Jump to content
Sign in to follow this  
Hitler

ตำนานผีญี่ปุ่น(ต่อ 3 )

Recommended Posts

ปล.อาจจะต้องแยกกระทู้นิดหน่อยนะครับ เพราะเยอะมักๆ --_--

ปล.2 ขอบคุณเจ้าของระทู้ที่ผมไปก้อบของเขามาเพราะแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็น Wikipedia และ Dek-Dและใครเล่น Dek-Dคงจะรู้นะครับว่ามันคลิกขวาไม่ได้ (--_--) เจ้าของกระทู้เขาก้ “พิมเอง” โดยดูเนื่อหาและพิมมันสดๆนี่แหละ ต้องขอขอบคุณ คุณkil159357 มากๆเลยนะครับ

ปล.3 ไอตัวหนังสือใหย่ๆเล็กๆนี่ผมก็แก้ไม่เป็นอ่ะครับ เอาเป็นว่าครั้งหน้าจะเอาไปปรับปรุงแก้ไขนะครับ

「かまいたち」 (Kamaitachi) คะมะอิทะจิ หรือ คะไมทะจิ หรือ ภูติลม

153409rfefekxrenjy3rr1.jpg

เป็นภูตลมในตำนานความเชื่อญี่ปุ่น ชื่อของคะมะอิทะจินั้น คะมะ แปลว่า เคียว,อิทะจิ แปลว่า ตัววีเซิล เนื่องจากว่าคะมะอิทะจิเป็นภูตลม จึงเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเหมือนสายลม เรื่องเล่าเกี่ยวกับคะมะอิทะจิมีอยู่ว่าผู้คนที่ขึ้นไปบนภูเขา บางครั้งจะพบกับลมหมุน เมื่อลมหมุนผ่านไป เขาก็พบว่าตัวเองมีบาดแผลแต่ไม่รู้สึกเจ็บ คะมะอิทะจิอาศัยอยู่ในลมหมุน มีอยู่ด้วยกัน 3 ตัว มีพฤติกรรมคือ ตัวแรกจะชนเหยื่อให้ล้ม ตัวที่สองจะฟันเหยื่อให้เป็นแผล ส่วนตัวที่สุดท้ายจะทายาให้เพื่อห้ามเลือดและระงับอาการเจ็บปวด แต่การจู่โจมบางครั้งก็สร้างบาดแผลร้ายแรง และเจ็บปวดกว่าที่คิด ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมคะมะอิทะจิจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น

154519xji4z9z11iu7jjau.jpg

คะมะอิทะจิจัดว่าเป็นอันตรายกับมนุษย์ เพราะมีบางเรื่องเล่ากล่าวว่า ผู้ที่พบปรากฏการณ์คะมะอิทะจิ บางครั้งไม่ได้ถูกฟันครั้งเดียว แต่จะถูกฟันแล้วทายา แล้วถูกฟันซ้ำๆอีก ซึ่งนับว่าน่ากลัว เพราะว่าคะมะอิทะจิมีนิสัยชอบต่อสู้อยู่เหมือนกัน

--------------------------------------------------------------------------------------

「てんじょうなめ」 (Tenjyouname) เท็นโจมาเมะ หรือ ปีศาจลิ้นยาว

153410a1skc70h2cw2kri0.jpg

เรื่องเล่าของผีชนิดนี้เล่าว่า เท็นโจนาเมะเป็นเป็นผีที่มีลิ้นที่ยาว มีนิสัยชอบเลียคราบ และสิ่งสกปรกที่อยู่ตามฝ้าเพดาน มักจะปรากฏตัวในตอนที่ไม่มีคนอยู่ เป็นผีไม่ชอบให้ใครเห็นตัวที่คล้ายกับอะคานาเมะ จึงไม่ค่อยมีเรื่องเล่าที่ว่ามีคนพบเห็นผีประเภทนี้ แต่สันนิษฐานว่า เท็นโจนาเมะเป็นผีที่ตัวสูงและมีลิ้นที่ยาว เพราะสามารถเลียได้ถึงเพดาน จึงมีเรื่องเล่าที่ว่ารอยเปื้อนที่ฝ้าเพดาน อาจเป็นรอยที่เท็นโจนาเมะเลียไว้ก็ได้ แต่บางเรื่องเล่าก็ค้านว่า เท็นโจนาเมะเป็นผีที่คอยลดรอยคราบบนเพดานต่างหาก เท็นโจนาเมะไม่ใช่ผีที่น่ากลัว มีเรื่องเล่าที่ว่า มีซามูไรคนหนึ่งสามารถจับเท็นโจนาเมะได้ จึงขังไว้ในปราสาทของเขา เพื่อให้เท็นโจนาเมะทำความสะอาดใยแมงมุม ตามที่สูงๆ ในปราสาทของตน

สิ่งเท็นโจนาเมะหวาดกลัวมากที่สุดก็คือไฟ จึงมีเรื่องเล่าอีกเรื่องว่าเท็นโจนาเมะจะคอยเลียที่ต่างๆ ตามบ้าน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีสิ่งใดติดไฟ ถ้ามีแสงสว่างแม้เพียงนิดเดียว เท็นโจนาเมะจะหนีไปทันที

--------------------------------------------------------------------------------------

「いつまでん」 (Itsumaden) อิซึมาเด็น

153410ktprn5k5jz6rtwpk.jpg

ตำนานมีอยู่ว่า ฤดูใบไม้ร่วงปี 1334 นกประหลาดนี้ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืน หายใจเป็นไฟและส่งเสียงร่ำไห้อย่างน่าเวทนาว่า“Itsumademo! Itsumademo!” (อีกนานเท่าไหร่! อีกนานเท่าไหร่!) ซึ่งสร้างความรำคาญใจ ให้กับผู้ที่ได้ยินเสียงคร่ำครวญนี้ เจ้าเมืองจึงได้สั่งให้นักธนูที่แม่นยำ สอยนกประหลาดนี่ลงมาซะ เมื่อนกนี่ถูกยิงตก ปรากฏว่ามันมีลักษณะคล้ายกับ “คิเมร่า” ตัวเป็นงู หน้าเหมือนคน มีเล็บที่แหลมคม มีปีกกว้างประมาณ 5 เมตร ซึ่งช่วงเวลาที่พบนกประหลาดนี้ เป็นช่วงที่กาฬโรคระบาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ศพของผู้ที่ป่วยตายจำนวนมาก ถูกฝังทิ้งไว้ที่กำแพงเมืองรวมๆ กัน ราวกับว่าเป็นขยะ และไม่ได้ทำพิธีกรรมส่งวิญญาณ อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าที่ว่า เหล่าผู้ที่อดอยากจนกระทั่งตายไป จะกลายเป็นนกปีศาจคร่ำครวญ ตามล่าผู้ที่ทอดทิ้งตน และร่ำไห้ตลอดเวลาว่า อีกนานเท่าใด อีกนานเท่าใด จะทอดทิ้งเราอีกนานเท่าใด

