Jump to content
Sign in to follow this  
Toushiro

10 สุดยอดการประหารสมัยใหม่ (เรื่องจริงที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน)

Recommended Posts

อันดับ 10 Lethal Injection

การฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือดเรียกได้ว่า เป็นวิธีที่ทันสมัยที่สุดเท่า ที่มีบทลงโทษแล้ว มันเป็นวิธีประหารชีวิตที่ประเทศไทยได้นำไปใช้ แล้วใช้เวลาตายรวดเร็วที่สุด

ระหว่าง ที่นักโทษ จะมีการเตรียมการทำใจแต่เนินๆ มีการเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำฝักบัว กินอาหารมือสุดท้าย สวดมนต์ ฟังธรรม ฯลฯ จากนั้นนักโทษจะถูกมัดไว้กับรถเข็น โดยมีสายน้ำเกลือสองสาย (สายหลักและ สำรอง) ปักอยู่ในแขนแต่ละข้าง สารพิษที่ใช้นั้นแม้จะแตกต่างกันไปในแต่ละที่ แต่กระบวนการพื้นฐานที่ต้องดำเนินก็คือ

ขั้น แรกเป็นการฉีดยาสลบ (โซเดียม Thiopental) ซึ่งเป็นยาชาสำหรับผ่าตัดปริมาณที่ใช้ประมาณ 150 Mg แต่ใครจะไปสนปริมาณมากล่ะใน เมื่อมันจะตายอยู่แล้ว

จากนั้นก็ฉีดยา ให้กล้ามเนื้อหยุดทำงาน(Bromide Pancuronium) หรือเรียกอีกอย่างคือ Pavulon เป็นยาที่ทำให้กล้ามเนื้อที่ควบคุมซี่โครงและกระบังลม หยุดทำงาน เหลือเพียงหัวใจที่ยังเต้นอยู่ ลมหายใจของนักโทษจะอ่อนลงเรื่อยๆ ยานี้ให้ผลใน 1-3 นาที ปริมาณการแพทย์ที่ใช้ปกติ 40-100 Mg แต่สำหรับนักโทษใช้ 100 Mg ขึ้นอยู่กับความต้องการ

ขั้น ตอนสุดท้ายเป็นการฉีดสารพิษให้หัวใจหยุดเต้น(โพแทสเซียมคลอไรด์) โดยมากนักโทษจะ ‘ไป’ ภายใน 6-13 นาที อย่างไรก็ตาม แม้ภายนอกจะดูเหมือนเป็นการ ‘ไป’ อย่างสงบ แต่ภายในนั้น ทั้งปอดและอวัยวะภายในอื่นๆ ของนักโทษต่างก็บิดเบี้ยวเนื่องจากขาดออกซิเจน

สุด ท้ายเจ้าหน้าที่จบกระบวนการประหารด้วยการนำศพเข้าห้องเย็นในอุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส นาน 12 ชั่วโมง ก่อนที่ศพจะถูกส่งไปยังครอบครัวของนักโทษหรือรัฐเพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนาต่อไป

อันดับ 9 The Electric Chair

เก้าอี้ ไฟฟ้าถูกคิดค้นโดยฮาโรลด์ บราวน์ ลูกจ้างโดยโทมัส เอดิสัน เพื่อวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวคือแข่งกับเทสซ่าในการใช้กระแสไฟสลับในการ ฆ่าสิ่งมีชีวิต และทางการอเมริกาเกิดสนใจสิ่งประดิษบ์นี้ก่อนมีการพัฒนาเป็นเก้าอี้ไฟฟ้าที่ เห็นกันในปัจจุบันโดยนักโทษที่ได้รับการประหารนี้เป็นคนแรกคือ William Kemmler (1890)

ในช่วงแรกๆ ที่มีการใช้เก้าอี้ไฟฟ้า สังหารนักโทษในนิวยอร์กเมื่อปี 1830 นั้น หลายคนเชื่อว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่มีเมตตามาก เพราะมันเหมือนกับว่านักโทษถูกฆ่าด้วยแรงที่มองไม่เห็น

