Jump to content

Ezero

Special
  • Content Count

    508
  • Joined

  • Last visited

Everything posted by Ezero

  1. ผมกินน้ำวัน 1 เยอะมาก เยอะกว่าคนในบ้านรวมกันอีก
  2. http://www.youtube.com/watch?v=VjmOjmU6XLA&feature=youtu.be
  3. http://upic.me/show/35433345 :emo (76): เนียนจิงๆ CD: JKG
  4. อยากซัมสาวทั้ง3คนในงาน :emo (66):
  5. สวยมากเลยฮะระดับโปรเลยนะนี้ :emo (76):
  6. เอา AC-130 gunship ลำเดียวก็พอๆ
  7. คำเตือน: เข้ามาแล้วอ่านให้จบ +โพสด้วยไม่งัน เจอเบะไปตลอดชีพ หลายคนในที่นี้คงรู้จักสไนเปอร์หรือพลซุ่มยิงดีอยู่แล้วทั้งจากในหนังหรือในเกมส์ ภาพที่ติดตาชินตาของเราคือ ทหารสองนายคนนึงถือปืนซุ่มยิงลูกเลื่อนใส่ชุดพรางที่เรียกว่ากิลลี่สูท (ghillie suit) พรางหน้าพรางตาให้เข้ากับสภาพแวดล้อม มีบัดดี้อีกคนที่เรียกว่า พลชี้เป้า (Marks Man) ถือปืนเล็กยาวติดกล้องเล็ง หรืออาจจะเป็นปืนไรเฟิลอัตโนมัติทั่วไป เดินคู่กันมาต่างคอยระวังหน้าระวังหลังให้กันและกัน เมื่อถึงจุดเป้าหมาย Sniper ก็จะนอนหมอบลงกับพื้น ส่วน Marks man ก็จะทำหน้าที่ชี้เป้าหมายตรวจสอบทิศทางลมและคอยเฝ้าระวังภัยต่างๆให้กับ Sniper เมื่อพบเจอข้าศึก ในระยะห่างออกไปหลายร้อยเมตร ศัตรูเหล่านั้นก็โดนทีม สไนเปอร์ สอยตายไปทีละศพเหมือนกับยิงแมลงวันเล่น จนชุดลาดตระเวนข้าศึกมลายหายไปทั้งทีมเสร็จภารกิจเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านรับเหรียญกล้าหาญ เหลือไว้เพียงตำนาน เพชรฆาตพันศพ นี่คือเรื่องราวในหนัง ส่วนในเกม Sniper คือหน่วยที่มีความสามารถในการรบระยะไกล ใช้ปืนซุ่มยิงเพียงกระบอกเดียวก็สามารถรับมือกับทุกปัญหาได้อย่างไม่ยากเย็น ขอแค่คุณมีปืน ไรเฟิลอยู่ในมือที่มีค่าความแรงอยู่ในระดับ นัดเดียวจอด กับความสามารถในการกดแป้บคีย์บอรด์ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถใช้เทคนิคเหล่านี้ในการรบ ของคุณอาทิเช่า ยิงปืนสลับมีดแล้วสลับกลับมาเป็นปืน ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องรอดีเลย์ในการยิงนัดต่อไป หรือ เทคนิคมนุษย์กบ กระโดดเฉียงหลบหลังกล่องและในช่วงเสียววินาทีสุดท้ายก่อนจะหายลับไปหลบอยู่หลังกล้อง คุณก็สามารถวางตำแหน่งจุดตกของกระสุนลงบนร่างของข้าศึกศัตรูได้อย่างแม่นยำ ปั้ง นัดเีดียวจอด ก่อนจะทำการกด R โหลดกระสุนตลับต่อไปเพื่อใช้ในการรบครั้งถัดมา นิคือพลซุ่มยิงที่คุณรู้จักในเกม การเสพสื่อและสิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้คุณมองพลซุ่มยิงกลายเป็นราชาสนามรบ เทพแห่งการสังหารระยะใกล้ หรือกระทั่งคำกล่าวที่ว่า หนึ่งนัดหนึ่งชีวิต คำกล่าวต่างๆเหล่านี้ถูกพูดกล่าวขานในทำนองที่แสดงความเทพของเหล่าสไนเปอร์ พาให้เหล่า นักเลงคีย์บอร์ดที่ทราบสรรพคุณต่างๆ ที่ทราบสรรพคุณคิดว่าในบรรดาทหารราบเดินดินกินข้าวแกงธรรมดาแล้ว สไนเปอร์นิแหละของจริง หลายคนอยากเป็นสไนเปอร์ เพราะคิดว่าสามารถกำหนดชีวิตศัตรูไ้ด้ด้วยปลายนิ้ว สามารถชี้สั่งเป็นสั่งตายใครก็ได้ที่แม้คุณจะไม่รู้จักแต่มันคือทหารข้าศึก คิดว่าการซุ่มยิงในระยะที่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรสามารถทำให้ศัตรูไม่รู้ที่อยู่ที่แน่นอนของเราได้และสามารถใช้เีพียงแค่ปืนซุ่มยิงเพียงกระบอกเดียวจัดการกับข้าศึกได้หมดทั้ง สิ่งเหล่านี้มันเทพจริงๆในความคิดของพวกคุณ ... แต่ความจริงมันโหดร้ายเสมอ ถ้าผมจะบอกว่าตอนยิงกันจริงๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด อย่างที่จ่าบ็อบลีพูดไว้นะถูกต้อง แต่จ่าแกก็เข้าขั้นเกรียนเกินเรื่องยิง ฮ ตก เอาเป็นว่ามาดูกันว่าความจริงที่โหดร้ายมันคืออะไรผมจะสาธยายให้พวกคุณอ่าน ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หลักสูตร พลซุ่มยิงนั้นแบ่งออกมาเป็นสามระดับคือ ระดับต่ำ = Sharpshooter = พลแม่นปืน ระดับกลาง = Marks Man = พลชี้เป้า ระดับสูง = Sniper = พลซุ่มยิง 1.พลแม่นปืน (Sharpshooter) คือทหารราบติดปืนซุ่มยิงในระยะกลางซึ่งระยะที่ว่านี้คือประมาณ 200 - 300 เมตร มักจะได้รับการบรรจุอยู่ในหมวดปืนเล็กไว้อย่างน้อยหนึ่งคน ใช้ปืน ไรเฟิล แบบเดียวกับทหารราบทั่วไปเพียงแต่อาจจะติดกล้องช่วยเล็งไว้ ใช้สำหรับการต่อต้านหรือยิงข้าศึกจากระยะไกลแต่เนื่องจากปืนที่ใช้เป็นปืนไรเฟิลที่ใช้กระสุนขนาดเล็กทั่วๆไป ( 5.56x45มม หรือ .223 นิ้ว) ซึ่งให้ให้แรงปะทะที่ต่ำจึงไม่เหมาะกับการยิงระยะไกล แต่ไม่ใช่ว่ายิงไม่ได้ แต่อาจจะยิงไม่โดนหรือ ยิงแล้วไม่ตายเ่ท่านั้นเอง เนื่องจากระยะที่ไกลเกิน 500 เมตรไปนั้นกระสุนขนาด 5.56 จะสูญเสียความเร็วไปมากทำให้แรงปะทะลดลงไป (สำเหตุที่ต้องใช้กระสุนแบบเดียวกับทหารราบทั่วไปเนื่องจากทำให้สามารถยืมกระสุนเพื่อนทหารในกลุ่มได้หากเกิดการยิงจนกระสุนหมด) จากภาพสังเกต คนทางขวาที่ยืนอยู่ พลแม่นปืน ใช้ปืนซุ่มยิง แบบ SPR ที่ดัดแปลงมาจากปืน M16 2.พลชี้เป้า ( Marks Man ) มักจับคู่กันทำงานร่วมกับสไนเปอร์ หน้าที่หลักๆคือ ช่วยระวังภัยให้กับสไนเปอร์ (เนื่องจากสไนเปอร์เมื่อทำการวางตัวยิงจะไม่สามารถขยับยุกยิกได้จะทำให้ข้าศึกสังเกตเห็นทันทีหรือทำให้ผิดสังเกตได้)คอยอำนวยความสะดวกให้สไนเปอร์เช่น บอกทิศทางลม บอกตำแหน่งศัตรู เป็นหูเป็นตาให้สไนเปอร์ หรือแม้กระทั้ง เป็นตัวล่อเป้าให้สไนเปอร์และตัวเบี่ยงเบนความสนใจด้วย ( วิ่งหลอกไปทางอื่นให้สไนเปอร์ยิงแบบเนียน) และหน้าที่สำคัญอีกอย่างนึงคือขึ้นเป็นพลยิงแทนสไนเปอร์ในกรณีที่สไนเปอร์ไม่สามารถทำการยิงได้(ตายห่า) ปืนที่ พลชี้เป้าใช้ส่วนใหญ่เป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิงเซมิ-ออโตเมติก หรือกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งสามารถยิงซ้ำได้โดยไม่ต้องทำการบริหารลูกเลื่อน และโดยมากมักจะใช้กระสุนขนาด 7.62 มม หรือ .308 ซึ่งให้แรงปะทะที่สูงแม้จะยิงจากในระยะไกลก็ตาม จากภาพ พลชี้เป้า ในรูปใช้ปืน M21 ( M14 ที่ยิงได้แต่แบบ กึ่งอัตโนมัติ) ขนาด 7.62 3.พลซุ่มยิง ( Sniper ) คือทหารที่ติดปืนเล็กยาวลูกเลื่อน (ในบางครั้งอาจจะเป็นปืนซุ่มยิง กึ่งอัตโนมัติขนาด .50) มักปฏิบัติหน้าที่ควบคู่กับ พลชี้เป้า หน้าที่หลักๆของสไนเปอร์คือเป็นหูเป็นตาให้กับกองทัพ คอยลาดตระเวณในส่วนหน้าหาข่าวให้กองทัพ หรืออาจจะเฝ้าระวังฐาน และในบางครั้งอาจจะรวมไปถึงลอบสังหารบุคลากรระดับสูงของฝ่ายตรงข้ามด้วย ปืนที่ใช้มักจะเป็นปืนเล็กยาวลูกเลื่อนบริหารด้วยมือ ( Bolt action Rifle) จากภาพ สไนเปอร์ทำงานคู่กับพลชี้เป้า ใช้ปืนไรเฟิล M40A3 ความจริงอันโหดร้ายที่ว่าเกี่ยวกับสไนเปอร์ อย่างที่จ่าบ็อบ ลี แสว็คเกอร์แกว่าไว้ในหนัง การยิงไกลไม่ใช่ว่าจะยิงกันได้ทุกคน มันมีปัจจัยต่างๆที่ทำให้การซุ่มยิงมีพลออกมาแตกต่าง เช่น ระยะทาง กระแสลม อุณหภูมิ น้ำหนักของหัวกระสุน ช่วงระยะเวลาเดินทางของกระสุน แรงโน้มถ่วงของโลก การตั้งกล้องเล็ง และอื่นๆอีกมากที่ผมไม่สามารถอธิบายได้ แต่ในที่นี้ผมจะสรรหาความจริงอันโหดร้ายเกี่ยวกับการซุ่มยิงมาให้อ่านกันว่าทำไม มันถึงไม่ได้ง่ายอย่างที่เราดูในหนังหรือเล่นในเกม 1.จากตัวปืน 1.1 ปืนซุ่มยิงลูกเลื่อน (Bolt Action Rifle) เป็นปืนที่ใช้ระบบการบริหารลูกเลื่อนด้วยการดึงก้านลูกเลื่อนจากท้ายรังเพลิงเมื่อดึงเข้าหาตัวจะเป็นการจับจานท้ายกระสุนแล้วลากออกมาจนถึงระยะที่ตัวเตะปลอกกระสุนทำงานมันจะเตะปลอกกระสุนออกและเมื่อดันกลับเข้าที่เก่า กระสุนนัดถัดมาจะขึ้นมาในตำแหน่งแทนที่ปลอกกระสุนนัดที่ถูกเตะออกไป เมื่อดันกลับเข้าที่จะถูกดันเข้าไปในช่องรังเพลิงพร้อมยิงอีกครั้ง เป็นระบบเก่าใช้งานกันมาร้อยกว่าปี หลายคนอาจจะมองว่า แล้วมันดียังไง ยิงก็ช้า แถมยังต้องมาบริหารกลไกเองอีก สู้ปืนซุ่มยิงแบบออโต้ก็ไม่ได้ เหนี่ยวไกได้ดังใจสั่งสามารถจัดการกับศัตรูไ้ด้ทีละหลายๆคนโดยไม่ต้องเสียเวลายัดกระสุนเข้ารังเพลิง แต่ในความเป็นจริงแล้วปืนซุ่มยิงแบบลูกเลื่อนมีข้อดีที่ทำให้มันถูกใช้งานมาได้อย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้คือ มันมีส่วนเคลื่อนที่ของกลไกน้อยชิ้นลำกล้องก็ถูกล็อคแน่นอยู่ที่เดิม ทำให้มันมีความแม่นยำสูงมากเมื่อเทียบกับปืนไรเฟิลแบบออโต้ซึ่งมีส่วนเคลื่อนที่ของระบบกลไกต่างๆในตัวปืนมากมายทำให้ความแม่นยำลดลงไป (ทุกครั้งที่ยิงลำกล้องปืนซุ่มยิงแบบออโต้จะขยับเสมอ) นอกจากนี้ยังทำให้มันได้รับพลังงานจากแก็ซที่เกิดจากการเผาไหม้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเสียไปกับการบริหารกลไกแบบปืนซุ่มยิงออโต้อีกด้วย 1.2ปืนซุ่มยิงเซมิ-ออโตเมติก (Semi-Automatic Rifle) ใช้ระบบขับดันแก็สในการบริหารลูกเลื่อนข้อดีคือคุณสามารถเหนี่ยวไกยิงได้เร็วอย่างใจนึกแต่ข้อเสียคือความพลังงานที่ใช้ในการขับดันกระสุนให้พ้นจากลำกล้องส่วนหนึ่งถูกใช้ไปในการบริหารลูกเลื่อนซึ่งหมายความว่ากระสุนที่คุณใช้จะให้ความเร็วได้ไม่้เต็มที่และที่สำคัญคือมันต้องการการดูแลรักษามากกว่าปืนซุ่มยิงแบบลูกเลื่อนซะอีก เมื่อเอามาวัดกันจะเห็นข้อดีข้อด้อยของปืนแต่ละชนิดก็แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน อย่างหนึ่งแม่นแต่ยิงช้า กับอีกอย่างนึงยิงได้เร็วแต่ความแม่นน้อยกว่า ซึ่งถ้าเมื่อวัดกันในสถานการณ์จริงๆแบบที่ทุกคนดูกันมาในหนังแล้วทันที่ที่คุณเปิดฉากยิงนัดแรก ถ้าคุณแม่นศัตรูก็แค่ตายหรือบาดเจ็บไปคนนึงแต่พวกที่เหลือละ แ่น่นอนว่าทหารทุกคนถูกฝึกมาให้มีปฏิกริยาตอบสนองต่อเสียงปืนและเสียงระเบิดทันทีที่คุณยิงปืนพวกเขาทุกคนจะหมอบกันหมดไม่มีหรอกยืนอึ้งดูคนที่ตายแบบในหนังหรือเกมส์ และจดจำไว้ว่าทันทีที่คุณยิงเท่ากับการเปิดเผยตำแหน่งตัวคุณเองทหารมืออาชีพหรือพวกที่เคยผ่านประสบการณ์การรบมาก่อนสามารถรับรู้ตำแหน่งข้าศึกจากเสียงปืนได้ว่าอยู่ในบริเวณไหน (ถ้าบางคนบอกว่าใ่ส่ที่เก็บเสียงซะก็สิ้นเรื่องผมก็จะบอกอีกทีว่า นั้นมันในหนังใส่ที่เก็บเสียงแล้วเงียบสนิทนะมันไม่มีหรอก ถ้าอยากให้มันเงียบจริงๆคุณก็ต้องใช้กระสุนที่มีความเร็วต่ำกว่าเสียงซึ่งถ้าความเร็วต่ำกว่าเสียงก็หมายความว่าระยะปะทะก็จะลดลงแต่ถ้าใช้กระสุนความเร็วสูงกว่าเสียงถึงมันจะกลบเสียงดัง ปั้ง ได้ก็จริงแต่มันก็ยังได้ยินเสียงลูกกระสุนพุ่งแหวกอากาศมาอยู่ดี) และคุณมั่นใจแค่ไหนที่สไนเปอร์คนนึงกับพลแม่นปืนอีกคนนึงจะสามารถจัดการกับหมู่ทหารราบติดอาวุธทั้งชุดยิงได้บอกไว้ก่อนทันทีที่ทหารราบมั่นใจว่าเขาพบกับสไนเปอร์สิ่งที่เขาทำคือพยายามหลบ และพยายามแทรกซึมเข้าใกล้กับสไนเปอร์ให้ได้มากที่สุดค่อยเปิดฉากยิงไมใช่ว่ารู้ทิศทางเสียงแล้วยืนเซ่อๆสาดกระสุนใส่อันนั้นมันในหนังกับในเกมส์ อีกอย่างนึงอาวุธที่หน่วยทหารราบใช้นั้นคุณคิดว่ามันคือหนังสะติ้กธรรมดาหรือไง ? ในหนึ่งหมู่ทหารราบการจัดกำลังจะแบ่งเป็น 11 คน (ตามหลักกองทัพมะกัน ไทยเราเรียนจากเขามา) ได้แก่ ปืนเล็กยาว 9 กระบอก ใน 9 กระบอกนี้จะแบ่งเป็น ติดเครื่องยิงลูกระเบิด M203 จำนวน 2 กระบอก อีก 2 กระบอกจะเป็นปืนกล จำพวก M60 หรือ M249 และแน่นอนว่าในหนึ่งหมู่ปืนเล็กนี้จะต้องมีอยู่แน่ๆเลยคือ เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง คุณคิดว่าคุณจะสามารถหลบหนีการกราดยิิงจากทหารราบ ถึง 11 คนที่มีอัตราการยิง 15นัดต่อวินาทีได้หรือ ปืนแต่ละกระบอกที่พวกเขาใช้มีระยะหวังพลอยู่ที่ 500 เมตร แล้วในปืนกลพวก M60 สามารถยิงหวังผลได้ถึง 1000 เมตรเลยทีเดียวด้วยอัตรา 550 นัดต่อนาที คุณคิดดูละกันว่าในบริเวณรอบตัวคุณจะมีกระสุนตกมากี่นัด ท่ามกลางดงกระสุนที่วิ่งเข้าหาคุณ คุณจะสามารถมีสมาธิเล็งยิงทหารราบทั้งหมู่ให้ตายได้ทีละคนเลยหรือ นี่ยังไม่นับการยิงถล่มในวิถีโค้งจากเครื่องยิงลูกระเบิดอีกนะ และมันใจได้เลยว่าหากคุณหมอบอยู่ตำแหน่งที่คุณจะโดนยิงมีแค่ ไหล่สองข้างกับหัวบางๆของคุณเท่านั้นเอง 2.กล้องเล็งที่ติดอยู่กับตัวปืน รถF1ใช้น้ำมันเครื่องเกรดดีฉันท์ใด สไนเปอร์ที่ดีก็ใช้ปืนเกรดดีฉันนั้น พลซุ่มยิงที่ดียอมตายเพื่อการยิงที่สมบูรณ์แบบเพียงนัดเดียวคำกล่าวนี้คือเรื่องจริงเพราะการยิงแบบแม่นยำเพียงนัดเดียวส่งผลให้จิตใจรุกรบของฝ่ายตรงข้ามฟ่อขึ้นตามลำดับ แต่การจะยิงให้แม่นนั้นจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ถูกต้องแล้ว กล้องเล็งหรือที่เรียกกันว่า สโค็ป (Scope) ซึ่งกล้องเล็งที่ว่านั้นมีหลายรูปแบบหลายขนาดหลายการใช้งานและหลายเส้นเล็ง ถ้าคุณเลือกใช้ให้มันเหมาะสมกับภารกิจที่คุณได้รับมันก็จะรับใช้คุณได้อย่างดี แต่หากคุณเืลือกกล้องเล็งมาไม่เหมาะสมกับตัวปืนแล้วละก็นอกจากจะไม่เกิดผลดีแล้วมันยังทำให้การยิงของคุณช้าลงด้วย และในสนามรบที่มีปืนเป็นอาวุธคำว่าช้าไปเพียงเสี้ยววินาที อาจจะไม่มีการแก้ตัวอีกครั้ง อย่างคำพูดที่ว่าไม่มีที่สองในการดวลปืนทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ? ก่อนอื่นเรามาดูก่อนว่า กล้องเล็งนั้นถูกออกแบบมาให้มีกำลังขยายเพิ่มขึ้นสามารถดึงภาพที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร หรืออาจจะ 1 กิโลเมตรข้างหน้าเข้ามาให้เราเห็นได้ แต่การจะให้ได้ประสิทธิภาพนั้นคุณต้องเลือกมันให้เหมาะสมกับภารกิจและตัวปืนด้วย ถ้าภารกิจของคุณคือการลาดตระเวณนั้นหมายความว่าคุณต้องศึกษาสภาพพื้นที่ที่คุณได้รับก่อน ถ้ามันเป็นพื้นที่โล่งกว้าง แต่คุณดันเลือกกล้องเล็งขยายกำลังต่ำแค่ไม่กี่ร้อยเมตรมาใช้ปืนของคุณก็คงหมดประโยชน์เพราะคงจะยิงโดนศัตรูให้โดนนั้นคงยาก แต่หากคุณเลือกกล้องกำลังขยายสูงนับร้อยๆเมตรมาใช้แต่พื้นที่ๆคุณได้รับกลับเป็นป่าทึบก็คงหมดความหมายเพราะโอกาสที่จะปะทะศัตรูนั้นคงมีระยะอยู่ที่ไม่เกิน 50 เมตรแน่นอน(นี่นับว่ามากแล้วนะในป่า) คุณคงต้องปวดหัวแน่่ๆกับการที่ยกปืนเพื่อขึ้นเล็งเป้าหมายข้างหน้าแต่สิงที่คุณเห็นกลับคือตัวบ้าอะไรไม่รู้ที่ถูกกล้องเล็งขยาย ขยายซะจนมันใหญ่เวอร์เกินกล้องเล็งของคุณ แน่นอนในช่วงเวลาที่สับสนและคับขันอย่างนี้หากคุณช้าหรือลังเลเพียงเสี้ยววินาที คุณอาจต้องกลับบ้านเก่าโดยที่ยังไม่ทันได้เด็ดหัวศัตรูเลยสักรายเดียว นี่ยังไม่นับระยะโฟกัสที่คุณต้องเจออีกนะหากสายตาคุณอยู่จากกล้องมากเกินไปคุณจะมองอะไรไม่เห็นแต่หากสายตาคุณเข้ากล้องมากเกินไปมันจะทำให้คุณมองไม่ชัด ถ้าคุณไม่ได้รับการฝึกเล็งให้คุ้นเคยรับประกันได้ว่าคุณต้องเสียเวลาหลายวินาทีแน่นอนในการปรับสายตาให้เข้ากับเส้นเล็ง นี่ยังไม่นับรวมเทคนิคการเล็งเผื่อของเส้นเล็ง การวัดระยะความห่างการเดินทางของกระสุนอีกนะ แค่นี้มันก็ทำให้คุณเสียเวลาไปหลายวินาทีแล้ว และยิ่งถ้าคุณไม่รู้วิธีการปรับตั้งกล้องละก็ วางปืนซุ่มยิงซะแล้วกลับไปใช้ ศูนย์เปิดของปืน M16 แทนซะเถอะ จากภาพถ้าเส้นเล็งและระดับสายตาอยู่ในระดับพอดีภาพจะออกมาชัดแจ้วอย่างนี้แล 3.มาจากกระสุน แน่นอนถ้ามีปืนย่อมต้องมีกระสุนและกระสุนก็ย่อมมีหลากหลายชนิดหลากหลายวัตถุประสงค์ กระสุนแต่ละรูปแบบให้ผลที่ต่างกันในการยิง กระสุนที่ใช้ในปืนซุ่มยิงส่วนใหญ่แล้วจะมีขนาด 7.62 ทั้งนั้นและกระสุนขนาดนี้มักจะมีความเร็วอยู่ที่ประมาณ 8xx +/- เมตร ต่อ วินาที ซึ่งถึงจะน้อยกว่ากระสุนขนาด 5.56 ที่มีความเร็ว 9XX +/- เมตร ต่อ วินาที แต่กระสุนขนาดนี้มีน้ำหนักที่มากกว่าทำให้มันสามารถสร้างแรงปะทะได้มากกว่าแม้ว่าเป้าหมายจะอยู่ในระยะไกล 1000 เมตรขึ้นไป แต่ความเร็วที่ผมพูดไปข้างต้นนั้นเป็นความเร็วที่วัดจากปลายลำกล้อง ซึ่งหมายถึงว่าทันทีที่กระุสุนวิ่งพ้นลำกล้องออกมาแล้วความเร็วจะเริ่มตกลงเรื่อยๆและจะโดนแรงดึงดูดโลกดึงให้กระสุนย้อยลงจนตกลงดิน ซึ่งก็หมายความว่า ระยะทาง 900 กระสุนที่วิ่งด้วยความเร็ว 900 เมตรต่อวินาที อาจจะใช้เวลาในการเดินทางเข้าสู่เป้าหมายมากกว่า 1 วินาที นั้นหมายความว่ายิ่งคุณยิงจากระยะไกลมากเท่าไหร่ก็ต้องมาคอยพะวงกับเรื่องระยะเวลาเดินทางกับกระสุนมากขึ้นเท่านั้นแต่ถ้าคุณซุ่มยิงในระยะที่น้อยกว่าระยะ 500 ลงมาก็หมายความว่าคุณอยู่ในระยะต่อสู้ของพลปืนเล็ก คุณจะสามารถต่อกรกับพลปืนเล็กทั้ง 11 คนไ้ด้อย่างไรเมื่อเขาสามารถยิงได้ในระยเดียวกับคุณความแม่นยำอาจจะน้อยกว่าแต่ความหนาแน่นของกระสุนมากกว่าคุณ แต่สามารถสังหารคุณให้ตายได้ด้วยการยิงเพียงครั้งเดียวเทียบเท่ากับคุณ ในขณะที่คุณต้องมาพะวงกับการเล็งชดเชยจุดตกกระสุน กระชากลูกเลื่อน และส่องกล้องเล็งหาเป้าหมาย พลปืนเล็กเหล่านั้นสามารถใช้การทำงานเป็นทีมสั่งชุดปืนกลให้ยิงสะกัดการหลบหนีของคุณแล้วให้พลปืนเล็กที่เหลืออีก 9 หาทางเข้ามาสังหารคุณในระยะประชิด ซึ่งก็คือในระยะ 100 เมตร คุณคิดว่าปืนเล็กยาวลูกเลื่อนจะสังหารทหารราบ 9 คนกับปืนเล็กยาวอัตโนมัติของเขาได้หรือ ถึงคุณจะมี พลชี้เป้าติดปืนไรเฟิลอัตโนมัติมาด้วย แต่ปืนแค่สองกระบอกหรือจะสู้ปืน 11 กระบอกได้ ? ถ้าคุณต้องเจอกับการระดมยิงจากปืนแบบนี้สองกระบอกในระยะ ต่ำกว่า 500 เมตรบอกได้ว่านรกกำลังจ่ออยู่ตรงหน้าคุณ และแน่นอนที่สุดทหารราบเหล่านี้คงไม่ยอมยืนนิ่งปล่อยให้คุณยิ่งอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน สมมุติว่าเครื่อง X-Box 360 เครื่องนั้นเป็นพลซุ่มยิงคุณคิดว่าเขายังมีชีิวิตอยู่หรือเปล่า ? http://www.youtube.com/watch?v=MJH2Etua-8E&feature=player_embedded และแน่นอนกับกองทัพที่มีเงินเหลือเฟือเหลือใช้ ถึงมันจะถูกเรียกว่าเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังแต่ไม่เคยมีตำราเล่มไหนบอกว่าห้ามยิงใส่สไนเปอร์แน่นอน 4.หลักสูตรต่อต้านสไนเปอร์นะมันมีอยู่ทุกเหล่าทัพนะจ้ะ ใช่เลยในสารบบทหารของเหล่าทัพกองทัพทั่วโลกย่อมต้องมีคำว่าสไนเปอร์อยู่ และคำว่าสไนเปอร์ที่ทุกคนรู้จักคือทหารที่สามารถยิงในระยไกลๆได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทหารทุกคนในโลกนี้คงไม่อยากเจอนั้นก็คือการถูกศัตรูที่มองไม่เห็นจากระยะไกลยิงเอา ทุกๆเหล่าทัพทั่วโลกจึงมีหลักสูตรสำหรับต่อต้านสไนเปอร์(จริงๆเป็นการปฏิบัติตัวให้สไนเปอร์ยิงได้ยากขึ้น) เริ่มตั้งแต่การหมอบต่ำ การหาทิศทางของเสียงที่ยิงมา หรือแม้กระทั้งการทำเป้าลวง และการเคลื่อนที่ทางยุทธวิธี วิ่งสลับฟันปลา สิ่งเหล่านี้ทำให้สไนเปอร์ทำงานได้ยากขึ้นแต่นี่คือมาตราการในเชิงป้องกัน ยังมีมาตรการในเชิงรุกอีกก็คือ 4.1 ใช้ทหารราบจัดการ อย่างที่ผมกล่าวไปข้างต้น ทหารราบทั้งหมู่รวมหัวกันอัดสไนเปอร์ ภาพที่ผมพูดนั้นหลายคนคงนึกว่าวิ่งดุ้ยๆเข้าไปหาลูกปืนแต่จริงๆแล้ว หลายๆเหล่าทัพมีรถรบใช้ในการดำเนินกลยุทธถ้ามันอยู่ไกลเกินกว่าจะวิ่งไปหาก็ขึ้นรถแล้วเอาปืนกลบนป้อมถล่มมันซะสิง่ายจะตายไปเพราะถึงจะยิงแม่นยังไงก็ตามแต่ แต่ถ้ามันยิงแล้วไม่ยอมตายแม่นไปก็คงเท่านั้น (กระสุน7.62 ยิงไม่ทุละรถฮัมวี่หรอกนะ) และถึงแม้่ว่าหลายคนจะบอกว่าจะยากอะไรก็แค่ิยิงพลปืนที่มันประจำป้อมปืนอยู่สิง่ายจะตาย แต่ผมอยากจะบอกว่าปัจจุบันเทคโนโลยีการบังคับต่างๆก้าวหน้าไปมากพลยิงปืนสามารถใช้ จอยเกม PS2 ในการยิงได้แม้เขาจะนั่งอยู่ในรถ ให้ตายสิอย่างกับเล่นเกมแนะ จากรูปนี้ถึงจะมีรถฮัมวี่แค่คันเดียว แต่ในชีวิตจริงรถฮัมวี่ไม่เคยออกวิ่งคันเดียวโดดๆหรอกนะ มันมาพร้อมกันเป็นขบวน โดนแค่นัดเดียวได้กลายเป็นเศษเนื้อแน่นอนกับกระสุนขนาด .50 4.2 เกลือจิ้มเกลือ เป็นวิธีแก้แบบดั้งเดิมและโบราณมากๆในขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน นั้นคือ พลซุ่มยิงก็ต้องสู้กับพลซุ่มยิงในสมัยสงครามโลกมักจะใช้การแก้เกมกันในรูปแบบนี้ทันทีที่มีเป้าหมายที่ทหารราบธรรมดาไม่สามารถจัดการได้ เช่นรังปืนกล หรือพลซุ่มยิง พลซุ่มยิงมักจะถูกเรียกมาใช้งานทันทีแต่เหนือสิ่งอื่นใดมันต้องใช้เวลาและการที่คุณยิ่งสุ่มๆโดยไม่เห็นเป้าหมายเพียงเพื่อกะว่าฝ่ายตรงข้ามจะโดนกระสุนตายนั้นขอบอกว่าเป็นวิธีการที่คิดผิด ในการรบจริงๆ สไนเปอร์จะไม่ยิงเองหรอก (เว้นแต่จำเป็นจริงๆ) ถ้าเจอเป้าหมายส่วนใหญ่เขาจะวิทยุไปบอกพลปืนเล็กว่ามีข้าศึกอยู่ในตำแหน่ง ทิศทาง หรือตึกต่างๆ เหล่านี้ เพราะการเปิดฉากยิงก่อนเท่ากับการเปิดเผยตำแหน่งตัวเอง http://www.youtube.c...