Jump to content

Hitler

Members
  • Content Count

    16
  • Joined

  • Last visited

About Hitler

  • Rank
    Member

Profile Information

  • Gender
    Male
  • Location
    Bankok
  • Interests
    1/1 m.8
  • Facebook
    http://www.facebook.com/profile.php?id=100001529409551

Contact Methods

  • MSN
    earth_11270@hotmail.com
  1. คุณทานิซากิ อากิโกะ รึเปล่าครับนั่น(หลอกเล่นนะ)
  2. บาง ครั้งเมื่อเราเดินให้ช้าลงและลองใช้ชีวิตแบบไม่รีบเร่ง เราอาจพบว่าความสุขที่แสวงหานั้นแท้จริงไม่ได้อยู่ไกลตัวนัก วันนี้จึงขอแชร์ เคล็ดลับความสุขที่อยู่ไม่ไกลเกินที่คุณจะไขว่คว้ามาได้ 1. รู้ว่า "สิ่งใดควรอยากได้" คนเรามักจะทำนายไม่ได้ว่าอะไรจะทำให้เรามีความสุขในอนาคต และความที่เราทำนายไม่ได้นี่ล่ะ เราถึงอาจเลือกทางเดินที่ผิด ดังนั้น เมื่อเรานึกภาพ "เป็นโสดอีกทีก็ดีเหมือนกัน" หรือ "ถ้าเปลี่ยนงานแล้วชีวิตฉันต้องดีขึ้นแน่ ๆ" เรามักไม่มองปัจจัยต่าง ๆ เช่น เพื่อนใหม่ หรือเราอาจจะพบว่าอยู่ดีๆ ก็สนใจด้านวิทยุ สมัครเล่น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อาจเปลี่ยนชีวิต และความสุขของเราได้ แต่เราไม่สามารถมองอนาคตได้แม่นยำขนาดนั้น ทางเลือกที่ดีคือควรหันไปหาคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน คิดว่าเราเองก็เหมือนกับคนอื่นนะ ถ้าไปสมัครงานใหม่ก็ลองมองพนักงานในบริษัทที่ไปสัมภาษณ์ มีใครให้ความสนใจคุณรึเปล่า? ซึ่งนี่อาจบอกอะไรได้มากทีเดียวล่ะ 2. ลงทุนกับประสบการณ์...มิใช่สิ่งของ เราอาจไม่สามารถเปลี่ยนของนอกกายได้ แต่ของที่ใจเราเก็บไว้จะเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เราหยิบมาดู สมมติว่าถ้าซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่มาแล้วแต่ไม่ชอบเอาเสียเลย เราก็ต้องซื้อเครื่องใหม่หรือบางทีอาจต้องคาดหวังให้น้อยลง แต่ถ้าฝนบังเอิญตกในวันที่เราเที่ยวป่าพอดี แม้นช่วงเวลานั้นจะดูเหมือนประสบการณ์ที่เลวร้าย แต่เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว ฝนที่ตกนั้นทำให้เราเรียนรู้ว่าชีวิตก็ต้องลำบากกันบ้าง และเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น 3. ลงมือสร้างสรรค์ผลงาน ด้วยสองมือของเราความสุขก็เกิดขึ้นได้ จากกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการศึกษาหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาทดลองให้อาสาสมัครพับกระดาษและประมูลผลงานของตัวเองร่วมกับคนอื่น ๆ ผลก็อย่างที่เราคาดกันไว้ว่าคนจะเต็มใจจ่ายมากขึ้นเพื่อผลงานจากมือตนเอง และหลายกรณีแสดงว่าผลงานพับกระดาษที่ทำเองกับมือนี่ล่ะมีค่ามากกว่าผลงานจาก มืออาชีพ ฟังดูเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปักครอสติช พับกระดาษ หรือถักผ้าพันคอก็ตาม เราก็ต้องใส่ทั้งใจและความมุมานะ เนื่องจากความสุขนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากเราทำผลงานไม่เสร็จ (คิดดูสิถ้าถักเสื้อกันหนาวแล้วเสร็จแค่แขนหนึ่งข้าง เราคงไม่ยินดีหรอกจริงมั้ยคะ?) 4. บริจาค เมื่อเรามีทุกอย่างที่จำเป็นต้องใช้แล้ว การมีเงินมากขึ้นก็เพิ่มความสุของเราได้เพียงน้อยนิด เพราะสิ่งสำคัญในชีวิตของคนเราไม่ใช่การ "คว้ามา" แต่เป็น "ให้ไป" ต่างหาก และการศึกษาจาก University of British Columbia โดยสำรวจชาวอเมริกัน 623 คน ผลก็คือเงินที่คนเหล่านั้นใช้กับเรื่องของตนเองนั้นแทบไม่เกี่ยวกับความสุข ในชีวิตเลย แต่ยิ่งบริจาคเงินให้ผู้อื่นมากเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งมีความสุขมาก เท่านั้น และในการศึกษาต่อมาพบว่าจำนวนเงินนั้นไม่เกี่ยวข้องกับความสุขเลย ไม่ว่าคุณจะบริจาคมากหรือน้อยความสุขที่ได้ก็ยิ่งใหญ่พอกันค่ะ 5. เก็บเซอร์ไพรส์ให้ตัวเองบ้าง ในสังคมออนไลน์ทุกวันนี้ ถ้าอยากรู้เรื่องราวตอนจบของหนังสักเรื่อง เราก็แค่เปิดอินเทอร์เน็ตและเสิร์ช ก็จะไม่เหลือความตื่นตาตื่นใจเมื่อดูจริง ๆ เสียแล้ว ทั้งที่ “ความไม่รู้” ทำให้เราได้คิดได้สงสัยและขยายช่วงเวลาแห่งความสุขออกไป เมื่อเราเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ทะลุปรุโปร่งดีแล้ว "ความรู้" ที่เราได้มาก็จะถูกเก็บไว้อย่างดี และเราก็จะหันไปสนใจกับเรื่องอื่นต่อไปอย่างเบาใจ ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะเซอร์ไพรส์ตัวเอง เคล็ดลับง่าย ๆ ที่น่าลองก็คือ 1. อ่านนิยายดีๆ สักเล่ม พอใกล้จะจบแล้ว บังคับใจตัวเองให้หยุดอ่านสักสองสามวัน หรือ 2. เก็บแบงก์ 20 ไว้ในหนังสือแล้วก็ปล่อยไป...ถ้าหากคุณหยิบมาเจออีกครั้งจะต้องดีใจแน่ๆ "เงินเราเองนี่ ดีจังเลย" 6. ปล่อยใจให้ล่องลอย ฝันกลางวันไม่ได้หมายความว่าขี้เกียจเสมอไป เพราะความจริงก็คือในขณะที่เราฝันกลางวัน สมองจะทำงานหนักพอสมควรทีเดียว การปล่อยสมองให้ล่องลอยระหว่างที่เราทำกิจกรรมง่าย ๆ อยู่ จะทำให้เน็ตเวิร์กสมองที่เป็นแหล่งความคิดเชิงตรรกะและแก้ไขปัญหาทำงาน พร้อมๆ กับสมองส่วนที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์และความคิดภายใน...บางทีนี่อาจจะ ได้เวลาที่เราต้องเดินออกจากห้องสี่เหลี่ยมและปล่อยให้สมองโลดแล่นสักชั่ว ครู่ก็เป็นได้นะคะ 7. เปลี่ยนชีวิตทีละเล็กทีละน้อย การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ชี้ว่าสิ่งเล็กน้อย ที่เราทำสม่ำเสมออย่างออกกำลังหรือหันหน้าเข้าหาศาสนา อาจส่งผลต่อชีวิตเราได้อย่างใหญ่หลวง และยังพบว่าคนที่ "กลับออกมา" จากกิจกรรมทางศาสนาจะมีความสุขกว่าคนที่ "กำลังเข้าไป" และถ้ายิ่งออกกำลังกายหรือหันหน้าเข้าหาศาสนาเป็นประจำมากเท่าไหร่ ความสุขก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว 8. ดีพอ...ดีแล้ว ทุกวันนี้เรามีตัวเลือกมากมายในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ อย่างเสื้อผ้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหลาย หรือแม้แต่เรื่องให้ต้องตัดสินใจอย่างแผนเกษียณ แผนออมเงิน ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามาทำให้ส่วนใหญ่เราหัวปั่นไปหมดเรากังวลว่า "ถ้าฉันไม่เลือกแล้วเกิดตัวเลือกนั้นมันดีจริง ๆ ล่ะ" ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องคิดหนักขนาดนั้น ไม่ว่าทางเลือกของเราจะมีมากแค่ไหน เพียงจำกัดให้เหลือตัวเลือกที่ "ดีพอ" แล้วเราจะพบว่าชีวิตไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด 9. รู้จัก "วาง" หนุ่มสาวหลายคนไม่ตระหนักในเวลาที่สมควรเดินหนีเมื่อสถานการณ์เลวร้ายจริง ๆ ซึ่งหมายถึงการที่เรายืดติดกับสิ่งที่ควรจะยอมปล่อยมือได้แล้วอย่างการทำงาน ไปวัน ๆ เพราะเราทำงานนี้มานาน ทนกับความสัมพันธ์ไม่เอาไหนเพราะเราไม่รู้จะเลิกอย่างไร หรือแม้แต่เรื่องที่เหมือนไร้สาระอย่างเข้าคิวนานจนแถวข้าง ๆ แซง แต่ก็ยังทนอยู่แถวเดิมเพราะ "ต่อมาตั้งนาน" ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเรายืดติดกับเวลาที่เสีย เงินที่จ่าย รวมถึงความรู้สึกที่เคยมีจนมองไม่เห็นว่าการทนต่อไปไม่ได้ทำให้เรา "ได้" กลับมา ฉะนั้น เลิกเสียเถิดเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก แทนที่จะทนต่อให้คิดเสียว่าคุณยังไม่ได้ "ลงทุน" อะไรทั้งนั้น ถามตัวเองว่า "ถ้าเจอแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันจะทำยังไง" โดนใจ Credit : Dek-D เจ้าเก่าครับ
  3. อันนี้แถม (ความจริงจะโพสไปกับอันบนแต่มันเกิดเหตุขัดข้อง ผมแก้ไม่เป็น เลยมาโพสด้านล่างแทน) 5 สถานที่ผีดุที่สุดในญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่ยาวนาน และมีสถานที่เก่าแก่มากมายและสถานที่จำนวนหนึ่งก็เป็นสถานที่ที่น่ากลัว สยองขวัญสั่นประสาทและเรื่องเล่าลื่อว่า “ผีดุ”แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงหรอกนะ กลับกันมันมากขึ้นด้วยซ้ำ มันกลายเป็นสถานที่ที่หลายคนอยากลองไปสักครั้งในชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่า “ผีมีจริงหรือ ?” No.5 ปราสาทฮิเมจิ จากนั้นเป็นต้นมาโอกิกุก็กลายเป็นผีนับจานหรือ ซะระยะชิกิ 「さらやしき」 มันเริ่มขึ้นสมัยเอโดะ ค.ศ. 1590วันดีคืนดีจะมีเสียงโหยหวนออกมาจากบ่อน้ำบ่อหนึ่งหน้าปราสาท โดยเสียงนั้นเป็นเสียง“นับจาน” ใบที่ 1 ถึงใบที่ 9 จากนั้นก็ร้องไห้หัวใจสลายหรือมีดวงไฟวิญญาณพวยพุ่งออกมาจากบ่อน้ำยามค่ำคืน นอกจากนี้ ยังอ้างถึงบ่อน้ำผีสิงอีกแห่งคือ บ่อน้ำของสวนในสถานทูตประเทศแคนาดาที่กรุงโตเกียว ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินของตระกูลอะโอยะมะ และยังมีเรื่องผีๆ ในปราสาทแห่งนี้อีก เช่นศาลเจ้าโฮะซะตะเบะชินโต ที่ตั้งอยู่บนสุดของญี่ปุ่น ว่ากันว่าเป็นที่สิงสู่วิญญาณของมิยะโมะโตะ มุซาชิ หรือถ้าใครอยู่ภายในปราสาทประมาณ 4 โมงถ้าไม่กลับออกมาจากปราสาทภายในเวลา 2 ชั้วโมงจะหลงทางอยู่ในปราสาทนั้น No.4 โอะซาระ โอซาระเป็นอดีตภูเขาไฟในเขต อะโอะโมะริ ซึ่งถูกค้นพบในศตวรรษที่ 16 เป็นภูเขาหินที่ไม่พบสิ่งมีชีวิตเนื่องจากบริเวณแถบนั้นเต็มไปด้วย Sulfur Dioxide (ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซน์)หรือก๊าซไข่เน่า ที่ออกมาจากทะเลสาบโดยรอบ ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าเป็น “ดินแดนแห่งโลกวิญญาณเชื่อต่อกับโลกมนุษย์” No.3 ฮะชิมะ เกาะแห่งนี้ต้องเดินทางด้วยเรือจากฝั่งทะเลของเมืองนางาซากิ ออกไปประมาณ 15กิโลเมตร บนทะเลจีนตะวันออก จะพบเมืองเล็กๆ ที่ดูทันสมัยกลางทะเลแต่ถ้าเกิดมองลึกๆ จะพบว่า “มันร้าง” อย่างน่ากลัว และได้รับการโจษจันว่า “ผีดุ” ความเป็นมาดั้งเดิมของเกาะนี้ แต่เดิมเมืองนี้ชื่อ くんかんじあ (Gunkanjia) หรือ BattleshipIsland เกิดขึ้นในยุคอุตสาหกรรมถ่านหินเฟื่องฟู ค.ศ. 1887 ก่อสร้างโดยบริษัทมิซุบิชิ 「みつびし」 (Mitsubishi) ซึ่งใช้เป็นที่พักในลักษณะเมืองขนาดเล็กมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานจำนวนมาก มีทั้งอพาร์ทเม้นท์ โรงเรียนประถมสนามเด็กเล่น โรงภาพยนตร์ บาร์ โรงพยาบาล แต่ทว่า...ในยุค60 อุตสาหกรรมถ่านหินในญี่ปุ่นค่อยๆ ทยอยปิดตัวลงเนื่องจากถ่านหินหมดความนิยมจากการใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิง...จนกระทั่งปิดตัวลงถาวรในปี1974...ทุกวันนี้เหลือเพียงแต่เศษซากของความรุ่งเรืองทิ้งไว้ให้ระลึกถึงอดีตเท่านั้น ในเวลากลางวันสถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สนใจที่อยากจะสัมผัสบรรยากาศสมัยก่อนที่หลอนนิดๆ ขนาดตอนกลางวันยังดูหดหู่น่ากลัว ตอนกลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง น่ากลัวยิ่งกว่าหลายเท่าโดยเฉพาะในช่วงมรสุมหรือพายุเข้าชาวประมงมักเห็นแสงไฟจำนวนหนึ่งลอยละล่องวนเวียนอยู่เหนือตึกสูง ทั้งๆที่ไม่มีไฟฟ้า และได้ยินเสียงน่ากลัวดังเหมือนกับโหยหาใครซักคนไปอยู่ด้วย!!!...นอกจากนี้สถานที่นี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Battle Royale” และทีมงานก็ได้เจอสิ่งผิดปกติในกองถ่ายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น “มีคนอื่นที่ไม่ใช่ทีมงานถูกถ่ายติดเข้ามาในฉาก”หรือไม่ก็ “ฟิล์มเสียทั้งๆ ที่เพิ่งใช้งาน” หรือแม้แต่ “นักแสดงบางคนถูกผีสิง!!!” No.2 อะโคคิกะฮะระ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า“จูไค” ซึ่งคนญี่ปุ่นเรียกขานว่า “ป่าฆ่าตัวตาย”สถานที่แห่งนี้อยู่บริเวณตีนภูเขาไฟฟูจิ มีพื้นที่ประมาณ 3000 เอเคอร์ ซึ่งเป็นจุดชมความงามของภูเขาฟูจิแต่ขณะเดียวกัน...ก็เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่คิด “ฆ่าตัวตาย” ด้วยเช่นกันโดยสถิติพบว่า สถานที่แห่งนี้มีคนมาฆ่าตัวตายเป็นอันดับ 2ของโลก!!! [อันดับหนึ่งคือสะพานโกลเด้นเกต (Golden Gate) ] เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ตัวเลขอยู่ที่ 2645 คน ซึ่งทำลายสถิติของปีที่แล้ว คือ 2305 คน โดยจุดบริเวณที่คนชอบไปฆ่าตัวตายที่สุด คือจุดที่เรียกว่า “ทะเลป่า”โดยล่าสุด ชายคนหนึ่งวัย 46 ปีซึ่งถูกปลดออกจากงานที่โรงงานเหล็กแห่งหนึ่งและคิดว่า ‘อนาคตที่เหลือนั้นมืดมน’เนื่องจากขาดเงินและตกอยู่ในสภาพหนี้ท่วมรวมถึงไร้ที่อยู่เพราะโดนไล่ที่ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยเขาได้ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวมุ่งหน้าไปยังป่าแห่งนี้เมื่อไปถึงเขาก็เชือดข้อมือตนเอง แต่แผลไม่ลึกพอที่จะทำให้สิ้นใจในทันทีและต้องอยู่ในป่าลึกหลายวันในสภาพที่ร่างกายขาดอาหาร น้ำ และเนื้อเยื่อถูกทำลายเพราะอากาศเย็นจัดสภาพที่เกิดขึ้นทำให้เขาอาจต้องเสียนิ้วเท้าขวาแต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากมีคนมาพบเสียก่อน และทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงนิยมมาฆ่าตัวตายหรอ?...ก็เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากนิยายเรื่อง “คุโรอิ จูไค” 「くろい じゅかい」 ‘คุโรอิ หรือ คุโรย แปลว่า สีดำค่ะ’ รวมไปถึงภาพยนตร์เรื่อง“คิโนะอุมิ” 「きのうみ」 ที่นำเสนอเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งได้ฆ่าตัวตายในป่าแห่งนี้ซึ่งปัจจุบัน แห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว กีฬากลางแจ้ง ท่องป่า ตั้งแคมป์ซึ่งเวลาใครจะเดินทางมาที่นี่ อาจจะจ๊ะเอ๋!!!