สิ่งสำคัญใน การใช้เก้าอี้ไฟฟ้า คือต้องจับนักโทษผูกติดกับเก้าอี้ให้แน่นหนา จากนั้นต่อขั้วไฟฟ้าเข้าสองขั้ว ขั้วหนึ่งต่อเข้าไปที่หมวกหนังที่บุทองเหลือไว้ โดยใช้ฟองน้ำที่จุ่มน้ำทะเลหรือน้ำเกลือจนโชกรัดไว้ด้วย ส่วนขั้วไฟฟ้าอีกขั้นเป็นแถบทองเหลืองหรือตะกั่ว ใช้ร่วมกับฟองน้ำชุบน้ำเกลือชุ่ม รัดเข้าที่น่องซึ่งโกนขนหน้าแข้งแล้วของนักโทษ

ว่ากันว่าก่อนการ ประหาร เจ้าหน้าที่ต้องเอาหน้ากากหนังปิดหน้านักโทษไว้ โดยรัดให้แน่นบริเวณเหนือดวงตา เพื่อไม่ให้ลูกตาของนักโทษกระเด็นหลุดออกมาเมื่อกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกาย

กระแส ไฟฟ้าสังหารชีวิตนักโทษ ด้วยการเข้าไปทำลายขั้วแม่เหล็กในสมอง รวมถึงโครงสร้างประสาทของก้านสมอง ทำให้อุณหภูมิสมองทะลุเดือด สูงถึง 280-284 องศา เซลเซียส นอกจากนี้กระแสไฟฟ้ายังเข้าไปทำลายอวัยวะภายใน ทำให้ร่างของนักโทษเป็นเหมือนกับหลอดไฟ ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลวนอยู่ภายใน

สำหรับ กระแสไฟฟ้าขนาดไหนถึงจะให้คนตายได้นั้น ได้หลักการแล้วกระแสไฟฟ้าที่ทำให้เสียชีวิตได้คือ 0.06-0.1 แอลป์ กระแสสลับหรือ 0.3-0.5 แอมป์กระสตรง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ แต่ละแห่งนั้นจะใช้กระแสไฟฟ้าไม่แน่นอน ยกตัวอย่างที่เรือนจำ Greenville รัฐ เวอรจีเนีย ใช้กระแสไฟฟ้า 1825 โวลท์ กระแส 7.5 แอมป์ เป็นเวลา 30 วินาที แล้วลดเหลือ 240 โวลท์ 1.5 แอมป์ เป็นเวลา 60 นาที

อันดับ 8 Gas Chamber

การประหารลักษณะนี้ได้รับแรงบันดาลใจ จากการใช้แก๊สพิษประหารนักโทษในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และโด่งดังที่สุดคือห้องรมแก๊สในค่ายคุก เยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้ประหายชาวยิวกว่าล้านคน ซึ่งเป็นการประหารชีวิตคนที่เลวร้ายที่สุดของประวัติศาสตร์ของมนุษย์ใน ศตวรรษที่ 20

การ ประหารโดยการรมแก๊สพิษนี้ยังคงมีอยู่ในประเทศอเมริกา ซึ่งบางรัฐนักโทษสามารถเลือกได้ว่าจะให้ฉีดยาพิษหรือจะรมแก๊สพิษดี และนอกเหนือจากอเมริกาแล้วยังมีบางประเทศที่มีการใช้วิธีการประหารชีวิตนี้ อยู่คือเกาหลีเหนือ(จากคำบอกเล่าของพยาน)

วิธีการประหารรมแก๊สใน อเมริกานั้นจะมีห้องที่ปิดมิดชิด นักโทษจะถูกเข้าไปข้างใน และนักโทษจะถูกผูกไว้กับเก้าอี้ในห้องที่ผนึกแน่นจนอากาศเข้าไม่ได้ เจ้าหน้าที่ลงมือด้วยการเปิดวาล์ว ปล่อยกรดไฮโดรคลอริกหรือซัลฟิวริก เข้าไปในถาดที่วางไว้ข้างใต้เก้าอี้ จากนั้นจึงปล่อยเกลือไซยาไนด์ราวแปดออนซ์เข้าไปในกรด จนทำให้เกิดแก๊สไฮโดรไซยานิก