--------------------------------------------------------------------------------------

「じょろうぐも」 (Jorougumo) โจะโรคุโมะ หรือ นางแมงมุม

153550v4bnq8o2vgd8ebjn.jpg

เชื่อกันว่าเป็นแมงมุมเพศ ญ ที่มีชีวิตติดต่อกันหลายร้อยปี ซึ่งได้ดูดเลือดคนจำนวนมากจนทำให้วิชาอาคมแกร่งกล้าขึ้น พัฒนาเป็นนางแมงมุมในตอนกลางวันนางจะแปลงร่างเป็น ญ สาวสวยหลอกล่อผู้ชายมาดูดเลือด

ในอดีต โชกุนมินาโมโตะ โยริมิตสึ เกิดล้มป่วยลง รักษายังไงก็ไม่หายเสียที จึงได้เชิญหมอผีมาทำพิธีปัดเป่าวิญญาณ แต่ก็ไม่สำเร็จ ได้แต่ทนปวดหัว ไข้ขึ้น ทรมานอยู่อย่างนั้น กระทั่งคืนวันหนึ่ง มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง สูงประมาณ 2 เมตรมาปรากฏตัวตรงด้านหลังโคมไฟในห้องของท่าน และย่างเท้าเข้ามาหา พร้อมกับปล่อยใยแมงมุมใส่ โชกุนตื่นขึ้นมาพอดี จึงรีบคว้าดาบของ ฮิซาคิริมารุ ซึ่งมานอนเฝ้าไข้ ขึ้นมาฟันปีศาจตนนั้นเต็มแรง เมื่อผู้ติดตามด้านนอกได้ยินเสียงเอะอะ ก็รีบรุดเข้ามา ทันเห็นรอยเลือดหยดอยู่ข้างโคมไฟ จึงติดตามรอยนั้นไปจนถึงเนินดินเก่า ๆ แห่งหนึ่ง พวกเขาจึงลองขุดเนินดินนั้นดู ก็พบปีศาจแมงมุมตัวใหญ่ ผุดขึ้นมาปล่อยใยแมงมุมอีกรอบ แต่ก็โดนฆ่าตายในที่สุด จากนั้นเป็นต้นมา ท่านโชกุนก็หายจากอาการประหลาดนี้เป็นปลิดทิ้ง และไม่เคยป่วยอีกเลยตราบสิ้นอายุขัย

--------------------------------------------------------------------------------------

「とどめき」 (Todomeki) โทะโดะเมะกิ หรือ ยักษ์ร้อยตา

153410kii1ir1828k3rr3w.jpg

โทะโดะเมกิ สมัยที่ยังเป็นมนุษย์นั้น เป็นสตรีที่รูปร่างหน้าตางดงาม แต่จิตใจต่ำช้า เป็นคนที่ชอบลักเล็กขโมยน้อย ไม่เคยเปลี่ยนนิสัย ไม่เคยรู้สำนึก จึงถูกสวรรค์ลงโทษ ให้ตาปรากฏขึ้นที่แขน ทุกครั้งที่ทำผิด จนมีดวงตาเป็นร้อย ๆ ดวงเต็มแขนไปหมด เพราะเธอไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยนั่นเอง จึงต้องทนทุกข์เวทนาอย่างแสนสาหัส

153410qqqk79q9mx9nqmqh.jpg

ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ตาของโทะโดะเมกิ จะมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปหมด ดังนั้น หากใครโชคร้าย ถูกมันไล่ตามก็จะถูกหาพบทุกครั้ง ไม่ว่าจะหนีไปซ่อนในที่มิดชิดแค่ใดก็ตาม แต่ไม่เคยมีปรากฏว่ายักษ์ตนนี้ทำร้ายใคร

มีเรื่องเล่า (อาจจะเป็นเพียงคำขู่สอนเด็ก) ว่าถ้าใครทำผิดและแอบซ่อนความผิดนั้นไว้ จะมีตาขึ้นบนร่างกายทีละตา และจะมีมาเรื่อยๆถ้าคนคนนั้นยังไม่ยอมหยุดทำและสารภาพออกมา

--------------------------------------------------------------------------------------

「しょけら」 (Shokera)โชเคระ หรือ ปีศาจตุ๊กแก

190403bl3ez6ee029oe605.jpg

ปรากฏอยู่ในสมุดรวมภาพปิศาจของโทริยามะเซกิเอ็น เชื่อว่าเป็น "เทพวิบัติ" ชนิดหนึ่ง มีรูปร่างคล้ายตุ๊กแกมีหนังเป็นเกล็ดหนา กรงเล็บและฟัน แหลมคม ตัวใหญ่เท่าคนออกหากินในวันที่มีงานบูชาเทพเจ้าโคชิน มันจะคอยมองลอดเข้าไปในหน้าต่างบ้าน คนที่นอนเร็วในคืนนั้นและเล่นงานเมื่อมีโอกาสมันจะใช้เล็บขูดผิวหนังของคน คนนั้นออกมากิน ถ้าเห็นให้พูดว่า"รู้นะว่าแอบมองอยู่" แล้วมันก็จะหนีไป

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

「はなこ さん」 (Hanako san) ฮานาโกะซัง หรือ ฮานาโกะ

190400ssiw9z1yvijzovsj.jpg

เป็นวิญญาณเด็กหญิงในชุดกระโปงเอี๊ยมสีแดงตัดผมทรงกะลาครอบ เธออยู่ในห้องน้ำของตึกเรียนเก่าๆ ห้องสุดท้ายทางขวามือนั่นคือห้องของเธอ

190401f269m623avenfm92.jpg

ว่ากันว่าถ้าใครอยากเจอ “ฮานาโกะ”ให้เคาะประตูห้องน้ำนั้น 3ครั้งแล้วเรียกว่า “ฮานาโกะซัง” หรือในบางครั้งก็เรียกว่า “ฮานาโกะจัง...มาเล่นกัน”ก็จะมีเสียงตอบกลับมาว่า “はい。。。” (Hai…) “ค่า....” ถ้าใครยังไม่เผ่น ประตูจะเปิดออกแล้วฮานาโกะซังที่คุณเรียกหาก็จะออกมาเล่นกับคุณอย่างที่คุณต้องการ (หรือป่าว?)