กับศพคนฆ่าตัวตายหรือวิญญาณร้ายก็ได้ No.1 โรงเรียน โรงเรียนของญี่ปุ่นคือ สถานที่ที่ชาวไทยอย่างเราๆ อยากไปสักครั้งในชีวิตก็เพราะเวลาเราอ่านมังงะหรือดูอนิเมแนวไหนๆ ก็ต้องมีโรงเรียนให้เห็นทุกครั้งจึงอยากสัมผัสว่าโรงเรียนญี่ปุ่นจะเป็นยังไง? และแน่นอนทุกโรงเรียนของญี่ปุ่นมักจะมีเรื่องสยองประจำโรงเรียนที่เล่าต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นและที่น่าแปลกคือ ทุกโรงเรียนจะมี “เรื่องเล่าสยองขวัญ 7 เรื่อง” และแต่ละเรื่องของแต่ละโรงเรียนแทบเหมือนกันหมดอย่างอัศจรรย์ 7สิ่งสยองขวัญในโรงเรียนเป็นตำนานที่ช่วยเสริมบรรยากาศในโรงเรียนให้ชวนหลอนบวกกับสถานที่ที่ใช้งานมายาวนานและบรรยากาศ ยิ่งส่งผลให้ 7เรื่องสยองขวัญในโรงเรียนกลายเป็นเรื่องที่หลายๆคนอยากพิสูจน์ว่ามันเป็นจริงหรือเปล่า? โดย 7เรื่องสยองในโรงเรียนที่ว่าก็มี “ต้นคาเมลเลียสีเลือด” ที่ว่ากันว่าต้นไม้อายุ 100 ปี จะมีผีสิงอยู่ ; “ผีลู่ว่ายที่ 4” ที่มีเด็กชายที่ตายในขณะว่ายน้ำในวิชาพละที่ลู่ว่ายที่ 4 (แต่บางตำราก็บอกว่า...เด็กคนนี้กำลังจะไปแข่งว่ายน้ำแต่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อนไปแข่ง) ; “รูปปั้น นิโนะมิยะคินจิโยะ เดินได้” ; “บันได 13 ขั้น”ที่คอยจับเด็กที่พลาดเหยียบขั้นที่ 13ลงไปยังโลกแห่งความตายพร้อมกับตน ; “ฮะนะโกะประจำห้องน้ำ”(ดูๆแล้วเหมือน เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ ยังไงไม่รู้แฮะ 555+) ; “ผีในห้องน้ำห้องที่ 2” (หรือยูมิโกะซังนั่นเองค่ะ)อยู่ๆก็มีมือโผล่ขึ้นมาที่ส้วมและลากเหยื่อลงไปบี้แบนที่คอห่านตายอนาถ ; “สนามรบในสนาม” โรงเรียนที่วิญญาณซามุไรญี่ปุ่นโบราณยังทำการสู้รบอยู่ตลอดเวลา; “ซาโตรุคุง” ; ฯลฯ โดยเฉพาะเรื่องฮะนะโกะ นั่นเป็นเรื่องที่เด็กญี่ปุ่นนิยมท้าพิสูจน์มากที่สุด ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Credits : คุณ kil159357 เจ้าเก่าของผมนะครับ แล้วก้เว็บต่างๆที่นำข้อมูลดีๆมาแบ่งปันกันนะครับ Wikiฯ Dek-D กระทู้เรื่องผีญี่ปุ่น (ภาคต่อ และ อื่นๆ) http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4721-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-3/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4720-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-2/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4719-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-1/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4714-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1
  4. ปล.อาจจะต้องแยกกระทู้นิดหน่อยนะครับ เพราะเยอะมักๆ --_-- ปล.2 ขอบคุณเจ้าของระทู้ที่ผมไปก้อบของเขามาเพราะแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็น Wikipedia และ Dek-Dและใครเล่น Dek-Dคงจะรู้นะครับว่ามันคลิกขวาไม่ได้ (--_--) เจ้าของกระทู้เขาก้ “พิมเอง” โดยดูเนื่อหาและพิมมันสดๆนี่แหละ ต้องขอขอบคุณ คุณkil159357 มากๆเลยนะครับ ปล.3 ไอตัวหนังสือใหย่ๆเล็กๆนี่ผมก็แก้ไม่เป็นอ่ะครับ เอาเป็นว่าครั้งหน้าจะเอาไปปรับปรุงแก้ไขนะครับ 「かまいたち」 (Kamaitachi) คะมะอิทะจิ หรือ คะไมทะจิ หรือ ภูติลม เป็นภูตลมในตำนานความเชื่อญี่ปุ่น ชื่อของคะมะอิทะจินั้น คะมะ แปลว่า เคียว,อิทะจิ แปลว่า ตัววีเซิล เนื่องจากว่าคะมะอิทะจิเป็นภูตลม จึงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเหมือนสายลม เรื่องเล่าเกี่ยวกับคะมะอิทะจิมีอยู่ว่าผู้คนที่ขึ้นไปบนภูเขา บางครั้งจะพบกับลมหมุน เมื่อลมหมุนผ่านไป เขาก็พบว่าตัวเองมีบาดแผลแต่ไม่รู้สึกเจ็บ คะมะอิทะจิอาศัยอยู่ในลมหมุน มีอยู่ด้วยกัน 3 ตัว มีพฤติกรรมคือ ตัวแรกจะชนเหยื่อให้ล้ม ตัวที่สองจะฟันเหยื่อให้เป็นแผล ส่วนตัวที่สุดท้ายจะทายาให้เพื่อห้ามเลือดและระงับอาการเจ็บปวด แต่การจู่โจมบางครั้งก็สร้างบาดแผลร้ายแรง และเจ็บปวดกว่าที่คิด ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมคะมะอิทะจิจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น คะมะอิทะจิจัดว่าเป็นอันตรายกับมนุษย์ เพราะมีบางเรื่องเล่ากล่าวว่า ผู้ที่พบปรากฏการณ์คะมะอิทะจิ บางครั้งไม่ได้ถูกฟันครั้งเดียว แต่จะถูกฟันแล้วทายา แล้วถูกฟันซ้ำๆอีก ซึ่งนับว่าน่ากลัว เพราะว่าคะมะอิทะจิมีนิสัยชอบต่อสู้อยู่เหมือนกัน -------------------------------------------------------------------------------------- 「てんじょうなめ」 (Tenjyouname) เท็นโจมาเมะ หรือ ปีศาจลิ้นยาว เรื่องเล่าของผีชนิดนี้เล่าว่า เท็นโจนาเมะเป็นเป็นผีที่มีลิ้นที่ยาว มีนิสัยชอบเลียคราบ และสิ่งสกปรกที่อยู่ตามฝ้าเพดาน มักจะปรากฏตัวในตอนที่ไม่มีคนอยู่ เป็นผีไม่ชอบให้ใครเห็นตัวที่คล้ายกับอะคานาเมะ จึงไม่ค่อยมีเรื่องเล่าที่ว่ามีคนพบเห็นผีประเภทนี้ แต่สันนิษฐานว่า เท็นโจนาเมะเป็นผีที่ตัวสูงและมีลิ้นที่ยาว เพราะสามารถเลียได้ถึงเพดาน จึงมีเรื่องเล่าที่ว่ารอยเปื้อนที่ฝ้าเพดาน อาจเป็นรอยที่เท็นโจนาเมะเลียไว้ก็ได้ แต่บางเรื่องเล่าก็ค้านว่า เท็นโจนาเมะเป็นผีที่คอยลดรอยคราบบนเพดานต่างหาก เท็นโจนาเมะไม่ใช่ผีที่น่ากลัว มีเรื่องเล่าที่ว่า มีซามูไรคนหนึ่งสามารถจับเท็นโจนาเมะได้ จึงขังไว้ในปราสาทของเขา เพื่อให้เท็นโจนาเมะทำความสะอาดใยแมงมุม ตามที่สูงๆ ในปราสาทของตน สิ่งเท็นโจนาเมะหวาดกลัวมากที่สุดก็คือไฟ จึงมีเรื่องเล่าอีกเรื่องว่าเท็นโจนาเมะจะคอยเลียที่ต่างๆ ตามบ้าน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดติดไฟ ถ้ามีแสงสว่างแม้เพียงนิดเดียว เท็นโจนาเมะจะหนีไปทันที -------------------------------------------------------------------------------------- 「いつまでん」 (Itsumaden) อิซึมาเด็น ตำนานมีอยู่ว่า ฤดูใบไม้ร่วงปี 1334 นกประหลาดนี้ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืน หายใจเป็นไฟและส่งเสียงร่ำไห้อย่างน่าเวทนาว่า“Itsumademo! Itsumademo!” (อีกนานเท่าไหร่! อีกนานเท่าไหร่!) ซึ่งสร้างความรำคาญใจ ให้กับผู้ที่ได้ยินเสียงคร่ำครวญนี้ เจ้าเมืองจึงได้สั่งให้นักธนูที่แม่นยำ สอยนกประหลาดนี่ลงมาซะ เมื่อนกนี่ถูกยิงตก ปรากฏว่ามันมีลักษณะคล้ายกับ “คิเมร่า” ตัวเป็นงู หน้าเหมือนคน มีเล็บที่แหลมคม มีปีกกว้างประมาณ 5 เมตร ซึ่งช่วงเวลาที่พบนกประหลาดนี้ เป็นช่วงที่กาฬโรคระบาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ศพของผู้ที่ป่วยตายจำนวนมาก ถูกฝังทิ้งไว้ที่กำแพงเมืองรวมๆ กัน ราวกับว่าเป็นขยะ และไม่ได้ทำพิธีกรรมส่งวิญญาณ อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าที่ว่า เหล่าผู้ที่อดอยากจนกระทั่งตายไป จะกลายเป็นนกปีศาจคร่ำครวญ ตามล่าผู้ที่ทอดทิ้งตน และร่ำไห้ตลอดเวลาว่า อีกนานเท่าใด อีกนานเท่าใด จะทอดทิ้งเราอีกนานเท่าใด -------------------------------------------------------------------------------------- 「じょろうぐも」 (Jorougumo) โจะโรคุโมะ หรือ นางแมงมุม เชื่อกันว่าเป็นแมงมุมเพศ ญ ที่มีชีวิตติดต่อกันหลายร้อยปี ซึ่งได้ดูดเลือดคนจำนวนมากจนทำให้วิชาอาคมแกร่งกล้าขึ้น พัฒนาเป็นนางแมงมุมในตอนกลางวันนางจะแปลงร่างเป็น ญ สาวสวยหลอกล่อผู้ชายมาดูดเลือด ในอดีต โชกุนมินาโมโตะ โยริมิตสึ เกิดล้มป่วยลง รักษายังไงก็ไม่หายเสียที จึงได้เชิญหมอผีมาทำพิธีปัดเป่าวิญญาณ แต่ก็ไม่สำเร็จ ได้แต่ทนปวดหัว ไข้ขึ้น ทรมานอยู่อย่างนั้น กระทั่งคืนวันหนึ่ง มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง สูงประมาณ 2 เมตรมาปรากฏตัวตรงด้านหลังโคมไฟในห้องของท่าน และย่างเท้าเข้ามาหา พร้อมกับปล่อยใยแมงมุมใส่ โชกุนตื่นขึ้นมาพอดี จึงรีบคว้าดาบของ ฮิซาคิริมารุ ซึ่งมานอนเฝ้าไข้ ขึ้นมาฟันปีศาจตนนั้นเต็มแรง เมื่อผู้ติดตามด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะ ก็รีบรุดเข้ามา ทันเห็นรอยเลือดหยดอยู่ข้างโคมไฟ จึงติดตามรอยนั้นไปจนถึงเนินดินเก่า ๆ แห่งหนึ่ง พวกเขาจึงลองขุดเนินดินนั้นดู ก็พบปีศาจแมงมุมตัวใหญ่ ผุดขึ้นมาปล่อยใยแมงมุมอีกรอบ แต่ก็โดนฆ่าตายในที่สุด จากนั้นเป็นต้นมา ท่านโชกุนก็หายจากอาการประหลาดนี้เป็นปลิดทิ้ง และไม่เคยป่วยอีกเลยตราบสิ้นอายุขัย -------------------------------------------------------------------------------------- 「とどめき」 (Todomeki) โทะโดะเมะกิ หรือ ยักษ์ร้อยตา โทะโดะเมกิ สมัยที่ยังเป็นมนุษย์นั้น เป็นสตรีที่รูปร่างหน้าตางดงาม แต่จิตใจต่ำช้า เป็นคนที่ชอบลักเล็กขโมยน้อย ไม่เคยเปลี่ยนนิสัย ไม่เคยรู้สำนึก จึงถูกสวรรค์ลงโทษ ให้ตาปรากฏขึ้นที่แขน ทุกครั้งที่ทำผิด จนมีดวงตาเป็นร้อย ๆ ดวงเต็มแขนไปหมด เพราะเธอไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยนั่นเอง จึงต้องทนทุกข์เวทนาอย่างแสนสาหัส ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ตาของโทะโดะเมกิ จะมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปหมด ดังนั้น หากใครโชคร้าย ถูกมันไล่ตามก็จะถูกหาพบทุกครั้ง ไม่ว่าจะหนีไปซ่อนในที่มิดชิดแค่ใดก็ตาม แต่ไม่เคยมีปรากฏว่ายักษ์ตนนี้ทำร้ายใคร มีเรื่องเล่า (อาจจะเป็นเพียงคำขู่สอนเด็ก) ว่าถ้าใครทำผิดและแอบซ่อนความผิดนั้นไว้ จะมีตาขึ้นบนร่างกายทีละตา และจะมีมาเรื่อยๆถ้าคนคนนั้นยังไม่ยอมหยุดทำและสารภาพออกมา -------------------------------------------------------------------------------------- 「しょけら」 (Shokera)โชเคระ หรือ ปีศาจตุ๊กแก ปรากฏอยู่ในสมุดรวมภาพปิศาจของโทริยามะเซกิเอ็น เชื่อว่าเป็น "เทพวิบัติ" ชนิดหนึ่ง มีรูปร่างคล้ายตุ๊กแกมีหนังเป็นเกล็ดหนา กรงเล็บและฟัน แหลมคม ตัวใหญ่เท่าคนออกหากินในวันที่มีงานบูชาเทพเจ้าโคชิน มันจะคอยมองลอดเข้าไปในหน้าต่างบ้าน คนที่นอนเร็วในคืนนั้นและเล่นงานเมื่อมีโอกาสมันจะใช้เล็บขูดผิวหนังของคน คนนั้นออกมากิน ถ้าเห็นให้พูดว่า"รู้นะว่าแอบมองอยู่" แล้วมันก็จะหนีไป ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 「はなこ さん」 (Hanako san) ฮานาโกะซัง หรือ ฮานาโกะ เป็นวิญญาณเด็กหญิงในชุดกระโปงเอี๊ยมสีแดงตัดผมทรงกะลาครอบ เธออยู่ในห้องน้ำของตึกเรียนเก่าๆ ห้องสุดท้ายทางขวามือนั่นคือห้องของเธอ ว่ากันว่าถ้าใครอยากเจอ “ฮานาโกะ”ให้เคาะประตูห้องน้ำนั้น 3ครั้งแล้วเรียกว่า “ฮานาโกะซัง” หรือในบางครั้งก็เรียกว่า “ฮานาโกะจัง...มาเล่นกัน”ก็จะมีเสียงตอบกลับมาว่า “はい。。。” (Hai…) “ค่า....” ถ้าใครยังไม่เผ่น ประตูจะเปิดออกแล้วฮานาโกะซังที่คุณเรียกหาก็จะออกมาเล่นกับคุณอย่างที่คุณต้องการ (หรือป่าว?) ปล.อันนี้แค่เรียกน้ำย่อยของ “ฮานาโกะซัง” นะคะ จะมีตำนานของฮานาโกะซังอยู่อีกด้วยละค่ะ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 「やみこ さん」 (Yamikosan) ยามิโกะซัง คนไทยจะไม่คุ้นชื่อนี้ แต่ถ้าบอกว่า มือขาวๆซีดๆ โผล่มาจากคอห่าน ก็คงจะพอนึกกันออกใช่มั้ยคะ ยามิโกะซัง เป็นรอยคราบคล้ายใบหน้าคนติดอยู่ที่โถส้วมในห้องน้ำห้องที่2 แม่ใครจะพยายามขัดคราบนี้ออกไม่นานรอยคราบนี้ก็จะปรากฏขึ้นมาอีก ถ้าใครไปเข้าห้องน้ำตามลำพังตอนเย็นๆหรือกลางดึกในโรงเรียนแล้วพูดว่า “ยามิโกะซังตื่นเถอะ...ยามิโกะซังตื่นเถอะ...”ทันใดนั้นจะมีเสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นทุกบานพร้อมกัน “ปังๆๆๆๆๆๆ!!!” แล้วมือขาวซีดของ “ยามิโกะซัง” จะจับขาคุณ และลากคุณหายไป... ปล. น่ากลัวมั้ยคะ...คนโพสยังกลัวเองเลยละค่ะ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ผีชาวนาอาฆาต การต่อต้านระบบเจ้าขุนมูลนายในญี่ปุ่น เมื่อศตวรรษที่ 19 ทำให้ละครผีซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่องจริงเรื่องนี้ได้รับความนิยมมาก ฮอทตาโคะซุเคะ เป็นขุนนางใจโหด ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในจังหวัดโซมาเขาขูดรีดภาษีจากชาวไร่ชาวนา ทั้งที่มีกฎหมายห้ามไว้ ผู้ใหญ่บ้านชื่อ ซากุระ โซะโกโระจึงตัดสินใจไปขอความยุติธรรมจากโชกุน ผู้ปกครองจังหวัดนั้นแต่โชกุนกลับส่งตัวเขาไปหาฮอทตา โคะซุเคะ ซึ่งบังคับให้โซะโกโระกับภรรยานั่งดูลูกชายทั้งสามของตน ถูกตัดหัวตายไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นโซะโกโระกับภรรยาก็ถูกตรึงบนไม้กางเขน ก่อนหมดลมหายใจโซะโกโระบอกว่า วิญญาณ ของเขาจะกลับมาหลอกหลอนครอบครัวขุนนางใจร้าย และปรากฏว่าเขาทำตามสัญญา กลายเป็นผีร้ายกลับมาตามอาฆาตจองเวรขุนนางใจร้ายจนตายตกไปตามกัน ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เจ้าหญิงกับลูกสมุนผี หนึ่งในเรื่องผีของสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งผู้คนโปรดปรานมาก คือ เรื่องของเจ้าหญิงทะคิยะชะ「たきやしゃ」ที่พยายามใช้กำลังผีเข้าต่อสู้ข้าศึกเจ้าหญิงเป็นธิดาของขุนนาง ซึ่งเสียชีวิตในปี ค.ศ.940 เพราะทำการกบฏไม่สำเร็จหลังจากนั้น เจ้าหญิงจึงไปบวชชี เป็นเหตุให้ได้ พบวิญญาณของพ่อมดกบ ซึ่งใช้อำนาจชั่วร้ายช่วยวางแผนต่อสู้กับคู่แค้นเก่าของพ่อเธอลูกสมุนของเจ้าหญิงซ่อนตัวอยู่ในวังของพ่อ แต่นักรบซึ่งเป็นคู่แค้นชื่อมิทซุคุมิ 「みっつくみ」นั้นรู้ทันจึงหนีออกจากวังและปราบทั้งมนุษย์และลูกสมุนที่มีฤทธิ์เหนือธรรมชาติจนสิ้นซาก ปล. 2อันนี้หาชื่อญี่ปุ่นไม่ได้น่ะค่ะ เรื่องเล่าจากมาโกะ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่บริษัทเก่า มาโกะ ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งระหว่างไปเที่ยวทัศนะศึกษา เป็นห้องพักที่นอนกันทั้งหมด 6 คน ระหว่างที่ทุกคนกำลังนอนและปิดไฟอยู่นั้น ได้ยินเสียงคล้ายน้ำหยดลงมา “ติ๋งติ๋ง” ในทีแรกคิดว่าคงมีใครซักคนลืมปิดก๊อกน้ำ จึงวิ่งไปดูปรากฏว่า...น้ำหยุดนิ่งไม่มีเสียงหยด เป็นปกติดี จึงกลับเข้านอนอีกครั้ง แต่ว่า...กลับมีเสียงน้ำหยกอีก ระหว่างที่เงี่ยหูฟังว่าเสียงมาจากทางไหนอยู่นั้น คนหนึ่งในกลุ่มกรี๊ดร้องดังลั่น “กรี๊ดดดดดดดด!!!” พร้อมกับแหงนหน้ามองและชี้ไปที่เพดาน พอทุกคนแหงนหน้ามองตามที่ปลายนิ้วนั่นชี้ไปนั้นปรากฏภาพ...สิ่งของลักษณะคล้ายเลือด สีดำ เกาะแนบแน่นติดอยู่ข้างๆ หลอดไฟ มาโกะจึงรีบเปิดไฟทันทีภาพที่เห็นหลังจากที่ไฟเปิดนั้นคือ...รอยเลือดที่ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นไปอย่างช้าๆที่เพดาน ทุกคนจึงตัดสินใจวิ่งหนีออกไปที่ระเบียงและส่งเสียงเอะอะกัน ทันใดนั้น...