&v=RuXJe_tb4Ww#! จากในหนังเรื่อง The hurt locker 4.3 ใส่ไม่ต้องเลี้ยง ในกองทัพที่มีงบประมาณเหลือกินเหลือแดกอย่างกองทัพมะริกัน ทันทีที่เขาเจอสไนเปอร์ฝ่ายตรงข้ามถ้าเขาไม่ขี้เกียจนักคุณอาจจะโชคดีตรงที่ว่า เขาอาจจะแห่พาเหรดกันออกมาถล่มคุณด้วยพลปืนเล็ก กันทั้งหมวด หรือ ถ้าเขาต้องการวัดกึ้นจริงๆ เขาก็อาจจะเอาสไนเปอร์ในหมวดของเขามาดวลกับคุณแบบวัดกึ้นกันไปเลย คือในที่ีนี้ผมหมายถึงว่าถ้าเขาขยันอะนะ แต่ถ้าเขาขี้เกียจละ? แ่่น่นอน อเมริกาเป็นเจ้าแห่งแสนยานุภาพทางอากาศ ถ้าคุณซวยแบบเข้าขั้นจริงๆ ทหารฝ่ายตรงข้ามเขาจะเรียก ปืนใหญ่มายิงถล่มคุณ หรืออาจจะเรียก เฮลิค็อปเตอร์โจมตีมาถล่มตรงจุดที่เขาสงสัยว่าคุณอยู่แน่นอนว่าในกองทัพที่มีระบบส่งกำลังบำรุงและระบบอำนวยการรบที่ทันสมัยอย่างอเมริกาการที่คุณลงทุนไปอยู่ในที่โล่งแจ้งเพื่อที่จะซุ่มยิงเขาเท่ากับว่าคุณจะถูกตรวจพบทางอากาศทันทีก่อนที่คุณจะได้ยิงด้วยซ้ำ ถ้าเขาใจดีเขาก็อาจจะยิงถล่มคุณด้วยปืนไรเฟิลหรือปืนกลสักชุดสองชุดก่อนเข้าเคลียร์แต่ถ้าคุณโชคร้าย คุณจะโดนเข้ากับการโจมตีทางอากาศ อย่าลืมว่ากองทัพอเมริกาประเมิณพลซุ่มยิงไว้สูงมากถึงจะต้องเสียหัวรบราคาสัก 3 ล้านบาทแลกกับการเด็ดชีพสไนเปอร์เพียงคนเดียวเขาก็ยอม คิดว่าสไนเปอร์กับพลชี้เป้าสองคน จะจัดการยังไงกับเฮลิคอปเตอร์ที่สามารถยิงคุณไม่เหลือซากได้จากในระยะห่างออกไปเกือบ 5 กิโลเมตร ? 5. ภารกิจที่ได้รับ เป็นเรื่องน่าเจ็บปวดที่สุดสำหรับใครหลายคนที่ถูกฝึกมาเพื่อจะฆ่าศัตรูแต่หน้าที่จริงๆของสไนเปอร์คือเป็นหูเป็นตาให้กับกองทัพ ใช้แล้ว คุณต้องเดินลาดตระเวณหาข่าว เป็นส่วนล่วงหน้าให้กองทัพเนื่องจากกองทัพขนาดใหญ่จะเคลื่อนที่ได้จริงๆนั้นพวกเขาต้องการความปลอดภัยมากเป็นพิเศษคุณคงไม่ชอบแน่หากว่าในจังหวะคุณกำลังเคลื่อนทัพแต่ดันถูกยิงถล่มจากศัตรูที่วางแผนซุ่มโจมตีคุณอยู่ สไนเปอร์จึงถูกเรียกมาเพื่องานนี้ คุณต้องเป็นส่วนล่วงหน้าให้กองทัพ ต้องคอยแจ้งข้าวให้กองทัพและต้องคอยตรวจหาที่อยู่ศัตรูให้กองทัพ คนที่มีสิทธสั่งยิงไม่ใช่คุณ หากผู้นำเหล่าทัพคุณยังไม่อณุญาติ (เว้นแต่คุณอยู่ในส่วนลาดตระเวณกับกองร้อย) เพราะการเคลื่อนทัพแต่ละครั้งต้องทำไปด้วยความเงียบเฉียบไม่ใช่ครึกโครมอย่างกับกำลังแห่ขันหมาก หรือถ้าวันไหนคุณโชคดีคุณก็จะได้รับภารกิจในการลอบสังหารบุคคล ซึ่งบุคคลที่ว่าอาจจะเป็นแม่ทัพของฝ่ายตรงข้ามคุณจะใช้วิธีไหนในการสังหารเขา ซุ่มยิงจากระยะไกล หรือว่าลอบเขาไปสังหารในระยะใกล้ แล้วแต่เขาจะมอบหมายให้คุณ ถ้าคุณซุ่มยิงในระยะไกลแล้วพลาดคุณก็อาจจะถูกตามล่าแต่ถ้ารอดมาได้ก็โอเคแต่ถ้าคุณต้องเข้าไปลอบสังหารในระยะใกล้ (ใช้ว่าเป็นสไนเปอร์แล้วจะต้องยิงจากระยะไกลทุกครั้ง) ถ้าคุณถูกตรวจพบก่อนก็เตรียมตัวตายได้เลยภารกิจที่ได้รับมันมีหลากหลายเอาแน่เอานอนไม่ได้ และในบางครั้งการสังหารใครสักคนคุณอาจจะต้องไปวางตัวล่วงหน้าก่อนล่วงหน้าหลายชั่วโมง หลายวัน หรือในบางทีอาจจะหลายเดือนเลยก็ได้เพื่อให้เกิดความแนบเนียนที่สุดแล้วแต่แหล่งข่าวที่คุณจะได้รับจากทางกองทัพ แหล่งที่มา : board.postjung.com ขอขอบคุณ : คุณ Saw-Gunner และ JKG http://www.jokergame...ead.php?t=89623
  8. ทำเสียงตูมันแปลกๆ :emo (68): ท่านเจลงไปนอนรอยาราไนกาคนแรกเลย :emo (71): ข้างบนนั้นมันศพท่าน ดูยังไงเป็นซอมบี :emo (76): สุดท้ายก็โดนซอมบีรุ้มยาราไนกา ทั้งคู้ :emo (44):
  9. ยังมีอีกหลายคลิปเลยน่อ ถ้าจะเอาอีกก็บอกนะเดียวโยนในสไกให้ :emo (70):
  10. บึ้มเลยหรา เดียวพวกแก้จะโดนบึม แถมเรื่อสวย
  11. ดีที่ไม่มีผมด้วย :emo (70):
  12. hat triack กาวดักหนู kill หนู กาวดักหนู kill จิ้งจก กาวดักหนู kill ตุกแก by home Ezero :emo (71):
  13. เล่นเองfail เองสินะ
  14. ไม่ไหวๆหูพังก่อนแน่ๆ :emo (57):
  15. http://www.youtube.com/watch?v=hr4KuzYwpOc&feature=youtu.be ใครอยากเล่นตามไปโหลดได้ที่มู้นี้โล้ด http://www.idoli-z.net/forum/index.php?/topic/4752-world-of-tanks-%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B8%87-online-us/
  16. อัพเดต !! ข่าวลือใหม่ หุ้นอีเอดีดบวก หลังข่าวลือ "Nexon" เข้าซื้อกิจการ http://image.ohozaa....2vMILEBxVIuW0zS http://image.ohozaa....2vMILEBxVIuW0zS มีข่าวลือว่า Nexon ผู้ผลิตเกมสัญชาติญี่ปุ่น (แต่ก่อตั้งในเกาหลีใต้) กำลังเจรจาขอซื้อ EA ผู้จัดจำหน่ายเกมสัญชาติอเมริกา ส่งผลให้ราคาหุ้น EA พุ่งขึ้น 6.1% ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านั้นราคาเพิ่งลดลงถึงจุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ EA ประสบปัญหาขาดทุนติดต่อกันมาหลายปีแล้ว เนื่องจากการปรับเปลี่ยนธุรกิจขององค์กรไปสู่ระบบจัดจำหน่าย แบบออนไลน์ที่ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ทำให้มูลค่าบริษัทลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ทางด้าน Nexon เพิ่ง IPO (ขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก) เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้เงินลงทุนไป 1.2 พั นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าที่มากที่สุดในญี่ปุ่นในปีที่แล้ว (2011) http://image.ohozaa..../5af/dq5fY8.jpg สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวระบุว่า "Nexon" บริษัทเกมสัญชาติเกาหลีที่ทำเกมเปิดให้เล่นฟรี ผู้เป็นเจ้าของเกม MapleStory และ Combat Arms ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อกิจการ "อิเลคทรอนิคส์ อาร์ต" หรืออีเอ เจ้าของเกมดังหลายตัว อย่าง FIFA, Battlefieldและ Mass Effect http://image.ohozaa..../df1/ry09lX.jpg จากกระแสข่าวการเข้าซื้อกิจการทำให้มูลค่าหุ้นของอีเอเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 6 เปอร์เซนต์ อยู่ที่ 15.76 เหรียญสหรัฐ จากก่อนหน้านี้มีมูลค่าหุ้นอยู่ที่ 15.01 เหรียญสหรัฐ และล่าสุดมูลค่าหุ้นของอีเอก็เพิ่มเป็น 15.81 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น มูลค่าหุ้นของอีเอที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6สัปดาห์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมี มีรายงานข่าวระบุว่าอีเอมีแผนที่จะเลย์ออฟปลดพนักงานจำนวน 1,000 คน หลังจากที่ยอดขายเกม Star Wars: The Old Republic ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ ประกอบกับแคมเปญการตลาดหลังการเปิดขายของเกมแบทเทิลฟิลด์ 3 ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูง ปีงบประมาณของอีเอสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา และจะมีการรายงานผลประกอบการในรอบปีงบประมาณในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ http://image.ohozaa....i/4d5/AUwKm.jpg ออกแบบกระทู้ข่าวโดย:Manthai@Gamers Unleashed ขอขอบคุณข้อมูลจาก:Gamemun,Google,Manager และ @ JKG http://www.jokergame...ead.php?t=86874
  17. FBI เตือนผู้ใช้เน็ตทั่วโลกที่ติดไวรัส DNS จะโดนตัดเน็ต!! 9 กรกฎาคมนี้ นับว่าเป็นข่าวใหญ่สำหรับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลก รวมทั้งไทยด้วย เมื่อ FBI ประกาศแจ้งเตือนผู้ใช้เน็ต หลังพบไวรัสที่ติดอยู่ในคอมพิวเตอร์บนเครื่องของเหยื่อที่ไม่รู้ตัวมากกว่า 3.5แสนเครื่อง ซึ่งหากผู้ใช้เน็ตติดไวรัสดังกล่าวนี้จะไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป มัลแวร์ที่ว่านี้มีชื่อว่า DNS Changer เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลกผ่านทางออนไลน์หรืออินเตอร์เน็ตนี่เอง โดยจะป่วนกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ท่องโลกอินเตอร์เน็ต บนเครื่องที่ติดไวรัส DNS Changer ด้วยการพาผู้ใช้เข้าไปเว็บไซต์ปลอม แม้ว่าผู้ใช้เน็ตที่เป็นเหยื่อจะพิมพ์ที่อยู่ url อย่างถูกต้องก็ตาม เช่น แม้เข้าไปเว็บไซต์ gmail.com ถูกต้อง แต่เว็บมันพาไปอีกเว็บนึงซึ่งเป็นเว็บปลอมนี่เอง ด้วยเหตุนี้ FBI จึงออกประกาศเตือนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตก่อนที่จะดำเนินการตัดเน็ตเพื่อปรับปรุงระบบServer ทั่วโลกให้ปลอดภัย ในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ดังนั้นผู้ที่ติดไวรัส DNS Changer นี้ทั่วโลก จะไม่สามารถเข้าชมเว็บไซต์หรือเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้เลยในวันที่ 9 กรกฎาคมด้วย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องเราติดไวรัส DNS Changer ด้วยหรือเปล่า ? สามารถตรวจสอบได้ที่ http://www.dns-ok.us/ หากพบว่า ภาพนี้เป็นสีเขียว แสดงว่า DNS ของคุณปลอดภัย แต่ถ้าเป็นสีแดงแสดงว่าตกเป็นเหยื่อของไวรัส ซึ่งส่งผลให้วันที่ 9 กรกฎาคมนี้จะใช้เน็ตไม่ได้ ต้องรีบแก้ไขโดยลบมัลแวร์ตัวร้ายนี้ออกจากเครื่องเท่านั้น รายละเอียดการแก้ไขสามารถชมได้ที่เว็บไซต์ http://www.dcwg.org/detect/ ที่มา : it24hrs และ JKG http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=86448