ปล.อันนี้แค่เรียกน้ำย่อยของ “ฮานาโกะซัง” นะคะ จะมีตำนานของฮานาโกะซังอยู่อีกด้วยละค่ะ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

「やみこ さん」 (Yamikosan) ยามิโกะซัง

คนไทยจะไม่คุ้นชื่อนี้ แต่ถ้าบอกว่า มือขาวๆซีดๆ โผล่มาจากคอห่าน ก็คงจะพอนึกกันออกใช่มั้ยคะ

ยามิโกะซัง เป็นรอยคราบคล้ายใบหน้าคนติดอยู่ที่โถส้วมในห้องน้ำห้องที่2 แม่ใครจะพยายามขัดคราบนี้ออกไม่นานรอยคราบนี้ก็จะปรากฏขึ้นมาอีก ถ้าใครไปเข้าห้องน้ำตามลำพังตอนเย็นๆหรือกลางดึกในโรงเรียนแล้วพูดว่า “ยามิโกะซังตื่นเถอะ...ยามิโกะซังตื่นเถอะ...”ทันใดนั้นจะมีเสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้นทุกบานพร้อมกัน “ปังๆๆๆๆๆๆ!!!” แล้วมือขาวซีดของ “ยามิโกะซัง” จะจับขาคุณ และลากคุณหายไป...

ปล. น่ากลัวมั้ยคะ...คนโพสยังกลัวเองเลยละค่ะ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผีชาวนาอาฆาต

190402bxxs2zs06fz8mvfz.jpg

การต่อต้านระบบเจ้าขุนมูลนายในญี่ปุ่น เมื่อศตวรรษที่ 19 ทำให้ละครผีซึ่งดัดแปลงมาจากเรื่องจริงเรื่องนี้ได้รับความนิยมมาก

ฮอทตาโคะซุเคะ เป็นขุนนางใจโหด ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในจังหวัดโซมาเขาขูดรีดภาษีจากชาวไร่ชาวนา ทั้งที่มีกฎหมายห้ามไว้

ผู้ใหญ่บ้านชื่อ ซากุระ โซะโกโระจึงตัดสินใจไปขอความยุติธรรมจากโชกุน ผู้ปกครองจังหวัดนั้นแต่โชกุนกลับส่งตัวเขาไปหาฮอทตา โคะซุเคะ ซึ่งบังคับให้โซะโกโระกับภรรยานั่งดูลูกชายทั้งสามของตน ถูกตัดหัวตายไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นโซะโกโระกับภรรยาก็ถูกตรึงบนไม้กางเขน

190400k8fz7m7f1g11lffi.jpg

ก่อนหมดลมหายใจโซะโกโระบอกว่า วิญญาณ ของเขาจะกลับมาหลอกหลอนครอบครัวขุนนางใจร้าย และปรากฏว่าเขาทำตามสัญญา กลายเป็นผีร้ายกลับมาตามอาฆาตจองเวรขุนนางใจร้ายจนตายตกไปตามกัน

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เจ้าหญิงกับลูกสมุนผี

190402eicqdgque7uxiioe.jpg

หนึ่งในเรื่องผีของสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งผู้คนโปรดปรานมาก คือ เรื่องของเจ้าหญิงทะคิยะชะ「たきやしゃ」ที่พยายามใช้กำลังผีเข้าต่อสู้ข้าศึกเจ้าหญิงเป็นธิดาของขุนนาง ซึ่งเสียชีวิตในปี ค.ศ.940 เพราะทำการกบฏไม่สำเร็จหลังจากนั้น เจ้าหญิงจึงไปบวชชี เป็นเหตุให้ได้ พบวิญญาณของพ่อมดกบ ซึ่งใช้อำนาจชั่วร้ายช่วยวางแผนต่อสู้กับคู่แค้นเก่าของพ่อเธอลูกสมุนของเจ้าหญิงซ่อนตัวอยู่ในวังของพ่อ แต่นักรบซึ่งเป็นคู่แค้นชื่อมิทซุคุมิ 「みっつくみ」นั้นรู้ทันจึงหนีออกจากวังและปราบทั้งมนุษย์และลูกสมุนที่มีฤทธิ์เหนือธรรมชาติจนสิ้นซาก

ปล. 2อันนี้หาชื่อญี่ปุ่นไม่ได้น่ะค่ะ

เรื่องเล่าจากมาโกะ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่บริษัทเก่า

มาโกะ ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งระหว่างไปเที่ยวทัศนะศึกษา เป็นห้องพักที่นอนกันทั้งหมด 6 คน ระหว่างที่ทุกคนกำลังนอนและปิดไฟอยู่นั้น ได้ยินเสียงคล้ายน้ำหยดลงมา “ติ๋งติ๋ง” ในทีแรกคิดว่าคงมีใครซักคนลืมปิดก๊อกน้ำ จึงวิ่งไปดูปรากฏว่า...น้ำหยุดนิ่งไม่มีเสียงหยด เป็นปกติดี จึงกลับเข้านอนอีกครั้ง

แต่ว่า...กลับมีเสียงน้ำหยกอีก ระหว่างที่เงี่ยหูฟังว่าเสียงมาจากทางไหนอยู่นั้น คนหนึ่งในกลุ่มกรี๊ดร้องดังลั่น “กรี๊ดดดดดดดด!!!” พร้อมกับแหงนหน้ามองและชี้ไปที่เพดาน พอทุกคนแหงนหน้ามองตามที่ปลายนิ้วนั่นชี้ไปนั้นปรากฏภาพ...สิ่งของลักษณะคล้ายเลือด สีดำ เกาะแนบแน่นติดอยู่ข้างๆ หลอดไฟ