อาจารย์ก็เข้ามาและทั้งหมดจึงกลับไปดูที่ห้องอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่า...ร่องรอยต่างๆ รวมทั้ง“รอยเลือด” นั้นได้หายไปแล้ว ------------------------------------------------------------------------------------------------------ วิญญาณชู้รัก ชายผู้หนึ่งชื่อว่า อิกะโนะ คาเนะมิตสุ 「いがの かねみっつ」ได้ลอบรักกับภรรยาม่ายของพี่ชายของเขาที่เสียชีวิตไป แต่รักครั้งนี้ผิดศีลธรรมประเพณีเพราะหญิงม่ายได้บวชเป็นชีไปแล้ว เมื่อ คิคุโนะ 「きくの」 ซึ่งเป็นเมียน้อยของพี่ชายกับ มะตะฮะชิ 「またはし」 ผู้รับใช้ของเธอ ได้ล่วงรู้ถึงความลับนี้คาเนะมิตสุก็ได้สังหารคนทั้งสองเสีย แต่แล้ววิญญาณของทั้งคู่ก็ได้กลับมาแก้แค้น โดยมุ่งหมายที่จะยุติทั้งความสัมพันธุ์และชีวิตของคาเนะมิตสุกับชู้รัก ในเรื่องเช่นนี้ละครคาบุกิของญี่ปุ่นมักแสดงออกถึงความรู้สึกผิดชอบในใจของผู้กระทำผิดเอง แม้ว่าในพล็อตเรื่อง ชู้รักทั้งสองได้ถูกปีศาจคิคุโนะกับมะตะฮะชิ หลอกหลอน จนกระทั่งเสียสติและฆ่าตัวตายแต่แท้จริงแล้ว...ปีศาจคือความกลัวต่อบาปนั่นเองเมื่อหาทางสงบสติใจและอารมณ์ไม่ได้ ทางออกก็คือ “การฆ่าตัวตาย” ------------------------------------------------------------------------------------------------------ 「おいわ」 (Oiwa) โออิวะ หรือ โอยวะ เป็นเรื่องผีที่รู้จักกันแพร่หลายในญี่ปุ่นจากบทละครเรื่อง โทไคดัน โยซึยะ ไคดัน 「とかいだん よつや かいだん」 หรือ เรื่องผีในโยซึยะ ซึ่งเขียนโดย ซึรุยะนัมโบกุ โดยเรื่องมีอยู่ว่า นายผู้หนึ่งนามว่า อีเอมอนนั้นมีภรรยาที่หน้าตาอัปลักษณ์แต่เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย เขาแต่งงานกับเธอแม้หน้าตาเธอจะอัปลักษณ์เพื่อหวังทรัพย์สมบัติโดยการวางแผนฆ่า เขาให้เธอแบกตะกร้าบรรทุกถั่วเขียวไปยังแม่น้ำแม้จะสงสัยแต่เธอก็ทำตาม และแล้วเธอก็ถูกผลักตกแม่น้ำ ถั่วเขียวอุ้มน้ำค่อยๆฉุดเธอลงสู่ก้นแม่น้ำและตายในที่สุด จากนั้นอิเอมอนก็แต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนแล้วเรื่องราวสยองขวัญก็ได้เริ่มต้นขึ้น ในคืนที่เงียบสงบขณะที่อิเอมอนกำลังนั่งทอดอารมณ์ที่ระเบียงด้วยชีวิตที่มีความสุขทั้งการเงินและครอบครัวแต่แล้วใบหน้าของอดีตภรรยาก็ปรากฏขึ้นที่โคมไฟซึ่งแขวนอยู่ อิเอมอนตกใจมากจึงเข้าไปคว้าดาบออกมาฟัน โคมไฟขาดออกแล้วกลายเป็นปาก มันพูดจาอาฆาตว่า “หายนะจะเกิดกับครอบครัวของอิเอมอน”ด้วยความแค้นของวิญญาณโออิวะ จากนั้นมาบ้านของอิเอมอนก็ถูกหลอกหลอนจากวิญญาณของโออิวะอยู่เนืองๆ ลูกสาวก็ล้มป่วยภรรยาก็เสียชีวิต เขาไม่มีความสุขเลยตลอดชีวิตที่เหลืออยู่จนต้อง “ฆ่าตัวตาย”ในที่สุด เรื่องเล่าก็เปลี่ยนแปลงเนื้อหาไปหลายรูปแบบแต่ก็ยังคงเรื่องของความแค้นที่โออิวะถูกสามีหักหลังและปลิดชีพตนเองไว้ ------------------------------------------------------------------------------------------------------ โคมไฟนำทาง เรื่อนี้เป็นหนึ่งในเจ็ดเรื่องพิลึกของ เอโดะฮนโจ 「えど ほんじょ」 ในกรุงโตเกียว โดยเรื่องมีอยู่ว่า... ในคืนหนึ่งที่เงียบสงบของฤดูใบไม้ผลิ ซามุไรคนหนึ่งเพิ่งกลับมาจากการสังสรรค์ที่ โยชิวะระหรือ อะกะกุสะ โดยมากับผู้ติดตามคนหนึ่ง ขณะที่เดินทางตุปัดตุเป๋ด้วยอาการเมาหัวราน้ำไปบนถนน ผ่านหน้าประตูวัดโฮองจิ 「ほおんじ」 ผู้ติดตามของซามุไรที่เป็นคนขี้ขลาดก็นึกถึงแต่เรื่องที่เคยได้ยินมาบริเวณนี้และเกิดอาการสั่งเทาด้วยความกลัว รั้งไม่ให้ผ่านทางนี้ แต่ด้วยความ “เมา” และเป็น “ซามุไร”ทำให้เขาไม่กลัวอะไร จึงเดินต่อไป และพบแสงไฟข้างหน้า เมื่อมองเห็นแสงไฟทำให้ใจของผู้ติดตามชื้นขึ้นมาบ้าง แสงไฟนั้นอยู่ในโคมไฟที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคนรับใช้ถือไว้ในมือเธอเดินอยู่คนเดียวในทางที่เปลี่ยว ซามุไรจึงถามเธอว่า “จะไปที่ไหน” เธอชี้ไปทางหนึ่งแล้วตอบว่า“ทางโน้นค่ะ...ท่านไม่มีโคมไฟหรือคะ? ดิฉันจะนำทางให้” แล้วทั้งสามก็เดินไปคุยกันไปกระทั่งสิ้นสุดทางซามุไรก็ขอตัว เธอก็ของตัวเช่นกันแล้วแยกย้ายกันไป ซามุไรคิดว่า ‘น่าจะมองส่งเสียหน่อย’ จึงหยุดและหันหลังเพื่อมองส่งเธอจนลับสายตาไป ทว่า...ผู้หญิงคนนั้นได้หายไปแล้วเหลือไว้เพียงแต่ความมืด ผู้ติดตามจึงโพล่งขึ้นว่า “นั่นคือ ‘ไฟนำทาง’ ” กล่าวกันว่า มันคือไฟพิศวงที่มักปรากฏเฉพาะต่อหน้าคนที่ไม่มีโคมไฟ จะเห็นเป็นดวงไฟติดๆ ดับๆ ส่องสว่างอยู่เรื่อยๆลอยเรี่ยอยู่ด้านหน้า แม้จะเดินตามเท่าไหร่ก็จับไม่ได้ นับว่าเป็นปีศาจ (?) ที่ใจดีและไม่น่ากลัวเลย ------------------------------------------------------------------------------------------------------ 「たんまもめん」 (Tanmamomen) ตันมะโมะเม็ง หรือปีศาจผ้าขาว ปีศาจตนนี้แต่เดิมเป็นผ้าขาวที่ชาวญี่ปุ่นโบราณไว้ใช้ห่อศพคนตาย การที่มีวิญญาณผีร้ายมาเข้าสิงผ้าขาว นั่นอาจเป็นเหตุให้เกิด“ตันมะโมะเม็ง” ก็ได้ โดยปกติแล้วมันมักจะล่องลอยมาจากฟากฟ้ายามค่ำคืน เป็นผ้าสีขาวๆ ยาวๆปลิวว่อนสยายยามเมื่อลมกลางคืนพัด เมื่อพบเห็นเหยื่อมันก็จะโผใช้ผ้ารัดคอจนคนๆนั้นหน้าขาวซีดและขาดใจตายทันที และแล้วมันก็จะห่อร่างเอาวิญญาณคนตายนั้นลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าและหายไป ตันมะโมะเม็งนั้นเป็นผีที่ร้ายกาจมากและความร้ายกาจของมันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นถ้ามันได้สะสมวิญญาณของคนตายไว้มากด้วยตันมะโมะเม็งนั้นพบมากที่สุดที่แถบภูเขาหรือป่าลึก ยามค่ำคืนจะปรากฏกายออกมาหาเหยื่อและมันเกลียดกลัวไฟ เพราะไฟเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ร่างทั้งร่างและดวงวิญญาณของมันมอดไหม้เพียงไม่กี่พริบตาได้ (หรือก็คือไฟทำให้ผ้าไหม้ได้น่ะล่ะ) -------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 「みかりばば」 (Mikaribaba) มิคะริบาบะ หรือยายแก่มิคะริ ว่ากันว่า ยายแก่มิคะรินั้นชอบไปเยี่ยมตามบ้านต่างๆ ในแถบตะวันออก พร้อมกับผีเด็กชายตาเดียว ทางภาคเหนือของเขตคะวะซะกิ เชื่อกันว่ายายมีคะริ มักจะมาเยี่ยมในช่วงวันที่ 8 ของเดือนกุมภา และธันวาชาวบ้านมักจะนำเอาตะกร้ามาวางไว้ที่หน้าบ้าน แล้วก็จะอยู่แต่ในบ้านทั้งวัน ไม่ยอมออกไปไหน คนที่อาศัยอยู่ทางใต้ของจังหวัดซึบะ เชื่อว่ายายมิคะริ จะมาเยือนในช่วงสิบวันคือตั้งแต่วันที่ 26 ของเดือนพฤศจิกา ชาวบ้านจึงถือกันว่า ในช่วงนั้นไม่ควรทำงานใดๆแม้แต่งานในภูเขาหรือการทอผ้า ควรจะอยู่แต่ในบ้านทั้งวัน แต่ที่เขตซึรุจิ ของจังหวัดโยะโคะฮะมะยายมิคะริจะชอบปรากฏตัวในช่วงวันที่ 25 ของเดือนพฤศจิกาถึงวันที่ 5 ของเดือนธันวา คำว่า “มิ” ของ “มิคะริ” นั้นมาจากคำว่า “มิโนะ”ซึ่งแปลว่า “เสื้อกันฝนที่ทำจากฟาง” เพราะยายมิคะริจะชอบเคาะประตูบ้านแล้วพูดว่า “ขอยืมมิโนะหน่อย” ว่ากันว่าใครที่อยากไล่ยายมิคะริไปก็เอาขนมดังโงะมาเสียบไว้ที่หน้าบ้าน เมื่อยายมิคะริเห็นขนมดังโงะแล้วก็จะบ่นพึมพำอยู่คนเดียวแล้วก็จากไปคาดว่าเป็นเพราะขนมดังโงะมักจะนำไปใช้กับพิธีที่เกี่ยวข้องทางศาสนาในสมัยอดีตจึงทำให้ยายมิคะริเกรงกลัวก็อาจจะเป็นไปได้ นอกจากนี้ ถ้านำตะกร้าหรือกระชอนไปแขวนไว้ที่หน้าบ้านยายมิคะริก็จะหนีหายไปทันทีทั้งนี้เพราะว่ายายมิคะรินั้นมีดวงตาเพียงดวงเดียวเมื่อมองเห็นตะกร้าหรือกระชอนที่มีตาหรือรูเยอะๆก็จะเกิดอาการกลัวขึ้นมาก็อาจจะเป็นไปได้ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 「あとおいこそ」 (Atooikoso) อะโตะโอะอิโคะโซะ หรือเด็กชายเดินตามหลัง กล่าวกันว่า คนที่เดินทางไปภูเขาในเขตทันซะวะทางทิศตะวันออกของจังหวัดคานาซาวา อาจจะรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครซักคนอยู่ข้างหลังแต่พอหันหลังไปดูก็รู้สึกว่ามีใครซ่อนตัว แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครนี่คือการทำงานของวิญญาณภูเขาที่เรียกว่า “เด็กชายเดินตามหลัง” ไม่ใช่ว่ามันจะเดินตามด้านหลัวเสมอบางทีจะเดินนำหน้าเหมือนนำทางให้ ในกลางคืนมันจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับโคมไฟถ้าเราส่งสัญญาณหรือส่งเสียงทัก มันก็จะหายตัวไปทันทีเหมือนซ่อนตัวอยู่ในที่กำบัง กล่าวกันว่ามันชอบออกมาตอนกลางวันในช่วงบ่ายมากกว่าตอนกลางคืนมันเป็นปีศาจก็จริง แต่ไม่ทำร้ายมนุษย์ มันเพียงแค่ปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น ถ้ามันออกมาบ่อยๆ ก็ควรจะวางพวกข้าวปั้นลูกพลับแห้ง ลูกอม และมันเทศไว้บนหินหรือตอไม้ด้วยก็ดี ตั้งแต่อดีตผู้คนเชื่อกันว่า ภูเขาเป็นสถานที่ใกล้กับพวกวิญญาณ และวิญญาณของคนตายมักจะมารวมตัวกันอยู่ เด็กชายเดินตามหลังอาจจะเป็นวิญญาณที่ชอบอยู่กับมนุษย์จึงปรากฏตัวขึ้นก็อาจจะเป็นไปได้ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 「ホヤウカムイ」 (Hoyaukamui) โฮยะอุคะมุอิ หรือโฮยะอุคะมุย หรือ เทพเจ้างู ตามตำนานของชาวไอมุ จะเรียก “เทพเจ้างู” ว่า “โฮยะอุคะมุย”ซึ่งว่ากันว่าเป็นผู้ปกครองทะเลสาบ โดยเทพองค์นี้จะมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “สิ่งที่ไม่ควรเอ่ยถึงในฤดูร้อน”ลักษณะลำตัวจะใหญ่เหมือนกระสอบทรายมีปีกงอกออกมาที่หลัง ตัวกับหางเรียวเล็กตัวดำเมี่ยมทั้งตัว ขอบตากับปากมีสีแดง และมีจมูกแหลมเรียว ว่ากันว่ามันจะส่งกลิ่นเหม็นออกตามร่างกายทำให้รู้ได้ทันทีว่าทะเลสาบนั้นมีมันอยู่คนที่ผ่านไปผ่านมายังทะเลสาบที่มันอยู่นั้นมีชื่อว่า「かむいと」คะมุยโตะ (หนองน้ำปีศาจ) ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปใกล้ ในตำนานอีกเรื่องหนึ่งกล่าวไว้ว่าเทพเจ้าของทะเลสาบโทยะโกะ ก็เป็น “โฮยะอุคะมุย” เหมือนกันแต่รูปร่างเป็นเต่ามีปีกมากกว่า ว่ากันว่าโฮยะอุคะมุยในทะเลสาบโทยะโกะนี้เป็นปีศาจที่ชั่วร้าย ชอบสร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษย์ แต่ว่าบางครั้งก็ทำหน้าที่ปกป้องมนุษย์โดยการเข้าสิงหญิงร่างทรงแล้วบอกถึงสาเหตุโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ของมนุษย์ว่ากันว่ามันเคยไล่ปีศาจไข้ทรพิษด้วยกลิ่นของตัวเองมาแล้ว -------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 「おかむもの」 (Okamumono) โอะกะมุโมะโนะ หรือ ผู้เข้าทรง มีเกาะมิยะเกะ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดของหมู่เกาะอิซึเรียกร่างทรงเจ้าว่า “โอะกะมุโมะโนะ” กล่าวกันว่า โอะกะมุโมะโนะนั้นทั้งดูดวงและรักษาโรคด้วยเขาไม่ได้เป็นร่างทรงตั้งแต่กำเนิด แต่เป็นหลังจากที่ถูกยักษ์เท็นกุตัวใหญ่เข้าสิงเขาแล้ว ในสมัยโชวะ ช่วงศตวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2478 – 2487) โอะกะมุโมะโนะอายุประมาณ 50ปีอยู่ที่หมู่บ้านคะมิซึกิ อยู่ในเกาะนั้น หญิงร่างทรงคนนี้ถูกยักษ์เท็นกุตัวใหญ่ของภูเขาฮากุโระ(สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดยะมะงะตะ) เข้าสิงแล้วกลายเป็น “โอะกะมุโมะโนะ”วันหนึ่ง ขณะทีชาวบ้านหลายคนกำลังตัดต้นสนต้นใหญ่ที่อยู่ริมถนน โอะกะมุโมะโนะคนนี้ก็ผ่านมาพอดีเตือนชาวบ้านว่า “นี่คือต้นไม้ของยักษ์เท็นกุ ห้ามตัดเด็ดขาด!!!) แต่ชาวบ้านไม่สนใจ ยังคงตัดต้นสนนั้นต่อไป แต่ทำยังไง...ต้นไม้ก็ตั้งตรงไม่ยอมล้มซะทีพอชาวบ้านมารวมตัวกัน...ต้นไม้กลับล้มลงกะทันหันด้วยเสียงน่ากลัวทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บหลายคน โดยทั่วไปคนถูกวิญญาณเข้าสิงจะมีจิตใจที่อ่อนแอ ขี้โรค แต่โอะกะมุโมะโนะส่วนใหญ่เมื่อถูกเข้าสิงแล้วจะมีจิตใจที่เข้มแข็งกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ เช่น สามารถมองทะมุปรุโปร่งได้และสามารถรักษาโรคได้ ถือว่า “ยักษ์เท็นกุ”เป็นวิญญาณที่คล้ายเทพเจ้ามากกว่าปีศาจเสียอีก --------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  5. ปล.