  18. เนื่องจากมีปัญหากับรูป ต้องขออภัยด้วย ต้องขอให้ทุกท่านที่อยากเห็นรูป กดไปดูตามลิ้งละกันนะฮับ Wehrmacht(หมายถึง กองทัพเยอรมัน) กองทัพเยอรมันนั้น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 เรียกได้ว่าเป็นกองทัพที่มีแสนยาณุภาพมากที่สุดในโลก วิทยาการที่ก้าวล้ำ ทหารที่แข็งแกร่ง มีระเบียบวินัย นายพลที่แสนจะปราดเปรื่อง ถึงแม้ว่าเยอรมันจะพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ ฝ่ายพัธมิตรมีทหารที่มากกว่าเกือบ2 เท่า และมีอำนาจ การผลิตที่รวมกันสูงกว่าฝ่ายเยอรมันมาก การที่เยอรมันสามาร๔ต่อสู้ได้ขนาดนี้ก็นับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว กองทัพเยอรมัน ก็จะแบ่งออกเป็น3 เหล่าทัพ คือ -Heer คือ กองทัพบก(น่าจะรวมหน่วย ss ด้วยนะครับ) -Kriegsmarine คือ กองทัพเรือ -luftwaffe คือ กองทัพอากาศ(อันทรงแสนยาณุภาพมาที่สุดในโลก) Heer หากจะกล่าวถึง กองทัพบกแห่งWehrmacht คงพลาดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงกองกำลังยานเกราะ เพราะถือว่ามีประสิธิภาพมาก โดยที่จะกล่าวหลักๆก็มีดังนี้ ครับ http://i222.photobuc...pg?t=1196325668 Pzkw(Panzerkampfwagen)I (แพนเซอร์ มาร์ค 1) รถถังเบาสำหรับสนับสนุนทหารราบของกองทัพนาซีเยอรมัน ที่ได้สร้างหลังจากการถูกจับเซนต์สนธิสัญญาแวร์ซายส์ เยอรมันได้ออกแบบในช่วงทศวรรษที่1930 และได้ทำการผลิตแบบจำนวนมากเมื่อปี1934 และเยอรมันยังได้ส่งแพนเซอร์ 1 ไปรบเพื่อเป็นการทดสอบประสิทธิภาพในสงครามกลางเมืองสเปน และ จีน ยังได้ซื้อไปใช้ในสงครามจีน-ญี่ปุ่นด้วย หลังการประเมินผลในการรบในสเปน แพนเซอร์ 1 รบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อสงครามโลกระเบิดขึ้น จึงได้เข้าร่วมสมรภูมิหลายแห่ง แต่ช่วงกลางสงคราม รถถังรุ่นใหม่ๆของกองเยอรมันมีอานุภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ แพนเซอร์ 1 จึงลดบทบาทลง และมีการนำตัวถังรถ มาติดตั้งปืนขนาด75มม. เพื่อเป็นปืนใหญ่อัตตาจรและรถพิฆาติรถถังด้วย http://i222.photobuc...pg?t=1196325704 Pzkw II (แพนเซอร์ 2) รถถังรุ่น2ของกองทัพเยอรมันเพื่อทดแทนรถถังแพนเซอร์ 1 มีความแข็งแกร่งกว่าแพนเซอร์ 1 ทำการผลิตในปี1934 โดยศึกษาจากการทดลองใช้แพนเซอร์ 1 รุ่นติดปืน20มม.ในสงครามกลางเมืองสเปน แพนเซอร์2 จึงติดตั้งปืนต่อสู้รถถัง20มม. เพื่อใช้ในการต่อต้านยานยนต์ของข้าศึก แพนเซอร์ 2 เป็นกำลังหลักของเยอรมันในการรบที่โปแลนด์ในปี1939 และเป็นกำลังสำคัญในการรุกสู่ฝรั่งเศสในปี1940 สายการผลิตของแพนเซอร์2 ปิดลงในปี1942 เมื่อเยอรมันรุกสุ่ตะวันออก อีกทั้งการปรากฏตัวของรถถังรุ่นใหม่ของเยอรมัน และประสิทธิภาพอันน่ากลัวของรถถังโซเวียต แพนเซอร์ 2 จึงไม่ได้ใช้ในการรบแนวหน้า แต่มีการเอาตัวถังรถถมาติดปืนใหญ่75มม. เพื่อเป็นรถพิฆาติรถถัง และติดปืนใหญ่สนาม105มม. เพื่อใช้เป็นปืนใหญ่อัตตาจร ในชื่อ เวปส์(Weps) http://i222.photobuc...pg?t=1196325732 Pzkw III (แพนเซอร์ 3 ) รถถังแบบ3ของกองทัพเยอรมัน ออกแบบในทศวรรษที่1930 และเป็นกำลังหลักของเยอรมันแทบในทุกสมรภูมิ มันถูกออกแบบมาให้ใช้งานในการต่อต้านรถถัง ซึ่งต่างจาก แพนเซอร์ 1 และ แพนเซอร์ 2 ที่เน้นการใช้งานในด้านสนับสนุนทหารราบ ด้วยอาวุธทรงอานุภาพขึ้น คือ ปืนต่อสู้รถถัง37มม. และต่อมาติดปืน50มม. จึงทรงอานุภาพมากในการต่อสู้กับรถถังข้าศึก ปี1934 นายพลไฮนซ์ กูเดเรียน แห่งกองทัพบกเยอรมัน ต้องการรถถังที่น้ำหนักไม่เกิน24ตัน ความเร็ว35กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อเป็นรถถังหลักของหน่วยแพนเซอร์ แพนเซอร์ 3 จึงผลิตออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการนั้น และแพนเซอร์ 3 ยังมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือ มีการใช้ระบบแหนบรองรับน้ำหนักตัวรถแบบ ทอร์ชั่น บาร์ หรือแหนบรูปปีกนก ซึ่งเป็นระบบใหม่ล่าสุดของโลกในยุคนั้น และเป็นรถถังรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบนี้ด้วย แพนเซอร์ 3 เป็นกำลังหลักของเยอรมัน ใช้ในการรบตั้งแต่โปล์แลนด์ นอร์เวย์ ฝรั่งเศส แอฟริกาเหนือ และแนวรบด้านรัสเซีย ซึ่งในด้านรัสเซียนี่เอง แพนเซอร์ 3 ต้องเผชิญหน้ากับ T-34 รถถังกลางของโซเวียต ซึ่งมีอานุภาพสูงกว่า เยอรมันจึงต้องนำ แพนเซอร์ 3 ไปติดตั้งปืนต่อสู้รถถังขนาด75มม. เพื่อต้านทานรถถังโซเวียตร่วมกับรถถังรุ่นใหม่ๆที่มีจำนวนน้อยของเยอรมันในช่วงนั้น โดยได้สร้างเป็นรถถังแบบไม่มีป้อม ติดปืน75มม. ใช้ชื่อว่า Stug III ถึงแม้ในช่วงกลางถึงปลายสงคราม จะมีรถถังรุ่นใหม่ๆมาช่วงชิงสมรรถนะของแพนเซอร์3 แต่รถรุ่นนี้ก็ได้ถูกใช้งานต่อไปจนจบสงคราม http://i222.photobuc...pg?t=1196325768 Pzkw IV (แพนเซอร์ 4) เป็นรถถังที่เป็นกระดูกสันหลังแห่งกองทัพรถถังของเยอรมันอย่างแท้จริง มีความคล่องตัวสูง มีอานุภาพทำลายสูง รถรุ่นนี้เริ่มออกแบบในปี1934 เมื่อนายพลเอก ไฮนซ์ กูเดเรียน เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกเยอรมัน ต้องการรถถังหลักที่มีน้ำหนักไม่เกิน24ตัน ความเร็วไม่ต่ำกว่า35กม./ชม. เพื่อใช้ในภารกิจต่อต้านทหารราบและยานยนต์ และติดตั้งปืนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งผลที่ได้ขั้นแรกคือ แพนเซอร์ 3 และแพนเซอร์ 4 ก็ปรากฏตัวออกมาในปี1937 ในรุ่นผลติจำนวนแรกๆ37คัน และก็มีการผลิตเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี1939 นอกจากจะใช้ระบบแหนบรองรับตัวถังแบบทอร์ชั่น บาร์ แบบแพนเซอร์ 3 แล้ว แพนเซอร์4 นั้น ได้ติดตั้งปืนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยช่วงแรกได้ติดปืนใหญ่ลำกล้องสั้นขนาด75มม. L24ซึ่งได้ใช้เป็นหัวหอกในการบุกฝรั่งเศสในปี1940 โดยแพนเซอร์ 4 มีอานุภาพสูงกว่ารถถังแบบเรอโนลและโซมัวของฝรั่งเศส และยังมีอำนาจการยิงที่สูงกว่ารถถังแบบ ชาร์ล BI ของฝรั่งเศสและรถถังแบบมาทิลด้าของอังกฤษด้วย แพนเซอร์ 4 รุ่นนี้ก็ยังได้ปฏิบัติการในแอฟริกาเหนือด้วย ตั้งแต่ปี1941 แพนเซอร์ 4 ได้ติดตั้งปืนใหญ่75มม. L40 ที่มีลำกล้องยาวกว่าเดิมเพื่อเพิ่มระยะยิงและอำนาจการทำลาย แต่หลังจากการบุกรัสเซียในปี1941 เยอรมันได้เผชิญหน้ากับรถถังหนักแบบ เควี-1ซึ่งมีขนาดใหญ่และเกราะหนากว่าแพนเซอร์4 และรถถังกลางแบบ ที-34 ของโซเวียต ซึ่งมีอานุภาพสูงจนน่าตกใจ ฝ่ายเยอรมันจึงได้พัฒนาปืนใหญ่ลำกล้องยาว 75มม. L48 มาใช้งานในแพนเซอร์ 4 ซึ่งมีอานุภาพสูงกว่าปืนของรถถังโซเวียต จนกระทั่งเวลาต่อมาเยอรมันได้ผลิตรถถังแบบ แพนเธอร์ มาทดแทนแพนเซอร์4 แพนเซอร์ 4 ถือว่าเป็นรถถังกำลังหลักของเยอรมันอย่างแท้จริง เพราะมีอานุภาพสูง ใช้งานง่าย เครื่องยนต์คงทน ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรถถังหลักของอเมริกาแบบ M-4 เชอร์แมน และรถถัง ที-34 ของรัสเซีย และถูกผลิตออกมาเรื่อยๆจนจบสงครามเป็นจำนวนกว่า9,000คัน และกองทัพบกซีเรีย ยังได้ใช้รถถังรุ่นนี้ในช่วงหลังสงครามต่อมาด้วย http://i222.photobuc...pg?t=1196325794 Pzkw V Panther (แพนเซอร์ 5 แพนเธอร์) หนึ่งในตำนานรถถังของนาซีเยอรมัน โดยการออกแบบเริ่มในปี1941 มีคุณสมบัติเหมือนที-34 แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือ ขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย เกราะที่หนากว่า และติดตั้งปืนใหญ่75มม. L70 ลำกล้องยาว ซึ่งมีอานุภาพการทำลายล้างที่เหนือจินตนาการอย่างมาก สามารถยิงเจาะเกราะได้ลึกมาก และยิงต่อต้านรถถังได้ไกลกว่า2,000เมตรอย่างแม่นยำ ในแนวรบด้านตะวันตก แพนเธอร์ กลับมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยรถถังหลักของพันธมิตรไม่อาจต้านทานได้เลย แต่เนื่องจากรถถังเป็นรถถังที่ออกแบบดีมาก ทำให้ต้องการช่างเทคนิคที่มีความชำนาญสูง ทำให้ผลิตรถถังแพนเธอร์ได้ไม่มากนัก http://i222.photobuc...pg?t=1196325830 Pzkw VI Tiger (แพนเซอร์ 6 ไทเกอร์) สุดยอดแห่งตำนานรถถังของนาซีเยอรมันและของโลก ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นรถถังที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก ถ้าเทียบเรื่องจำนวนในการสังหารรถถังด้วยกัน คำสั่งการออกแบบไทเกอร์ เริ่มในวันที่26พฤษภาคา ปี1941 1เดือนก่อนบุกรัสเซีย โดยมีบริษัทเอกชนสองบริษัทคือ ปอร์เช่ และเฮนเซล เข้าร่วมการแข่งขันออกแบบรถถังไทเกอร์ แต่ว่าป้อมปืนนั้น ถูกแยกไปผลิตและพัฒนาโดยบริษัทกรุ๊ปป์ การออกแบบไทเกอร์นั้น ช่วงล่างและตัวถังผลิตจากเหล็กกล้าแผ่นเรียบขนาดใหญ่ นำมาเชื่อมประสานด้วยไฟฟ้า และยังมีระบบสลักคล้องเหล็กแต่ละชิ้นทำให้มีความคงทนกว่าเดิม และเหล็กชิ้นใหญ่ ทำให้ไทเกอร์ทนต่อการยิงของปืนแทบทุกชนิด ไทเกอร์ ได้ออกรบในสมรภูมิสำคัญทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตก แอฟริกาเหนือ และอิตาลี โดยในแอฟริกาเหนือ กองทัพน้อยแอฟริกา ครอล์ฟ ของนายพลรอมเมล ได้ใช้รถถังไทเกอร์จำนวนน้อย เข้าต่อสู้กับกองทัพรถถังจำนวนมหาศาลของกองทัพพันธมิตรอังกฤษ-อเมริกา และทำลายรถถังพันธมิตรได้เป็นจำนวนมาก ในแนวรบด้านตะวันออก ไทเกอร์ก็ได้แสดงพลังฝังรถถังโซเวียตจมดินเป็นจำนวนมาก โดยที่รถถังหนักของโซเวียตแบบKV-1 และ KV-2 ไม่อาจต้านทานได้ แม้ช่วงปี1944 โซเวียตจะผลิตรถถังหนักรุ่นใหม่แบบ โจเซฟ สตาลิน-2 (JS-2) ติดปืนขนาด122มม. ซึ่งใหญ่กว่าไทเกอร์ได้ก็ตาม แต่ก็หาต้านทานไทเกอร์ได้ไม่ โดยข้อมูลการรบในวันที่2มกราคม 1945 กองพันรถถังหนักที่507ของเยอรมันที่มีรถถังไทเกอร์เป็นกำลังหลัก ได้ปะทะกับกองพลยานเกราะของโซเวียตที่มี JS-2 จำนวนมาก ผลคือ รถถังไทเกอร์1 คัน สามารถทำลายรถถังJS-2ได้ถึง22คัน ด้วยปืน88มม. ที่ยิงได้ไกล แม่นยำ และรวดเร็วกว่าโดยที่รถถังของโซเวียตไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่รถถังไทเกอร์ได้เลย ทำให้กำลังพลโซเวียตต้องถอยกลับไปตั้งหลักใหม่ จุดอ่อนอันน่ากลัว ของไทเกอร์คือ เครื่องยนต์ที่มีปัญหา(เป็นความผิดพลาดในการออกแบบรถต้นแบบของเฮนเซล) ความเชื่องช้า เพราะน้ำหนักที่มาก http://statics.atclo...s/1_display.jpg Panzerkampfwagen Tiger II รถถัง TIGER II นี้เกิดขึ้นจากการคาดการณ์ของฝ่ายเยอรมันว่า รัสเซียกำลังผลิตรถถังที่ทรงประสิทธิภาพออกมาต่อกรกับฝ่ายตน ทำให้กองทัพนาซีเยอรมันทำการพัฒนารถถังที่มีอานุภาพสูงในปี 1942-1943 โดยมีความมุ่งหมายที่จะให้เป็นรถถังที่ทรงอานุภาพมากกว่ารถถัง TIGER ที่ทรงอานุภาพอยู่แล้ว เครื่องยนต์ของ TIGER II เหมือน TIGER รวมทั้งยังมีป้อมปืนที่หล่อจากโลหะชิ้นเดียวกันเหมือนกับ PANTHER แม้ว่ารถถังรุ่นนี้จะมีเครื่องยนต์ที่ไม่น่าไว้วางใจได้มากนัก เพราะมีเวลาในการออกแบบน้อย และเร่งรีบ เนื่องจากเยอรมันเริ่มเป็นฝ่ายถูกรุกในแทบทุกแนวรบ แต่ก็เป็นเครื่องยนต์ที่ทรงอานุภาพมากที่สุด จุดอ่อนของรถถังรุ่นนี้ก็คือการบริโภคน้ำมันอย่างมหาศาล เนื่องจากน้ำหนักเกราะที่หนาและหนักมาก ทำให้รถถังมีน้ำหนักมากถึง 68.6 ตัน การปรากฏตัวของรถถัง TIGER II ครั้งแรกที่ป่า ARDENNES ในการรุกตอบโต้ฝ่านสัมพันธมิตร ในปี 1944 สร้างความตกตะลึงให้กับฝ่ายอเมริกันเป็นอย่างมาก เมื่อพบว่า ปืนต่อสู้รถถังทุกชนิดของตน ไม่สามารถหยุดรถถัง TIGER II ได้ แต่เนื่องจากเยอรมันขาดแคลนน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของรถถังรุ่นนี้ จึงทำให้เยอรมันต้องพ่ายแพ้ในการรบที่ป่า ARDENNES ในที่สุด http://statics.atclo...s/1_display.jpg Marder II ตั้งแต่ปี 1920 มีความคิดที่จะนำปืนใหญ่ ที่สามารถเคลื่อนที่ติดตามให้การยิงสนับสนุนทหารราบได้ตลอดเวลา แนวความคิดนี้มาเป็นความจริงครั้งแรก ในช่วงทศวรรษที่ 1940 โดยกองทัพเยอรมันนำมาใช้เป็นครั้งแรก โดยการดัดแปลงรถถังที่สามารถติดตั้งปืนใหญ่ และให้การสนับสนุนทหารราบ ทหารยานเกราะไปได้พร้อมๆกัน ด้วยการเรียกรถถังขนาดเล็กแบบ Panzer II กลับจากแนวหน้า เพื่อนำมาดัดแปลงโดยใช้เพียงฐานล่างหรือแชสซีของเดิม ซึ่งในขณะนั้น Panzer II เองก็เริ่มล้าสมัย และป้อมปืนของมันก็ไม่สามารถรองรับปืนใหญ่ที่ใหญ่กว่า 20 มม. ได้ จึงมีการถอดป้อมปืนเดิมออก ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 75 มม.เข้าไป เปิดด้านบนและด้านหลังของป้อมออก ด้วยวิธีการนี้ Marder II จึงถือกำเนิดขึ้น พร้อมๆกับอานุภาพที่รุนแรงและแม่นยำของปืนขนาด 75 มม. Marder II จึงมิใช่ผู้ก่อกเนิดรถปืนใหญ่อัตตาจรที่เคลื่อนที่ด้วยตัวเองเท่านั้น แต่มันยังเป็นจุดกำเนิดของรถถังล่ารถถัง หรือที่เรียกว่า Panzerjager ในภาษาเยอรมัน - tank hunter ในภาษาอังกฤษ อีกด้วย Marder II เข้าสูสายการผลิตและถูกส่งออกแนวหน้าถึง 575 คัน สร้างชื่อเสียงให้กับตัวมันเองอย่างมาก แม้จะไม่สามารถเข้าต่อสู้กับรถถังฝ่ายตรงข้ามได้ตรงๆ เพราะมีเกราะที่ไม่หนาเพียงพอ แต่ก็สามารถดักซุ่ม หรือใช้การยิงตรงจากระยะทางไกลๆ ทำลายรถถังข้าศึกได้ จนกระทั่งในปี 1943 ก็เกิดแนวความคิดที่จะปรับปรุงขนาดปืนใหญ่ประจำรถ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 105 มม. สามารถยิงตรงและยิงวิถีโค้งได้ สายการผลิตของ Marder II จึงยุติลงและหันไปติดตั้งปืนใหญ่เฮาวิทเซอร์ขนาด 105 มม.แทน พร้อมๆกับชื่อของ Marder II ก็เปลี่ยนไปเป็น Wespe ในที่สุด http://statics.atclo...s/1_display.jpg Wespe ตั้งแต่ปี 1920 มีความคิดที่จะนำปืนใหญ่ ที่สามารถเคลื่อนที่ติดตามให้การยิงสนับสนุนทหารราบได้ตลอดเวลา แนวความคิดนี้มาเป็นความจริงครั้งแรก ในช่วงทศวรรษที่ 1940 โดยกองทัพเยอรมันนำมาใช้เป็นครั้งแรก โดยการดัดแปลงรถถังที่สามารถติดตั้งปืนใหญ่ และให้การสนับสนุนทหารราบ ทหารยานเกราะไปได้พร้อมๆกัน ด้วยการเรียกรถถังขนาดเล็กแบบ Panzer II กลับจากแนวหน้า เพื่อนำมาดัดแปลงโดยใช้เพียงฐานล่างหรือแชสซีของเดิม ซึ่งในขณะนั้น Panzer II เองก็เริ่มล้าสมัย และป้อมปืนของมันก็ไม่สามารถรองรับปืนใหญ่ที่ใหญ่กว่า 20 มม. ได้ จึงมีการถอดป้อมปืนเดิมออก ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 75 มม.เข้าไป เปิดด้านบนและด้านหลังของป้อมออก ด้วยวิธีการนี้ Marder II จึงถือกำเนิดขึ้น พร้อมๆกับอานุภาพที่รุนแรงและแม่นยำของปืนขนาด 75 มม. Marder II จึงมิใช่ผู้ก่อกเนิดรถปืนใหญ่อัตตาจรที่เคลื่อนที่ด้วยตัวเองเท่านั้น แต่มันยังเป็นจุดกำเนิดของรถถังล่ารถถัง หรือที่เรียกว่า Panzerjager ในภาษาเยอรมัน - tank hunter ในภาษาอังกฤษ อีกด้วย Marder II เข้าสูสายการผลิตและถูกส่งออกแนวหน้าถึง 575 คัน สร้างชื่อเสียงให้กับตัวมันเองอย่างมาก แนวความคิดในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Marder II จึงเกิดขึ้น โดยการเปลี่ยนปืนใหญ่ขนาด 75 มม. มาเป็น 105 มม. ในปี 1943 สายการผลิตของ Marder II จึงยุติลงและหันไปติดตั้งปืนใหญ่สนามเฮาวิทเซอร์ขนาด 105 มม.แทน พร้อมๆกับชื่อของ Marder II ก็เปลี่ยนไปเป็น Wespe หลังคาป้อมปืนเปิดกว้าง แต่ก็มีเกราะเพียงพอที่จะป้องกันพลประจำรถ รวมทั้งมีพื้นที่ที่จะบรรทุกกระสุนขนาด 105 มม. ได้ 32 นัด พร้อมปืนกลประจำรถ Wespe จำนวน 675 คันถูกผลิตออกมาก่อนที่สายการผลิตจะยุติลงในปี 1943 หือในปีที่เริ่มผลิตนั่นเอง เพื่อหันไปผลิตรถถังต่อสู้รถถังรุ่นใหม่ๅ ที่มีเกราะหนากว่าอย่าง Jadgpanther และ Jadgtiger อย่างไรก็ตาม Wespe ก็ยังคงรับใช้กองทัพนาซีในการเป็นปืนใหญ่สนับสนุนทหารราบ และหน่วยรรถังในแนวหน้า จนสิ้นสุดสงคราม http://statics.atclo...s/1_display.jpg ฮัมเมล (Hummel) ฮัมเมล หรืออีกชื่อหนึ่งว่า บัมเบิล บี (Bumble Bee) เป็นรถถังที่ใช้ฐานของรถถังรุ่น Panzer III หรือ Panzer IV มาติดตั้งปืนใหญ่เฮาวิตเซอร์ (Howitzer) ขนาดความกว้างปากลำกล้อง 155 มม. แนวความคิดของฮัมเมลเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1942 เมื่อเริ่มเข้าสู่สายการผลิต ฮัมเบิลกว่า 500 คันก็ออกสู่แนวหน้า ในขณะเดียวกัน แนวความคิดที่จะผลิตรถถังล่ารถถัง หรือรถถังทำลายรถถังรุ่นใหม่ (tank destroyer - tank hunter) ก็ยังไม่คืบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ Jagdpanzer IV ที่ใช้รถถัง Panzer IV มาติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 88 มม.อันลือชื่อ ที่ยังไม่ออกสู่สมรภูมิ เพื่อการสกัดกั้นกระแสกองทัพรถถังรัสเซียที่ไหลบ่า มาจากทางตะวันออกอย่างที่ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ ทำให้ฮัมเมลเป็นความต้องการที่จำเป็นที่จะใช้ขัดตาทัพรถถังล่ารถถังไปก่อน ฮัมเมลมีลักษณะที่เปิดกว้าง ระบบฐานล่างของ Panzer IV ที่นำมาดัดแปลงจำเป็นต้องเคลื่อนเอาเครื่องยนต์ที่อยู่ตอนท้าย ให้ขึ้นมาอยู่บริเวณกลางรถ เพื่อความสะดวกของพลประจำรถ และเพื่อเป็นที่เก็บกระสุนสำรอง อย่างไรก็ตาม ฮัมเมลก็ยังมีเนื้อที่ไม่เพียงที่จะเก็บกระสุนขนาด 155 มม.อันใหญ่โต มันสามารถบรรทุกกระสุนได้เพียง 18 นัด ซึ่งไม่เพียงพอในการรบที่ประชิดติดพัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรถบรรทุกกระสุนเคลื่อนที่ติดตามไปตลอดเวลา ในขณะเมื่อรถเคลื่อนที่ มีเพียงพลขับและพลวิทยุเท่านั้นที่มีกำบัง พลประจำรถคนอื่นๆ จะไม่มีกำบัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝนตกลงมา พลประจำรถจะต้องใช้ผ้าใบคลุมป้องกันการเปียกจากน้ำฝน ฮัมเมลออกสู่สมรภูมิครั้งแรก ในปี 1943 ในสมรภูมิ Kursk ซึ่งในขณะนั้น กองพลแพนเซอร์ทุกกองพล มีแผนที่จะบรรจุฮ้มเมลไว้หนึ่งกองพัน เพื่อทำหน้าที่เป็นปืนใหญ่สนับสนุนการรบของกองพล http://statics.atclo...s/1_display.jpg StuG III StuG III หรือ Sturmgeschutz เป็นรถถังที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้อำนาจการยิงสนับสนุนทหารราบ ในขณะที่ทหารราบรุกไปข้างหน้า รถถถังนี้ จะช่วยยิงทำลายป้อมค่าย หรือรังปืนกล ตลอดจนปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้าม เรียกว่า มันจะทำหน้าที่สนับสนุนทหารราบในการรุกไปพร้อมๆกัน StuG III ได้รับการเสนอความต้องการจากกองทัพบกเยอรมันในปี 1936 หรือก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สองประมาณ 4 ปี มีการออกแบบให้ใช้ฐานล่างของรถถัง Panzer III (มีล้อกดสายพาน 6 ล้อ) รถถังรุ่นนี้ถูกนำเข้าใช้งานในปี 1940 หรือในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง บทบาทของรถถังรุ่นนี้เพิ่มมากขึ้น เมื่อสายการผลิตรถถังของเยอรมัน ประสบปัญหาความล่าช้า ทำให้ไม่สามารถผลิตรถถังได้ทันตามความต้องการ ประกอบกับเยอรมันต้องสูญเสียรถถังหลักในการรบเป็นจำนวนมาก สายการผลิตรถถังทั่วไปที่มีป้อมปืน ต้องใช้เวลาและมีความซับซ้อน ทำให้ผลิตได้ช้า จึงเกิดแนวความคิดที่จะผลิตรถถัง StuG III นี้เป็นรถถังทดแทน โดยใช้แนวความคิดการเป็นรถถังล่ารถถัง (tank hunter) ไม่ต้องมีป้อมปืน ทำให้ผลิตได้เร็วขึ้น ส่วนฐานล่างก็ทำโดยการนำเอารถถัง Panzer III ที่เริ่มล้าสมัยและติดปืนได้เพียงขนาด 50 มม. ซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำลายรถถังข้าศึกที่มีเกราะหนาอย่าง T 34 ของรัสเซียได้ มาทำการถอดป้อมปืนออก และติดปืนใหญ่ขนาด 75 มม. แทน สิ่งที่ได้ตามมาก็คือ รูปร่างที่เตี้ย ทำให้ยากต่อการสังเกตุเห็น สามารถพรางตัวเองได้ดีในภูมิประเทศ อย่างไรก็ตาม บทบาทของ StuG III ในการเป็นรถถังสนับสนุนทหารราบด้วยปืนใหญ่ขนาด 75 มม. ดูจะโดดเด่นมากกว่า การเป็นรถถังล่ารถถัง