มาโกะจึงรีบเปิดไฟทันทีภาพที่เห็นหลังจากที่ไฟเปิดนั้นคือ...รอยเลือดที่ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นไปอย่างช้าๆที่เพดาน ทุกคนจึงตัดสินใจวิ่งหนีออกไปที่ระเบียงและส่งเสียงเอะอะกัน ทันใดนั้น...อาจารย์ก็เข้ามาและทั้งหมดจึงกลับไปดูที่ห้องอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่า...ร่องรอยต่างๆ รวมทั้ง“รอยเลือด” นั้นได้หายไปแล้ว

------------------------------------------------------------------------------------------------------

วิญญาณชู้รัก

ชายผู้หนึ่งชื่อว่า อิกะโนะ คาเนะมิตสุ 「いがの かねみっつ」ได้ลอบรักกับภรรยาม่ายของพี่ชายของเขาที่เสียชีวิตไป แต่รักครั้งนี้ผิดศีลธรรมประเพณีเพราะหญิงม่ายได้บวชเป็นชีไปแล้ว เมื่อ คิคุโนะ 「きくの」 ซึ่งเป็นเมียน้อยของพี่ชายกับ มะตะฮะชิ 「またはし」 ผู้รับใช้ของเธอ ได้ล่วงรู้ถึงความลับนี้คาเนะมิตสุก็ได้สังหารคนทั้งสองเสีย แต่แล้ววิญญาณของทั้งคู่ก็ได้กลับมาแก้แค้น โดยมุ่งหมายที่จะยุติทั้งความสัมพันธุ์และชีวิตของคาเนะมิตสุกับชู้รัก

ในเรื่องเช่นนี้ละครคาบุกิของญี่ปุ่นมักแสดงออกถึงความรู้สึกผิดชอบในใจของผู้กระทำผิดเอง แม้ว่าในพล็อตเรื่อง ชู้รักทั้งสองได้ถูกปีศาจคิคุโนะกับมะตะฮะชิ หลอกหลอน จนกระทั่งเสียสติและฆ่าตัวตายแต่แท้จริงแล้ว...ปีศาจคือความกลัวต่อบาปนั่นเองเมื่อหาทางสงบสติใจและอารมณ์ไม่ได้ ทางออกก็คือ “การฆ่าตัวตาย”

------------------------------------------------------------------------------------------------------

「おいわ」 (Oiwa) โออิวะ หรือ โอยวะ

เป็นเรื่องผีที่รู้จักกันแพร่หลายในญี่ปุ่นจากบทละครเรื่อง โทไคดัน โยซึยะ ไคดัน 「とかいだん よつや かいだん」 หรือ เรื่องผีในโยซึยะ ซึ่งเขียนโดย ซึรุยะนัมโบกุ

โดยเรื่องมีอยู่ว่า นายผู้หนึ่งนามว่า อีเอมอนนั้นมีภรรยาที่หน้าตาอัปลักษณ์แต่เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย เขาแต่งงานกับเธอแม้หน้าตาเธอจะอัปลักษณ์เพื่อหวังทรัพย์สมบัติโดยการวางแผนฆ่า เขาให้เธอแบกตะกร้าบรรทุกถั่วเขียวไปยังแม่น้ำแม้จะสงสัยแต่เธอก็ทำตาม และแล้วเธอก็ถูกผลักตกแม่น้ำ ถั่วเขียวอุ้มน้ำค่อยๆฉุดเธอลงสู่ก้นแม่น้ำและตายในที่สุด จากนั้นอิเอมอนก็แต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนแล้วเรื่องราวสยองขวัญก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ในคืนที่เงียบสงบขณะที่อิเอมอนกำลังนั่งทอดอารมณ์ที่ระเบียงด้วยชีวิตที่มีความสุขทั้งการเงินและครอบครัวแต่แล้วใบหน้าของอดีตภรรยาก็ปรากฏขึ้นที่โคมไฟซึ่งแขวนอยู่ อิเอมอนตกใจมากจึงเข้าไปคว้าดาบออกมาฟัน โคมไฟขาดออกแล้วกลายเป็นปาก มันพูดจาอาฆาตว่า “หายนะจะเกิดกับครอบครัวของอิเอมอน”ด้วยความแค้นของวิญญาณโออิวะ

จากนั้นมาบ้านของอิเอมอนก็ถูกหลอกหลอนจากวิญญาณของโออิวะอยู่เนืองๆ ลูกสาวก็ล้มป่วยภรรยาก็เสียชีวิต เขาไม่มีความสุขเลยตลอดชีวิตที่เหลืออยู่จนต้อง “ฆ่าตัวตาย”ในที่สุด

เรื่องเล่าก็เปลี่ยนแปลงเนื้อหาไปหลายรูปแบบแต่ก็ยังคงเรื่องของความแค้นที่โออิวะถูกสามีหักหลังและปลิดชีพตนเองไว้

------------------------------------------------------------------------------------------------------

โคมไฟนำทาง

เรื่อนี้เป็นหนึ่งในเจ็ดเรื่องพิลึกของ เอโดะฮนโจ 「えど ほんじょ」 ในกรุงโตเกียว โดยเรื่องมีอยู่ว่า...

ในคืนหนึ่งที่เงียบสงบของฤดูใบไม้ผลิ ซามุไรคนหนึ่งเพิ่งกลับมาจากการสังสรรค์ที่ โยชิวะระหรือ อะกะกุสะ โดยมากับผู้ติดตามคนหนึ่ง ขณะที่เดินทางตุปัดตุเป๋ด้วยอาการเมาหัวราน้ำไปบนถนน ผ่านหน้าประตูวัดโฮองจิ 「ほおんじ」 ผู้ติดตามของซามุไรที่เป็นคนขี้ขลาดก็นึกถึงแต่เรื่องที่เคยได้ยินมาบริเวณนี้และเกิดอาการสั่งเทาด้วยความกลัว รั้งไม่ให้ผ่านทางนี้ แต่ด้วยความ “เมา” และเป็น “ซามุไร”ทำให้เขาไม่กลัวอะไร จึงเดินต่อไป และพบแสงไฟข้างหน้า เมื่อมองเห็นแสงไฟทำให้ใจของผู้ติดตามชื้นขึ้นมาบ้าง แสงไฟนั้นอยู่ในโคมไฟที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคนรับใช้ถือไว้ในมือเธอเดินอยู่คนเดียวในทางที่เปลี่ยว ซามุไรจึงถามเธอว่า “จะไปที่ไหน” เธอชี้ไปทางหนึ่งแล้วตอบว่า“ทางโน้นค่ะ...ท่านไม่มีโคมไฟหรือคะ? ดิฉันจะนำทางให้” แล้วทั้งสามก็เดินไปคุยกันไปกระทั่งสิ้นสุดทางซามุไรก็ขอตัว เธอก็ของตัวเช่นกันแล้วแยกย้ายกันไป