แก๊ส ตัวนี้ยับยั้งไม่ให้เฮโมโกลบินในเลือด นำออกซิเจนไปส่งให้เซลล์ในร่างกาย ผลก็คือเซลล์จะขาดออกซิเจน และนักโทษจะเสียชีวิตภายใน 2-8 นาที ในลักษณะที่ลำตัวบิดเบี้ยวเพราะขาดออกซิเจน จึงต้องมีการตรวจสอบโดยแพทย์ก่อนเพื่อยืนยันว่าตายจริง

อันดับ 7 Single Person Shooting

การกระทำโดยการยิงจ่อหัว แบบเดี่ยวๆ นี้เป็นวิธีพบเห็นบ่อยมาก ของการประหารที่ใช้กว่า 70 ประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่ประเทศเหล่านี้ใช้วิธีประหารนี้ทันทีที่พบนักโทษ ไม่ว่าจะเป็นทหารและไม่ใช้ทหาร โดยไม่มีการไต่สวนหรือขังใดๆ ทั้งสิ้น ที่โซเวียตจะใช้วิธีจ่อปืนด้านหลังศีรษะนักโทษ ไม่เว้นแม้กระทั้งจีนที่สามารถใช้ปืนยิงที่คอและหัวนักโทษได้ และในอดีตรัฐบาลจีนยังเคยให้ครอบครัวของนักโทษจ่ายค่ากระสุนสำหรับประหารอีก ด้วย ในไต้หวันนักโทษจะถูกฉีดยาชาเพื่อให้เขาหมดสติก่อนที่กระสุนปืนจะแล่นเข้า สู่หัวใจของเขา

อันดับ 6 Firing Squad

การยิง เป้าแบบทีมยิงถือได้ว่าเป็นการ ประหารที่เป็นเกียรติมากที่สุดของอาชญากรสงครามแล้วก็ว่าได้

วิธีการ ก็ง่าย คือจับนักโทษมามัดให้แน่นอยู่กับที อาจผูกติดเสา หรือผูกติดกับเก้าอี้ ใช้ผ้าปิดตา จากนั้นก็เรียกทหารที่ถูกตั้งเป็นทีมกลุ่มหนึ่ง เพื่อทำการประหารระดมยิงไปที่นักโทษเป็นอันเสร็จพิธี

ในประเทศ อเมริกามีสองรัฐ ที่มีการประหารแบบนี้อยู่ ที่ไอดาโฮและโอกลาโฮมา ส่วนรัฐยูทาห์เคยมีการบันทึกการประหารนี้ในปี 1861 โดยนักโทษประหารชื่อวิลเลี่ยม จอห์นสัน(William Johnson) ฐานหนีทัพ จอห์นสันถูกยิงหลายครั้งที่หัวใจตายในการระดมยิงครั้งแรก

อันดับ 5 Hanging

การแขวนคอเป็นการประหาร ที่นิยมเป็นอันดับ 2 ของโลก ปัจจุบันมีประเทศกว่า 78 ประเทศใช้วิธีการประหารนี้ เพราะว่านั้นเป็นวิธีการลงทัณฑ์ที่ดูจะรวดเร็ว ประหยัดและทำให้นักโทษเจ็บปวดน้อยที่สุด... หากทำอย่างถูกวิธี

การ แขวนคอมีหลายวิธีแล้วในแต่และประเทศ เช่นญี่ปุ่นจะมีบันไดใช้แทนตะแลงแก’เรียกว่า “บันได 13 ขั้น” ที่อิหร่านจากภาพจะเห็นรูปตะแลงแกงแบบเตียงและเอามาประจานให้คนอื่นดูไม่ให้ เป็นเยี่ยมอย่าง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติมีการใช้วิธีประหารนี้ประหารอาชญากรสงครามนาซีเป็นจำนวนมาก และรายล่าสุดที่เรียกเสียงอื้อฮาจากทั่ว โลกก็คือ การแขวนคอนายซัดดัม ฮุนเซ็น อดีตผู้นำอิรัก ในปี 2007