อาจจะต้องแยกกระทู้นิดหน่อยนะครับ เพราะเยอะมักๆ --_-- ปล.2 ขอบคุณเจ้าของระทู้ที่ผมไปก้อบของเขามาเพราะแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็น Wikipedia และ Dek-Dและใครเล่น Dek-Dคงจะรู้นะครับว่ามันคลิกขวาไม่ได้ (--_--) เจ้าของกระทู้เขาก้ “พิมเอง” โดยดูเนื่อหาและพิมมันสดๆนี่แหละ ต้องขอขอบคุณ คุณkil159357 มากๆเลยนะครับ 「あみきり」 (Amikiri) อะมิคิริ หรือ ภูตตัดตาข่าย มีลักษณะคล้ายกุ้งผสมกับงูส่วนมากมีขนาดตัวค่อนข้างเล็ก ในสมัยก่อนตาข่ายดักยุงเป็นสิ่งเดียวที่จะป้องกันจากยุงในเวลาค่ำคืนตอนรุ่งเช้าจะพบว่าตาข่ายกลับขาดเป็นรู จึงเกิดเป็นเรื่องเล่าของอะมิคิริขึ้นมาซึ่งมันจะมีพฤติกรรมชอบตัดตาข่าย อะมิคิริจัดอยู่ในประเภท“พรายน้ำ” เป็นภูตที่รักสงบ แต่สร้าง “ความรำคาญ” ให้กับมนุษย์ในบางครั้งไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์ ไม่ค่อยชอบให้ใครพบเห็นตัวมันนักแต่สามารถบินในอากาศได้เหมือนกับว่ายน้ำเมื่ออยู่ในน้ำมันมักจะตัดตาข่ายหรือแหของชาวประมงที่ขวางทางอะมิคิริชอบอยู่ในน้ำมากกว่าบนบก นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าที่ว่า มันชอบตัดเสื้อผ้าที่ตากไว้ให้เป็นรูอีกด้วย มักจะพบเรื่องเล่าเกี่ยวกับอะมิคิริในน้ำมากกว่าบนบกและมักเกี่ยวข้องกับชาวประมง อะมิคิริสามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วสามารถแปลงกายเพื่อขึ้นบกได้เป็นเวลาสั้นๆ และใช้มนต์มายาได้เล็กน้อย ---------------------------------------------------------------------------------------- 「こだま」 (Kodama) โคะดะมะ โคะดะมะเป็นวิญญาณแห่งป่า แต่ไม่ใช่ว่าต้นไม้ทุกต้นจะกลายเป็นโคะดะมะ เรื่องเล่าของโคะดะมะมักจะเกิดกับต้นไม้ที่มีอายุมากๆใครก็ตามที่ไปตัดต้นไม้ที่กลายเป็นโคะดะมะแล้ว จะเกิดความ “หายนะ” แก่ผู้นั้น และแถบพื้นที่ที่คนนั้นอาศัยอยู่ทั้งหมด ต้นไม้ที่น่าจะกลายเป็นโคะดะมะผู้คนจะนำเชือกศักดิ์สิทธิ์ 「しめなわ」 (Shimenawa) มาผูกไว้ เพื่อให้โคะดะมะคอยปกป้องคุ้มครอง โคะดะมะนั้นมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มีนิสัยชอบปลอมเสียงผู้คน ดังนั้นเมื่อไปตะโกนที่ภูเขาแล้วมีเสียงสะท้อนกลับมาคนญี่ปุ่นจึงเรียกเสียงสะท้อนนั้นว่า “โคะดะมะ” โคะดะมะอาจอยู่ในร่างที่เป็นมนุษย์หรือ“ไม่ใช่มนุษย์” ก็ได้ ซึ่ง “วิญญาณพฤกษา (Dryad) ส่วนมากมักไม่อยู่ในรูปต้นไม้อยู่แล้ว โคะดะมะไม่ชอบผู้ที่ไม่เคารพผืนป่า ใครก็ตามที่ตัดต้นไม้โดยไม่จำเป็นเหล่าโคะดะมะจะหาทางแก้แค้นผู้นั้น แต่โคะดะมะส่วนมากรักสงบ และชอบที่จะแลกเปลี่ยนความรู้กับใครก็ตามที่สามารถสื่อสารกับโคะดะมะได้เนื่องมาจากเชื่อกันว่าวิญญาณยิ่งอยู่นานยิ่ง “แข็งแกร่ง”โคะดะมะเป็นวิญญาณของต้นไม้ที่มีอายุยืนนานมาหลายร้อยปีจึงมีพลังมหาศาลตรงกันข้ามกับท่าทีที่สงบนิ่งไม่มีพิษภัย 2 เรื่องที่ผ่านมาเป็นCedit :Dek-D ค่ะ ---------------------------------------------------------------------------------------- 「かっぱ」 (Kappa) คัปปะ หรือ กัปปะ เป็นผีญี่ปุ่นชนิดหนึ่งจัดอยู่ในจำพวกพรายน้ำ มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกบ ตัวสีเขียว แต่มีกระดองเต่าอยู่ข้างหลังเท้ามีพังผืดทั้งเท้าหน้าและเท้าหลัง จมูกแหลม มีลักษณะศีรษะที่แบนและกลางกระหม่อมไม่มีผมเป็นปีศาจที่อาศัยอยู่ตามหนองน้ำหรือแหล่งน้ำต่าง ๆ เชื่อว่า อาหารที่คัปปะชอบคือ แตงกวาชอบเล่นซูโม่ เพราะมีพละกำลังเยอะ ลักษณะพิเศษ คือ มีจานอยู่บนหัวไว้เก็บน้ำ ซึ่งน้ำจะทำให้คัปปะมีพลังพิเศษและมีพละกำลังมากขึ้น ในทางกลับกันถ้าสูญเสียน้ำไป คัปปะจะอ่อนแรงลงอย่างมากถึงขนาดที่ไม่สามารถขยับตัวได้ถึงแม้ว่าคัปปะจะมีรูปร่างพอๆกับเด็ก แต่ก็เป็นผีที่เอาชนะได้ยากมันมีปากแหลมเหมือนนก ผิวเป็นเมือกลื่น อาจมีสีเขียว น้ำเงิน หรือแดง มือเป็นพังผืดที่หลังจะมีกระดองเต่า มีขนดกทั่วตัว แขนขาของคัปปะยาว และยืดหยุ่นได้ เมื่อคัปปะขึ้นจากน้ำจะหมดฤทธิ์จึงใส่น้ำไว้บนศีรษะที่แบนราบของตัวเอง ดังนั้นเมื่อพบเจอกับคัปปะให้ก้มคาราวะเมื่อคัปปะคาราวะตอบ น้ำบนศีรษะจะหก ทำให้หมดฤทธิ์ และอีกวิธี ก็คือให้เขียนชื่อตัวเอง ลงไปในแตงกวา แล้วขว้างลงไปในแม่น้ำ เมื่อ คัปปะ มาเจอแตงกวานี้เข้าก็จะกินอย่างเอร็ดอร่อยและ ก็จดจำชื่อ ที่อยู่บนแตงกวาด้วย คราวหน้าบังเอิญต้องเจอะเจอเจ้าของชื่อ คัปปะ ก็จะไม่ทำอันตรายอะไร ปัจจุบันมีซูชิ “ไส้แตงกวา” เรียกว่า"คัปปะ มากิ" 「かっぱ まき」 คัปปะมีความมั่นใจในพละกำลังตัวเองมากมักจะท้ามนุษย์ในการแข่งซูโม่ จึงมีเรื่องเล่าว่าคนที่ฉลาดจะทำความเคารพคัปปะก่อนเริ่มการประลอง ด้วยการก้มศีรษะ แล้วคัปปะจะก้มตามทำให้น้ำกระฉอกออกจากจาน คัปปะจะอ่อนแรงลง และพ่ายแพ้ในที่สุดซึ่งจะทำให้คัปปะเสียใจอย่างมาก นิสัยของคัปปะ คือ ชอบกินแตงกวาในฤดูเก็บเกี่ยวแตงกวาของเกษตรกร ที่ญี่ปุ่นจึงมีธรรมเนียมการลอยแตงกวาลงแม่น้ำเพื่อเซ่นวารีเทพ และทำทานให้ผีอดโซ เป็นที่มาของเรื่องเล่าที่ว่า หากชายใดแก้ผ้าลงเล่นน้ำในแม่น้ำอาจถูกคัปปะดึงของลับ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแตงกวาที่เอามาเซ่น คัปปะมีนิสัยที่ขี้เล่นและอยากรู้อยากเห็นซึ่งบางครั้งก็เป็นอันตรายกับมนุษย์ คัปปะมีความอันตรายเช่นเดียวกับผีร้ายอื่นๆมีเรื่องเล่าอยู่เสมอๆ ว่าคัปปะเคยหลอกล่อให้คนลงไปในน้ำ มักจะลากม้าหรือเด็กๆลงแม่น้ำจนจมน้ำตาย หากถูกชาวประมงจับได้ มันจะปล่อยตดออกมาป้องกันตัวซึ่ง“เหม็นบรรลัย” ทั้งยังมีเรื่องเล่าที่ว่า คัปปะจะคอยแอบอยู่แถวๆ ส้วม เมื่อคนเผลอมันจะแกล้งโดยใช้นิ้วสวนทวารซึ่งพฤติกรรมพิเรนนี้ อาจทำให้มันถูกคนจับตัวได้แต่คัปปะมีความสุภาพอ่อนน้อมและมีสัมมาคาราวะมาก คัปปะเป็นพรายที่มีความคิดความรู้สึกผิดมันจะขอโทษโดยการจับปลามาให้ที่หน้าประตูบ้านทุกวัน หรือไม่ก็มอบยาสมุนไพรชั้นเลิศที่มันปรุงขึ้นมาให้ซึ่งคัปปะมีความเชี่ยวชาญด้านการปรุงยาลี้ลับอย่างมาก ความเชื่อเรื่องคัปปะ มีกระจายไปทั่วประเทศญี่ปุ่น มีตำนานเล่าว่ามีช่างไม้ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งชื่อ ฮิดาริจินโกโร่ อ้างว่าตุ๊กตาไม้ที่เขาทำโยนลงน้ำ กลายเป็นคัปปะไปอีกตำนานก็เล่าว่า เดิมคัปปะเป็นเทพที่ดูแลแม่น้ำลำคลอง แต่เมื่อมนุษย์เลิกนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คัปปะเลยตกชั้นเป็นเพียงภูตผีธรรมดา อาจเป็นไปได้ว่าสิ่งที่มีบุคคลเห็นปีศาจชนิดนี้ คือ สัตว์บางประเภทเช่น นาก หรือ ลิงมาก้มดื่มน้ำในเวลากลางคืนก็ได้ ---------------------------------------------------------------------------------------- 「からすてんく」(Karasutenku) คะระสุเท็นกุหรือ การาสุเทนกุ หรือ นกสามขา ความเชื่อเรื่องนกสามขาที่มีอยู่ทั้งในแถบญี่ปุ่นและเกาหลีโดยทางญี่ปุ่นเชื่อว่าการาสุเทนกุ มีภาพลักษณ์ของปีศาจร้าย และมักจะสร้างพายุเข้าโจมตีผู้คนเสมอๆซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ ถูกพายุถล่มบ่อยครั้ง การาสุเทนกุเป็นข้ารับใช้ของ“ไดเทนกุ” 「だいてんく」 ซึ่งมักปรากฏภาพของไดเทนกุที่ล้อมรอบไปด้วยการาสุเทนกุ บางความเชื่อนั้นเชื่อว่าการาสุเทนกุไม่ได้เป็นผีร้ายทั้งยังเป็นปีศาจที่รักสงบและสุภาพ แต่การกระทำร้ายๆนั้น เป็นเพราะการาสุเทนกุต้องทำตามคำสั่งของไดเทนกุ ตามความเชื่อแล้วการาสุเทนกุมีแต่เพศผู้ จะอาศัยอยู่ในป่าลึก เป็นผีที่คาดเดาไม่ได้ ตามเรื่องเล่ามักจะพฤติกรรมที่คาดเดาได้ยากบางครั้งมันจะลักพาตัวเด็กๆ ไปทิ้งไว้ในป่า แล้วเฝ้ามองเด็กที่หลงทางอยู่ในป่า แต่บางเรื่องเล่าผู้คนก็บอกว่าเมื่อใดที่หลงป่าให้ขอร้องให้การาสุเทนกุช่วยแล้วมันจะนำทางออกจากป่าให้ได้ การาสุเทนกุยังชอบปล่อยข่าวลือสร้างความวุ่นวายให้มนุษย์ แต่บางคนกลับเชื่อว่าการาสุเทนกุชอบสงคราม อีกทั้งมันยังเชื่อว่ามนุษย์ไม่ควรมีอำนาจมากเกินไปเหตุการณ์การประท้วงหรือสงครามในสมัยก่อน จึงมักโทษว่าเป็นฝีมือของการาสุเทนกุที่ปล่อยข่าวลือ การาสุเทนกุสามารถเรียกพายุได้เชี่ยวชาญมนต์มายา และวิชาแปลงกาย มีพละกำลังมากทั้งยังเจนจัดการรบเป็นสมุนที่พึ่งพาได้ของไดเทนกุ ซึ่งเป็นเทนกุที่มีลำดับชั้นสูงกว่าลักษณะของการาสุเทนกุคล้ายกับมนุษย์นก ซึ่งมักไปไหนมาไหนด้วยการบินแต่ว่าไดเทนกุจะใช้วิธีเคลื่อนย้ายในพริบตา มากกว่าการบินถ้าเป็นระยะทางสั้นๆ การาสุเทนกุชื่นชมผู้กล้าที่กล้าต่อกรกับผู้นำทรราชการาสุเทนกุจะช่วยเหลือเหล่าผู้กล้า ให้สามารถสู้เพื่อความยุติธรรมได้ จึงมีคนเชื่อว่าการที่ชื่อเสียงของการาสุเทนกุเสียหายเป็นเพราะเหล่าผู้นำทรราชที่สูญเสียอำนาจใส่ความการาสุเทนกุ ดังนั้นแม้ว่าในยุคปัจจุบันมนุษย์จึงมีความยำเกรงการาสุเทนกุบางครั้งถึงกับเรียกว่าเป็น “เทพพยาบาท” เมื่อใดที่มนุษย์ลุ่มหลงในอำนาจ หรือ “ผิดคำสาบาน”การาสุเทนกุจะออกมาจากเขาแล้วทำลายผู้นั้นให้สิ้นซาก มีเรื่องเล่าหนึ่งเล่าว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่สายตาย่ำแย่มาก เล็งอะไรไม่เคยแม่นยำเลยแต่ถูกการาสุเทนกุเข้าสิง และในฝันการาสุเทนกุได้สอนวิชาดาบให้กับเด็กผู้หญิงคนนั้นจนเธอกลายเป็นนักดาบที่ร้ายกาจและมีชื่อเสียง บางข่าวลือก็เล่าว่า เหล่า “ชิโนบิ” หรือนินจาคือเหล่าผู้ที่ได้รับการฝึกฝนวิชาจากการาสุเทนกุ เรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการาสุเทนกุคือ เรื่องราวของ มินาโมโตะ โนะ โยชิซึเนะ (Minamoto noYoshitsune) ซึ่งเดิมชื่อว่า“อุชิวากะมารุ”เป็นลูกชายของ “โยริโทโมะ”ซึ่งเป็นเจ้าเมืองที่ถูกลอบสังหาร แต่อุชิวากะมารุได้รับการไว้ชีวิตอุชิวากะมารุจึงออกบวช และเร้นกายอยู่ในวัดแถบ “หุบเขาคุรามะ” 「くらま山」 มีอยู่วันหนึ่ง อุชิวากะมารุได้ไปพบกับการาสุเทนกุเข้าการาสุเทนกุรู้สึกถูกชะตากับอุชิวากะมารุ จึงสอนเพลงดาบให้ จนอุชิวากะมารุเป็นนักดาบที่เก่งกาจและสามารถรวบรวมกองกำลัง ชิงอำนาจกลับคืนมาได้เป็นผลสำเร็จ และได้เป็น “มินาโมโตะโน โยชิซึเนะ” นกสามขาที่มีลักษณะคล้ายกับการาสุเทนกุก็คืออีกาสามขา“ยะตะกะระสุ” 「やたからす」ซึ่งเป็นนกประจำตัวของ “เทพีสุริยาอะมะเตะระสุ” 「あまてらす」 และเป็นสัญลักษณ์ของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นในปัจจุบัน ---------------------------------------------------------------------------------------- 「ざしきわらし」(Zashikiwarashi) ซะชิกิวะระชิ ตามความเชื่อของญี่ปุ่นส่วนมากมักจะอยู่ในรูปเป็นเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยๆ ราวๆ 5-14 ปี อาศัยอยู่ตามห้องของบ้านที่เก่าๆและตามอาคารต่างๆ บางครั้งจะวิ่งเล่นจนผู้อาศัยได้ยินเสียงบางครั้งจะออกมาเล่นกับเด็กๆ ซึ่งผู้ใหญ่จะมองไม่เห็น ซะชิกิวะระชิยังช่วยปกป้องเจ้าของบ้านจากภยันตรายต่างๆรวมไปถึงสิ่งอัปมงคลที่จะมาย่างกรายเข้ามา ภายในบ้านที่ซะชิกิวะระชิอาศัยอยู่ เนื่องจากซะชิกิวะระชิจัดว่าเป็นผีประเภทหนึ่งและมีพลังที่น่ากลัวของ “เทพอารักษ์” ซึ่งมีทั้งคุณและโทษ มีเรื่องเล่าว่าหากซะชิกิวะระชิไปอาศัยอยู่ที่บ้านของใคร จะนำโชคลาภมหาศาล และความมั่งคั่งมาสู่บ้านหลังนั้นแต่เมื่อใดซะชิกิวะระชิจากบ้านนั้นไป ทรัพย์สมบัติและความเจริญรุ่งเรืองที่ซะชิกิวะระชินำมาจะมลายหายไปจนสิ้น และความพินาศจะมาเยือน การที่ซะชิกิวะระชิจะเลือกอาศัยบ้านหลังไหนนั้นไม่ทราบแน่ชัด แต่จะชอบเลือกบ้านที่ค่อนข้างเก่ามากกว่า สำหรับบ้านสมัยใหม่ซะชิกิวะระชิอาจจะเลือกเข้าอยู่บ้างแต่ต้องไม่มีสำนักงานในตัวบ้าน เพราะซะชิกิวะระชิไม่ชอบกิจวัตรประจำวันที่อึกทึก ผู้คนพยายามที่จะสร้างห้องไว้ให้สำหรับซะชิกิวะระชิโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามโรงแรมและสำนักงานโดยจะเป็นห้องที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาและของเล่น แต่ความพยายามดังกล่าวมักสูญเปล่า การจะให้ซะชิกิวะระชิอยู่กับบ้านใดบ้านหนึ่งนานๆต้องการการดูแลที่เหมาะสม ซะชิกิวะระชิไม่ชอบการเอาใจที่มากเกินไป เพราะว่าซะชิกิวะระชิมีนิสัยเหมือนเด็กบางครั้งก็สร้างปัญหาให้ได้เหมือนกัน การพูดคุยอย่างสุภาพเป็นวิธีที่ดีกว่าการแสดงอารมณ์โกรธเพราะความโกรธจะขับไล่ซะชิกิวะระชิไปเหมือนกัน 「たぬき」 (Tanuki)ทานุกิ เป็นสัตว์ที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เป็นปีศาจที่สามารถแปลงร่างได้โดยใช้ใบไม้แปะไว้ที่หน้าผากโดยความเชื่อนี้ปรากฏให้เห็นบ่อยๆ ตามสื่อต่างๆ เช่น การ์ตูน เป็นต้นโดยเชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ชอบดื่มเหล้าสาเกแต่จะไม่ซื้อเหล้าสาเกให้เปลืองเงินแต่จะใช้วิธีการ “แปลงร่าง” หลอกเอาเหล้ามาดื่มรักสนุก และชอบหลอกมนุษย์ด้วยการแปลงลูกอัณฑะให้มีขนาดใหญ่ด้วย มันมักจะเสกใบไม้ให้กลายเป็นเงินเพื่อหลอกตาคนเสมอๆเนื่องจากว่าของที่ทานุกิโปรดปรานก็คือ เหล้าสาเก ทั้งยังชอบเรื่องตลกขบขันและธรรมชาติที่สงบ ทานุกิเชี่ยวชาญการแปลงกายเป็นสิ่งของมากแต่กลับอ่อนเชิงเมื่อมันพยายามแปลงกายเป็นมนุษย์เพราะจะเหลือหลักฐานมากมายให้จับได้ ----------------------------------------------------------------------- 「こなきじじい」(Konakijijii) โคะนะกิจิจี้ เรื่องเล่ามีว่า ผีตนนี้จะแปลงเป็นเด็กทารกที่ถูกทิ้งร้องไห้อยู่ที่ข้างทาง เมื่อคนที่เดินผ่านมาเข้ามาอุ้มจะตกใจเมื่อเห็นใบหน้าเป็นตาแก่ ทั้งยังน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมากจนยากที่จะถือไว้ได้ อีกทั้งโดยปกติคนจะตกใจเมื่อเห็นหน้าตา และจะทิ้งลงทันที เมื่อปีศาจทารกเฒ่าตกลงพื้นก็จะหายไป ทิ้งไว้แต่เสียงหัวเราะ และผู้ที่งุนงงกับเหตุการณ์ที่ได้เจอกับผีตนนี้บางเรื่องเล่าก็กล่าวว่า หากผู้ใดไม่ตกใจกับใบหน้าของปีศาจทารกเฒ่า และพยายามอุ้มไว้ให้ได้โดยไม่ปล่อยทิ้งลงพื้นสำเร็จจะได้รับพรพิเศษจากปีศาจทารกเฒ่า ----------------------------------------------------------------------- 「ほうこう」(Houkou) โฮโค เป็นปีศาจที่น้อยคนจะรู้จักซึ่งมักจะมีเรื่องเล่าของ “โฮโค” เกี่ยวพันธุ์กับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ หรือวิญญาณของป่ามีที่มาจากประเทศจีน เรื่องเล่าเริ่มจากที่ผู้ปกครองอาณาจักรวู (Wu) ชื่อ ลูชิงชู(LuChing-shu) เป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือดินแดนฉางอัน(Chien-an)ได้ส่งผู้คนเพื่อไปตัดต้นไม้ใหญ่หลังจากขวานเฉาะเนื้อไม้ไปไม่เท่าไหร่ ก็มีเลือดไหลออกมาจากไม้เมื่อเลือดไหลถึงพื้น ก็มีสัตว์ที่มีหน้าคล้ายคน แต่ตัวเป็นสุนัขสีดำไม่มีหางปรากฏออกมา ลูชิงชู บอกว่ามันคือ Pénghoú มันจะออกมากินเลือดที่ไหลออกมาจากต้นไม้ซึ่งเป็นสิ่งที่มันโปรดปราน ที่ญี่ปุ่นเรื่องมีเล่าที่กล่าวถึงโฮโค ว่าเป็นจิ้งจอกห้าหาง โดยหางทั้งของมันเป็นตัวแทนของธาตุทั้งคือ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และทอง ทำให้จิ้งจอกห้าหางสามารถใช้พลังได้ถึงรูปแบบ สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติอื่นๆ ได้ แต่มันมักไม่ค่อยออกอาละวาดเช่นนั่นบางเรื่องเล่า ก็กล่าวว่าจิ้งจอกห้าหางเป็นวิญญาณแห่งป่าที่เหลือน้อยเต็มทีมันมีนิสัยที่รักสงบ แต่ในทางกลับกันก็มีพลังมหาศาลซึ่งควรระมัดระวังให้มาก เป็นการย้ำให้มีการเคารพยำเกรงในป่า และธรรมชาติมิเช่นนั้นจิ้งจอกห้าหาง อาจสร้างภัยพิบัติมาลงโทษได้----------------------------------------------------------------------- 「まいくび」 (Maikubi)ไมคุบิ มีตำนานเก่าแก่ที่ปรากฏในนิทานของชาวโมโมยามะเมื่อราวปี คศ.1200 เล่ากันว่าคืนหนึ่งมีซามูไร 3 ตนที่นิสัยไม่ดีนักได้แ ก่ โคซันตะ「こさんた」 มาตะชิเงะ「またしげ」 และอากุโกโร「あくころ」 ทะเลาะกันอย่างดุเดือดอยู่ริมทะเล และลงท้ายด้วยการบั่นคอของแต่ละคนจนตายกันถ้วนหน้า(บ้าดีเดือดสิ้นดีเลย = =") ตั้งแต่นั้นมาในคืนเดือนเพ็ญจะปรากฏศีรษะลุ่นๆสามหัวหรือเห็นเป็นแค่ดวงไฟ 3 ดวง ลอยหมุนติ้วเป็นวงกลมร้องตะโกนว่า “ เป็นความผิดของเจ้านั่นแหละ เชื่อกันว่าถ้าเกิดไปล้อเลียนมันเข้ามันจะตรงดิ่งเข้ามาเล่นงานทันที ----------------------------------------------------------------------- 「まくらがえし」 (Makuragaeshi)มากุระงาเอชิหรือ ผีกลับหมอน ถ้าเช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกมึนงงว่าที่นี่มันที่ไหนหรือว่าทำไมบ้านเราถึงมีบรรยากาศเปลี่ยนไป หรือสงสัยว่าทำไมชีวิตประจำวันมันช่างแปลกออกไปนั่นเป็นฝีมือของปีศาจกลับหมอน ปีศาจตนนี้จะแอบมากลับหมอนของผู้คนยามนอนหลับเมื่อคนคนนั้นตื่นขึ้นมาจะพบว่า ตนเองอยู่ในโลกที่ “ตรงข้าม” กับความเป็นจริงในอีกมิติหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยความโหดร้าย ผิดหวัง ขมขื่น เพราะปีศาจตัวนี้ชอบเห็นผู้อื่นเดือดร้อนคนที่โชคดีหน่อยอาจจะฝ่าฝันร้ายนั้นออกมาได้และตื่นขึ้นมาในมิติเดิมแต่มีหลายคนที่ถูกชักนำไปสู่มิติแห่งความตาย ความน่ากลัว 10/10 กระทู้เรื่องผีญี่ปุ่น (ภาคต่อ และ อื่นๆ) http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4721-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-3/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4720-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-2/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4719-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-1/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4714-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1
