Jump to content

Jkwon

Legend
  • Content Count

    1,553
  • Joined

  • Last visited

Everything posted by Jkwon

  1. หลังจากที่ MXPhone ได้ลงข่าว “Samsung Galaxy S III ขายพร้อมกันทั่วประเทศ 7 มิถุนายนนี้” ซึ่งเนื้อหาข่าวบอกว่า ราคาอยู่ที่ประมาณ 23,000 บาท ล่าสุด แหล่งข่าวของทางซัมซุง ประเทศไทย แจ้งราคา Final ของ Samsung Galaxy S III แล้ว อยู่ที่ 21,900 บาท ซึ่งถือว่าถูกกว่า Samsung Galaxy Note อยู่ 1 พันบาท ส่วนวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ คงยังเป็นวันที่ 7 มิถุนายน 2555 เช่นเดิม ซึ่งจะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ในส่วนของโปรโมชัน Samsung Galaxy S III ที่ขายโดยโอเปอเรเตอร์ อย่าง AIS, dtac, TrueMove H ยังไม่มีข้อมูลหลุดออกมาแต่อย่างใด แต่เราบอกได้เลยว่า รูปแบบการจัดโปรโมชันนั้น ให้นึกถึงตอนที่ขาย Samsung Galaxy S II เมื่อปีที่แล้วนะครับ ---------------------------------------------------------------------- ลดอีกหน่อยไม่ได้เหรอ? :emo (76): ที่มา : mxphone
  2. ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เปิดตัวกล้องวิดีโอ 2 รุ่น ได้แก่ HMX-W350 ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล หน้าจอขนาด 2.3 นิ้ว มาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำและกันฝุ่น สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080 พิกเซล ใช้งานกลางแจ้งได้ทุกสภาพอากาศ โดยที่กันน้ำได้ลึกถึง 5 เมตร ทั้งยังมาพร้อมกับกระเป๋ากล้องที่ทำให้ใช้งานสะดวก จับถนัดมือมากขึ้น สำหรับรุ่น QF20 ความละเอียด 5.1 ล้านพิกเซล หน้าจอสัมผัส 2.7 นิ้ว ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 1080 พิกเซล สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi ทำให้คุณสามารถอัพคลิปวิดีโอไปยัง Facebook, YouTube หรือ Picasa! ได้อย่างรวดเร็ว ---------------------------------------------------------------------- กันน้ำถือว่าดี กันฝุ่นนับว่าดีมาก! นางแบบถือว่าสุดยอด!! :emo (66): ที่มา : siamphone
  3. ยังไม่จบอีกเหรอเนี่ย มีมาเรื่อย ๆ เลยแฮะ :emo (65):
  4. กระแสของ Ultrabook หรือโน้ตบุ๊คดีไซน์บางเบากำลังมาแรงเลยครับ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊คต่างพากันให้ความสนใจเจ้า Ultrabook กันเป็นการใหญ่ กระแสของ Ultrabook หรือโน้ตบุ๊คดีไซน์บางเบากำลังมาแรงเลยครับ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊คต่างพากันให้ความสนใจเจ้า Ultrabook กันเป็นการใหญ่ วันนี้ทาง TechXcite จึงขอแนะนำ และรีวิวเจ้า Dell XPS 13 Ultrabook สเปคดี ดีไซน์โดนกันดีกว่าครับ รับรองว่าถ้าคุณเห็นดีไซนของเจ้านี่แล้ว คุณจะหลงรักเจ้านี่ได้ง่ายๆ เลยครับ ตามคอนเซปต์ของ Ultrabook แล้ว Ultrabook ก็คือโน้ตบุ๊คที่มีดีไซน์บางเบา โดยความหนามาตรฐานที่ทาง Intel กำหนดไว้ก็คือ 21 มม. และใช้หน่วยความจำแบบ SSD ซึ่งมีคุณลักษณะพิเศษที่ความบางกว่า HDD และมีความเร็วในการอ่านเขียนข้่อมูลสูงมาก (ราคาก็สูงมากเช่นกัน) และแบตเตอรี่ต้องใช้งานได้อย่างน้อย 5-8 ชม. นอกจากนี้ Ultrabook