การประหารชีวิตโดยแขวนคอ แบบมาตรฐานต้องยกให้อังกฤษ เนื่องจากเขามีการวางแผนการเตรียมพร้อมการประหารนี้อย่างละเอียด ก่อนการลงมือ เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมการโดยเอาเชือกที่จะใช้ไปต้มในน้ำเดือดเพื่อให้ตัว เชือกหมดความยืดหยุ่นเสีย จากนั้นก็ติดตั้งบนตะแลงแกง เชือกจะถูกดึงแล้วดึงอีก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ยืดหยุ่นแล้วจริงๆ ส่วนตัวบ่วงที่จะถูกนำไปคล้องขอนักโทษ โดยให้รอยขมวดอยู่ด้านหลังใบหูข้างซ้ายนั้น จะถูกขมวดรอบๆ 13 ขด เป็นมาตรฐาน

ตัวนักโทษนั้นจะต้องสวม ผ้าคลุมหัว และมัดแขนมัดขาเพื่อไม่ให้ใช้มือหรือเท้าเหนี่ยวพื้นเอาไว้ได้ เมื่อผู้ประหารเปิดประตูกลให้ตัวนักโทษหล่นลง ตามทฤษฎีแล้ว ทันทีที่ทิ้งน้ำหนักลงไปจนสุดปลายเชือก กระดูกสันหลังของที่สามหรือสี่ของนักโทษจะเคลื่อนออกจากกัน ทำให้เสียชีวิตในทันที

แต่สิ่งที่ยากที่สุดใน การแขวนคอก็คือ การจัดระยะความยาวเชือก ถ้าเชือกสั้นเกินไปนักโทษอาจต้องตะเกียกตะกายอยู่ในสภาพหายใจไม่ออกอยู่นาน เกือบสิบนาที แต่หากเชือกยาวเกินไป แรงดึงอาจทำให้นักโทษถึงกับหัวขาด ซึ่งก็เป็นภาพอันน่าสยดสยองพอๆ กัน ดังนั้นที่อังกฤษจริงได้มีการจดบันทึกในการคะเนความยาวของเชือกในการประหาร แก่นักโทษคนๆ นั้น โดยใช้น้ำหนักของนักโทษเป็นเกณฑ์ นอกจากนี้ยังมีการซ้อมการประหารโดยใช้กระสอบทรายแทนนักโทษเพื่อไม่ให้เกิด ข้อผิดพลาดในการประหารจริง

อันดับ 4 Beheading

การ ตัดหัวนั้นเป็นวิธี ที่ครึ่งไทยได้ไปใช้และได้รับยกเลิกเพราะมันโหดร้าย แต่กระนั้นการประหารนี้ยังคงมีอยู่ในปัจจุบันในบางประเทศที่มีกฎหมายอิสลาม เช่น โซมาลี ซาอุดิอาระเบีย

การตัดหัวที่พบเห็นบ่อย ที่สุดในประเทศที่มีกฎหมายมุสลิน คือการประหารโดยใช้ดาบวงพระจันทร์ ในประเทศซาอุดิอาระเบียจะทำการประหาร นี้ที่ใจกลางเมือง ในนครเจดาห์ คืนวันศุกร์ในที่สาธารณะนอกมัสยิดหลักของเมือง หลังจากละหมาด ต่อหน้าทุกคนที่ชุมนุมกันมาดู(ผมดูสารดดีที่ใจกลางประหารที่พื้นจะมีช่อง ระบายน้ำสำหรับกวาดเลือดที่ไหลออกจากตัวของนักโทษลงไป) การลงโทษนี้ใช้สำหรับนักโทษที่ลงมือกระทำข่มขืน, ฆาตกรรม, ยาเสพติด และปฏิเสธความเชื่อทางศาสนา

เนื่องด้วยมันเป็นดาบวง พระจันทร์ มันไม่ใช้ดาบหนักๆ ที่มีพลังทำลายมาก ดังนั้นมีอยู่บ่อยครั้งที่นักโทษประหารไม่ตายในดาบเดียว ทำให้ เพชฌฆาตต้องลงดาบซ้ำหลายครั้งจนกว่าหัวจะหลุดจากบ่า

วิธีการประหาร ตัดหัวของประเทศซาอุได้จุดประเด็นเรื่อง สิทธิมนุษยธรรมจากนานาๆ ประเทศอย่างมากมาย เนื่องจากมีนักโทษอายุน้อยที่ตายในการประหารชีวิตแบบนี้ด้วย ซึ่งในภาพคือ Dhahian Rakan-Sibai’I เขาถูกตัดหัวในขณะอายุ 18 ปีเท่านั้น

อันดับ 3 Guillotine

กิโยตินเป็นเครื่องมือ ประหารที่ใช้ตัดตัดคอนักโทษ ประกอบด้วยโครงที่ส่วนมากจะเป็นไม้ ใบมีดรูปสี่เหลี่ยมคางหมู น้ำหนักประมาณ 40 กก. จะถูกแขวนไว้ในส่วนบนสุด ภายใต้ใบมีดจะเป็นส่วนที่ให้ผู้ถูกลงโทษวางศีรษะ เมื่อเชือกได้ถูกปล่อยหรือตัดลง ใบมีดที่หนักจะหล่นลงไม้ในระยะทางประมาณ 2.3 เมตร และตัดศีรษะผู้ถูกประหาร (ความสูงและน้ำหนักตามมาตรฐานกิโยตินฝรั่งเศส) บุคคลต้นคิดการประหารนี้คือ อองตวน หลุยส์ (Antoine Louis) สมาชิก ของกลุ่ม Académie Chirurgical โดยเครื่องกิโยตินตอนแรกได้ใช้ชื่อว่า หลุยซอง (Louison) หรือ หลุยเซท (Louisette) แต่ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "กิโยติน" ตามชื่อของ ดร.โจเซฟ-อิกเนซ กิโยติน (Joseph-Ignace Guillotin) แพทย์ชาวฝรั่งเศสเป็นผู้เสนอแนะการประหารชีวิตโดยการตัดคอ ภายหลัง ดร.กิโยติน ได้เปลี่ยนนามสกุล เนื่องจากไม่ต้องการใช้ชื่อสกุล เป็นคำเดียวกับวิธีการประหารชีวิต การใช้เครื่องกิโยตินแทนการประหารชีวิตแบบเก่า โดยเหตุผลในการตัดคอ มีหลายครั้งที่ตัดคอไม่สำเร็จในดาบแรก ทำให้เกิดความทรมานต่อผู้ถูกประหารชีวิต การใช้กิโยตินจะทำให้ผู้ถูกประหารชีวิตเจ็บปวดน้อยที่สุด ก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียง จะถูกตัดคอโดยดาบหรือขวาน ในขณะที่ชาวบ้านทั่วไปจะถูกแขวนคอ หรือวิธีการประหลาดต่างๆ ในช่วงของยุคกลาง (เช่น ถูกเผา หรือมัดกับล้อไม้) ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส มีผู้ถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตินอย่างน้อย 20,000 คน โดยการประหารด้วยกิโยตินถือเป็นที่สนใจของบุคคลทั่วไปเช่นกัน

ถึงแม้ ว่าประเทศฝรั่งเศสได้ชื่อว่าเป็นประเทศแรกที่ใช้การประหาร ชีวิตด้วยกิโยติน นิโคลัส เจ. เพลเลทีเยร์ (Nicolas J. Pelletier) โจรปล้นสัญจรถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตินเป็นคนแรกเมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1792 แต่ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 สหราชอาณาจักร มีเครื่องลงโทษลักษณะที่คล้ายกันชื่อ จิบบิต (gibbet) และมีเครื่องลงโทษลักษณะคล้าย กันใน ประเทศอิตาลี และ สวิตเซอร์แลนด์

กิโยติน ถือเป็นเครื่องประหารชนิดเดียวที่ถูกกฎหมาย จนกระทั่งยกเลิกกฎหมายประหารชีวิตในปี ค.ศ. 1981

