าเขามีโปรโมชั่นความเร็วเนตยังไงบ้าง แล้วลองตัดสินใจดูนะครับ
  10. กำลังนั่งอ่านเพลินๆ พอมาถึงอันดับหนึ่ง... WTF!!! /ล้มโต๊ะ
  11. เท่าที่อ่านดู มีหลายบทความที่กล่าวถึงการพยายามให้ Win7 64 bit สามารถรันโปรแกรม 32 bit ให้ได้เยอะเหมือนกันนะครับ ทั้งจากฝั่งวินโดว์และอื่นๆ http://msdn.microsoft.com/en-us/library/aa384249%28VS.85%29.aspx พออ่านแล้วผมเข้าใจว่างี้ครับว่า ในวิน7 64บิทนั้นจะมีตัว emulator ที่จะรันโปรแกรม 32บิทอยู่แล้วครับ แต่คุณภาพในการคำนวณอาจจะไม่เหมมือนกับรันในวินโดที่เป็น 32 บิทเลย เพราะมันต่างทั้งการใช้ความทรงจำแรม และการประมวลผล โดยอีมูตัวนั้นทีชื่อว่า "Windows on Wondows 64" หรือเรียกสั้นๆว่า Wow64 ซึ่งเวลาเราลงโปรแกรมที่เป็น 32 บิท นั้น ไฟล์ปลายทางที่จะเก็บก็จะไปอยู่ใน directory >> C://Program Files(x86)/ ดังนั้นเวลาที่เราจะทำการรันโปรแกรมประเภทนี้ ให้เราคลิกขวาที่โปรแกรม (ใน Shortcut ที่ Desktop) แล้วเลือก Run as Administrator แล้วเลือก OS ให้เป็น Window XP SP3 เอา ถ้าทำดังนี้แล้วยังไม่ได้ยังไงค่อยว่ากันอีกทีนะงิ เพราะทางนี้ก็เคยเอา php ที่เป็น 32 บิทไปเชื่อมกับเซิฟเวอร์ที่เป็น 64 บิทเหมือนกัน มันจะมีขั้นตอนคล้ายๆกันงิ
  12. ไม่มีอันไหนที่กัน ไวรัส ได้ดีที่สุดเท่าเรา ระวังเองหรอกครับ ส่วนใหญ่แล้วจะติดกันนิ มันคงหนีไม่พ้น เพื่อนพาแฟลชไดร์ มาเสียบแจกจ่ายไวรัส หรือ เป็นท่านเองที่นำแฟลชไดร์ไปดึงข้อมูล จากเครื่องคนอื่น ไม่ว่าจะของเพื่อน คอมที่ทำงาน หรือจากร้านคอมบ้างร้าน แล้วมาจบลงที่เครื่องของท่าน แถมพวกไวรัสพวกนี้ แค่ท่านใช้ดับเบิลคลิ๊ก ที่ท่านใช้กันบ่อยๆเพื่อเข้าถึงข้อมูลต่างๆนาๆ มันก็แพร่เข้ามาในเครื่องคุณแล้วละครับ บ้างตัว ขนาดเปิดหน้าต่าง exploring เอายังหลบมันไม่พ้นก็มี แล้วจะทำยังไงถึงจะป้องกันตัวได้ผมก็แนะ ได้ไม่กี่ข้อ กับโปรแกรมไม่กี่ตัวครับ + กับข้อปฎิบัติง่ายๆ ดังนี้ครับ 1. พยายามใช้ หน้าต่าง exploring (คีย์ลัด Windows Icon+E) ทุกครั้งที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลครับ เอาให้เป็นนิสัย 2. เปิดโชว์ ที่ซ่อนอยู่ไว้ ตลอดแต่เราต้องรู้ด้วยน่ะ ว่าอันไหน ของวินโด อันไหนไวรัส ลบไปไม่ดู จอมืดนะครับ และปกติไฟล์พวกนี้ แอนติไวรัส ไม่ฟ้องอยู่แล้ว ส่วนไฟล์มีอะไรบ้าง