Jump to content
Sign in to follow this  
Ezero

สุดยอดพลซุ่มยิงระดับโลก "แฮทคอด"

Recommended Posts

จ่าสิบเอก คาร์ลอส นอร์แมน แฮธคอค ที่ 2

sniper8.jpg.jpg

จ่าสิบเอก คาร์ลอส นอร์แมน แฮธคอค ที่ 2 (เกิด 20 พฤษภาคม 1942 ตาย 23 กุมภาพันธ์ 1999) เป็นนักซุ่มยิงนาวิกโยธินอเมริกัน ระหว่างสงครามเวียตนาม ทำสถิติสังหารที่ทางการรับรอง 93 ศพ และอาจกว่า 300 ที่ไม่ได้รับรอง เป็นที่เลื่องชื่อในหน่วยนาวิกโยธิน เป็นผู้หนึ่งในการจัดสอนการซุ่มยิงของหน่วย ปืนสปริงฟีลด์อาร์มอรี่ M21 ได้ถูกดัดแปลงเป็น M25 ชื่อ White Feather (ขนนกขาว) เป็นเกียรติแก่เขา

แฮ ธคอคเกิดและเติบโตในถิ่นชนบทที่ ลิทเทิล ร็อค รัฐอาแคนซอ พ่อแม่แยกทางกัน ยายก็เลี้ยงดูมา ชอบยิงปืนและล่าสัตว์มาแต่ยังเยาว์ เพราะจำเป็นต้องหาอาหารให้ครอบครัวที่ยากจน ไฝ่ฝันอยากเป็นนาวิกโยธินมาแต่เด็ก พออายุครบ 17 ก็สมัครเข้าเป็นทหารนาวิกโยธิน (20 พฤษภาคม 1959) เขาแต่งงานกับโจ วินสเตด เมื่อ 10 พฤศจิกายน 1962 ปีรุ่งขึ้นก็ได้ลูกชาย ใช้ชื่อเดียวกับพ่อ (ที่ 3) ลูกชายก็เข้าสมัครเป็นนาวิกโยธินเช่นกัน

ก่อนถูกส่งไปเวียตนาม แฮธคอคชนะการแข่งยิงปืนหลายสนาม รวมทั้ง ถ้วยวิมเบิลดัน (การยิงปืนระยะไกล) ในปี 1965

ปีต่อมาเขาก็ไปเวียตนามใหน้าที่สารวัตรทหาร ก่อนจะมาเป็นพลซุ่มยิงนาวิกโยธินที่มีผลงานดีที่สุด มีหลักฐานการฆ่าทหารเวียตนามเหนือและเวียตคอง 93 คน อีก 300 กองทัพไม่ได้รับรองให้ จริงๆแล้วเขาสังหารไปกว่า 400 ศพ แต่การปฎิบัติงานเช่นนี้ ต้องมีคนที่ 3 ให้การรับรองด้วย ในสนามรบนั้นทำได้ แต่การปฎิบัติการของพลซุ่มยิงใช้คนแค่ 2 นาย ผู้ยิงและผู้ชี้เป้า (Spotter) ไม่มีบุคคลที่ 3 ก็ทำให้การรับรองลำบาก เขาเลยรั้งอันดับ 3 ของพลซุ่มยิงอเมริกัน ต่อจาก ชัค มอฮินนี (Chuck Mawhinney) นาวิกโยธิน และ แอเดลเบิต วอลดรอน (Adelbert Waldron) กองทัพบก

เวียตนามเหนือตั้ง ค่าหัวแฮธคอคเอาไว้ $50,000 เรียกเขาว่า “ลง ตรัง ดูคิช Long Tra’ng du’Kich” แปลว่า นักซุ่มยิงขนนกขาว เพราะแฮธคอคเสียบขนนกสีขาวไว้ที่หมวกของเขาหนึ่งอัน (Bush Hat หรือ Boonie) เมื่อเขาถูกไล่ล่า เหล่านาวิกโยธินในเขตก็เอาขนนกขาวมาเสียบหมวกของตนบ้างเพื่อหลอกพวกเวียตนาม ยอมโดนยิงแทน

ผลงานเด่นของเขาคือการฆ่าพลซุ่มยิงข้าศึกเข้าที่ตา โดยผ่านกล้องเล็งเข้าไป แฮธคอคกับจอห์น เบอค ผู้ชี้เป้า กำลังตามล่าทหารญวนผู้นี้ในบริเวณภูเขาเลขที่ 55 ทหารญวนผู้นี้ฆ่านาวิกโยธินไปหลายคนแล้ว เชื่อกันว่าถูกส่งมาฆ่าแฮธคอคโดยเฉพาะ แฮธคอคเห็นแสงสะท้อนจากเลนส์ของข้าศึกก็ยิง ลูกกระสุนทะลุกล้องเข้าลูกตาไปเลย แฮธคอคบอกว่าทั้งสองต้องเล็งพร้อมกัน แต่เขาเหนี่ยวไกก่อน ไรเฟิลของศัตรุถูกยึดได้

แฮธคอคเคยถอดขนนกออกหน เดียวเมื่อเขาถูกส่งให้ไปฆ่านายพลเวียตนามเหนือ ต้องคลานกระดืบไปกว่า 1.000 หลา ใช้เวลาทำการสี่วันสามคืน ตอนหนึ่ง พลบค่ำ ทหารญวนเกือบเดินมาเหยียบเขา ตอนหนึ่ง เขาเกือบโดนงูพิษกัด (Bamboo Viper) แต่ไม่ยอมขยับตัวให้เป็นที่สังเกตุ เมื่องานเสร็จ เขาได้กลับประเทศในปี 1967 เขากลับมาอีกในปี 1969 มาเป็นผู้บังคับหมู่พลซุ่มยิง

แฮธคอ คใช้ปืนวินเชสเตอร์ 70 ขนาด .30-06 กับกล้อง Unertl บางทีก็ใช้ M2 Browning Machine Gun ติดกล้อง Unertl กับขาติดตั้งที่ออกแบบเอง ปืนกระบอกนี้แม่นถึง 2,500 หลา ในระบบทีละนัด ครั้งหนึ่งเขากำลังยิงคนขนปืนหลายกระบอกมากับจักรยาน กลายเป็นเด็กอายุประมาณ 12 ขวบ เกือบยิงไม่ลง เขายิงโดนจักรยานล้มลง เด็กกระเด็นข้ามแฮนเดิล คว้าปืนมายิงเขา นัดที่สอง เด็กก็คว่ำ

การ เป็นพลซุ่มยิงของเขามาพบจุดจบนอกเมืองคีซานในปี 1969 รถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกที่เขานั่งมาแล่นไปทับกับระเบิดเข้า เพลิงไหม้ แฮธคอคลากนาวิกโยธิน 7 คนออกมาก่อนกระโดดหนี เพลิงไหม้ 90% ของร่าง 43% เป็นขนาดขั้น 3 (Third Degree Burn)

เขาถูกส่งไปรักษาตัวที่โรง พยาบาลทหาร Brooke ใน Texas ต้องปลูกถ่ายผิวหนังใหม่ 13 ครั้ง เขาไม่อาจใช้ไรเฟิลในการรบอย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป ทางการบอกว่าเขาจะได้ Silver Star คาร์ลอสบอกว่าไม่ว่าใครก็ต้องทำอย่างเขา จึงปฎิเสธเหรียญกล้าหาญอันนี้ อีกเกือบ 30 ปีต่อมา ทางการจึงมอบ Silver Star ให้ เป็นเหรียญสูงเป็นอันดับ 3 ของกองทัพ

เขาบอกในหนังสือว่า เขาชอบยิงปืน ชอบล่าสัตว์ แต่ไม่เคยชอบฆ่าใคร ม้นเป็นหน้าที่ ถ้าไม่ทำ พวกนาวิกโยธินเด็กๆก็โดนมันฆ่า

คาร์ลอสมาเช่วยตั้งและสอนโรงเรียนสอด แนมและลอบยิงทีฐานนาวิกโยธินในเมือง ควอนติโค รัฐเวอร์จิเนีย ทั้งที่เจ็บปวดร่างกายตลอดเวลา สุขภาพเลวลง และหมอตรวจพบว่าเขาเป็นโรคกล้ามเนื้อและเส้นประสาทเสี่อม (Multiple Sclerosis) รักษาไม่ได้ เขาต้องออกจากกองทัพ 55 วัน ก่อนจะครบอายุการเป็นทหาร 20 ปี ซึ่งจะทำให้ได้รับบำนาญ 50% อย่างไรก็ตามเขาได้รับบำนาญ Disability 100% เขาเกิดความรู้สึกซึมเศร้าที่หน่วยนาวิกโยธินเขี่ยเขาออกมา แม้ว่าจะสำนึกว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นในภายหลัง ระหว่างความระทมทุข โจ ภรรยาทนไม่ได้ เกือบจะทิ้งเขาไป ต่อมาเขาได้งานอดิเรกด้วยการตกปลาฉลาม ช่วยเขาได้ทางจิตใจ

แฮธคอคตายเมื่อ 23 กุม๓พันธ์ 1999 ที่เวอร์จิเนียบีช รัฐเวอร์จิเนีย

หน่วยนาวิกโยธินมีรางวัล Gunnery Sergeant Carlos Hathcock ให้ทหารนาวิกโยธินที่ช่วยในการฝึกการยิงแม่นทุกปี สนามฝึกยิงปืนที่ค่ายเลจูน รัฐนอร์ท แคโรไลนา ก็ได้รับชื่อเขาเป็นชื่อสนาม

เมื่อ ปี 1967 คาร์ลอสทำสถิติสังหารไกลที่สุด 2,286 เมตร (1.42 ไมล์) ด้วย Browning M2 ขนาด .50 BMG ติดกล้อง มีทหารอีกหลายนายที่ใช้ปืนนี้ ทำให้กระสุนขนาด .50 BMG ได้เป็นกระสุนใช้ในการยิงทั้งคนและในการทำลายอุปกรณ์

สถิตินี้โดนลบ ในปี 2002 เมื่อ ส.ท. รอบ เฟอลอง ทหารแคนาดาใช้ แมคมิลแลน TAC-50 ในแอฟคานิสถาน ยิงนักรบทาลิบันตายในระยะถึง 2,430 เมตร

วันที่ 9 มีนาคม 2007 สนามยิงปืนของนาวิกโยธิน Air Station Miramar เปลี่ยนชื่อเป็นสนาม Carlos Hathcock Range Complex

Credit:www.thaiairsoftgun.com

Share this post


Link to post
Share on other sites

ยิงเวียดกงนอกระยะหวังผล แล้วเข้ากล้องสโคบทะลุเข้่ตายตาย โหดสาด

Share this post


Link to post
Share on other sites
emo%20%2844%29.gif คุณปู่ โหดแท้

Share this post


Link to post
Share on other sites

แกแม่นจริง วีรกรรมโหด สุดยอด emo%20(75).gif

Share this post


Link to post
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
Sign in to follow this  

×
×
  • Create New...