อันดับ 2 Stoning

การใช้หินขว้างจนตายคือการลงโทษที่โบราณที่สุดที่ยังคง หลงเหลือใน ปัจจุบัน ในอิหร่าน มัวริทาเนีย ปากีสถาน ซาอุดิอาระเบีย ซูดาน อัฟกานีสถาน ไนจีเรีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเยเมน โดยเฉพาะประเทศที่มีกฎหมายอิสลามจะถูกบันทึกอย่างละเอียดในการประหารชนิดนี้

ใน ประเทศอิหร่านมีการกำหนดการประหารนี้ในมาตราที่ 104 เรียกว่ากฎหมายของ Hodoud ใช้สำหรับกาเมสุมิจฉาจาร(การที่ชาย หญิงมีเพศสัมพันธ์กันโดนไม่ได้แต่งงาน แต่ก็มีกรณีที่ยกเว้นเหมือนกันคือถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นจะถูกโบย 100 ครั้งในที่สาธารณะ)และอาชญากรรมอื่นๆ โดยมีวิธีที่เหมือนๆ กันคือ เอาตัวนักโทษมาฝังทรายให้ โดยถ้าเป็นชายให้ฝังดินถึงเอว ส่วนฝ่ายหญิงให้ฝังเหลือถึงไหล่ เพื่อให้เจ้าทุกข์หรือฝูงชนใช้ก้อนหินที่ทางการจัดไว้ข้างใส่ที่ศีรษะจนขาด ใจตาย(บางรายสมองไหลเลยก็มี) โดยก้อนหินนั้นจะต้องมีขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่เกินไปเพื่อไม่ให้นักโทษตายทันที ควรกำหนดเป็นก้อนกรวดแต่ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัส

ล่าสุดมีการถ่ายวีดี โอการประหารปาหินที่อิหร่าน เมื่อ Jaffar Kiani ตายจากการโดนปาหินฐานกาเมสุมิจฉาจาร จนถูกประณามจากคนทั่วโลก พร้อมกับมีการเรียกร้องให้ยุติการประหารนี้(จากสถิตในปี 2007 อิหร่านทำสถิตลงโทษประหารชีวิตมากกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก พอๆ กับจีนที่มีสถิตประหารชีวิตถึง 317 ราย)

อีกรายหนึ่งที่โด่งดังที่ สุดคืออามินา ลาวาล (Amina Lawal) ผู้หญิง ชาวมุสลิมอายุ 31 ปี อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของไนจีเรีย ถูกพิพากษาเมื่อเดือนมีนาคม 1972 โดยศาลชาริอะห์ (Shariah) ของศาสนาอิสลาม พิพากษาตัดสินให้ประหารชีวิตเธอด้วยการขว้างก้อนหินใส่ ในข้อหาที่เธอมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายที่ไม่ไช่สามีที่ถูกต้องตาม กฎหมาย (having sex outside of marriage) แต่ผลสุดท้ายทั่วโลกต่างกดดันรัฐบสลไนจีเรียผลสุดท้ายเธอก็รอดจากการประหาร ในที่สุด

อันดับ 1 Garrote

และแล้วก็มาถึง อันดับ 1 ของเรา(แต่ในเว็บเป็นอันดับ 10) ผมว่าเป็นการประหารที่ทรมานที่สุดของการประหารในยุค 19 แล้วมั้ง กับการประหารแบบ บีบปลอกคอเหล็ก เป็น วิธีการประหารที่ไม่ได้อนุมัติตามกฎหมายของประเทศเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ แม้ว่าการประหารนี้จะมีการฝึกอบรมในประเทศฝรั่งเศส โดย Garrote เป็นอุปกรณ์สำหรับรัดคอ และยังสามารถใช้ตัดหัวของนักโทษได้ อุปกรณ์นี้เคยถูกใช้ในสเปน จนกระทั้งถูกยกเลิกในปี 1978 และถูกนำมาใช้ในประเทศอาณานิคม บางประเทศ