  6. เมื่อวานลงไป มีคนขอให้ลงอีกผมเลยจัดให้ครับ :D ปล.อาจจะต้องแยกกระทู้นิดหน่อยนะครับ เพราะเยอะมักๆ --_-- ปล.2 ขอบคุณเจ้าของระทู้ที่ผมไปก้อบของเขามาเพราะแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็น Wikipedia และ Dek-Dและใครเล่น Dek-Dคงจะรู้นะครับว่ามันคลิกขวาไม่ได้ (--_--) เจ้าของกระทู้เขาก้ “พิมเอง” โดยดูเนื่อหาและพิมมันสดๆนี่แหละ ต้องขอขอบคุณ คุณkil159357 มากๆเลยนะครับ ตำนานผีญี่ปู่น ใน ปี ค.ศ.1780 นักปราชญ์และศิลปินนามโทะริยะมะ เซคิเอ็น ได้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ ภูตผีปีศาจ ของญี่ปุ่น ทั้งที่สิงสถิตอยู่ตามที่ต่างๆตลอดจนที่อยู่บนสวรรค์ และ ในนรก เขาพยายามแบ่งแยก ผี ออกเป็นชนิดต่างๆตามลักษณะที่มันปรากฏร่างให้เห็น ซึ่งนับเป็นเรื่องยุ่งยากเอาการทีเดียวเนื่องจากผี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอะบะเกะ สามารถปรากฏให้เห็นได้สารพัดรูปแบบนอกจากโอะบะเกะแล้ว โทะริยะมะ ยังได้รวมเอาบรรดา ผี ปีศาจ ปอบ เปรต และ อสุรกายมาไว้เป็นพวกเดียวกัน เรียกว่า โยวไค นอกจากนั้นแล้วก็เป็นผีประเภท วิญญาณของคนตายซึ่งมีชื่อเรียกว่า ยูเร ผีญี่ปุ่นแต่โบราณมานั้นมีอยู่3 ประเภท คือ (1) โอบะเกะ Obage [ お化け] = โอบะเกะนั้นแปลตรงๆตามความหมายของมันก็คือผี ปกติจะอยู่ในรูปของกลุ่มไอหมอกประหลาดสีดำที่ล่องลองไปตามท้องถนนยามค่ำคืนซึ่งเมื่อโอบะเกะนั้นเข้าสิงสิ่งใดไม่ว่าคน สัตว์ สิ่งของ สิ่งเหล่านั้นก็จะกลายร่างเป็นผีไปทันใดเช่น ถ้ามันเข้าสิงร่มเก่าๆ ที่มีอายุกว่า 100 ปีแล้ว ร่มนั้นก็จะถูกกลุ่มไอปิศาจอาบมันจนกลายเป็นดวงตาใหญ่โตแสยะยิ้มหรือที่คนโบราณเรียกว่าผีร่ม ส่วนเวลาปรากฏตัวของโอบะเกะนั้นส่วนมากจะเป็นตอนกลางคืนมันจะล่องลอยไปในท้องถนนยามค่ำคืนและพยายามหาร่างสิงสู่ของมัน วันดีคืนดีชาวบ้านมักจะพบเกวียนเก่าที่ไม่มีคนขับวิ่งไปตามท้องถนนนั้นก็คือที่สิ่งสู่ของวิญญาณร้ายเหล่านี่... (2) โยวไค youkai [ 妖怪 ] = โยวไคนี้เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกเหล่าบรรดาภูติ ผี ปิศาจ ปอบ เปรต และอสุรกายที่มีมาแต่ช้านานซึ่งแหล่งที่อยู่เดิมของเหล่าผีพวกนี้คือขุมนรกบ้าง สวรรค์บ้าง บนโลกมนุษย์บ้าง เวลาปรากฏตัวของเหล่าโยวไกนั้นจะเริ่มตั้งแต่ยามโพล้เพล้เป็นต้นไปเช่น ช่วงที่ใกล้ค่ำแล้วท้องฟ้าจะเป็นสีแดง ชาวบ้านมักจะพูดเสมอว่าเวลานี้เป็นเวลาผีออกหากินและมีธรรมเนียมจะไม่เดินทางไกลในช่วงนี้ เหล่าโยวไคนี้มีมากมายหลายชนิด มีบันทึกเรื่องราวพิศดารนี้อยู่ตามบันทึกญี่ปุ่นเหล่าโยวไคนั้นมีมากหลาย มีทั้งแบบน่าตลกขบขันไปจนถึงน่ากลัวจนขนหัวลุก... (3) ยูเร yurea [ 幽霊 ] = ยูเรนี้เป็นวิญญาณคนที่ตายไปโดยไม่ทันได้ดับจิต หรือที่เรียกกันว่า ผีตายโหง ด้วยจิตคิดพยาบาทดั่งไฟสุมของดวงวิญญาณเหล่านี้ทำให้ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ มีตำนานวิญญาณของหญิงสาวที่โผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำเก่าเล่าขานมากมายสร้างความหวาดผวาไปทั่ว ยูเรนั้นมีอยู่ทั่วทุกแห่งไม่ว่าจะตามสนามรบเก่า ซึ่งยูเราเหล่านั้นจะเป็นชายชาตินักรบที่ตายอย่างสมศักดิ์ศรีวันดีคืนดีชาวบ้านที่เดินทางผ่านสนามรบเก่าก็จะพบเห็นเหล่ากองทัพผีซามูไร พุ่งรบกันอย่างไม่รู้แพ้รู้ชนะตามท้องถนนทั่วไปจะเป็น ยูเร ที่ตายในอุบัติเหตุทำนองเดียวกับผีตายโหง และเหล่าสัมภเวสีต่างที่ล่องลอยไปตามที่ต่างๆรอวันผุดเกิด เวลาเหมาะสมที่ ยูเร จะปรากฏตัวนั้นคือหลังเที่ยงคืนแต่ ยูเร บางตนก็สามารถปรากฏตัวลางๆได้ในเวลากลางวันและยูเรส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเพศหญิง เพราะผู้หญิงนั้นมีความอาฆาตพยาบาทที่น่ากลัวจริงๆ... 「どろたぼう」(Dorotabou) โดะโระทะโบว เป็นผีญี่ปุ่น มีเรื่องเล่ามาว่าเดิมทีวิญญาณตนนี้เคยเป็นชาวนาที่ยากจน แต่ว่าขยันขันแข็งเกิดอยู่ในยุคข้างยากหมากแพง และมีการเก็บภาษีอย่างไม่เป็นธรรมจากเจ้าเมืองซึ่งเกษตรกรเหล่านี้ มักต้องแบกภาระทั้งหมดชาวนาคนนี้พยายามเตรียมดินเพื่อทำการเพาะปลูก เขาไม่สนใจอะไรมากไปกว่าไร่นาของเขาที่จะเจริญงอกงามได้ดีเพียงใด แต่ว่ายังไม่ทันได้ปลูกเขาก็ล้มป่วยและเสียชีวิตลง ลูกชายของเขาเป็นคนเกียจคร้าน เอาแต่ดื่มเหล้าไม่ยอมสานต่อการทำไร่นาที่พ่อรักมาก จึงได้ปล่อยทิ้งร้างจนกระทั่งต้องขายที่ดินไป วิญญาณพ่อที่ตายไปจึงไม่สงบ กลายเป็นโดะโระทะโบซึ่งมีร่างกายเป็นโคลน ในวันที่มีแสงจันทร์ส่อง พวกชาวนาเสียงคร่ำครวญมากจากไร่นาไกลๆ มันเป็นเสียงของโดะโระทะโบต้องการที่ดินอันเป็นที่รักยิ่งของเขาคืน --------------------------------------------------------------------------------------------------- 「ろくろくび」(Rokurokubi) โระคุโระคุบิ หรือ สาวคอยาว เป็นเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ต้องคำสาปหรือ อาถรรพ์เมื่อตกกลางคืนจะยืดคอออกไปได้ยาวมาก มักจะเป็นเฉพาะในผู้หญิง มีพฤติกรรมที่จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์สาวคอยาวจะดูดพลังของเหยื่อที่เป็นทั้งคนและสัตว์ และจะใช้ลิ้นเลียเพื่อดับไฟตะเกียงซึ่งสาวคอยาวนั้นมักจะ เป็นผู้หญิงที่ต้องพบกับรักที่ผิดหวัง เพราะว่าเมื่อสามีมาพบว่าภรรยาตนเป็นสาวคอยาวมักจะหนีไปด้วยความหวาดกลัว ส่วนมากสาวคอยาวมักจะแฝงตัวอยู่กับคนธรรมดาได้แต่ต้องทุกข์ทรมานกับการพยายาม ซ่อนร่างจริงของตัวเอง ถึงแม้ว่าสาวคอยาวพยายามปิดบังร่างจริงแต่ความที่เป็นผีทำให้มีความรู้สึกที่จำเป็นจะต้อง แสดงร่างคอยาวออกมาเสมอๆ สาวคอยาวจึงมักจะแสดงร่างจริงออกมาต่อหน้าพวกขี้เมาหรือพวกงี่เง่าเท่านั้น สาวคอยาวไม่มีนิสัยชอบหลอกคนเหมือนผีร้ายอื่นๆ เพราะยังมีความเป็นมนุษย์อยู่มากทั้งยังคิดว่าตัวเองสามารถใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ปกติได้ บางครั้งอาการคอยาวจึงออกมาตอนหลับเท่านั้นเมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าตัวเองปวดคอ และฝันเห็นสถานที่ต่างๆ ในมุมมองที่แปลกๆ บางครั้งก็ว่าเป็นการถอดวิญาณในขณะนอนหลับแต่ว่าเป็นการถอดวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ จึงถอดออกไปได้แค่ศีรษะเท่านั้น ทำให้กลายเป็นผีสาวคอยาวขึ้นมา --------------------------------------------------------------------------------------------------- 「ゆきおんな」(Yukionna) ยูกิอนนะ หรือ สตรีหิมะ หรือ ปีศาจสาวหิมะ ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เป็นชื่อที่ใช้เรียกภูตหิมะที่มีรูปร่างเป็นสตรีที่งดงามว่ากันว่าเป็นจิตวิญญาณแห่งฤดูหนาว ซึ่งยูกิอนนะนี้ จะมีลักษณะเป็นผู้หญิงสาวสวยสวมชุดกิโมโนสีขาวสะอาด นางจะปรากฏตัวบนภูเขาหิมะในวันที่มีพายุหิมะ และหลอกล่อให้ผู้ชายที่หลงใหลในความงามของนางไปสู่ความตายเรื่องเล่าของสตรีหิมะมีหลากหลายอยู่ว่า บางครั้งเล่ากันว่าในวันที่หิมะตกหนักนักเดินทางที่โชคไม่ดี จะได้พบกับสตรีหิมะท่ามกลางพายุหิมะที่อันตรายเธอจะสวมกิโมโนสีขาว「しろいきもの」 และค่อนข้างตัวสูงบ้างก็เล่าว่าเธอสวมกิโมโนสีแดง แล้วรอยเท้าที่เธอเดิน เต็มไปด้วยคราบเลือด บางครั้งเชื่อว่าสตรีหิมะเป็นวิญญาณของหญิงที่ตั้งครรภ์ที่ตายเพราะพายุหิมะ และเมื่อใครเดินผ่านมาตามทางแล้วพบเห็นเธอเข้า เธอจะยิ้มแล้วยอมให้คนนั้นอุ้มลูกเหยื่อจะไม่สามารถปล่อยลูกของเธอได้เมื่ออุ้มแล้ว และลูกของเธอจะหนักขึ้นและเย็นจนแข็งทำให้เหยื่อขยับไปไหนไม่ได้ และจะจมหิมะตาย ทว่าเรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงของสตรีหิมะเป็นเรื่องที่มีอยู่ว่า ชายตัดฟืน 2 คน คนหนึ่งยังหนุ่มส่วนอีกคนค่อนข้างมีอายุ ติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะไม่สามารถกลับได้ จึงต้องหาที่พักซึ่งเป็นกระท่อมร้างเพื่อหลบหิมะก่อนเมื่อทั้งคู่หลับลง กลางดึกนั้นมีเพียงชายคนที่อายุน้อยกว่ากึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นผู้หญิงที่สวมกิโมโนสีขาวหน้าตาซีดเผือด และมีแววตาที่น่ากลัว เป่าลมหายใจใส่ชายคนที่มีอายุกว่า ชายคนที่อายุน้อยกว่าตกใจมากจนพูดไม่ออกแล้วสตรีหิมะก็เข้ามากระซิบว่าเธอจะไว้ชีวิตเขา ตราบเท่าที่เขาไม่แพร่งพรายเรื่องของเธอให้ใครรู้แล้วสตรีหิมะก็หายตัวไป เขาพบว่าชายคนที่สูงวัยกว่าได้แข็งตายไปแล้ว หลังจากนั้น1 ปีให้หลังเขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ค่อนข้างสูง หน้าตาซีดเผือดแต่เป็นผู้หญิงที่หน้าตาดี เขาตัดสินใจแต่งงานและอยู่กินกับเธอถึงแม้ว่าเธอจะมีลูกกับเขาถึง 10 คน แต่ความงามของเธอไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยซักนิดเดียววันหนึ่งสามีก็เกิดหลุดปาก เล่าเรื่องสตรีหิมะออกมาให้เธอฟัง เมื่อเธอได้ยิน เธอก็คืนร่างกลับเป็นสตรีหิมะตนเดิมตนเดียวกับที่สามีเคยเจอ ด้วยความเป็นมนุษย์ ฝ่ายสามีเกิดหวาดกลัวภรรยาแต่เพราะว่าเธอเห็นแก่ลูกๆ จึงไว้ชีวิตสามีแล้วหายตัวไป หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้พบกับสตรีหิมะนางนั้นอีกเลย ส่วนใหญ่แล้ว เรื่องเล่าของ ยุกิอนนะ จะปรากฏในทางตอนเหนือของเกาะญี่ปุ่นเสียเป็นส่วนมากไม่ว่าจะเป็นทางแถบฮอกไกโด หรือทางแถบจังหวัดอิวาเทะ 「いわて」 เนื่องจากทางตอนเหนือของญี่ปุ่นจะมีอากาศหนาวเย็น และมีหิมะปกคลุมอยู่เกือบตลอดทั้งปีจึงมีเรื่องเล่าขานของยูกิอนนะ มากกว่าท้องที่อื่นๆและนอกจากนี้เกมออนไลน์ชื่อดังอย่างเทลส์รันเนอร์ยังใช้เรื่องของสตรีหิมะมาทำเป็นการแข่งขันโดยใช้ชื่อเจ้าหญิงหิมะ แต่ยังไงก็ไม่น่ารักเท่าตัวนี้แน่นอน มีคนถามถึงปิศาจหิมะ เลยไปหามาให้ครับ :) 「くちさけ おんな」(Kuchisake onna) คุชิซาเกะอนนะ หรือ สาวปากฉีก เป็นผีญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงอีกตนหนึ่งลักษณะของสาวปากฉีกคือ ปากจะฉีกถึงใบหูเรื่องเล่าของสาวปากฉีกมีทั้งฉบับดั้งเดิมกับฉบับปัจจุบัน ตำนานสาวปากฉีกในสมัยเฮอันเล่ามาว่ามีหญิงสาวที่งดงามยิ่งนัก ไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน เป็นภรรยาของซามูไรที่ มีชื่อเสียงแต่โชคร้ายที่สามีของเธอ สงสัยว่าเธอจะไปมีชู้ ด้วยความโกรธจึงใช้ดาบคาตานะตัดปากของเธอจนฉีกถึงใบหู เพื่อทำลายความงามของเธอ พร้อมทั้งถากถางว่า อย่างนี้แล้วใครจะคิดว่าเธองดงามอีก สาวปากฉีกเมื่อตายไปจึงกลายเป็นวิญญาณพยาบาทมีพฤติกรรมที่น่ากลัว คือ มักจะยืนอยู่ตรงริมถนน ในช่วงเย็นๆถึงค่ำ ในวันที่หมอกลงและจะสวมผ้าปิดปากไว้ พอใครเดินผ่านมาจะเข้าไปทัก แล้วถามว่า “ฉันสวยมั๊ย?” ถ้าตอบกลับไปว่าก็สวยนิแล้วสาวปากฉีกจะถอดผ้าปิดปากออก แล้วถามอีกครั้งว่า แล้วแบบนี้ละ? เหยื่อที่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของสาวปากฉีกถ้าตกใจแล้วพยายามวิ่งหนี สาวปากฉีกจะวิ่งไล่ และหนียังไงก็หนีไม่พ้น สาวปากฉีกจะเล่นงานเหยื่อโดยจะตัดให้ปากฉีกเหมือนเธอเชื่อกันว่าหากถูกสาวปากฉีกวิ่งไล่ให้โยนขนมหวานชื่อ ดังจะดึงความสนใจสาวปากฉีกไปที่อื่นได้ และยังมีเรื่องเล่าต่อเนื่องในการตอบคำถามของเธอครั้งที่สองหากตอบว่าไม่สวยเธอก็จะวิ่งไล่และเล่นงาน แต่หากตอบว่า ก็ดูปกติดีนี่ ก็สวยดีนี่สาวปากฉีกจะพอใจและไม่ทำร้ายเหยื่อ แล้วจากไปแต่โดยดี สาวปากฉีกจะเป็นอันตรายกับมนุษย์หรือไม่แล้วแต่สถานการณ์ เธอมีความรวดเร็วสูง และใช้มนต์มายาได้เล็กน้อยชื่นชอบเวลาได้รับคำชม หรือรู้สึกว่าตัวเองสวย เกลียดคนที่พูดโกหก และคนที่กลัวเธอ เอาเป็นว่าถ้าใครเจอเธอก็บอกเธอไปว่าสวยไว้นะคะไม่ว่าในใจคุณจะคิดว่าอะไรอยู่ก็ตามแต่ถ้าไม่อยากตายละก็นะ ^^” ---------------------------------------------------------------------------- 「のっぺらぼう」(NopperaBou) นปเปะระโบว หรือ ผีไม่มีหน้า เป็นผีญี่ปุ่นอย่างหนึ่งที่ไม่มีใบหน้ามีแต่หน้าเกลี้ยงๆ คล้ายไข่ ซึ่งแม้แต่ตา จมูก ปาก ไม่มีบนใบหน้าเลย ผีตนนี้มักเที่ยวหลอกหลอนคนผ่านทางในเวลากลางคืนมีตำนานที่เล่าขานในจังหวัดอิวาเตะ「いわて」ประเทศญี่ปุ่น บางครั้งก็เรียกผีตนนี้ว่า "มุจินะ"「ムジナ」 ตามตำนานเกิดขึ้นที่เนินทางแห่งหนึ่งในจังหวัดอิวาเตะ ในเวลากลางดึกมีชายคนหนึ่งได้เดินทางผ่านบริเวนดังกล่าวเพื่อที่จะเข้าไปในเมือง ได้พบหญิงสาวสวมชุดญี่ปุ่นคนหนึ่งมีท่าทางร้องไห้ราวกับจะกระโดดลงแม่น้ำเพื่อฆ่าตัวตาย ชายคนดังกล่าวจึงพยายามเข้าไปปลอบใจและเข้ามากอด และตกใจเมื่อพบว่า “ใบหน้าของเธอไม่มีหน้า” หน้าเกลี้ยงเหมือนไข่ปลอกจึงวิ่งหนีไป ราวกับว่าเธอจะวิ่งตามมาด้วย จนกระทั่งเขาได้มายังร้านบะหมี่แห่งหนึ่ง เจ้าของร้านได้ถามว่าไปเจออะไรมา เขาตอบว่าเจอผีไม่มีหน้า เจ้าของร้านจึงถามว่า"ลักษณะเป็นแบบนี้ใช่ไหม?"