นามสกุลยังไง ไว้กระทู้หน้า(อู้) ^^ 3. หาโปรแกรมที่ช่วยดักจับไวรัส จากแฟลชไดร์ โดยเฉพาะ มาทำงานคู่กับ แอนติไวรัส เดิมๆที่ท่านใช้ อยู่ มันช่วยได้เยอะเลยที่เดียว ยกตัวอย่างเช่น CPE17 Autorun killer,USB Disk Security,USB.Virus.Scan โปรแกรมเหล่านี้ฟรี น่ะครับหาโหลดเอาได้ไม่ยาก ลักษณะการทำงานคือ เสียบปุ่มฆ่าปับ ที่เหลือสแกนกับ แอนติไวรัสอีกที ก็หมดจดครับ ถึงผมจะใช้วิธีไปลบมัน ตรงๆมากกว่าแต่ เป็นวิธีที่เซฟกว่ามากครับ ปล.เปิดไฟล์ที่ซ่อนอยู่ ทำได้ดังนี้ครับ เข้าไปที่เมนู run พิมพ์ไปว่า folder options กดไปแทป view แล้วไปดูหัวข้อ hidden files and folders เลือก show hidden files เป็นอันเสร็จสิ้น เอาไว้จะเอารูปมาแปะอีกทีครับ อย่างที่คุณ Zerk ว่าแหละครับว่าปกติแล้วอยู่ที่เจ้าของเครื่องเองที่จะป้องกันไม่ให้ไวรัสมาติดเครื่องเราเอง แต่ถึงอย่างว่านะครับ บางครั้งพวกไวรัส สปายแวร์ โทรแจน มัลแวร์ คือสิ่งที่จะเข้ามาในเครื่องของเราโดยที่เราไม่รู้ตัวเสมอ โดยเฉพาะตอนนี้ แค่เราเปิดเวป ถ้าเราเจอเวปที่สามารถรันสคริปเรียกไฟล์ไวรัสจากเวปได้ ยังไงก็เสร็จอยู่ดีครับ ดังนั้น Antivirus ก็เปรียบดั่งทั้งทหารเวลาป้องกันและหมอเวลาเราติดไวรัสและคอยรักษาแหละครับ ส่วนเรื่องที่ว่าแอนตี้ไวรัสตัวไหนดีนั้น ต้องบอกว่าทุกตัวมีทั้งดีทั้งเสียทุกตัวครับ แต่อยู่ที่ว่าเราจะตัดสินใจจะใช้ตัวไหน ก็มาถึงคำถามว่าเราจะเลือกใช้ตัวไหนดี แบบฟรีหรือเสียตัง ซึ่งถ้าแบบฟรีนั้น ต้องใช้ความสามารถส่วนตัวพอสมควรนะครับ เพราะโปรแกรมจะไม่อำนวยความสะดวกเราเท่าที่ควร ส่วนโปรแกรมที่เสียตังนั้น เราควรจะหาเวปที่มีการเปรียบเทียบการใช้โปรแกรมและการทำงานของมันนะครับ ซึ่งมีอยู่พอสมควรในกูเกิ้ล โดยพิมประมาณว่า antivirus compare ซึ่งหมายถึงเปรียบเทียบแอนตี้ไวรัสแหละครับ เราก็สามารถดูเปรียบเทียบแต่ละตัวได้ แต่ขอให้ยกเว้นการดูในส่วนของค่ายที่มีแอนตี้ไวรัสเป็นของตัวเองนะครับ เพราะมันมักจะเอาของมันขึ้นที่ 1 เสมอ ถ้าเวปที่ผมแนะนำก็เวปนี้ครับ http://www.av-comparatives.org/en/comparativesreviews โดยจะมีตั้งแต่ ความสารถในการตรวจจับไวรัส ความแม่นยำว่าที่พบนั้นใช่ไวรัสจริงหรือเปล่า การใช้เวลาในการแสกน การที่พบไวรัสแล้วสามารถกำจัดได้หรือไม่อย่างไร เป็นต้น ซึ่่งเป็นภาษาอังกฤษน่ะครับ
×
×
  • Create New...