การประหารชีวิตโดนการบีบ ปลอกคอ เหล็ก โดยปกติแล้วจะประกอบด้วยที่นั่งนักโทษตามภาพเราจะเห็นว่ามี ที่นั่งนี้มีจุดล็อกต่างๆ เพื่อไม่ใช้นักโทษดิ้นรนหรือหนีได้ และที่น่ากลัวคือปลอกโลหะที่อยู่บริเวณคอของนักโทษ ที่มันจะล็อกคอนักโทษ จากนั้นสังเกตว่าข้างๆปลอกคอจะมีที่ สลักเกลียวเหมือนที่หมุนน้ำแข็งใส เพชฌฆาตจะใช้สลักนี้หมุนไปหมุนมา ปลอกคอก็จะเริ่มแคบลงแคบลงๆ เข้าหากัน ทำให้คอของนักโทษบีบอัดอึดอันทรมานมากจนขาดใจตายอย่างน่าสงสาร และถ้าหมุนไปเรื่อยหัวอาจขาดอย่างน่าชื่นชม บางรุ่นอาจมีอัฟชั่นเสริมเช่นมีกระชอนโลหะใช้กดกระดูกสันหลัง. ทำลายคอ หรือใช้เดือยแหลมตอกร่างกายที่เรียกว่า “Catalan Garrote”การประหารโดย Garrote ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นที่อันดอร์รา 1977 โดยนักโทษประหารรายสุดท้ายคือ Jose Luis Cervto

Share this post


Link to post
Share on other sites

หวาา .. โหด ๆ ทั้งนั้นเลยแฮะคะ ~

อันดับ 3 นี่น่ากลัว แต่ก็น่าลองเน้อ ( เอ๊ะ !? )

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ ๆ นะคะ ~ :)

Share this post


Link to post
Share on other sites

น่ากลัวทุกอันเลย อ่านแล้ว...พูดไม่ออก :emo (44):

Share this post


Link to post
Share on other sites

อันดับ 3 นี่คงทรมานน่าดู กว่าจะตายนี่....เละ :emo (47):

Share this post


Link to post
Share on other sites
:emoother_03: น่าลองทุกอันเลย เอ๊ะยังไง :emoother_03:

Share this post


Link to post
Share on other sites

ถึงการประหารสมัยใหม่จะลดความรุนแรง(ในด้านภาพลักษณ์) ลงแล้ว แต่ก็ยังเจ็บปวดทรมานไม่น้อยต่างจากแบบเก่าเลย

แต่แบบก่านี่ทั้งทรมานทั้งสยอง =[]= ผมสุขภาพทางเดินหายใจไม่ดี ถ้าจะโดนประหารก็อย่าให้เป็นรมแก๊สเลย

เอาแบบเปรี้ยงเดียวหลับแบบกิโยติน แขวนคอ หรือยิงเป้าดีกว่า

Share this post


Link to post
Share on other sites

ถ้าต้องโดนประหารจริง ขอเลือกจ่อนัดเดียวได้ไหม

Share this post


Link to post
Share on other sites

ผมว่าไฟฟ้าช็อตทรมาณสุดอ่ะ เคยเห็นในหนังมาเรื่องนึงจำไม่ได้ละ (ที่ทอม แฮ๊งส์เล่นอ่ะ)

Share this post


Link to post
Share on other sites

น่ากลัวมากเลยครับ แต่ว่าคนปกติอยา่งเรา คงไม่ได้ทำอะไรผิด

จนถึงขนาดต้องประหารชีวิตละมั้ง

Share this post


Link to post
Share on other sites

คือ ผมว่า ตัดหัว กะ ตัดคอ อะไรนิ กะโหดพอเเร้วนะ ยังมีโหดกว่านี้อีกหรอ -*-

Share this post


Link to post
Share on other sites

ถ้าเปงผมน่ะขอโดนฉีดยาตายดีที่สุดรองลงมายิงเป้าทีมแต่ขอให้ยิงพร้อมกันนาเดี้ยวเจ็บ

Share this post


Link to post
Share on other sites

ฉีดยาเป็นอะไรที่ทรมานน้อยสุดแล้วเท่าที่ดูนะ

Share this post


Link to post
Share on other sites
Guest
This topic is now closed to further replies.
Sign in to follow this  

×
×
  • Create New...