และเจ้าของร้านบะหมี่ลูบหน้าจนหน้าหายกลายเป็นผีไม่มีหน้าอีกตนชายคนนั้นจึงตกใจและวิ่งหนีออกไปจากร้าน เรื่องราวที่เกี่ยวกับผีไม่มีหน้านั้นมักจะเป็นผีที่มาหลอกคนที่เดินผ่านทางในเวลากลางคืน และเป็นตำนานในสมัยเอโดะ ---------------------------------------------------------------------------- 「さらやしき」(Sarayashiki)ซะระยะชิกิหรือ โอคิคุ 「おきく」 หรือ ผีนับจาน เป็นเรื่องเล่าของวิญญาณที่จะออกมาจากบ่อเก็บน้ำและเริ่มนับจานตั้งแต่ 1 ใบจนถึง 9 ใบแล้วจะร้องไห้อย่าง หัวใจสลายซึ่งที่มาก่อนที่โอคิคุจะกลายเป็นผีนั้นมีหลายเรื่องเล่า บางเรื่องกล่าวว่าโอคิคุทำจานของเจ้านายแตกเจ้านายโมโหมากจึงฆ่าโอคิคุทิ้งแล้วเอาศพทิ้งลงบ่อน้ำ เรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงของโอคิคุมีที่มาจากเธอเป็นสาวใช้ของอาโอยาม่า ผู้ที่หวังจะโค่นล้มอำนาจของเจ้าเมือง โอคิคุบังเอิญไปได้ยินแผนการเข้าเธอจึงไปเล่าให้คนรักของเธอฟัง ซึ่งคนรักของเธอเป็นทหารเจ้าเมือง แผนการของอาโอยาม่าจึงถูกเปิดโปงและล้มเหลวในที่สุดเมื่ออาโอยาม่ารู้ว่าโอคิคุเป็นคนแอบได้ยินเรื่องแผนการ เป็นต้นเหตุทีทำให้แผนล้มเหลวอาโอยาม่าจึงวางแผนจะสังหารเธอซะ อาโอยาม่าจึงใส่ความโอคิคุว่าเธอขโมยจานที่ล้ำค่าไป 1 ใบซึ่งในชุดจานนั้นจะมี 10 ใบด้วยกันโอคิคุถูกทรมานจนตาย และถูกทิ้งศพลงบ่อน้ำ บ่อน้ำของโอคิคุสันนิษฐานว่าอยู่ที่ปราสาทฮิเมจิแต่ก็มีที่อ้างถึงอีกแห่ง คือ บ่อน้ำของสวนในสถานทูตประเทศแคนาดาที่กรุงโตเกียว ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินของตระกูลอาโอยาม่าประวัติความเป็นมาของผีนับจาน ในสมัยอดีต มีขุนนางผู้หนึ่งชื่อ อาโอยามา ชุเซ็นอาศัยอยู่ที่บ้านบันโซ ในเอโดะ อยู่มาวันหนึ่ง สาวใช้ชื่อ โอคิกุ ได้เผลอทำจานของเจ้านายแตกใบหนึ่งซึ่งจานใบนั้นเป็นหนึ่งในชุดจานอันล้ำค่าทั้งสิบใบซึ่งนำเข้ามาจากเมืองนาน กิงของจีนมีราคาสูง อาโอยามะ ชุเซ็น กับภรรยาซึ่งทั้งคู่มีนิสัยเหี้ยมโหด พวกเขาได้ร่วมกันโยนโอคิกุที่ร้องขออภัยโทษลงในบ่อน้ำ แล้วปล่อยให้ตาย หลังจากนั้นก็ได้แจ้งต่อราชการว่าเธอตายเพราะป่วยหลังจากนั้น สิ่งที่น่าสะพรึงกลังก็เกิดขึ้น ในเดือนพฤษภาคมของปีนั้นภรรยาของชุเซ็น ได้คลอดลูกชาย แต่เด็กกลับไม่มีนิ้วกลางที่มือขวา ซึ่งขาดไปหนึ่งนิ้วในบรรดาสิบนิ้วนอกจากนั้นก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นอีกมากมาย ทั้งเรื่องที่บ้านของขุนนางชุเซ็น ถูกปกคลุมไปด้วยอากาศเย็นยะเยือกและตอนกลางคืนก็จะมีไฟประหลาดออกมาจากบ่อน้ำที่โอคิกุ ตาย แล้วมีเสียงอันน่าขนลุกของผู้หญิงว่า"หนึ่งใบ สองใบ สามใบ สี่ใบห้าใบ หกใบ เจ็ดใบ แปดใบ เก้าใบ...สะอึกสะอื้น..."คนรับใช้คนอื่นก็พากันลาออกไปกันหมดดังนั้นเวลาชุเซ็น จะจ้างคนรับใช้คนใหม่ก็ไม่มีคนมาสมัคร เพราะทุกคนรู้ข่าวลือเรื่องนี้กันหมดไม่นานนก ทางราชการก็รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้กำหนดบทลงโทษชุเซ็น นี่คือเรื่องราวที่อยู่ในหนังสือเรื่อง "บันโชซารายาชิกิ" (บ้านจานของบันโช)ซึ่งมีไฟประหลาดที่นับจำนวนจานซึ่งออกมา จากน้ำนั้น เรียกว่า ซาราคาโซะเอะ (ปีศาจนับจาน) ---------------------------------------------------------------------------- 「あかなめ」(Akaname) อะคะนะเมะ หรือ ผีเลียสิ่งโสโครก เป็นผีที่ มีลิ้นยาว ชื่อของอะคานาเมะ อาจมากจากลักษณะตัวของมันที่ค่อนข้างเล็ก และมีสีแดง ซึ่ง  akai「あかい」 ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า สีแดง เรื่องเล่าของมันมักเล่าว่า ปีศาจตนนี้จะปรากฏตัวที่ห้องน้ำที่สกปรกถูกทิ้งโดยไม่ได้ทำความสะอาด โดยมันจะใช้ลิ้นเลียสิ่งสกปรกเหล่านั้น จึงมีผู้เล่าว่าในยามค่ำคืนที่ได้ยินเสียงแปลกๆจากห้องน้ำ บางทีอาจไม่ใช่เสียงของแมลงสาบ แต่จะเป็นเสียงของอะคานาเมะก็ได้ สำหรับอะคานามะห้องน้ำจะสกปรกหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อะคานาเมะจะชอบห้องน้ำที่สกปรกมากกว่า ซึ่งอะคานาเมะชอบเลียคราบสกปรกที่พื้นห้องน้ำมากมักจะออกมาเลียห้องน้ำตอนที่ผู้คนหลับหมด ถ้ามีใครเข้าไปใกล้ มันจะหนีหายอบ่างรวดเร็วจึงไม่ง่ายนักที่จะพบเห็นปีศาจประเภทนี้ ---------------------------------------------------------------------------- 「いぬがみ」(Inugami) อินุงามิ อินุงามิ เป็นวิญญาณสุนัขที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย ซึ่งเมื่อมันกลายเป็น ”อินุงามิ”จะมีพลังสามารถตรวจจับวิญญาณตนอื่นได้และบางตนยังสามารถขับไล่วิญญาณร้ายที่อริกันได้ แต่อินุงามิก็มีความดุร้ายเช่นเดียวกับหมาป่า เรื่องเล่าเกี่ยวกับวิธีการสร้าง“อินุงามิ” มีได้หลายวิธี บางวิธีกล่าวว่าวิญญาณของสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักสามารถเรียกมาอยู่ในรูปของ “วิญญาณผู้พิทักษ์”ได้ บางเรื่องเล่ากล่าวว่าวิธีการสร้างอินุงามิ คือ การทำให้สัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักตายด้วยน้ำมือของเจ้านายที่มัน ”ไว้ใจ”นำศพไปฝังไว้ที่ทางแยกแล้วทำพิธีร่ายอาคม จะสามารถสร้างอินุงามิที่ทรงพลังที่สามารถไปไหนมาไหนได้เองโดยอิสระ มีแต่“องเมียวจิ” ที่มีพลังสูงส่งจริง จึงสามารถควบคุมอินุงามิที่ถูกสร้างขึ้นโดยวิธีนี้ได้ วิธีการสร้างอินุงามิอีกวิธีหนึ่งเล่าว่า ให้ผูกสุนัขที่หิวจัดไว้แล้ววางชามอาหารล่อไว้แต่ให้กินไม่ถึง เมื่อความอยากอาหารของมันขึ้นถึงขีดสุด ก็ให้“ตัดหัว” ซะ จะได้อินุงามิที่ทรงพลังและดุร้ายมาก ในบางครั้งองเมียวจิที่เรียกอินุงามิมาใช้จู่โจมศัตรูอาจนึกเสียใจภายหลังที่ “สร้างอินุงามิ” ขึ้นมา เพราะมันจู่โจมอย่างโหดเหี้ยม ไร้ความปราณี ดังนั้นผู้ที่ใช้อินุงามิได้เต็มประสิทธิภาพจึงจำกัดอยู่แค่“องเมียวจิชั้นสูง” เท่านั้น คนที่พลังไม่เข้าขั้น หากจะใช้อินุงามิอาจต้องเสียงใจภายหลัง เพราะอินุงามิไม่ได้ควบคุมได้ง่ายๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นอินุงามิที่สร้างอย่างถูกวิธีจนเป็น“วิญญาณผู้พิทักษ์” แต่หากปราศจากเจ้านายหรือได้รับการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมมันก็อาจทอดทิ้งเจ้านายและสามารถออกอาละวาดได้เอง การใช้อินุงามิมักเป็นทางเลือกสุดท้ายของวิชามนต์ดำเพื่อเล่นงานใครสักคนที่ไม่สามารถหาทางอื่นเล่นงานได้แล้ว การเรียกอินุงามิ ต้องการการบูชายัญหนึ่งชีวิตด้วยมือของตัวเอง เมื่อหนึ่งชีวิตดับลงจะได้อินุงามิกลับมาแต่ก็เป็นวิญญาณที่เต็มไปด้วย“ความแค้น” และไม่สามารถควบคุมได้ง่ายๆถ้าไม่มีการเตรียมการอย่างดีพร้อมซึ่งไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าของที่ไม่สามารถควบคุมอินุงามิได้จะพบความยากลำบากในการกำจัดอินุงามิทิ้ง ถึงแม้ว่าจะพยายามนำไปทิ้งที่เกาะร้างก็ไม่ช่วยให้รอดพ้นจากคำสาปอินุงามิไปได้ ซึ่งจะทำให้เจ็บป่วยอย่างประหลาดมีเพียงหมอมนต์ที่มีพลังเยียวยาสูงจริงจึงจะสามารถแก้คำสาปอินุงามิได้ อินุงามิบางตนสามารถอยู่ในร่างของมนุษย์ได้ทั้งยังสามารถสืบสายเลือดกับมนุษย์ได้อีกด้วย บางพวกเชื่อว่ายังอยู่ในสังคมเดียวกับมนุษย์ อันเนื่องมาจากว่าได้รับการปลดปล่อยจากเจ้านาย คนธรรมดาบางคนที่มีพลังพิเศษอาจสืบสายเลือดมาจาก “อินุงามิ” ก็ได้เช่นเดียวกับที่บางคนอาจสืบสายเลือดมาจาก “ปีศาจจิ้งจอก” ปล.อินุงามิ อันนี้เป็นเครดิตจาก dek-d ค่ะ ก็อปก็ไม่ได้ค่ะ คือเอาเป็นว่าคลิกเมาส์ขวาไม่ได้เลยละค่ะ ไปหาจากในวิกิไม่มี ก็เลยต้องมานั่งพิมพ์เองทั้งหมดตั้งแต่ต้น ถ้ามีตรงไหนพิมพ์ผิดไปหน่อยหรือตกตัวไหนไปก็ขอโทษด้วยนะค่ะ บางทีมันตาลายน่ะค่ะ ^^” กระทู้เรื่องผีญี่ปุ่น (ภาคต่อ และ อื่นๆ) http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4721-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-3/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4720-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-2/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4719-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-1/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4714-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1
  7. 10 อันดับ คนที่โหดมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก 10 : Atilla the Hun แอตทิล่า เดอะ ฮัน ทรงเป้นข่านแห่งฮันช่วงปี 434-453 ในฐานะที่พระองค์ทรงเป้นประมุขแห่งจักรวรรดิฮันที่มีอาณาเขตลากยาวมาตั้งแต่เยอรมันนีถึงแม่น้ำอูราล และตั้งแต่แมน้ำดาร์นูบถึงทะเลบอลติค ซึ่งในยุโรปตะวันตกกล่าวถึงเขาไว้ในฐานะของความโหดร้าย การรุกรานของกองทัพขนาดมหึมาของแอตทิล่า เดอะ ฮั่น ผ่านทาง ออสเตรีย เยอรมัน ข้ามแม่น้ำไรน์ จนไปถึง กอลด์(ฝรั่งเศสในปัจจุบัน)ถือว่าเป็นการโจมตีแบบชาวไร้อารยธรรม ในช่วงสุดท้ายของชีวิต แอตทิล่า เดอะ ฮั่น นอนจมกองเลือดของตัวเองในคืนแต่งงาน (มีเรื่องเล่าว่าแอตทิล่า เดอะ ฮั่น เคยชอบหัวหน้านักบวชหญิงของอารมแห่งหนึ่ง เขาเฝ้าขอความรักจากนางด้วยทุกอย่างที่จะหามาได้ แต่นางก็ปฎิเสฐเขาเรื่อย มาจนกระทั้งเขา สั่งให้นำพวกนักบวชรวมทั่งเธอด้วย ไปประหารและเผาอารามของพวกเธอ) 9 : Maximilien Robespierre ผู้นำการปฎิวัติฝรั่งเศส โรเบิร์ตปิแอร์ เป็หนึ่งในพวกที่สนับสนุนให้รัฐบาลเฉพาะการฝรั่งเศสประหารพระเจ้าหลุยส์ที่16รวมทั้งพระนางมารีอองตัวเนตและเชือ้พระวงศ์อื่นๆอย่างไม่มีการตัดสิน(คือจริงๆก็มีแต่มีพอเป็นพิธีเท่านั้นเพราะหลักฐานปลอมทั้งนั้น) และเป็นผู้อยุ่เบื้องหลังยุคการปกครองด้วยความกลัว เขาเป็นผู้ออกคำสั่งประหารคนไป18500-40000คน และผู้ที่ถูกประหารนี้ก็เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า กบฎ หรืออื่นๆ สุดท้าย เขาก็โดนข้อกล่าวหาซึ่งตรงกับกฎข้อหนึ่งที่เขาบัญญัติเอาไว้ว่าด้วยเรืองความยุติธรรมจึงถูกประหารด้วยกิโยตินโดยไม่มีการตัดสินคดีในปี1794 8 : Ayatollah Khomeini ท่านเป็นผู้นำทางศาสนาของอีหร่านจากปี1979-1989ผู้ยุยงให้เกิดการทำปฎิวัติโค่นล้มพระเจ้าซาร์แห่งอีหราน ท่านเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่นักโทษในเรือนจำในปี1988 ซึ่งในกลุ่มนั้นก็ได้มีสมาชิกกลุ่ม มูจาฮิดินต่อต้านสาธารรัฐอิสลาม และเท่าที่จะมีการบันทึกไว้ท่านเกี่ยวข้องกับการตายของนักกิจกรรมทางการเมืองถึง 30000คน ท่านเกลียดประชาธฺปไตยมาก ถึงขนาดได้กล่าวไว้ว่า ผู้ใดที่คิดจะนำการคอรัปชั่นเข้ามาในนามของประชาธิปไตย คนผู้นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าชาวยิวส์และจะต้องถูกแขวนคอ สุดท้ายโคไมนี่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในวัย 86 ปิดฉากผู้นำการกู้ชาติ 7 : Idi Amin Dada ผู้นำทางการทหารของอูกันดาที่ประกาศตัวเองเป้นประธานาธิบดีชั่วชีพ(President for life) โดยอำนาจทางการทหารเข้ามาในปี1971 เขาเป็นผู็ที่มีส่วนเกี่ยวจ้องในการประหารและขับไล่ผู้ที่ไม่ใช้ชาวอูกันดาออกนอกประเทศ รวมถึงมีส่วนเกี่ยวพันกับการสังหารคนจำนวน80000ถึง500000คน นอกจากนี้แล้วเขายังออกคำสั่งขับไล่ชาวเอเชียที่ส่วนมากถือพาสปอร์ตอังกฤษให้ออกไปจากอูกันดา แม้ว่าในภายหลังเขาจะถูกโค่นอำนาจและถูกเนรเทศออกนอกประเทศ แต่ในภายหลังรัฐบาลอูกันดายอมรับที่จะให้ฝั่งศพของเขาในอูกันดาแม้ว่าเขาจะถูกฝั่งในซาอุดิอาราเบียแล้วก็ตาม 6 : Leopold II พระองค์ทรงเป้นกษัตริย์ของเบลเยี่ยมที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากเบลเยี่ยม ทำให้พระองค์ทรงเปิดโครงการ รัฐอิสระคองโก ในทวีปแอฟริกา ซึ่งเป้นดินแดนที่มีขนาดมากกว่าประเทศเบลเยี่ยมของพระองค์ 76เท่าและทรงปกคครองในฐานะเจ้าของที่ดินอย่างมีอำนาจจเต็มที่ทำให้พระองค์สามารถทรมานคน(ทาส)ของพระองค์ให้ทำงานหนักอย่างที่จะหนักได้ โดยที่มีกองกำลังของพระองค์เองคอยควบคุมอยู่ ผู้ที่คิดจะต่อต้านมักจะถูกทรมานหรือไม่ก็ถูกสังหารอย่างโหดมแต่ทุกอย่างนี้เพื่อทำให้พระองค์เป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลกเท่านั้นเอง 5 : Polpot จอมเผด็จการพอล พต แห่งประเทศกำพูชาที่เป้นนายกรัฐมนตรีช่วงปี1976-1979 ในช่วงที่พอล พตเป้นรัฐบาลนั้นสนับสนุนการทำงานแบบคอมมิวนิสต์ ซึ่งทุกคนะต้องทำงานเยี่ยงทาส ซึ่งนำมาสู่ความตกต่ำในด้่านสาธารณะสุข และการขาดแคลนอาหาร รวมถึงการประหารเพื่อลดจำนวนประชากร ซึ่งในยุคของพอล พต นั้นได้ประหารชาวเวียดนาม ไปถึง 2ล้านคน (คิดเป้นจำนวนประชากร1ใน3ของประเทศขณะนั้น) และกลุ่มของพอล พตนั้น ได้ทำการสังหารขึ้นที่บริเวณที่เรียกว่า ลานสังหาร และเพื่อที่จะประหยัดกระสุนการประหารนั้นจะใช้อุปกรณ์ ดังนั้น ขวาน ค้อน พลั่ว มีดโกน หรือ ไม้ไผ่ที่เหลาอย่างแหลม 4 : Vlad III พระองค์ทรงเป้นเจ้าชายแห่งวาเลนเซียร์ถึงสามครั้งระหว่างปี1448-1476 พระองค์เป็นที่รู้จักดีด้านตำนานความหฤโหดด้านการทรมานคน ซึ่ง เบรม สโตร์กเกอร์ได้ไอเดียนำไปแต่งเป็นนิยายเรื่อง Dracula แม้ว่าลึกๆแล้วพระองค์ก็มีความยุติธรรมอยู่บ้าง แต่การทรมานของพระองค์นั้นก็สุดรับได้ เช่น การใช้ม้าแยกร่าง(เหมือนหนังจีน) ตอกตะปูลงบนหัว ตัดแขนและขา บีบคอ จับเผาสด ควักลูกตา ตัดจมูกตัดหู ทำให้อวัยวะเพศพิการ ถลกหนัง และ การต้มในน้ำเดือดทั้งๆที่ยังมีชีวิต มีหลักฐานชี้ว่ายุคของพระองค์ทรงมีการตัดหัวเสียบประจานถึง 1แสนคนด้วยกัน 3 : Ivan the Terrible พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองพระองค์แรกที่ใช้คำนำหน้าว่าซาร์แห่งรัสเซีย ในปี1570พระองค์สั่งให้ก่อกำแพงเมืองให้สูงเพื่อกันประชาชนหลบหนี และนำประชาชนอย่างต่ำ500-1000คนมาทรมานต่อหน้าพระองค์และพระโอรส พระองค์ทรงประหารชีวิตของราชินีตัวเองหลายๆคน รวมทั้งทรงสังหารลูกสะใภ้ของพระองค์เนื้องจากแต่งกายไม่เรียบร้อย รวมถึงพระองค์ทรงโมโหพระโอรสองค์โปรดพระองค์อย่างมากจนเอาไม้เท้าฟาดหัวองค์ชายคนนั้นตายคาที่ 2 : Adolf Hitler ในเมื่อพูดถึงผู้ที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เราจะลืมพี่หนวดจิ้ม ฮิตเลอร์ได้อย่างไร ฮิตเลอร์เป็นสมุหนายกแห่งเยอรมันในปี1933ก่อนที่จะประกาศตัวเองเป้น ท่านผู้นำในปี1934จนกระทั้งเขาฆ่าตัวตายในปี1945ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดสงครามโลก เขาเป้นผู้ที่เป็นต้นเหตุการสังหารผู้คนกว่า10ล้านคนซึ่ง6ล้านในนั้นเป้นชาวยิว ทุกอย่างสิ้นสุดลงในวันที่30 กรกฎาคม ปี 1945 เมื่อกองทัพโซเวียตได้บุกเข้าไปในกรุงเบอร์ลิน บีบให้อฺตเลอร์ฆ่าตัวตาย 1 : Joseph Stalin สตาร์ลินเป้นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสแห่งสหภาพโซเวียตจากปี1922-1953 ภายใต้การนำของสตาร์ลิน ยูเครนได้รับความขาดแขลนอาหารครั้งใหญ่ซึ่งเชื้อว่าเป็นผลมาจากการทำลายพืชผลของรัฐบาลสตาร์ลินซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต2.5ล้าน-10ล้านคน รวมถึงการกวาดล้างผู้ที่มีท่าทีคุกคามต่อความเป้นรัฐบาลสตาร์ลินในยุคนั้นซึ้งรวมๆแล้วมีผู้เสียชีวิตประมาณ 10ล้าน-60ล้านคน