ซามุไรคิดว่า ‘น่าจะมองส่งเสียหน่อย’ จึงหยุดและหันหลังเพื่อมองส่งเธอจนลับสายตาไป ทว่า...ผู้หญิงคนนั้นได้หายไปแล้วเหลือไว้เพียงแต่ความมืด ผู้ติดตามจึงโพล่งขึ้นว่า “นั่นคือ ‘ไฟนำทาง’ ”

กล่าวกันว่า มันคือไฟพิศวงที่มักปรากฏเฉพาะต่อหน้าคนที่ไม่มีโคมไฟ จะเห็นเป็นดวงไฟติดๆ ดับๆ ส่องสว่างอยู่เรื่อยๆลอยเรี่ยอยู่ด้านหน้า แม้จะเดินตามเท่าไหร่ก็จับไม่ได้

นับว่าเป็นปีศาจ (?) ที่ใจดีและไม่น่ากลัวเลย

------------------------------------------------------------------------------------------------------

「たんまもめん」 (Tanmamomen) ตันมะโมะเม็ง หรือปีศาจผ้าขาว

ปีศาจตนนี้แต่เดิมเป็นผ้าขาวที่ชาวญี่ปุ่นโบราณไว้ใช้ห่อศพคนตาย การที่มีวิญญาณผีร้ายมาเข้าสิงผ้าขาว นั่นอาจเป็นเหตุให้เกิด“ตันมะโมะเม็ง” ก็ได้ โดยปกติแล้วมันมักจะล่องลอยมาจากฟากฟ้ายามค่ำคืน เป็นผ้าสีขาวๆ ยาวๆปลิวว่อนสยายยามเมื่อลมกลางคืนพัด เมื่อพบเห็นเหยื่อมันก็จะโผใช้ผ้ารัดคอจนคนๆนั้นหน้าขาวซีดและขาดใจตายทันที และแล้วมันก็จะห่อร่างเอาวิญญาณคนตายนั้นลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าและหายไป

ตันมะโมะเม็งนั้นเป็นผีที่ร้ายกาจมากและความร้ายกาจของมันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นถ้ามันได้สะสมวิญญาณของคนตายไว้มากด้วยตันมะโมะเม็งนั้นพบมากที่สุดที่แถบภูเขาหรือป่าลึก ยามค่ำคืนจะปรากฏกายออกมาหาเหยื่อและมันเกลียดกลัวไฟ เพราะไฟเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ร่างทั้งร่างและดวงวิญญาณของมันมอดไหม้เพียงไม่กี่พริบตาได้ (หรือก็คือไฟทำให้ผ้าไหม้ได้น่ะล่ะ)

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

「みかりばば」 (Mikaribaba) มิคะริบาบะ หรือยายแก่มิคะริ

ว่ากันว่า ยายแก่มิคะรินั้นชอบไปเยี่ยมตามบ้านต่างๆ ในแถบตะวันออก พร้อมกับผีเด็กชายตาเดียว

ทางภาคเหนือของเขตคะวะซะกิ เชื่อกันว่ายายมีคะริ มักจะมาเยี่ยมในช่วงวันที่ 8 ของเดือนกุมภา และธันวาชาวบ้านมักจะนำเอาตะกร้ามาวางไว้ที่หน้าบ้าน แล้วก็จะอยู่แต่ในบ้านทั้งวัน ไม่ยอมออกไปไหน

คนที่อาศัยอยู่ทางใต้ของจังหวัดซึบะ เชื่อว่ายายมิคะริ จะมาเยือนในช่วงสิบวันคือตั้งแต่วันที่ 26 ของเดือนพฤศจิกา ชาวบ้านจึงถือกันว่า ในช่วงนั้นไม่ควรทำงานใดๆแม้แต่งานในภูเขาหรือการทอผ้า ควรจะอยู่แต่ในบ้านทั้งวัน

แต่ที่เขตซึรุจิ ของจังหวัดโยะโคะฮะมะยายมิคะริจะชอบปรากฏตัวในช่วงวันที่ 25 ของเดือนพฤศจิกาถึงวันที่ 5 ของเดือนธันวา

คำว่า “มิ” ของ “มิคะริ” นั้นมาจากคำว่า “มิโนะ”ซึ่งแปลว่า “เสื้อกันฝนที่ทำจากฟาง” เพราะยายมิคะริจะชอบเคาะประตูบ้านแล้วพูดว่า “ขอยืมมิโนะหน่อย”

ว่ากันว่าใครที่อยากไล่ยายมิคะริไปก็เอาขนมดังโงะมาเสียบไว้ที่หน้าบ้าน เมื่อยายมิคะริเห็นขนมดังโงะแล้วก็จะบ่นพึมพำอยู่คนเดียวแล้วก็จากไปคาดว่าเป็นเพราะขนมดังโงะมักจะนำไปใช้กับพิธีที่เกี่ยวข้องทางศาสนาในสมัยอดีตจึงทำให้ยายมิคะริเกรงกลัวก็อาจจะเป็นไปได้ นอกจากนี้ ถ้านำตะกร้าหรือกระชอนไปแขวนไว้ที่หน้าบ้านยายมิคะริก็จะหนีหายไปทันทีทั้งนี้เพราะว่ายายมิคะรินั้นมีดวงตาเพียงดวงเดียวเมื่อมองเห็นตะกร้าหรือกระชอนที่มีตาหรือรูเยอะๆก็จะเกิดอาการกลัวขึ้นมาก็อาจจะเป็นไปได้

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

「あとおいこそ」 (Atooikoso) อะโตะโอะอิโคะโซะ หรือเด็กชายเดินตามหลัง

กล่าวกันว่า คนที่เดินทางไปภูเขาในเขตทันซะวะทางทิศตะวันออกของจังหวัดคานาซาวา อาจจะรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครซักคนอยู่ข้างหลังแต่พอหันหลังไปดูก็รู้สึกว่ามีใครซ่อนตัว แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครนี่คือการทำงานของวิญญาณภูเขาที่เรียกว่า “เด็กชายเดินตามหลัง” ไม่ใช่ว่ามันจะเดินตามด้านหลัวเสมอบางทีจะเดินนำหน้าเหมือนนำทางให้

ในกลางคืนมันจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับโคมไฟถ้าเราส่งสัญญาณหรือส่งเสียงทัก มันก็จะหายตัวไปทันทีเหมือนซ่อนตัวอยู่ในที่กำบัง กล่าวกันว่ามันชอบออกมาตอนกลางวันในช่วงบ่ายมากกว่าตอนกลางคืนมันเป็นปีศาจก็จริง แต่ไม่ทำร้ายมนุษย์ มันเพียงแค่ปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น ถ้ามันออกมาบ่อยๆ ก็ควรจะวางพวกข้าวปั้นลูกพลับแห้ง ลูกอม และมันเทศไว้บนหินหรือตอไม้ด้วยก็ดี

ตั้งแต่อดีตผู้คนเชื่อกันว่า ภูเขาเป็นสถานที่ใกล้กับพวกวิญญาณ และวิญญาณของคนตายมักจะมารวมตัวกันอยู่ เด็กชายเดินตามหลังอาจจะเป็นวิญญาณที่ชอบอยู่กับมนุษย์จึงปรากฏตัวขึ้นก็อาจจะเป็นไปได้

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

「ホヤウカムイ」 (Hoyaukamui) โฮยะอุคะมุอิ หรือโฮยะอุคะมุย หรือ เทพเจ้างู

ตามตำนานของชาวไอมุ จะเรียก “เทพเจ้างู” ว่า “โฮยะอุคะมุย”ซึ่งว่ากันว่าเป็นผู้ปกครองทะเลสาบ โดยเทพองค์นี้จะมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “สิ่งที่ไม่ควรเอ่ยถึงในฤดูร้อน”ลักษณะลำตัวจะใหญ่เหมือนกระสอบทรายมีปีกงอกออกมาที่หลัง ตัวกับหางเรียวเล็กตัวดำเมี่ยมทั้งตัว ขอบตากับปากมีสีแดง และมีจมูกแหลมเรียว

ว่ากันว่ามันจะส่งกลิ่นเหม็นออกตามร่างกายทำให้รู้ได้ทันทีว่าทะเลสาบนั้นมีมันอยู่คนที่ผ่านไปผ่านมายังทะเลสาบที่มันอยู่นั้นมีชื่อว่า「かむいと」คะมุยโตะ (หนองน้ำปีศาจ) ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปใกล้

ในตำนานอีกเรื่องหนึ่งกล่าวไว้ว่าเทพเจ้าของทะเลสาบโทยะโกะ ก็เป็น “โฮยะอุคะมุย” เหมือนกันแต่รูปร่างเป็นเต่ามีปีกมากกว่า ว่ากันว่าโฮยะอุคะมุยในทะเลสาบโทยะโกะนี้เป็นปีศาจที่ชั่วร้าย ชอบสร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษย์ แต่ว่าบางครั้งก็ทำหน้าที่ปกป้องมนุษย์โดยการเข้าสิงหญิงร่างทรงแล้วบอกถึงสาเหตุโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ของมนุษย์ว่ากันว่ามันเคยไล่ปีศาจไข้ทรพิษด้วยกลิ่นของตัวเองมาแล้ว

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

「おかむもの」 (Okamumono) โอะกะมุโมะโนะ หรือ ผู้เข้าทรง

มีเกาะมิยะเกะ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดของหมู่เกาะอิซึเรียกร่างทรงเจ้าว่า “โอะกะมุโมะโนะ” กล่าวกันว่า โอะกะมุโมะโนะนั้นทั้งดูดวงและรักษาโรคด้วยเขาไม่ได้เป็นร่างทรงตั้งแต่กำเนิด แต่เป็นหลังจากที่ถูกยักษ์เท็นกุตัวใหญ่เข้าสิงเขาแล้ว

ในสมัยโชวะ ช่วงศตวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2478 – 2487) โอะกะมุโมะโนะอายุประมาณ 50ปีอยู่ที่หมู่บ้านคะมิซึกิ อยู่ในเกาะนั้น หญิงร่างทรงคนนี้ถูกยักษ์เท็นกุตัวใหญ่ของภูเขาฮากุโระ(สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดยะมะงะตะ) เข้าสิงแล้วกลายเป็น “โอะกะมุโมะโนะ”วันหนึ่ง ขณะทีชาวบ้านหลายคนกำลังตัดต้นสนต้นใหญ่ที่อยู่ริมถนน โอะกะมุโมะโนะคนนี้ก็ผ่านมาพอดีเตือนชาวบ้านว่า “นี่คือต้นไม้ของยักษ์เท็นกุ ห้ามตัดเด็ดขาด!!!) แต่ชาวบ้านไม่สนใจ ยังคงตัดต้นสนนั้นต่อไป แต่ทำยังไง...ต้นไม้ก็ตั้งตรงไม่ยอมล้มซะทีพอชาวบ้านมารวมตัวกัน...ต้นไม้กลับล้มลงกะทันหันด้วยเสียงน่ากลัวทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บหลายคน

โดยทั่วไปคนถูกวิญญาณเข้าสิงจะมีจิตใจที่อ่อนแอ ขี้โรค แต่โอะกะมุโมะโนะส่วนใหญ่เมื่อถูกเข้าสิงแล้วจะมีจิตใจที่เข้มแข็งกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ เช่น สามารถมองทะมุปรุโปร่งได้และสามารถรักษาโรคได้

ถือว่า “ยักษ์เท็นกุ”เป็นวิญญาณที่คล้ายเทพเจ้ามากกว่าปีศาจเสียอีก

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Edited by Hitler

Share this post


Link to post
Share on other sites

อันนี้แถม (ความจริงจะโพสไปกับอันบนแต่มันเกิดเหตุขัดข้อง ผมแก้ไม่เป็น เลยมาโพสด้านล่างแทน)

5 สถานที่ผีดุที่สุดในญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่ยาวนาน และมีสถานที่เก่าแก่มากมายและสถานที่จำนวนหนึ่งก็เป็นสถานที่ที่น่ากลัว สยองขวัญสั่นประสาทและเรื่องเล่าลื่อว่า “ผีดุ”แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงหรอกนะ กลับกันมันมากขึ้นด้วยซ้ำ มันกลายเป็นสถานที่ที่หลายคนอยากลองไปสักครั้งในชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่า “ผีมีจริงหรือ ?”