เพราะขนาดเกราะที่บาง การปรับปืนที่กระทำด้วยการเคลื่อนรถทั้งคัน ไม่ใช่การหมุนของป้อมปืน ทำให้ความคล่องตัวในการต่อสู้กับรถถังด้วยกันลดน้อยลงไป แต่ในช่วงหลังของสงคราม ในขณะที่เยอรมันตกเป็นฝ่ายตั้งรับ StuG III ก็ได้พิสูจน์ให้ศัตรูได้เห็นศักยภาพในการเป็นรถถังล่ารถถังเป็นอย่างดี เพราะสามารถซ่อนพรางได้ดี มีปืนใหญ่ที่สามารถหยุดยั้งข้าศึกได้อย่างรุนแรง และแม่นยำ โดยเฉพาะทหารสัมพันธมิตร ล้วนต่างต้องจดจำ StuG III ในฐานะผู้ล่ารถถังไปอีกนานเท่านาน นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุง StuG III ให้สามารถติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 105 มม. เพื่อเป็นปืนใหญ่อัตตาจร และเรียกชื่อใหม่ว่า STUG 42 รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนให้สามารถติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ในชื่อ StuG 33 ซึ่งรุ่นนี้ต้องทำการเปิดส่วนบนของรถถังออก และลดขนาดของเกราะลง จึงใช้ในภารกิจสนับสนุนทหารราบเท่านั้น http://statics.atclo...s/1_display.jpg Jagdpanther รถถัง Jagdpanther เป็นรถถังที่ทรงอานุภาพในการทำลายรถถังของข้าศึกเทียบเท่ากับรถถัง panther เลยทีเดียว และถ้า panther เป็นรถถังที่น่าเกรงขามแล้ว Jagdpanther ก็จะเป็นรถถังล่ารถถังที่น่าเกรงกลัวยิ่งกว่า เพราะมันมีความเร็วสูง มีสายพานที่กว้าง สามารถจะวิ่งไปได้ในที่ที่ขรุขระ ทุรกันดารและลาดชัน มีเกราะที่หนา ยากที่จะทำลาย รถถังรุ่นนี้ ใช้ฐานล่างของรถถัง panther ซึ่งหากเปรียบเทียบกับ panther จะเห็นว่า ฃ่วงล่างนั้นเหมือนกันทุกอย่าง จากนั้นก็ติดตั้งปืนใหญ่ต่อสู้รถถังขนาด 88 มม. ที่ลือชื่อในเรื่องความรุนแรงและแม่นยำ มันสามารถทำลายรถถังของข้าศึกในระยะกว่า 1000 เมตร หรือกว่า 1 กิโลเมตรได้อย่างแม่นยำ ซึ่งในขณะนั้นระยะ 1000 เมตรนั้น เป็นระยะที่รถถังฝ่ายสัมพันธมิตร ตลอดจนปืนใหญ่ต่อสู้รถถังไม่สามารถยิงถึงได้ ยิ่งไปกว่านั้น ภายในรถยังมีอุปกรณ์อินเตอร์คอม ติดต่อกันระหว่างพลประจำรถภายในรถคันเดียวกัน ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์สมัยใหม่ในรถถังในสมัยนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการรบอย่างสูงสุด Jagdpanther คันแรกออกสู่สมรภูมิเมื่อเดือน มิ.ย. 1944 ในการต่อสู้กับฝ่ายสัมพันธมิตรที่กำลังยกพลขึ้นบกในวัน ดี เดย์ที่หาดนอร์มังดี ในช่วงสุดท้ายของสงคราม มันถูกผลิตออกมาเพียง 400 คัน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก และไม่สามารถที่จะเปลี่ยนผลของสงครามได้ แม้ว่าเยอรมันต้องการจะผลิตรถถังรุ่นนี้ให้ได้ถึง 150 คันต่อเดือน แต่มันก็ไม่เคยเป็นจริง นอกจากนี้ ด้วยประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของมัน ทำให้กองพัน Panzer บางกองพันได้รับมอบ Jagdpanther แทนรถถังแบบที่มีป้อมปืนทั่วไป Jagdpanther ประสบความสำเร็จอย่างมากในแทบทุกแนวรบ มันถูกใช้เป็นหัวหอกในการรุกที่ป่าอาร์เดนซ์ (Ardennes) ในเบลเยี่ยมในช่วงปลายสงคราม ในปลายปี 1944 กล่าวกันว่า ความพยายามที่จะนำมันไปใช้แทนรถถัง เป็นแนวความคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะรถถังรุ่นนี้ไม่มีป้อมปืน การจะเปลี่ยนมุมยิงต้องทำด้วยการเคลื่อนรถถังทั้งคัน ทำให้มันเ้สียเปรียบเมื่อต้องต่อสู้กับรถถังแบบที่มีป้อมปืน อย่างไรก็ตาม Jagdpanther ก็ได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นถึงศักยภาพในการผลิตอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพของนาซีในขณะนั้น และ มันได้กลายเป็นต้นแบบของรถถังในอนาคตต่อมา http://statics.atclo...s/1_display.jpg Jagdpanzer 38 - Hetzer รถถัง Jagdpanzer 38 หรือ Hetzer จะมีขนาดเล็ก และติดอาวุธไม่หนักมาก คือ ปืนใหญ่ขนาด 75 มม. แต่รถถังรุ่นนี้ก็ได้รับการยอมรับว่า เป็นสุดยอดรถถังล่ารถถังของนาซีเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่สอง (the best of the German tank-hunter) เพื่อตังถังเตี้ยสังเกตุเห็นได้ยาก วิ่งเร็วคล่องตัว และติดปืนที่มีประสิทธิภาพ (Low, fast, hard-hitting) สายการผลิต เริ่มขึ้นต้นปี 1944 ซึ่งถือเป็นช่วงปลายของสงคราม ที่เยอรมันต้องถอยร่น ในทุกแนวรบ การผลิตก็เหมือนกับการผลิตรถถังล่ารถถังทั่วไปของเยอรมัน คือ นำเอาฐาน ของรถถังที่ล้าสมัยแล้ว มาถอดป้อมปืนออก แล้วติดปืนขนาดใหญ่เข้าไป Hetzer ใช้ช่วงล่างของรถถัง Panzer 38 แล้วเพิ่มขนาดเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงเข้าไป เพื่อให้มีความเร็ว และมีความคล่องตัว มันถูกออกแบบให้มีความสูงน้อย หรือมีความแบน เพื่อให้ซ่อนพรางได้ดี มีความลาดเอียงของตัวถังสูง ติดตั้งปืนใหญต่อสู้รถถังขนาด 75 มม. ที่มีข้อจำกัดในการหันลำกล้อง หากจะเปลี่ยนมุมยิงมากๆ ก็จำเป็นต้องเคลื่อนตัวรถทั้งคัน แต่ถ้าเปลี่ยนมุมยิงไม่มากนัก ลำกล้องก็สามารถเลื่อนปรับได้ ด้านบนของป้อมติดปืนกล ซึ่งสามารถควบคุมการยิงจากภายในได้ โดยที่พลยิงไม่ต้องออกมายิงข้างนอก Hetzer ถูกผลิตออกมากว่า 2,500 คัน ความได้เปรียบของมันในการซ่อนพราง ที่ยากจะสังเกตุเห็น นับเป็นข้อได้เปรียบสำหรับการรบแบบตั้งรับ ซึ่งในปี 1944-1945 เยอรมันกำลังเป็นฝ่ายตั้งรับ มันเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของรถถังฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ Hetzer ก็เหมือนรถถังที่ทรงประสิทธิภาพอื่นๆของเยอรมัน คือออกมาช้าเกินไป ที่จะเปลี่ยนทิศทางของสงคราม Hetzer ถูกสร้างออกมาในหลายรูปแบบ ทั้งรถถังพ่นไฟ และรถของชุดซ่อมในสนาม ซึ่งคอยให้ความช่วยเหลือรถถังที่เสียหาย เพื่อนำกลับมาซ่อมแซมใหม่ นอกจากมันยังถูกวางแผนให้เป็นรถถังติดตั้งปืนใหญ่ขนาดหนัก เพื่อเป็นรถปืนใหญ่อัตตาจร แต่สงครามก็สิ้นสุดลงเสียก่อน อย่างไรก็ตามแม้สงครามโลกครั้งที่สอง จะสิ้นสุดลง แต่ Hetzer ก็ยังใช้งานต่อในกองทัพเชคโกสโลวะเกีย และกองทัพสวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้งแนวความคิดในการผลิตรถถังทำลายรถถัง (tank destroyer) ของนาซีเยอรมัน ที่มีความคล่องตัวสูง เล็กกระทัดรัด แต่มีอำนาจที่ทรงอานุภาพ แทนรถถังขนาดใหญ่ เทอะทะ ก็ได้กลายเป็นแผนแบบที่โลกของการผลิตรถถังสมัยใหม่ ได้ยึดถือเป็นแนวทางมาจนถึงปัจจุบัน http://statics.atclo...s/1_display.jpg Ferdinand - Elefant ในสงครามโลกครั้งที่สองนั้น บริษัทผลิตรถถังที่ขึ้นชื่อของเยอรมัน ที่แข่งขันกันผลิตรถถังไทเกอร์ มีสองบริษัทคือ บริษัทเฮนเชล (Henschel) และบริษัทคู่แข่งอีกบริษัทหนึ่งก็คือ ปอร์ช (Porche) รถถังไทเกอร์ของบริษัทปอร์ช ไม่ได้รับการคัดเลือก เพราะมีระบบเครื่องยนต์ ที่สลับซับซ้อน อย่างไรก็ตามรถถังต้นแบบของปอร์ชที่ไม่ได้รับการคัดเลือก ก็ยังคงมีอยู่ เมื่อฮิตเลอร์ต้องการรถถังที่ติดตั้งปืนใหญ่ 88 มม. สำหรับแนวรบด้านรัสเซีย ปอร์ชก็ดัดแปลงรถถังต้นแบบเดิม ด้วการติดตั้งปืนขนาด 88 มม. เข้าไป ในชื่อที่หลากหลายว่า Elefant บ้าง Ferdinand บ้าง ในเดือนเมษายน และพฤษภาคม ปี 1943 มันถูกผลิตอย่างรีบเร่ง และส่งออกแนวหน้าในรัสเซีย ในการยุทธ์ที่ เคริซ (Kursk) ในเดือนกรกฎาคม 1943 ในวันแรกที่ Elefant เข้าสู่สมรภูมิ เป็นวันแห่งหายนะอย่างแท้จริง เมื่อรถถังรุ่นนี้ไม่ได้ติดปืนกลสำหรับการป้องกันตัวเองในระยะใกล้ จากทหารราบรัสเซียที่มีระเบิดมือสำหรับต่อสู้รถถัง (anti-tank grenade) หรือทุ่นระเบิดรถถัง ปืนใหญ่ของมันปรับมุมได้อย่างเชื่องช้า ไม่ทันการ จนทำให้มันประสบกับความสูญเสียจำนวนมาก รถถัง Elefant บางคัน พลประจำรถพยายามยิงทหารราบรัสเซียที่วิ่งอยู่รอบรถด้วยปืนใหญ่ของมัน เมื่อถูกทหารราบรัสเซียเข้าประชิด รถถังที่เหลือรอดจาก Kursk กลับเข้าโรงงานเพื่อติดตั้งปืนกลประจำรถ เพื่อการรบระยะประชิดกับทหารราบ เครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ แล้วส่งออกแนวรบด้านอิตาลี คราวนี้ Elefant หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Ferdinand ก็ได้พิสูจน์ตัวมันเองว่า เป็นรถถังที่มีอานุภาพสูง ในการทำลายล้าง แต่เนื่องจากมีน้ำหนักมาก ถนนหนทาง ตลอดจนภูมิประเทศในอิตาลี ดูจะไม่สามารถรองรับการเคลื่อนที่ของมันได้ เพราะน้ำหนักอันมหาศาล ในที่สุดมันก็ถูกทำลายโดยพลประจำรถของมันก่อนที่ล่าถอยออกจากอิตาลี https://encrypted-tb...ra0N5CwhLkOxROn 88mm.Antiaircraft Gun (ปืนต่อสู้อากาศยาน 88มม. ฉายาราชินีแห่งทะเลทราย)อันนี้แนะนำ ในเกมส์company of heroครับ มันคืดปืนใหญ่ที่ทรงอานุภาพที่สุดรุ่นหนึ่งของเยอรมัน มันสามารถยิงได้ ทั้งต่อสู้อากาศยาน และยิงต่อสู้รถถัง โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ปืน แค่เปลี่ยนกระสุนเท่านั้น โดยปืนใหญ่นี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดในสงคราม สามารถทำลายรถถังได้ดีที่สุด เพราะวิถีกระสุนที่ตรงและความเร็วปากลำกล้องที่มาก สำหรับกองทัพบกนั้นยังมีอาวุธ อีกมากมายก่ายกองคิดว่าถ้าจะให้กล่าวทั้งหมดกระทู้คงจะยาวมากงั้นผมขออณุญาติตัดมาที่ Kriegsmarine เลยนะครับ Kriegsmarine (ทัำพเรื่อ) http://upload.wikime...