  8. 「まゆんがなし」 (Mayunganashi) มะยุนกะนะชิ มะยุนกะนะชิ เป็นเทพเจ้าที่ชอบเดินทางไปเยี่ยมตามบ้านเรือนต่างๆที่ได้ถูกเล่าขานกันมาในจังหวัดโอะกินะวะ มะยุนกะนะชินั้นมาจากทะเลอันไกลโพ้นมักชอบไปเยี่ยมตามบ้านเรือนเพื่อแบ่งปันความสุข ความรุ่งเรือง ความอุดมสมบูรณ์ และความมีอายุยืนยาวให้แก่กัน ว่ากันว่า มะยุนกะนะชิ จะมาเยือนในช่วงเดือนกันยาตามปฏิทินตามจันทรคติในช่วงนี้พวกวัยรุ่นจะวนเวียนกันไปตามบ้านต่างๆ เป็นคู่ๆโดยแต่งตัวด้วยเสื้อกันฝนที่ทำจากฟาง (หรือ みの “มิโนะ” นั่นเอง) แล้วใส่งอบไว้ที่หัวพร้อมกับปกคลุมร่างกายด้วยฟาง เวลาไปเยี่ยมก็จะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของบ้านอย่างดี เชื่อกันว่า มะยุนกะนะชิ จะมาเยือนในคืนที่มือสนิทเท่านั้น งานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ มะยุนกะนะชิอยู่ที่ คะวะบิระ โดยเชื่อกันว่าวันแรก มะยุนกะนะชิ จะไปเยี่ยมชาวบ้านในแต่ละบ้านเช้าวันที่สอง ชาวบ้านจะถวายการแสดงต่างๆ เพื่อให้เทพเจ้ารับชม และจะมีเชิดสิงโตพอวันที่สี่ ก็จะมีพิธีกรรมในการส่งเทพเจ้ากลับสู่สวรรค์ ตามตำนานเล่าว่าในสมัยอดีตมีเทพเจ้ามาปรากฏกายขึ้นที่ไนบุยะที่อยู่ทางใต้ของหมู่บ้านคะวะบิระแล้วก็ได้มอบความรัก ความเมตตา ความอุดมสมบูรณ์เพิ่มพูนให้แก่ชาวบ้าน มะยุนกะนะชิจัดว่าเป็นเทพเจ้าที่ไปเยี่ยมตามบ้านประเภทหนึ่ง ที่คนในเกาะทางใต้เคารพนับถือกันคาดว่ามะยุนกะนะชิคงจะเป็นประเภทเดียวกันกับเทพเจ้าทั้งหลายที่ชอบเยี่ยมชาวบ้านเช่น ฟุซามาระ ของเกาะ ฮาเทรุมะ ,ปันทู ของ ชิมาจิริ ในเกาะ มิยาเกะ ,นามาฮาเกะและสุเนกะ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ -------------------------------------------------------------------------------------------------- 「しすかもじ」 (Shitsukamoji) ชิซึคะโมจิ เป็นปีศาจที่ส่งเสียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้นมีเรื่องที่ชาวบ้านมาซึโกะ ของจังหวัดโมจิกิเล่าสืบกันมาว่า ตอนกลางดึก พอได้ยินเสียง “ตุบ ตุบ”คล้ายกับเสียงตำแป้งข้าวเหนียวเหมือนเวลาทำแป้งข้าวเหนียวโมจิ ผู้เฒ่าแก่บอกว่า “ถ้าเสียงนั้นค่อยๆเข้ามาใกล้แล้วละก็ แสดงว่าโชคลาภจะเข้ามา แต่ถ้าเสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปก็แสดงว่าโชคลาภกำลังจะจากไป” กล่าวกันว่าใครที่ได้ยินเสียงนี้เข้ามาใกล้ก็ให้รีบหยิบกระด้งฝัดข้าว และเอามือไปไว้ด้านหลังสมบัติจะมาอยู่ในนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครๆ จะได้ยินเสียงนี้ได้ บางคนก็ได้ยินบางคนก็ไม่ได้ยิน ในหนังสือเรื่อง “ようかいだんぎ” (โยคัยดังกิ) [เรื่องปีศาจ] ที่นักปราชญ์ท้องถิ่นชื่อยานากิดะ คุนิโอะ ได้แต่งไว้ ได้เรียกเสียงนี้ว่า “คะคุเระซะโตะโนะโคะเมะซึกิ”(เสียงสีขาวที่คู่เระซะโตะ) ใครได้ยินเสียงนี้จะรวย -------------------------------------------------------------------------------------------------- 「えまのせ」 (Emanose) เอะมะโนะเซะ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายคนหนึ่งชื่อ โดอัน โคะมะงะตะ เข้าได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับกระดานไม้ภาพม้าเพื่อการขอพร วันหนึ่งเขาติดฝนตกอยู่นอกบ้านแล้วไม่สามารถกลับบ้านได้“แย่แล้ว แถวนี้ไม่มีที่พักซะด้วย...” โดอันจึงเข้าไปในศาลเจ้าใกล้ๆ เพื่อหลบฝนแต่ฝนก็ไม่ยอมหยุดเสียที โดอันจึงเผลอหลับไปพักใหญ่ พอรู้ตัวอีกทีฟ้าก็สางแล้วโดอันมองไปรอบๆ ภายในศาลเจ้าที่มืดครึ้ม สังเกตว่ามีชายชราที่ดูเหมือนวิญญาณนั่งอยู่มุมห้อง โดยปกติแล้วต้องตกใจ แต่ตอนนั้นโดอันไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดชายชราคนนั้นเห็นโดอันที่อยู่ในอาการงงงวย จึงส่งสายตาอ่อนหวาน “ฮ่าๆๆ ท่าทางคุณจะชอบกระดานไม้ภาพม้ามากซินะผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ อยากสอนเคล็ดลับให้คุณ” โดอันตอบว่า “กรุณาสอนให้ผมด้วยครับ”แล้วรับฟังอย่างถ่อมตัว ที่จริงแล้วชายชราคนนี้เป็น...วิญญาณกระดานไม้ภาพม้านั่นเองผู้ที่ตั้งใจศึกษาเรื่องของกระดานไม้ภาพม้าอย่างจริงจังจะได้รับความช่วยเหลือจากชายชราผู้นี้ -------------------------------------------------------------------------------------------------- 「てんち」 (Tenji) เท็นจิ หรือ เด็กปีศาจ เท็นจิ เป็นปีศาจเด็กที่อาศัยอยู่ในถ้ำของเกาะฮะจิโจ ด้วยความที่อยู่คนเดียวมันจึงเหงาเลยชอบลักพาตัวเด็กเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นด้วยกันในถ้ำเป็นเวลา 6 วัน พอครบวันที่ 7 คนบนเกาะก็จะไปพบตัวเด็กคนนั้น แล้วพาเด็กคนนั้นกลับไปส่งที่บ้านว่ากันว่าเท็นจิในช่วงนั้นจะมีอายุประมาณ 14-15 ปีแล้วผูกเชือกไว้ที่เอว ในอดีต เท็นจิเคยปรากฏตัวขึ้นที่กระท่อมของยามเฝ้าภูเขาตอนกลางคืนมันชอบที่จะเล่นหยิกหูยามบ้าง หยิกขาบ้าง จนบางทียามจะลุกขึ้นมาตะโกนด่าเท็นจิก็จะหายตัวไปพร้อมกับเสียงหัวเราะแหลมสูง มีอยู่ปีหนึ่งฝนแล้งพื้นแผ่นดินที่เกาะแห้งแตกระแหง ยามเฝ้าภูเขาทำอะไรไม่ได้รอวันอดตายในขณะนั้นเอง ยามก็ได้ยินเสียงโยนของเข้ามาในห้อง พอเข้าไปดูก็พบว่า มีพวกมะเขือเทศกับองุ่นตกอยู่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นจึงพนมมือแล้วพูดออกไปว่า “ขอบคุณ เท็นจิ ที่ช่วยเรา” เท็นจิก็หัวเราะเสียงสูงตอบรับแล้วกลับเขาไปยามคนนี้รอดชีวิตได้ด้วยอาหารที่เท็นจินำมาให้ เท็นจิ คงเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันดีของยามาวาราวะ ซึ่งเป็นเด็กที่อาศัยอยู่แถบภูเขา -------------------------------------------------------------------------------------------------- ภูติปลาหมึก คนญี่ปุ่นมีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับ “ความรักของปีศาจ”ที่มาหลงรักมนุษย์ ปีศาจตนนี้ก็เป็นอีกตนที่มาชอบพอกับหญิงสาวงามนามว่า “โอฮาเมะ”โดยปีศาจตนนี้ไม่ใช่ปีศาจธรรมดาแต่เป็นปีศาจที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ ก็คือภูติปลาหมึก ใช่!!!เจ้าปีศาจตนนี้เป็นปลาหมึกที่เป็นเทพพิทักษ์ทะเลตนหนึ่งคงมีความคล้ายกับความเชื่อของบ้านเรา ที่มีพญานาคเป็นเทพปกปักษ์แหล่งน้ำ ภูติปลาหมึกตนนี้ก็เป็นประมาณนั้น มีเรื่องอันเป็นตำนานอยู่ว่า กลาครั้งหนึ่งมีหญิงสาวที่งดงาม นามว่า “โอฮาเมะ”เธอเป็นลูกสาวชาวประมง หน้าที่ของเธอคือหาหอยไปขายในตลาด แต่เธอต้องสะดุดที่ครั้งเมื่อมีบางสิ่งแอบจ้องมองเธออยู่ทุกครั้งเธอก็พบสิ่งที่เธอแอบมองเธอนั้นคือ ปลาหมึกตัวน้อยๆ น่ารักๆเธอก็ทักทายยิ้มให้กับเจ้าปลาหมึก ทุกวันเข้าเจ้าปลาหมึกตนนี้ก็ไม่ใช่ปลาหมึกธรรมดาๆ แต่เป็นภูติปลาหมึกภูติปีศาจพอใจในตัวโอฮาเมะมาก จนต่อมาคืนหนึ่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพ่อของโอฮาเมะเปิดประตูเพื่อมาดูว่าแขกผู้มาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้เป็นใครกันปรากฏว่าเป็น “ปลาหมึกยักษ์” ตัวเท่าคนสวมชุดอาภรณ์อย่างอลังการด้วยผ้าเนื้อดีถักด้วยไหมทองผู้เป็นพ่อตกตะลึงในความประหลาดถึงกับทำอะไรไม่ถูก “ข้ามาดีมิได้มาร้ายแก่ครอบครัวของท่าน”ด้วยความท่าทางมาดีของภูติปลาหมึก พ่อของโอฮาเมะจึงเชิญเข้ามาในบ้าน ภูติปลาหมึกจึงเริ่มจากการเจรจาสู่ขอโอฮาเมะเป็นเจ้าสาวผู้เป็นพ่อและแม่ไม่ยอม ภูติปลาหมึกกริ้วโกรธจึงประกาศว่า “หากท่านไม่ยอมให้โอฮาเมะมาเป็นเจ้าสาวของข้าหมู่บ้านแห่งนี้จะพินาศเพราะครอบครัวของท่าน” โอฮาเมะหญิงสาวที่สวยงามดั่งนางฟ้าและมีความเสียสละอย่างยิ่งจึงยอมเป็นเจ้าสาวของภูติปลาหมึกแต่เธอมีข้อแม้ว่า ต้องตัดหนวดของตนออก 6 ข้าง ภูติปลาหมึกยอมยินดีทำและสู่ขอเธอด้วยเครื่องเงินทองคำอัญมณีล้ำค่า ผ้าไหมชั้นดีมอบเป็นสินสอดแก่พ่อแม่ของโอฮาเมะและพาเธอไปอยู่ด้วยกันในปราสาทอันโอ่อ่าใต้ทะเล Credits : Dek-D กระทู้เรื่องผีญี่ปุ่นของผมที่โพสไว้ เผื่อใครอยากอ่านต่อ http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4721-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-3/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4720-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-2/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4719-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD-1/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1 http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4714-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99/page__hl__%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99__fromsearch__1
  9. เรื่องที่มักพบบ่อยๆ ในการ์ตูนญี่ปุ่น 1. พระเอกที่ท่าทางงี่เง่าหรือน่าสมเพช มักจะเจอเรื่องโชคดีแบบไม่น่าเชื่อ (และน่าอิจฉา) เสมอ เช่น เจ้า โนบีตะ ที่อยู่ดีๆ ก็มี โดเรมอน โผล่พรวดออกมาจากลิ้นชัก อุราชิมาเคทาโร่ แห่ง บ้านพักอลเวง (Love Hina) ที่อยู่ๆก็ได้รับมรดกเป็นหอพักหญิงที่มีสาวอยู่กันตรึม 2. คู่แข่งพระเอกจะเหมือนเก่งกว่า เท่กว่าพระเอกอยู่เสมอ ซึ่งพระเอกจะไม่มีวันสู้เลย ยกเว้นจะฮึดสุดๆ หรือฟลุกเด็ดๆ เจ้าคู่แข่งคนนั้นถึงจะแพ้ ดูอย่างในเรื่อง ซึบาสะ ที่จริงๆแล้ว มิสุงิ จุน เก่งกว่า ซึบาสะ เสียอีกในช่วงแรกๆ แต่ดันเป็นโรคหัวใจเสียอีก ปิศาจจิ้งจอกทามาโมะ ใน มืออสูรล่าปิศาจ ก็เก่งกว่า คุณครูนูเบ ตั้งเยอะ แต่ก็แพ้ลูกอึด หรือเจ้า ไคบะ เซโตะ ในเรื่อง “เกมส์กลคนอัจฉริยะ” ก็มีการ์ดบลูอายส์ ไวท์ดราก้อนตั้งสามใบ แต่ก็มักจะไปแพ้ครีโบ้เห่ยๆของยูกิได้บ่อยๆไป 3. แล้วไอ้ตัวข้างต้นที่กล่าวถึง มักจะกลับใจมาเป็นพวกพระเอกภายหลังเสมอ โดยจะเหลือคำพูดแก้เกี้ยวประมาณว่า “ข้าร่วมมือกะเอ็งแค่ครั้งนี้เท่านั้นนะเฟ้ย อย่าลืมว่าเราเป็นศัตรูกัน” (แต่ก็ตามมาช่วยแทบทุกครั้ง บางทีถึงขนาดตายแทนกันได้) 4. เวลาไปเที่ยวตามเกาะ ตามป่า ตามเขา ควรเช็คประวัติเพื่อนฝูงที่ไปเที่ยวให้ดี ว่ามีใครที่มีประวัติอะไรแปลกๆ เมื่อสี่ซ้าห้าสิบปีก่อนหรือไม่ ไม่งั้นเกาะนั้นอาจจะกลายเป็นห้องปิดตายขนาดยักษ์ และมีฆาตกรโรคจิตโผล่มาได้ แล้วก็จะมีคนพูดขึ้นมาว่า “อ้ะ หรือจะเป็นเรื่องเมื่อสิบปีก่อน...” ให้คนอื่นหน้าซีดกันเล่นๆ 5. คินดะอิจิ ฮาจิเมะ และ เอโดงาวะ โคนัน คือ ตัวซวยและตัวอันตราย ของตำรวจญี่ปุ่น ด้วยเจ้าหมอสองคนนี่โผล่ไปที่ไหน มีคนตายแบบแปลกๆทุกรายไป 6. แฟนของเจ้าสองคนข้างบน คุ้นเคยและเห็นคนตายต่อหน้าต่อตามาไม่ต่ำกว่ายี่สิบศพ แต่ทุกครั้งที่เห็นคนตาย เธอก็จะร้องกรี๊ดและเป็นลมได้ทุกครั้ง (น่าจะชินเสียบ้างนะ) 7. ฆาตกรอัจฉริยะที่วางแผนฆาตกรรมซ่อนเงื่อนอย่างแยบยลในห้องปิดตายสารพัดจะลึกลับ มักจะพลาดแบบงี่เง่า เช่น ทิ้งก้นบุหรี่หรือกระดุม แหวน หรืออะไรๆ ที่มันส่อให้โยงถึงตัวเองเอาไว้ 8. ตำรวจญี่ปุ่นมีการทำงานที่เปิดกว้างแบบสุดๆ ยอมให้เด็กตัวกระเปี๊ยกและเด็กมัธยมเข้าถึงหลักฐานฆาตกรรมได้โดยสมบูรณ์ 9. ฟองสบู่และหมอกควัน ในการ์ตูนญี่ปุ่นทำหน้าที่ของมันได้ดีเสมอ โดยเฉพาะในฉากโรงอาบน้ำ คือมันจะคอยลอยไปปิดไอ้ส่วนที่ผู้อ่านอยากเห็นอย่างมิดชิดทุกครั้ง 10. เวลาผู้หญิงแก้ผ้า จะมีเสียง “ฟ้าว” “วืด” “ซ่า” “ผ่าง” “ควับ”หรือ “พรวด” และ ฯลฯ ออกมาจากส่วนที่พึงสงวนเสมอ 11. การ์ตูนเกี่ยวกับการทำอาหาร จะพบสัจธรรมว่า พระเอกสามารถใช้หม้อหรือกระทะใบย่อมๆ แต่ทำอาหารเลี้ยงคนได้ทั้งโตเกียวโดม 12. ลูกบอลในการ์ตูนเรื่อง ซึบาสะ นั้น ลอยช้ามาก ระหว่างเท้าถึงประตูนั้น นักเตะสามารถระลึกความหลังได้กว่าชาติครึ่ง ประมาณว่ายิงแล้วนึกถึงเพื่อนฝูงญาติโยมและครูอาจารย์ได้โขยงนึงบอลถึงเข้าประตู 13. การ์ตูนเรื่องข้างบน ถ้าเป็นแมตช์สำคัญ ทีมญี่ปุ่นจะถูกยิงนำไปจนหายห่วง เพื่อรอจังหวะยิง มาจนกระทั่งกลับมานำได้ในนาทีสุดท้ายของการแข่งขันทุกทีไป 14. นางเอกส่วนใหญ่จะเกลียดขี้หน้า หรือไม่ชอบพระเอกมาตั้งแต่ต้น แต่ลึกๆจะแอบเป็นห่วงอยู่เสมอ และจะออกไปในรูปของซ้อมไปห่วงไปมากกว่า 15. ถ้าพระเอกมีเหตุผลที่น่าจะให้เข้าใจผิดกับนางเอก เช่น มีรุ่นน้องมาให้ของขวัญ เดินออกมาจากโรงแรมกับใคร หรือมีคนแปลกหน้ามาจุ๊บ คุณไม่ต้องห่วง นางเอกเห็นแน่ๆ เห็นกับตาเลยด้วย 16. ถ้ามีการอาบน้ำในห้องสาธารณะหรือบ่อน้ำแร่ มีโอกาสถึง 90% ที่ ไม่พระเอกก็นางเอกที่จะลงบ่อหรือเข้าห้องน้ำผิด หรือมาพบภายหลังว่าเป็นบ่ออาบน้ำรวม เด็กวัยรุ่นบ้านเราอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วอินแบบเป็นบ้าเป็นหลัง ทำอะไรต่ออะไรเลียนแบบชีวิตแบบญี่ปุ่นๆ ที่เห็นในการ์ตูนทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียว คือ การออกไปทำงานพิเศษหาเงิน Credit : http://board.postjung.com/m/574557.htm