No.5 ปราสาทฮิเมจิ

1723154lzz0qmqpya74f10.jpg

จากนั้นเป็นต้นมาโอกิกุก็กลายเป็นผีนับจานหรือ ซะระยะชิกิ 「さらやしき」 มันเริ่มขึ้นสมัยเอโดะ ค.ศ. 1590วันดีคืนดีจะมีเสียงโหยหวนออกมาจากบ่อน้ำบ่อหนึ่งหน้าปราสาท โดยเสียงนั้นเป็นเสียง“นับจาน” ใบที่ 1 ถึงใบที่ 9 จากนั้นก็ร้องไห้หัวใจสลายหรือมีดวงไฟวิญญาณพวยพุ่งออกมาจากบ่อน้ำยามค่ำคืน นอกจากนี้ ยังอ้างถึงบ่อน้ำผีสิงอีกแห่งคือ บ่อน้ำของสวนในสถานทูตประเทศแคนาดาที่กรุงโตเกียว ซึ่งเดิมทีเป็นที่ดินของตระกูลอะโอยะมะ และยังมีเรื่องผีๆ ในปราสาทแห่งนี้อีก เช่นศาลเจ้าโฮะซะตะเบะชินโต ที่ตั้งอยู่บนสุดของญี่ปุ่น ว่ากันว่าเป็นที่สิงสู่วิญญาณของมิยะโมะโตะ มุซาชิ หรือถ้าใครอยู่ภายในปราสาทประมาณ 4 โมงถ้าไม่กลับออกมาจากปราสาทภายในเวลา 2 ชั้วโมงจะหลงทางอยู่ในปราสาทนั้น

No.4 โอะซาระ

172312skoqjl6a56lssh6z.jpg

โอซาระเป็นอดีตภูเขาไฟในเขต อะโอะโมะริ ซึ่งถูกค้นพบในศตวรรษที่ 16 เป็นภูเขาหินที่ไม่พบสิ่งมีชีวิตเนื่องจากบริเวณแถบนั้นเต็มไปด้วย Sulfur Dioxide (ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซน์)หรือก๊าซไข่เน่า ที่ออกมาจากทะเลสาบโดยรอบ ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าเป็น “ดินแดนแห่งโลกวิญญาณเชื่อต่อกับโลกมนุษย์”

No.3 ฮะชิมะ

172305bt5m43zzjj4hmzbr.jpg

เกาะแห่งนี้ต้องเดินทางด้วยเรือจากฝั่งทะเลของเมืองนางาซากิ ออกไปประมาณ 15กิโลเมตร บนทะเลจีนตะวันออก จะพบเมืองเล็กๆ ที่ดูทันสมัยกลางทะเลแต่ถ้าเกิดมองลึกๆ จะพบว่า “มันร้าง” อย่างน่ากลัว และได้รับการโจษจันว่า “ผีดุ”

ความเป็นมาดั้งเดิมของเกาะนี้ แต่เดิมเมืองนี้ชื่อ くんかんじあ (Gunkanjia) หรือ BattleshipIsland เกิดขึ้นในยุคอุตสาหกรรมถ่านหินเฟื่องฟู ค.ศ. 1887 ก่อสร้างโดยบริษัทมิซุบิชิ 「みつびし」 (Mitsubishi) ซึ่งใช้เป็นที่พักในลักษณะเมืองขนาดเล็กมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานจำนวนมาก มีทั้งอพาร์ทเม้นท์ โรงเรียนประถมสนามเด็กเล่น โรงภาพยนตร์ บาร์ โรงพยาบาล แต่ทว่า...ในยุค60 อุตสาหกรรมถ่านหินในญี่ปุ่นค่อยๆ ทยอยปิดตัวลงเนื่องจากถ่านหินหมดความนิยมจากการใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิง...จนกระทั่งปิดตัวลงถาวรในปี1974...ทุกวันนี้เหลือเพียงแต่เศษซากของความรุ่งเรืองทิ้งไว้ให้ระลึกถึงอดีตเท่านั้น

1723018kaz1f8ffqlka0dc.jpg

ในเวลากลางวันสถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สนใจที่อยากจะสัมผัสบรรยากาศสมัยก่อนที่หลอนนิดๆ ขนาดตอนกลางวันยังดูหดหู่น่ากลัว ตอนกลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง น่ากลัวยิ่งกว่าหลายเท่าโดยเฉพาะในช่วงมรสุมหรือพายุเข้าชาวประมงมักเห็นแสงไฟจำนวนหนึ่งลอยละล่องวนเวียนอยู่เหนือตึกสูง ทั้งๆที่ไม่มีไฟฟ้า และได้ยินเสียงน่ากลัวดังเหมือนกับโหยหาใครซักคนไปอยู่ด้วย!!!...นอกจากนี้สถานที่นี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Battle Royale” และทีมงานก็ได้เจอสิ่งผิดปกติในกองถ่ายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น “มีคนอื่นที่ไม่ใช่ทีมงานถูกถ่ายติดเข้ามาในฉาก”หรือไม่ก็ “ฟิล์มเสียทั้งๆ ที่เพิ่งใช้งาน” หรือแม้แต่ “นักแสดงบางคนถูกผีสิง!!!”

No.2 อะโคคิกะฮะระ

17231877bhxfnaayb7nfxn.jpg

มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า“จูไค” ซึ่งคนญี่ปุ่นเรียกขานว่า “ป่าฆ่าตัวตาย”สถานที่แห่งนี้อยู่บริเวณตีนภูเขาไฟฟูจิ มีพื้นที่ประมาณ 3000 เอเคอร์ ซึ่งเป็นจุดชมความงามของภูเขาฟูจิแต่ขณะเดียวกัน...ก็เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับคนที่คิด “ฆ่าตัวตาย” ด้วยเช่นกันโดยสถิติพบว่า สถานที่แห่งนี้มีคนมาฆ่าตัวตายเป็นอันดับ 2ของโลก!!! [อันดับหนึ่งคือสะพานโกลเด้นเกต (Golden Gate) ] เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ตัวเลขอยู่ที่ 2645 คน ซึ่งทำลายสถิติของปีที่แล้ว คือ 2305 คน โดยจุดบริเวณที่คนชอบไปฆ่าตัวตายที่สุด คือจุดที่เรียกว่า “ทะเลป่า”โดยล่าสุด ชายคนหนึ่งวัย 46 ปีซึ่งถูกปลดออกจากงานที่โรงงานเหล็กแห่งหนึ่งและคิดว่า ‘อนาคตที่เหลือนั้นมืดมน’เนื่องจากขาดเงินและตกอยู่ในสภาพหนี้ท่วมรวมถึงไร้ที่อยู่เพราะโดนไล่ที่ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยเขาได้ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวมุ่งหน้าไปยังป่าแห่งนี้เมื่อไปถึงเขาก็เชือดข้อมือตนเอง แต่แผลไม่ลึกพอที่จะทำให้สิ้นใจในทันทีและต้องอยู่ในป่าลึกหลายวันในสภาพที่ร่างกายขาดอาหาร น้ำ และเนื้อเยื่อถูกทำลายเพราะอากาศเย็นจัดสภาพที่เกิดขึ้นทำให้เขาอาจต้องเสียนิ้วเท้าขวาแต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากมีคนมาพบเสียก่อน

172308ebzc9vs111vc1pc3.jpg

และทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงนิยมมาฆ่าตัวตายหรอ?...ก็เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากนิยายเรื่อง “คุโรอิ จูไค” 「くろい じゅかい」 ‘คุโรอิ หรือ คุโรย แปลว่า สีดำค่ะ’ รวมไปถึงภาพยนตร์เรื่อง“คิโนะอุมิ” 「きのうみ」 ที่นำเสนอเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งได้ฆ่าตัวตายในป่าแห่งนี้ซึ่งปัจจุบัน แห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว กีฬากลางแจ้ง ท่องป่า ตั้งแคมป์ซึ่งเวลาใครจะเดินทางมาที่นี่ อาจจะจ๊ะเอ๋!!!กับศพคนฆ่าตัวตายหรือวิญญาณร้ายก็ได้

No.1 โรงเรียน

172320fyvmounhaoqf1uty.jpg

โรงเรียนของญี่ปุ่นคือ สถานที่ที่ชาวไทยอย่างเราๆ อยากไปสักครั้งในชีวิตก็เพราะเวลาเราอ่านมังงะหรือดูอนิเมแนวไหนๆ ก็ต้องมีโรงเรียนให้เห็นทุกครั้งจึงอยากสัมผัสว่าโรงเรียนญี่ปุ่นจะเป็นยังไง? และแน่นอนทุกโรงเรียนของญี่ปุ่นมักจะมีเรื่องสยองประจำโรงเรียนที่เล่าต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นและที่น่าแปลกคือ ทุกโรงเรียนจะมี “เรื่องเล่าสยองขวัญ 7 เรื่อง” และแต่ละเรื่องของแต่ละโรงเรียนแทบเหมือนกันหมดอย่างอัศจรรย์

1723224h8ap84ig44yz7a6.jpg

7สิ่งสยองขวัญในโรงเรียนเป็นตำนานที่ช่วยเสริมบรรยากาศในโรงเรียนให้ชวนหลอนบวกกับสถานที่ที่ใช้งานมายาวนานและบรรยากาศ ยิ่งส่งผลให้ 7เรื่องสยองขวัญในโรงเรียนกลายเป็นเรื่องที่หลายๆคนอยากพิสูจน์ว่ามันเป็นจริงหรือเปล่า? โดย 7เรื่องสยองในโรงเรียนที่ว่าก็มี “ต้นคาเมลเลียสีเลือด” ที่ว่ากันว่าต้นไม้อายุ 100 ปี จะมีผีสิงอยู่ ; “ผีลู่ว่ายที่ 4” ที่มีเด็กชายที่ตายในขณะว่ายน้ำในวิชาพละที่ลู่ว่ายที่ 4 (แต่บางตำราก็บอกว่า...เด็กคนนี้กำลังจะไปแข่งว่ายน้ำแต่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อนไปแข่ง) ; “รูปปั้น นิโนะมิยะคินจิโยะ เดินได้” ; “บันได 13 ขั้น”ที่คอยจับเด็กที่พลาดเหยียบขั้นที่ 13ลงไปยังโลกแห่งความตายพร้อมกับตน ; “ฮะนะโกะประจำห้องน้ำ”(ดูๆแล้วเหมือน เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ ยังไงไม่รู้แฮะ 555+) ; “ผีในห้องน้ำห้องที่ 2” (หรือยูมิโกะซังนั่นเองค่ะ)อยู่ๆก็มีมือโผล่ขึ้นมาที่ส้วมและลากเหยื่อลงไปบี้แบนที่คอห่านตายอนาถ ; “สนามรบในสนาม” โรงเรียนที่วิญญาณซามุไรญี่ปุ่นโบราณยังทำการสู้รบอยู่ตลอดเวลา; “ซาโตรุคุง” ; ฯลฯ

โดยเฉพาะเรื่องฮะนะโกะ นั่นเป็นเรื่องที่เด็กญี่ปุ่นนิยมท้าพิสูจน์มากที่สุด

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Credits : คุณ kil159357 เจ้าเก่าของผมนะครับ แล้วก้เว็บต่างๆที่นำข้อมูลดีๆมาแบ่งปันกันนะครับ Wikiฯ Dek-D

กระทู้เรื่องผีญี่ปุ่น (ภาคต่อ และ อื่นๆ)

Edited by Hitler

Share this post


Link to post
Share on other sites

เยอะมาก อ่านจบซักที ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากครับ emo%20%2876%29.gif

Share this post


Link to post
Share on other sites

แวะมาดูemo%20%2859%29.gif

Share this post


Link to post
Share on other sites

มีต่อ ภาค 3 ด้วย มันจะเปนไปได้ หรอ ผี

อิซึมาเด็น เนี่ย หายใจเปนไฟด้วย ตัวเหมือน คิเมร่า มันคงจะคล้ายๆ กับ กริฟฟ้อนแหละมั่ง ครับ

Share this post


Link to post
Share on other sites

ชอบ ๆ คาไมทะจิ ปรากฏใน เมะหลายเรื่อง มาก ๆ ในรูปแบบที่ต่าง กันออกไป

Share this post


Link to post
Share on other sites

ป่าหลังเขาฟูจีน่ากลัวสุดนะ ถ้าเคยอ่านป่าแห่งความตายในกระทู้เก่าๆจะรู้ดี

Share this post


Link to post
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
Sign in to follow this  

×
×
  • Create New...