-Zeppelin-2.jpg Graf Zeppelin class aircraft carrierg เธอ คือเรือบรรทุกเครื่องบินเพียงลำเดียวของเยอรมัน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่โคลงการนี้ถูกคิดค้น เพื่อที่จะมีอำนาจคลองอากาศ ในทะเลบอลติก และทะเลหนือ โดย ได้เปิดตัวในวันที่ 8 ธันวาคม 1938 แต่ตัวเรือยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และไม่เคยได้ออกปฎิบัติการเลย http://tk.files.stor...xpEDgW5t0ZnQtlU U-Boat(อู-โบท) class submarine ลำเล็กไทพ์-2-คลาสใช้ลาดตระเวนชายฝั่งและวางทุ่นระเบิด http://tk.files.stor...yz9sSVYuK7wHg90 ไทพ์-7 ใช้ในปฏิบัติการระดับกลาง http://tk.files.stor...hYV5QLYLGmNnaCk และขนาดใหญ่ไทพ์-9 สำหรับการรบในมหาสมุทร http://tk.files.stor...rkvyZjyfnESI-JA https://encrypted-tb...cu95v5KguHBb3_g Bismarck class Battleship(เรือที่ วินตัส เชอชิล ถึงกับกล่าวว่า"อังกฤษจะเสียเท่าไรก็ต้องจม บิสมาร์คใ ห้ได้") บิสมาร์ค เป็นเรือประจัญบานของเยอรมนี และหนึ่งในเรือรบที่มีชื่อเสียงที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง บิสมาร์คเป็นเรือลำแรกในเรือประจัญบานชั้นบิสมาร์ค ซึ่งตั้งตามชื่อนายกรัฐมนตรีของเยอรมนีสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ออตโต ฟอน บิสมาร์ค บิสมาร์คมีระวางขับน้ำเต็มที่ถึง 50,000 ตัน และเป็นเรือประจัญบานขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เข้าประจำการในสมัยนั้น บิสมาร์คได้ปฏิบัติการเพียงครั้งเดียวตลอดอายุการใช้งานอันสั้นของมัน โดยจมลงในตอนเช้าของวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 ระหว่างปฏิบัติการไรนือบุง ซึ่งบิสมาร์คและเรือลาดตระเวนหนักอีกลำหนึ่งพยายามที่จะขัดขวางและทำลายขบวนเรือซึ่งแล่นระหว่างอเมริกาเหนือและสหราชอาณาจักร ขณะที่บิสมาร์คและเรือรบเยอรมันอีกลำหนึ่งกำลังพยายามที่จะแล่นออกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก เรือรบทั้งสองถูกค้นพบโดยกองทัพเรืออังกฤษ และถูกดึงเข้าสู่ยุทธนาวีช่องแคบเดนมาร์ก ระหว่างการรบเวลาสั้น ๆ เรือลาดตระเวนประจัญบานฮู้ด เรือธงของกองเรือหลวงและความภาคภูมิใจของกองทัพเรืออังกฤษ ถูกจมลงหลังจากถูกยิงเพียงไม่กี่นาที นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร วินสตัน เชอร์ชิลล์ ออกคำสั่ง "อังกฤษจะเสียเท่าไรก็ต้องจม บิสมาร์ค ให้ได้" ซึ่งกระตุ้นให้กองทัพเรืออังกฤษติดตามเรือบิสมาร์คไปอย่างไม่ลดละ สองวันถัดมา เมื่อบิสมาร์คเกือบจะไปถึงน่านน้ำที่ปลอดภัยแล้ว เครื่องบินปีกสองชั้นของกองทัพเรืออังกฤษได้ยิงตอร์ปิโดถล่มเรือและทำให้หางเสือเรือขัดของ ทำให้เรือรบหนักของอังกฤษสามารถตามทันบิสมาร์คได้ ในการรบที่เกิดขึ้นตามมาในช่วงเช้าของวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 บิสมาร์คถูกโจมตีอย่างหนักเป็นเวลานานเกือบสองชั่วโมงก่อนที่จะจมลงสู่ก้นทะเล การจมของบิสมาร์คได้รับการรายงานบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์หลายฉบับทั่วโลก luftwaffe (ทัพอากาศ) https://encrypted-tb...OO03iEdjoC8d3yl Junkers (JU) 87 Stuka ชตูก้า ย่อมาจาก ชตูล์ซคามพ์ฟลูซอยก์ (Sturzkampfflugzeug) ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Drive Bomber หรือเครื่องบินดำทิ้งระเบิด มันคือเครื่องบินรบที่มีบทบาทสำคัญในการรบสายฟ้าแลบของเยอรมันตั้งแต่ปี1936ถึง1944 มีชตูก้าถูกผลิตออกมามากว่า6,000เครื่อง ถึงแม้ว่าช่วงกลางสงครามเยอรมัน จะสามารถสร้างเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด ซึ่งใช้งานได้หลากหลายและประสิทธิภาพสูงกว่าชตูก้ามาใช้งานได้ แต่เยอรมัน ก็ได้ใช้งานชตูก้าในภารกิจโจมตีภาคพื้นดิน จนจบสงคราม Messerschmitt Bf 109 ครื่องบินขับไล่ที่เป็นตำนานการสู้รบแห่งท้องฟ้าของกองทัพอากาศเยอรมัน มันเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นผลิตจำนวนมากของกองทัพอากาศเยอรมัน มีความเร็วและคล่องตัวสูง ติดอาวุธได้หลากหลาย และใช้งานตั้งแต่ต้นสงครามจนจบสงคราม บีเอฟ 109 ได้มีการพัฒนาต่อยอดมากมายหลายรุ่น ทั้งรุ่นโจมตีทิ้งระเบิด รุ่นโจมตีเรือรบ รุ่นปฏิบัติการทางทะเล รุ่นประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน(แต่เรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งคืต่อไม่เสร็จจากที่กล่าวไปก่อนหน้านี้นะครับ จึงยกเลิกการสร้าง) และยังติดอาวุธได้หลากหลาย Heinkel He 111 เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลางที่โด่งดังที่สุดรุ่นหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมันได้ใช้ในการรบทางอากาศครั้งสำคัญๆมากมาย ไฮน์เกล 111 ได้เข้ารบในหลายสมรภูมิ ตั้งแต่การบุกโปแลนด์ การบุกฝรั่งเศส และการบุกเกาะอังกฤษ ซึ่งในการรบเหนือเกาะอังกฤษนี่เองอัตราการสูญเสียของไฮน์เกล 111 มีมากขึ้นอย่างน่าตกใจ เพราะการขาดเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน ในการรบเหนือเกาะอังกฤษ เยอรมันได้พัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิด ยุงเกอร์ส์ 88 ที่บรรทุกได้มากกว่าและมีความเร็วสูงกว่าได้ แต่ก็มีจำนวนน้อย จึงต้องใช้ไฮนเกล 111 ที่ปรับให้บรรทุกระเบิดได้5,000ปอนด์ปฏิบัติการไปก่อน Junkers Ju-88 นี่เป็นเครื่องบินที่เรียกได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของกองทัพอากาศเยอรมันเลยทีเดียว เพราะมันเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ใช้งานได้มากมาย ทั้งทิ้งระเบิด ตรวจการณ์ ขับไล่ทั้งกลางวันและกลางคืน โจมตีภาคพื้นดิน ลำเลียงพล ลาดตระเวณและเป็นเครื่องบินทิ้งตอร์ปิโดด้วย ในการรบเหนือเกาะอังกฤษ เจยู88 เป็นหนึ่งในเครื่องบินทิ้งระเบิดที่เข้าโจมตีอังกฤษและสามารถทำลายเมืองในอังกฤษได้มากมาย แต่อัตราการสูญเสียก็มากเช่นเดียวกันเพราะขาดเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน(อีกเช่นเคย) Focker-Wolf FW-190 เครื่อง บินขับไล่รุ่นใหม่ของกองทัพอากาศเยอรมันที่มาแทนที่BF-109 นับเป็นเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแบบหนึ่งของโลกในยุคนั้น มีความเร็วและความคล่องตัวสูง ติดตั้งอาวุธจำนวนมากและอำนาจทำลายสูง สมรรถนะทัดเทียมและ/หรือเหนือกว่าเครื่องบินของชาติพันธมิตรในคลาสเดียวกัน และเป็นเครื่องบินที่สามารถคงไว้ซึ่งสมรรถนะอันสูงส่งไปจนจบสงครามได้ https://encrypted-tb...3350rK9OBxfT13P Messerschmitt Me 262 เครื่องรุ่นนี้นั้นนาซีมีความต้องการที่จะใช้อากาศยานที่บินเร็ว กว่าข้าศึก มีสมรรถนะเหนือกว่า จึงได้เกิดการพัฒนาเครื่องยนต์ Jet ซึ่งได้นำไปติดตั้งกับ Me 262 ของเยอรมัน ถือว่าเป็นเครื่องบินเจ็ทลำแรกของโลกในการสงคราม Me262 สามารถทำความเร็วได้ถึง 600 กม./ชม. เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย คือกินน้ำมันในปริมาณที่มากมายมหาศาล และเนื่องด้วยความเร็วที่มากมายนักบินจึงไม่คุ้นเคย ยากต่อการควบคุม แถมๆ Weapon Vergeltungswaffen(เวอ-เกล-ทุน-วาฟ-เฟิล)series V-1 flying bomb V-2 rocket V-3 Supergun ขอขอบคุณข้อมูลจาก:http://th.m.wikipedia.org,ท่าน Yuri Alexandrovish Orlov จากhttp://hun-yuri.exteen.comhttp://www.thaigaming.com และ JKG http://www.jokergame...ead.php?t=86221
  19. เจาะอาวุธกองกำลังป้องกันตัวเองญี่ปุ่น หลายๆ ท่านคงสงสัยว่าทำไมจึงเรียกว่ากองกำลังป้องกันตัวเอง?? ตอนที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามให้กับอเมริกา ในตอนนั้นทำให้อเมริกาสามารถควบคุมญี่ปุ่นได้ในฐานะประเทศผู้แพ้สงคราม สหรัฐจึงให้ญี่ปุ่นร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่าญี่ปุ่นห้ามมีกองทัพ เพื่อทำสงครามโดยบุคคลที่เข้ามาทำงานในกองกำลังป้องตนเองพวกเขาจะเรียกตนเองว่าเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเอง ซึ่งทั้งหมดเป็นพลเรือนมิใช่ทหาร ซึ่งต้องในปี ค.ศ.2025 ญี่ปุ่นจึงจะสร้างกองทัพได้ และกองทัพของญี่ปุ่นคงมีแสงยาณุภาพมาก เพราะแค่กองกำลังป้องกันตัวเองญี่ปุ่น ก็มี ความเกรียงไกรเป็นอันดับต้นๆของโลกอยู่แล้ว กองกำลังป้องกันตนเองประเทศญี่ปุ่น หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Japan Self-Defence Force หรือเรียกสั้นๆว่า JSDF ประกอบไปด้วยกองกำลังสามเหล่าทัพ คือ -Japan Ground Self-Defence Force(JGSDF)คือ กองกำลังป้องกันตัวเองทางบก -Japan Maritime Self-Defence Force(JMSDF)คือ กองกำลังป้องกันตัวเองทางเรือ -Japan Air Self-Defence Force(JASDF)คือ กองกำลังป้องกันตัวเองทางอากาศ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเอง ประมาณ 240,000 คน Japan Ground Self-Defence Force กำลังพลของ JGSDF มีมากที่สุดคือประมาณ 150,000 คน ประกอบไปด้วย 12กองพลทหารราบ 1กองพลทหารม้า 1กรมส่งทางอากาศ 2กรมปืนใหญ่ และ 2กรมป้องกันภัยทางอากาศ อาวุธส่วนมากที่ใช้จะเป็นอาวุธจาสหรัฐและที่ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นเอง ซึ่งที่น่าสนใจก็มีดังนี้ครับ Howa Type 89 ปืน ชิกิ ไทป์ 89 ของจริงก็ได้ซื้อ ลิขสิทธิ์จาก บ.อาร์มาไลต์ รุ่น AR-18 มาดัดแปลงนิดหน่อยแล้วเข้าประการปี 1989 ใช้ชื่อรุ่นว่า ไทป์89 ชื่อเล่นๆว่า ชิกิ ปืนจริงรุ่นนี้ใช้กระสุนขนาด 5.56x45 ม.ม. มาตรฐาน NATO หรือขนาดเดียวกับ M16/M4 แต่ความทันสมัยมีมากกว่า M4 ซะอีก เพราะ มีระบบยิง 3 นัด กับฟูลออโต้ในกระบอกเดียวกันเลย Type-74 Main Battle Tank รถถังรุ่นนี้ดูแล้วคล้ายๆกับ M60 ของสหรัฐครับเข้าใจว่าน่าจะใช้พื้นฐานเดียวกัน โดยรถถังรุ่นนี้ผลิตโดยบริษัท Mitsubishi เองทั้งหมดครับ โดยติดปืนใหญ่ขนาด 105มม. รถถังรุ่นนี้อยู่ในข่ายของรถถังเบาครับและกำลังจะถูกแทนที่ด้วยรถถังแบบใหม่ ตอนนี้มีประจำการอยู่ประมาณ 700คัน Type-90 Main Battle Tank รถถังรุ่นนี้มองแล้วคล้ายๆกับ Leopard 2A4(ดูครังแรกนึกว่าใช่) ของเยอรมันเลยโดยญี่ปุ่นน่าจะก็อปมาเฉพาะตัวถังรถ รถถังรุ่นนี้ติดปืนใหญ่ขนาด 120มม. โดยใช้พลประจำรถเพียง 3 คนครับซึ่งนั่นหมายความว่ารถถังคันนี้ใช้ระบบบรรจุกระสุนโดยอัตโนมัติ TK-X Main Battle Tank รถถังรุ่นนี้คาดว่าจะเป็นรถถังแบบใหม่ที่รอเข้าประจำการครับ ข้อมูลยังมีไม่มาก ติดปืนใหญ่ 120มม. Type-89 Infantry Fighting Vehicle รถเกราะรุ่นนี้มองคล้ายๆรถถัง แต่ไม่ใช่ครับมันคือรถรบทหารราบหรือที่เรียกกันว่า IFV โดยรถรุ่นนี้ติดปืนใหญ่กลขนาด 35มม. มีอาวุธต่อต้านรถถังนำวิถี 2นัดคาดว่าจะเป็น TOWจากสหรัฐครับ โดยใช้พลประจำรถ 3คนคือพลขับผบ.