  10. Imouto Senpatsu Sousenkyo ~365-nin no Imouto Icha Love Manifest~ น้องสาว 365 คน!! เลือกตั้งนี้ขอมีพี่แค่คนเดียว ผมไม่รู้จะตั้งชื่อเกมว่าอะไรนะ.. เอาแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน เกมนี้ไม่ได้อ่านผิดแน่นอนครับ ไม่ได้ตาฝาดด้วย เพราะเกมนี้ มีน้องสาวถึง 365 คน พระเอกผู้น่าอิจฉาของเราคนนี้ชื่อว่า ทาจิบานะ โคตะ (橘 蒿太) คนธรรมด้าธรรมดา ผลการเรียนปานกลาง การกีฬาไม่เด่น แต่เป็นคนที่มีจิตใจดี ชีวิตที่ผ่านมาเขามีน้องสาวที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กคนหนึ่ง เขาตั้งใจว่าจะดูแลน้องคนนี้ให้ดีที่สุดในฐานะพี่ แต่วันเกิดของน้องสาวของเขา วันที่ 1 เมษายน ซึ่งตรงกับวัน April Fools ก็ได้มาถึง พ่อที่สัมมะเลเทเมาได้โผล่มาทักทายและได้บอกเรื่องสำคัญให้เขาทราบว่า “เฮ่ย โคตะ เอ็งน่ะยังมีน้องสาวอีก 364 คนนะ” “…..หา?” ด้วยอะไรก็ไม่รู้ที่เกิดขึ้นอย่างความเร็วสูง เขาได้ถูกย้ายให้เข้าไปเรียนในโรงเรียนเอกชน ทั้งโรงเรียนนี้มีคนเรียนทั้งสิ้น 366 คน มีเพียงแค่เขาผู้เป็นผู้ชายคนเดียวในโรงเรียน และที่เหลืออีก 365 คนก็คือน้องสาวทั้งหมด “สวัสดีค่ะพี่จ๋า จากวันนี้เป็นต้นไปพวกเราทั้งหมด เป็นน้องสาวของพี่นะค้า” “อะ… เอาจริงดิ๊ นี่มันไม่ใช่เอพริ่ลฟูลใช่มั้ยเนี่ยยยยยย” เนื่องจากจู่ๆ มีน้องสาวโผล่มาถึงขนาดนี้ การที่คุณน้องสาวจะร้องขอ จะจัดการอะไรสักอย่างกับพี่ มันคงเป็นเรื่องยาก จึงได้มีการตั้งพรรคขึ้นมาเป็น 3 พรรคโดยส่งตัวแทน 3 คน แล้วก็ให้คุณพี่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหน แต่ละพรรคก็มีนโยบายเอาใจคุณพี่ต่างกัน โดยทั้งหมดทุกคนนั้นก็เพื่อความสุขทั้งสองฝ่ายนั่นเอง เนื่องจากน้องสาวคนหลัก คนที่อยู่มากับคุณพี่เด็กๆ เธอได้เปรียบกว่าใคร ในการเลือกตั้งหนนี้ เธอจึงกลายเป็น กกต. ไปโดยปริยายครับ โดยเธอได้เชียร์คุณพี่บอกว่า “พี่จ๋า พี่มีฮาเรมแล้ว ฮาเรมน้องสาวเลยล่ะ” เรามาดูทีละพรรคกันเลยดีกว่า กลุ่มเสรีภาพน้องสาว สโลแกน สนุกกับพี่ชายทุกวันเลย ! นโยบาย ปลุกพี่ตอนเช้า, ทำข้าวกล่อง ข้าวเช้า ข้าวเย็นให้พี่, ไปเรียนกับพี่, ช่วยติวหนังสือให้พี่, เล่นเกมกับพี่, ชงชากินเค้กกับพี่, ขัดหลังให้พี่ตอนอาบน้ำ, นอนหลับกับพี่ และอื่นๆ แกนนำกลุ่มเสรีภาพน้องสาว ทาจิบานะ โยทสึบะ (橘 四つ葉) หนูโยทสึบะนับเป็นน้องสาวคนแรก เธอเป็นคนโตที่สุดในน้องสาวทั้งหมด 365 คน เธอคิดถึงและโหยหาพี่ชายของเธอตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอจึงเป็นแกนนำของพรรค และเธอได้ออกนโยบายที่เอาอกเอาใจพี่ขนาดนี้ เพราะด้วยความที่เธอรักพี่และอยากเจอพี่นั่นเอง . . . . . . . . . แนวร่วมน้องสาวเพื่อการปฏิวัติ สโลแกน เราต้องการพี่ชายในอุดมคติ นโยบาย เราต้องการพี่ชายในอุดมคติ, ให้พี่ทำโน่นๆ นี่ๆ ให้ เพื่อน้องสาวทำไม่ได้เหรอ?, เรายอมไม่ได้ที่จู่ๆ ก็มีพี่ชายที่ไหนไม่รู้โผล่มา ถ้าอยากให้เรายอมรับจงรับใช้พวกเราซะ แกนนำแนวร่วมน้องสาวเพื่อการปฏิวัติ ทาจิบานะ มัทสึริ (橘 茉莉) เธอเป็นนางแบบถ่ายนิตยสารมาหลายเล่ม เธอค่อนข้างจะแก่แดด ด้วยความที่อยากโตไวๆ เธอเป็นผู้ที่ยังไม่อยากยอมรับเรื่องตัวตนของพี่ จู่ๆ โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่อย่างไรก็ดีเธอก็มองว่า เขาก็ยังเป็นพี่ของตัวเอง ก็ควรจะรักคนในครอบครัวให้มากๆ . . . . . . . . . พรรคน้องสาวปฏิบัติสุข สโลแกน เพื่อความสุขของพี่แล้วเราจะยอมทำทุกอย่าง นโยบายพรรค เราจะให้อิสระพี่ตามที่พี่ต้องการ, เราจะเอาใจพี่ตามที่พี่ต้องการ, ไม่ว่าพี่จะใช้ให้ทำอะไรก็จะเชื่อฟัง, อะไรที่ทำไม่ได้ก็จะไปวิงวอนเทพเจ้าให้, ถึงแม้โลกจะแตก แต่ถ้าทำให้พี่มีความสุขได้พวกเธอก็ยอม แกนนำพรรค ทาจิบานะ ฮี้รากิ เธอเป็นน้องสาวที่รักพี่มาก รักพี่จนอยากจะทำทุกอย่างให้พี่ ด้วยความที่อยู่คนเดียวมาตลอด และการได้มาอยู่กับพี่อีกครั้งหนึ่งเธอจึงยอมทำทุกอย่างถึงแม้ว่าจะส่งผลไม่ดีต่อตัวเธอก็ตาม เธอเป็นคนที่หน้าอกใหญ่มาก และเธอไม่ชอบหน้าอกที่ใหญ่นี้ แต่ถ้าพี่ชอบเธอก็ให้พี่จัดการได้ เธอให้ความสำคัญกับพี่เป็นอันดับ 1 และตัวเธอเป็นรองลงมา ใจจริงแล้วเธออยากจะเข้ากันกับน้องสาวคนอื่นให้ได้ แต่ด้วยความที่เธอค่อนข้างจะซุ่มซ่าม แถมมนุษยสัมพันธ์ค่อนข้างแปลกๆ (ออกแนวเพี้ยนๆ) เลยเป็นปัญหาหน่อย . . . . . . . . . กกต. ของการเลือกตั้งครั้งนี้ น้องสาวที่อยู่กับพี่มาตั้งแต่เด็กๆ ทาจิบานะ คิกกะ (橘 きっか) เธอเป็นคนที่ร่าเริงสุดๆ เธอดีใจมากที่พบว่าเธอมีพี่สาวเยอะมากขนาดนี้ ค่อนข้างจะกะโปโล เธอมองพี่เป็นผู้ชายที่ดีและน่านับถือมากคนหนึ่ง Credits : http://www.siscon.in.th/2011/12/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7-365-%E0%B8%84%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89/
  11. ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ.2004 เกิดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญขึ้นที่เมืองซาเซโบ นางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ เด็กหญิงนัทสึมิ ซึจิ อายุ 12 ปี ฆ่าเพื่อนหญิงร่วมชั้นเรียนของเธอโดยการปาดคอด้วยมีดคัตเตอร์ และกรีดหลังมือเพื่อนจนเห็นกระดูกคดีนี้ถูกตั้งชื่อว่า "คดีเชือดซาเซโบ (Sasebo Slashing)" คดี ฆาตกรรมดังกล่าวเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ และถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกด้วยประเด็นที่น่าแปลกใจว่า เหตุใด? เด็กนักเรียน ป. 6 ที่มีอายุเพียง 12 ปี จึงได้โหดเ้ ยมถึงขนาดฆ่าเพื่อนของตนเอง แถมยังเดินกลับเข้าห้องเรียนด้วยเสื้อผ้าเปื้อนเลือดอย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมทั้งยิ้มให้กับกล้องของเพื่อน ๆ และครู ที่พยายามถ่ายรูปของเธอเอาไว้ (ภายหลังรูปถ่ายของเธอหลังเกิดเหตุถูกตำรวจยึดไปทั้งหมด) เรื่อง ราวนี้จบลงไม่ได้ง่าย ๆ เมื่อมีใครบางคนได้โพสต์ภาพถ่ายใบหน้าของเด็กหญิงลงบนเว็บไซต์ชื่อดังของ ญี่ปุ่นโดยไม่มีการเซ็นเซอร์ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย แต่แทนที่สังคมจะออกมาประณามเด็กหญิงฆาตกรในด้านลบ กลับกลายเป็นกระแสในทางบวก เพราะมีผู้คนจำนวนมากพากันขนานนามเธอว่า "ฆาตกรที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์" พร้อมตั้งชื่อเล่นให้เธอว่า "เนวาดา-ตัน" (NEVADA คือตัวอักษรที่สกรีนบนเสื้อของเธอวันที่ทำฆาตกรรม ส่วน Tan แผลงมาจากคำว่า จัง ซึ่งเป็นคำเรียกต่อท้ายเด็กผู้หญิงน่ารักๆ) หลัง จากนั้นก็มีทั้งการ์ตูน ตุ๊กตา คอสเพลย์ เกมคอมพิวเตอร์ มาสคอต และอื่น ๆ อีกมายมายของเนวาดา-ตัน ออกมา พวกนักร้องถึงกับเอามาตั้งเป็นชื่อวงดนตรีอยู่ระยะหนึ่ง ราวกับเธอได้กลายเป็นไอดอลของคนญี่ปุ่นเลยมีเดียว ภาพที่ติดตาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเธอ คือ ภาพเด็กหญิงในชุดเปื้อนเลือด ถือมีดคัตเตอร์อยู่ในมือ... "นัทสึมิ" เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ.1992 เป็นเด็กที่มีหน้าตาน่ารัก มีความกระตือรือร้นสูง เป็นนักเรียนดีเด่น และฉลาดมาก จากการทดสอบไอคิว ปรากฏว่า เธอมีไอคิวสูงถึง 140 เข้าขั้นอัจฉริยะ เธอชอบเล่นบาสเก็ตบอล ดูภาพยนต์ และเล่นอินเทอร์เน็ต เธอมีเพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งชื่อ ซาโตมิ มิทาไร ชีวิตของเธอดูปกติดีทุกอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้สังเกตว่าเธอค่อนข้างมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง และชอบเก็บตัว ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการดูภาพยนต์ที่มีเนื้อหารุนแรง ภาพยนต์เรื่องที่เธอชอบเป็นพิเศษ คือ "Battle Royale" (เนื้อหาประมาณว่า มีคนกลุ่มหนึ่งถูกนำไปปล่อยเกาะ ทุกคนจะถูกสวมใส่ปลอกคอที่จะระเบิดหลังจากเวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง มีวิธีเดียวที่จะหยุดระเบิดนั้นได้คือการฆ่ากันเอง ผู้ที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายคือผู้ที่รอดตายเพียงหนึ่งเดียว) เธอหลงใหลภาพยนต์เรื่องนี้มากถึงกับวาดภาพในวิชาศิลปะ เป็นภาพของตนเองคือหนึ่งในตัวละคร และเป็นผู้ชนะในขณะที่คนอื่นตายหมด ใน ปีนั้นเธอถูกครอบครัวสั่งให้เลิกเล่นบาสเก็ตบอล และออกจากชมรมกีฬา เพราะผลการเรียนตกลงเล็กน้อย สำหรับชาวญี่ปุ่นถือว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง เธอจึงเริ่มดูภาพยนต์มากขึ้น และระบายความเครียดด้วยการเล่นอินเทอร์เน็ต ให้เวลาว่างในการเขียนนิยายและไดอารี่ นอกจากนี้ยังพบว่าเธอชอบเข้าชมเว็บไซต์ที่มีเนื้อหารุนแรงสยองขวัญที่ถูก ห้ามสำหรับเด็กมากมาย เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2004 เมื่อ "ซาโตมิ" เพื่อนของเธอเขียนคอมเม้นท์ลงในเว็บบอร์ดของนัทสึมิ เป็นเชิงล้อเล่นว่า "หนัก" ซึ่งหมายถึงเธอนั้นอ้วนเกินไป เป็นเหตุให้นัทสึมิไม่พอใจและถือว่านั่นเป็นคำหยาบคายดูหมิ่น เรื่องเล็ก ๆ นี้ก่อให้เกิดการโต้ตอบถกเถียงกัน เป็นจุดเริ่มต้นให้นัทสึมิคิดฆ่าซาโตมิขึ้นมา เด็กหญิง ซาโตมิ เหยื่อผู้ถูกเพื่อนสนิทเชือด วันที่ 28 พฤษภาคม นัทสึมิเขียนในไดอารี่ ถึงวิธีฆ่าที่ตนจะเลือกใช้สามแบบคือ ใช้มีดคัตเตอร์ ใช้ที่เจาะน้ำแข็ง หรือไม่ก็บีบคอ พร้อมเขียนว่า "ฉันอยากจะฆ่ามันวันนี้แหละ แต่ทำไม่ได้" วันที่ 29 พฤษภาคม นัทสึมิ พยายามยื่นข้อเสนอให้ซาโตมิ เขียนคำขอโทษตน แต่ซาโตมิไม่ยอม กลับตอบเธอว่า "อวดเก่ง" แม้นัทสึมิจะทำการลบคอมเม้นท์ทิ้ง แต่ซาโตมิก็เขียนขึ้นมาใหม่อีกหลายครั้ง จนในที่สุดนัทสึมิก็ตอบโต้ด้วยคำว่า "แกหายไปจากโลกนี้ซะเถอะ!" วันที่ 31 พฤษภาคม นัทสึมิ เขียนไดอารี่ว่า "วันพรุ่งนี้ ฉันตัดสินใจจะฆ่ามันด้วยมีดคัตเตอร์" วันที่ 1 มิถุนายน นัทสึมิ มาเรียนตามปกติ เธอได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกับเพื่อน ๆ และครูในโรงเรียน ตัวเธอสวมเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้ม สกรีนคำว่า "NEVADA" ยืนถ่ายรูปใกล้กับซาโตมิ (เด็กใส่แว่นตา) ด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งคู่ ตอน พักกลางวัน นัทสึมิเรียกซาโตมิเข้าไปในห้องเรียนว่างเปล่าห้องหนึ่งที่ชั้นสาม สั่งให้นั่งเก้าอี้ ปิดม่าน จากนั้นก็พูดกับซาโตมิว่า "ฉันจะฆ่าเธอ" แต่ซาโตมิก็ไม่หนี ด้วยไม่คิดว่านัทสึมิจะกล้าทำจริง ๆ และไม่คิดว่าเรื่องราวขัดแย้งล้อเล่นในอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ได้ อีกทั้งนัทสึมิเองก็เป็นเด็กไม่ค่อยแสดงออกมากนัก แม้จะมีนิสัยก้าวร้าวรุนแรงอยู่บ้างก็ตาม นัท สึมิดึงแว่นตาออกจากหน้าของเพื่อน แล้วใช้มือข้างหนึ่งปิดตาซาโตมิไว้ ก่อนที่จะใช้มีดคัตเตอร์เชือดคอเป็นรอยยาว 10 เซนติเมตร ลึกถึง 10 เซนติเมตร ตัดหลอดลมขาด จากนั้นกรีดที่หลังมือของซาโตมิลึกจนเห็นกระดูก ซาโตมิทรุดลงหมดสติทันทีเพราะเสียเลือดมาก นัทสึมิรอประมาณ 15 นาที จนคิดว่าเพื่อนตายสนิทแล้วจึงออกจากที่เกิดเหตุ เธอ เดินเข้าชั้นเรียนตามปกติด้วยเสื้อผ้าที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด สร้างความตกใจให้แก่ครูและเพื่อนเป็นอย่างมาก ครูประจำชั้นรีบแจ้งตำรวจทันที หลายคนพยายามถ่ายรูปเธอ และเธอก็หันมายิ้มหวานให้กล้อง ส่วนร่างของซาโตมิถูกพบโดยครู ตรวจพบว่าเธอยังหายใจรวยรินจึงรีบพาส่งโรงพยาบาลแต่สายเกินไปเสียแล้ว เธอเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน... เมื่อตำรวจมาถึงและควบคุม ตัวนัทสึมิ เด็กหญิงก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วพูดว่า "ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ" เธอฟูมฟายอยู่ในสถานีตำรวจทั้งคืนและไม่ยอมกินอะไร หลังจากที่เธอสงบลงก็ได้ให้ปากคำว่า เธอฆ่าผู้ตายเพราะผู้ตายเขียนข้อความใส่ร้าย ด่าทอเธอในอินเทอร์เน็ต "เธอเขียนเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับฉันหลายครั้ง ฉันไม่ชอบ จึงเรียกเธอมาและลงมือเชือดคอ ฉันยังประหลาดใจว่าทำไมฉันจึงทำสิ่งนั้น และฉันอยากขอโทษ..." นี่คือคำสารภาพของเธอ ซาโตมิมักจะถ่ายรูปอยู่ข้างๆนัทสึมิเสมอ นัท สึมิถูกส่งตัวให้จิตแพทย์และนักจิตวิทยาเด็กเพื่อตรวจสอบอาการทางจิต เพราะหลายคนเชื่อว่าเธอน่าจะป่วยเป็นโรคแยกตัวจากสังคม เพราะเธอไม่ชอบสุงสิงพูดคุยกับใคร แต่ผลการตรวจพบว่าเธอมีสุขภาพจิตสมบูรณ์ดี ไม่มีความผิดปกติใด ๆ ศาลจึงตัดสินให้เธอมีความผิดจริงในข้อหาก่อคดีฆาตกรรม จาก คดีนี้ทำให้หลายคนออกมากล่าวโทษสื่ออินเทอร์เน็ต และมีมาตรการให้มีการอบรมสั่งสอนมารยาทในการใช้อินเทอร์เน็ตแก่เยาวชนชาว ญี่ปุ่นอย่างเข้มงวด แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเรื่องแบบนี้มันยากที่จะห้ามปรามได้ เพราะการติดต่อสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตนั้นไม่เห็นหน้ากัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างขาดความเกรงใจต่อกัน ก่อให้เกิดปัญหาตามมาอยู่บ่อยครั้ง จากรายงานล่าสุดเกี่ยวกับนัทสึมิระบุว่า เธอยังคงถูกคุมขังอยู่ในโรงเรียนดัดสันดานที่เมืองโตชิกิ และจะมีกำหนดพ้นโทษในปี ค.ศ.2013 ซึ่งเธอจะมีอายุครบ 20 ปีพอดี... Thank : rosala www.dek-d.com ปล. ถ้าซำ้ต้องขออภับนะคับ ผมเพิ่งเปิดไปเจอเลยอยากให้ทุกๆท่านได้ชมกัน
×
×
  • Create New...