รถและพลประจำปืน และสามารถบรรทุกทหารไปได้อีก 7คนครับ และก็ยังมีอีกมากมาย นะครับ เช่น Type-60 Type-73 Type-96 Komatsu-LAV และType-87 เป็นต้น แต่เอาหลักๆมาให้ดู ส่วนเฮริคอปเตอร์ก็จะแนะนำ คือKawasaki OH-1 นี่เป็นฮ.ลาดตระเวณ/โจมตีเบาครับ ซึ่งรุ่นนี้ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นเองโดยบริษัท Kawasaki เป็นผู้สร้าง แต่ใช้เครื่องยนต์ของ Mitsubishi ใช้นักบิน 2คนครับ อาวุธที่ติดอยู่ก็เป็น ปืนกล 3ลำกล้องหมุนขนาด 20มม. อาวุธต่อต้านรถถังและจรวดหลายลำกล้องไม่นำวิถี ส่วนฮ.ที่เหลือนั้นเป็นของสหรัฐ ประกอบไปด้วย UH-1J UH-60J CH-47J ซึ่งฮ.ทุกรุ่นที่ญี่ปุ่นมีใช้งานจะลงท้ายด้วยตัวอักษร J ทั้งหมดครับ Japan Maritime Self-Defence Force กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในกองทัพเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกครับ ประกอบด้วยเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำจำนวนมาก ส่วนอาวุธและเทคโนโลยีส่วนใหญ่นั้นก็ได้รับมาจากสหรัฐและก็มีทั้งที่ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นเองครับ โดนเรือที่น่าสนใจมีดังนี้ Kongo(คอน-โงะ) Class Destroyer เรือรบชั้นคองโงะนี้ เป็นเรือพิฆาตครับ เป็นเรือพิฆาตที่ติดระบบอำนวยการรบ AEGIS ที่ญี่ปุ่นนำมาพัฒนาเอง โดยใช้ต้นแบบจากเรือพิฆาตระบบ AEGIS ชั้น Arleigh Burke ของกองทัพเรือสหรัฐ อาวุธที่ติดตั้งก็ใช้อาวุธของสหรัฐครับ ประกอบไปด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำแบบ Harpoon มีระบบปล่อยอาวุธแนวดิ่ง(VLS)แบบ Mk.41 ขนาดประมาณ 128ท่อยิง สามารถยิงจรวดปราบเรือดำน้ำแบบ ASROC และ Standard Missile 2(SM-2)ได้ ล่าสุดเห็นว่าญี่ปุ่นได้สั่งซื้อจรวดแบบ SM-3ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่สหรัฐใช้ยิงทำลายดาวเทียมของตนมาประจำการแล้ว นอกจากนั้นก็ยังมีระบบป้องกันภัยระยะประชิดแบบ Mk.15 Phalanx 2ระบบ ท่อยิงตอร์ปิโดแฝดสามแบบ Mk.32 และติดปืนเรือขนาด 127มม. 1กระบอก เรือลำนี้มีขนาดระวางขับน้ำอยู่ที่ 7,000ตัน Oyashio(โอ-ยา-ชิ-โอะ) Class Submarine เรือดำน้ำชั้น โอยาชิโอะ นี้คาดว่าน่าจะเข้าประจำการครบจำนวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะบทความนี้ทางเจ้าของเขียนขึ้นเมื่อ 2ปีที่แล้วครับ ตอนนี้น่าจะมีประจำการอยู่ประมาณ 11ลำ ขนาดระวางขับน้ำอยู่ที่ 3,000ตัน ติดท่อยิงตอร์ปิโดที่ญี่ปุ่นพัฒนาเองแบบ Type-89ขนาด 533มม.ทั้งหมด 6ท่อยิง สามารถที่จะยิงขีปนาวุธ Harpoonได้ด้วย ซึ่งในปัจุบันญี่ปุ่นได้ต่อเรือบรรทุก ฮ.ขึ้นมาแล้ว แม้ว่าใหกฏหมายจะห้ามมีเรือบรรทุกอากาศยาน แต่ญี่ปุ่นบอกว่ามันคือเรือพิฆาต (เอ๊ะ ยังไง) งั้นไปดูกันเลยว่าคือเรืออะไร Hyuga(ฮิว-กะ) Class Aircraft Carriers Destroyer มีระวางขับน้ำประมาณ 18,000 ตันครับ โดยเรือสามารถบรระทุกอากาศยานไปได้ทั้งหมดประมาณ 12ลำ หรือไม่เกิน 20ลำ ระบบอาวุธก็ประกอบไปด้วย แท่นยิงขีปนาวุธแนวดิ่ง(VLS) 16ท่อยิงสามารถยิงอาวุธปล่อยสู่อากาศแบบ ESSM หรือจรวดปราบเรือดำน้ำแบบ ASROCได้ นอกจากนั้นก็มีระบบป้องกันภัยระยะประชิดแบบ Mk.15 Phalanx 2ระบบ และท่อยิงตอร์ปิโดแฝดสามอีก 2แท่นยิง(รู้ละทำไมเรียก เรือพิฆาตบรรทุกเครื่องบินอาวุธแต่ละอย่าง เรือฟิเกตยังอาย) Japan Air Self-Defence Force กองกำลังป้องกัยตนเองทางอากาศมีเครื่องบินแบบต่างๆประจำการรวมแล้วประมาณ 300ลำครับ ซึ่งฝูงบินต่างๆนั้นก็ประกอบไปด้วย ฝูงบินขับไล่ 9ฝูง ฝูงบินโจมตี 3ฝูง ฝูงบินลำเลียง 5ฝูง และฝูงบินลาดตระเวณ 1ฝูง โดยอากาศยานที่น่าสนใจประกอบด้วย F-15J(สีเค้าสวยจริงๆ) F-15รุ่นของญี่ปุ่นครับ JASDFมีบ.ขับไล่แบบ F-15Jประจำการถึง 200ลำ ซึ่งเครื่องส่วนนึงนั้นผลิตโดยสหรัฐ ส่วนที่เหลือนั้นญี่ปุ่นทำการผลิตเองครับ โดยบ.F-15Jนั้นระบบต่างๆบนเครื่องเป็นของญี่ปุ่นครับ แทบจะไม่ได้ใช้ระบบของสหรัฐเลย Mitsubishi F-2(บริษัท ผู้ให้กำเนิดZero กลับมาสร้างตำนานอีกแล้ว) เครื่องบินแบบ F-2 นี้ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของญี่ปุ่นเลยครับ โดยบ.แบบนี้ได้พัฒนามาจากบ.F-16ของสหรัฐ โดยมีบริษัท Lockheed Martin ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมทางทหารขนาดใหญ่ของสหรัฐให้ความช่วยเหลือครับ โดยมีการปรับขนาดให้ใหญ่กว่า F-16 ติดตั้งเรดาร์ AESAที่ Mitsubishiพัฒนาขึ้นมา โดยสามารถติดอาวุธอากาศสู่อากาศแบบ AAM-3 และอาวุธอากาศสู่พื้นแบบ ASM-1/ASM-2 ซึ่งเป็นอาวุธที่ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นเอง หลักๆ ก็เอาเท่านี้ก่อนละกันครับ สำหรับแสงยาณุภาพทางทหาร อันดับ9 ของโลก ไหนๆก็ไหนแล้วขอทิ้งทายซะหน่อย กับเรือรบระดับตำนาน!!! Yamato Class Battleship (เรือประจัญบานชั้นยะมะโตะ) เรือประจัญบานยะมะโตะ เป็นเรือประจัญบานขนาดยักษ์ ตั้งชื่อตามชื่อจังหวัดโบราณ "ยะมะโตะ" ในประเทศญี่ปุ่น เป็นเรือประจัญบานชั้นยะมะโตะลำแรกของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น เรือประจัญบานยะมะโตะและเรือประจัญบานมูซาชิซึ่งเป็นเรือที่อยู่ในชั้นเดียวกัน เป็นเรือประจัญบานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีอาวุธอันทรงประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันมา ด้วยระวางขับน้ำ 72,800 ตันและปืนใหญ่ขนาดปากลำกล้อง 460 มิลลิเมตร (18.นิ้ว) ทั้งคู่จมลงในระหว่างสงคราม เรือรบลำนี้มีความหมายอันยิ่งใหญ่สำหรับจักรวรรดิญี่ปุ่นในฐานะสัญลักษณ์ด้านนาวิกานุภาพของชาติ (คำว่า "ยะมะโตะ" บางครั้งก็หมายถึงประเทศญี่ปุ่น) และถูกจมโดยเรือบรรทุกเครื่องบินสัญชาติอเมริกันในช่วงวันท้ายๆ ของสงครามโลกครั้งที่2 ในปฏิบัติการอัตวินิบาตกรรมเท็นกุ ซึ่งการจมของเรือรบยะมะโตะ บางครั้งถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นด้วย ขอบคุณข้อมูลจาก:http://th.wikipedia.org และ http://www.bloggang.com และ Rockerman@jkg http://www.jokergame...ead.php?t=86000
  20. เกาหลีเหนือขู่เกาหลีใต้ จะมีปฎิบัติการทำให้เกาหลีใต้เป็นเถ้าธุลี กองทัพเกาหลีเหนือใช้ถ้อยคำแข็งกร้าว ขู่ว่าจะใช้ปฏิบัติการพิเศษทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นเถ้าธุลี ผู้ประกาศของสถานีโทรทัศน์ทางการเกาหลีเหนือ อ่านแถลงการณ์ของกองทัพในวันนี้ระบุว่า กองทัพจะเริ่มปฏิบัติการพิเศษในไม่ช้านี้เพื่อตอบโต้การท้าทายของกลุ่มคนทรยศ ปฏิบัติการนี้จะเป็นการระเบิดของความโกรธแค้นและความขุ่นเคือง และการเข้าร่วมสงครามศักดิ์สิทธิ์โดยเหล่าทหารและประชาชนเพื่อปกป้องเกียรติศักดิ์ศรีของผู้นำสูงสุดของเรา โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มคนทรยศนำโดยประธานาธิบดีลี มยอง-บักและสื่อมวลชนของเกาหลีใต้ แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จะทำให้ทุกอย่างย่อยยับกลายเป็นผงธุลีภายในเวลาแค่ 3-4 นาที โดยใช้สารพัดยุทธวิธีของเกาหลีเหนืออย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียด นักวิเคราะห์คนหนึ่ง บอกว่า คำขู่ของเกาหลีเหนือครั้งนี้อาจนำไปสู่ปฏิบัติการอะไรบางอย่าง โดยทางเลือกที่ง่ายที่สุด คือ การก่อการร้ายในโลกไซเบอร์ แต่ก็ควรระวังอาจมีการก่อการร้ายขึ้นจริง และดูเหมือนว่าคำขู่ครั้งนี้จะไม่ใช่แค่คำพูด แต่จะมีการปฏิบัติจริง และวิตกว่าเกาหลีเหนือจะใช้ปฏิบัติการยั่วยุทางทหาร คำขู่ของเกาหลีเหนือมีขึ้นหลังประธานาธิบดีลีของเกาหลีใต้ เรียกร้องเมื่อวันศุกร์ที่แล้วให้นายคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือปฏิรูปภาคเกษตรกรรมและพัฒนาสิทธิมนุษยชน รวมทั้งนายลีและสื่อเกาหลีใต้ต่างวิจารณ์ว่างบประมาณที่หมดไปกับโครงการยิงจรวดส่งดาวเทียมของเกาหลีเหนือมูลค่า 850 ล้านดอลลาร์เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีวันเกิดผู้ก่อตั้งประเทศ นายคิม อิล-ซุง สามารถนำไปซื้ออาหารได้มากมายเพื่อเลี้ยงประชาชนที่อดอยาก ชาวเกาหลีเหนือไม่พอใจคำพูดดังกล่าวโดยมองว่าเป็นการดูหมิ่นการเฉลิมฉลองวันสำคัญในประเทศ และออกมาชุมนุมในกรุงเปียงยางเมื่อวันศุกร์ประณามผู้นำเกาหลีใต้และตะโกนสาปแช่งให้เขาตายด้วย Credit : http://breakingnews.nationchannel.co...?newsid=629651 และ http://www.jokergame...ead.php?t=85355 มีคอมเม้น1ใน JKG บอกว่า ที่เกาหลีเหนือทำแบบนี้เพราะ เกาหลีใต้ส่งหน่วยลับเข้าไปอยู่ในกลุ่มของเกาหลีเหนือครับ และเข้าร่วมปฏิบัติการหนึ่งก็คือปฏิบัติการกราดยิงคนที่สนามบินแห่งหนึ่งในเกาหลีเหลือ ทันทีที่กลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ปฏิบัติภารกิจเสร็จก็ได้เตรียมตัวที่จะหนีครับ แต่ว่าเกิดเหตุไม่คาดฝัน หนึ่งในกลุ่มคนร้ายเกิดจับได้ว่ามีหน่วยลับของทางเกาหลีใต้ปลอมตัวเข้ามาเลยได้ยิงทิ้ง ต่อมา ทางรัฐบาลของเกาหลีเหนือได้พิสูจน์ศพผู้ตาย จึงทราบว่าเป็นคนของหน่วยลับของทางเกาหลีใต้ ก็เลยวางแผนที่จะบุกเกาหลีใต้ครับ ปล. คำถาม : ถ้าเกิดสงครามขึ้นมา โลกนี้จะเป็นยังไง คำถาม : เกิดสงครามแล้ว ประเทศไหนจะสนับสนุนประเทศไหน แล้ว ไทยจะทำยังไง
  21. ดีที่ผมไม่ติด เพราะไม่ค่อยฟื่นแต่บ้าสงคราม กลับแล้งคน ฮ่าๆ
×
×
  • Create New...