เปิดเครื่องจากโหมด Sleep Mode ได้ภายในเวลา 2-3 วินาที ด้วยคุณลักษณะของ Ultrabook ดังที่กล่าวมา Ultrabook จึงจะเป็นโน้ตบุ๊คที่ได้รับความนิยมในอนาคตครับ มารู้จักสเปคกันดีกว่าครับ Dell XPS 13 ตัวที่เราได้มาทดสอบนี้ จะมาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7 2637M ความเร็ว 1.7GHz 4MB L3 Cache ซึ่งสามารถบู๊ตความเร็วได้สูงสุดที่ 2.80GHz, การ์ดจอ on-board Intel HD Graphic 3000, RAM 4GB DDR3, หน่วยความจำภายใน 256GB แบบ SSD, กล้อง webcam ความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล, พอร์ต USB 2.0 1 พอร์ต, USB 3.0 1 พอร์ต, Display Port x1, และมาพร้อมกับ Windows 7 Home Premium (64Bit) อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณทาง Dell ด้วยนะครับ ที่ส่งโน้ตบุ๊คสวยๆ มาให้ทาง TechXcite ได้เทสให้กับแฟนๆ ได้ชมกัน ต่อไปเราลองไปชมดีไซน์เนียนๆ ของ Dell XPS 13 กันเลยครับ Dell XPS 13 มาพร้อมกล่องแบบบางเบาเรียบหรูเหมือนกับตัวเครื่องเลยครับ แกะกล่องออกมาก็จะเจอกับเจ้า Dell XPS 13 สุดบางเบาอยู่ด้านในครับ บริเวณฝาครอบ มีสัญลักษณ์ของ Dell เด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลางครับ เรื่องของงานดีไซน์ และความสวยงามจริงๆ ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนนะครับ เฮียณัฐขอไม่ฟันธงแล้วกันว่าเจ้านี่มันสวยหรือเปล่า แต่ถ้าถามความชอบส่วนตัวก็ต้องขอบอกเลยว่า Dell XPS 13 มันบางจริงๆ ครับ ขนาดของตัวตัวเครื่องทำได้เล็กกระทัดรัดดีมาก มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 13 นิ้ว ความละเอียด 1366x768 พิกเซล หน้าจอผลิตจาก Gorilla Glass แข็งแรงทนทานป้องกันรอยขีดข่วน แบบเดียวกับ iPhone ครับ ส่วนวัสดุส่วนมากของเครื่องผลิตจาก Carbon Fiber ซึ่งมีความทนทาน และมีน้ำหนักเขามากมาย มาดูส่วนประกอบรอบๆ เครื่องกันครับ ทางด้านซ้ายประกอบด้วยช่องสำหรับเสียบ Power, USB, และช่องเสียบหูฟัง ด้านขวามีแถบวัดแบตเตอรี่, USB 3.0, และช่อง mini DisplayPort ครับ ดูกันให้ชัดๆ กับแถบวัดค่าแบตเตอรี่ มีทั้งหมด 5 ช่องครับ และปุ่มวงกลมใหญ่ๆ นั้น ใช้กดเพื่อดูพลังงานที่เหลือครับ พอกดปุ๊ปก็จะมีแสงออกมาจากจุดนั้นๆ ครับ โดยระดับไฟนั้นจะอยู่ที่จุดละประมาณ 20% ครับ 5 จุดก็ 100% พอดี ส่วนด้านหลังของเครื่องก็เรียบๆ ครับ ไม่มีอะไร มีเพียงข้อต่อของเครื่อง ซึ่งวัสดุเป็นพลาสติก แต่ก็แข็งแรงทนทานดีมาก เวลาพับฝาเปิด หรือปิดก็แน่นหนาดี ไม่มีอาการโยกเยกให้เห็น และที่เราชอบอีกอย่างหนึ่ง คือบริเวณขอบของตัวเครื่องจะมีขอบสีเงิน ให้ความรู้สึกหรูหรามากยิ่งขึ้นไปอีกครับ ใต้เครื่องมีสัญลักษณ์ XPS บนแผ่นอลูมิเนียม วัสดุใต้เครื่องออกแนวเป็น คาร์บอนไฟเบอร์ และมีแถบยาง 2 แถบ ยาวขนานกับตัวเครื่อง ใกล้ๆ กับแถบยางจะมีช่องระบายอากาศอญุ่ครับ ซึ่งการออกแบบให้แถบยางดันนูนขึ้นมา ทำให้ระบบการไหลเวียนของอากาศทำได้ดีขึ้น โดยช่องระบายอากาศนี้จะมีอีกทีคือบริเวณข้อต่อระหว่างตัวเครื่องกับหน้าจอครับ ซึ่งสรุปแล้วเรื่องการระบายความร้่อนของ Dell XPS 13 ถือว่าทำได้ดีมากทีเดียว ความหนาของตัวเครื่องอยู่ที่ประมาณ 0.6 - 1.8 ซม. ครับ ถ้านึกภาพไม่ออก ลองชมภาพถ่ายคู่กับเหรียญ 2 บาทครับ ซึ่งขนาดของ Dell XPS 13 บางมากจริงๆ หนาแค่ประมาณครึ่งนึงของเหรียญเท่านั้น ส่วนน้ำหนักของ Dell XPS 13 มีน้ำหนักประมาณ 1.3 กิโลกรัม ถือว่าเบามากเลยครับ เวลาถือแล้วพกพาได้สะดวกครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงถือเองก็ตาม ผมว่าด้วยขนาดและรูปร่างแล้ว ถือตัวนี้เก๋มากเลยทีเดียว ต่อไปมาลองเปิดฝา ดูภายในตัวเครื่องกันบ้างครับ บริเวณตรงกลางหน้าจอ ด้านล่างจะมีโลโก้ XPS เด่นเป็นสง่าอยู่ครับ ปุ่ม Power ของรุ่นนี้จะอยู่ที่มุมด้านซ้ายของคีย์บอร์ดครับ โดยวัสดุจะเป็นยาง กดง่าย วัสดุภายในโดยรวมแล้ว พื้นผิวภายในจะมีการเคลือบพื้นผิวแบบยางๆ นะครับ ทำให้เวลาสัมผัสกับตัวเครื่องเวลาใช้งานจะนิ่มๆ มือหน่อย และยังไม่ร้อนมือเวลาใช้งานด้วยครับ คีย์บอร์ดตัวปุ่มเป็นพลาสติกครับ พร้อมกับปุ่ม Backlit เรืองแสงใช้งานได้สะดวกแม้พิมพ์งานในที่มืด ส่วนการออกแบบของปุ่มถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดีครับ เพราะว่าทั้งความสูงของตัวปุ่มเอง และตัวปุ่มที่มีความโค้งมนลงไปเพื่อรองรับกับการใช้นิ้วสัมผัส ทำให้พิมพ์ได้ค่อนข้างสะดวกครับ อ้อ ลืมบอกไป คีย์บอร์ดเรืองแสงมีระบบปรับความสว่างอัตโนมัติด้วยนะครับ เท่ดี บริเวณ Touchpad ก็มีวัสดุเป็นพลาสติกครับ ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ใช้งานได้สะดวก การออกแบบทำได้สวยงาม ลงตัวเข้ากันกับดีไซน์เป็นอย่างดี เท่านั้นยังไม่พอ Dell XPS 13 ยังมีระบบตรวจจับว่าขณะนั้น เรากำลังพิมพ์งานอยู่หรือเปล่า ซึ่งถ้าหากว่าเรากำลังพิมพ์งานอยู่ ระบบจะตัดการทำงานของ Touchpad ชั่วคราว เพื่อป้องกันการเผลอไปแตะโดน Touchpad และเลื่อน curser ไปตำแหน่งอื่น ความบางของหน้าจอนั้น ถือว่าบางมากจริงๆ ครับ แถมยังมีขนาดถึง 13 นิ้ว ทั้งๆ ที่มีตัวเครื่องขนาดเล็กแค่นี้เท่านั้น โดยวัสดุของจอเป็น Gorilla Glass ป้องกันรอยขีดข่วนเหมือนที่อยู่บน iPhone และบริเวณขอบของหน้าจอยังเป็นอลูมิเนียมเพื่อเพิ่มความแข่งแรงของตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่ง Dell XPS 13 สามารถเปิดฝาได้มากสุดประมาณในภาพนี้ครับ ด้านบนของหน้าจอ มีกล้อง Webcam ควาามละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล พร้อมไมโครโฟนแบบคู่ที่ด้านข้าง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสนทนา video call หรือเล่น webcam กับกิ๊กก็ไม่มีปัญหา ;) หน้าจอ Desktop ครับ มาพร้อมกับ Widgets เพื่อใช้งานในเมนูต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สามารถเพิ่ม, ลด หรือปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ต่อไปลองมาดูเรื่องความสามารถใช้การประมวลผลกราฟฟิกสูงๆ ดูบ้างครับ โดยผมทดสอบโดยการใช้โปรแกรมทดสอบ Gaming Benchmark ซึ่งผลการทดสอบถือว่าอยู่ในระดับที่ C หรือปานกลาง พอเล่นได้ครับ และสำหรับเกมที่แรงๆ หน่อย อาจจะต้องลดกราฟฟิกของเกมลง คือไม่สามารถเปิดกราฟฟิกระดับสูงได้ดีเท่าไรนัก แต่ก็พอเล่นได้นะครับ ทั้งนี้ก็เพราะว่า เจ้า Dell XPS 13 ไม่มีกราฟฟิกการ์ดมาครับ ด้านล่างนี้เป็นผลการทดสอบการเล่นเกมฮิตๆ ณ ปัจจุบันบนเครื่อง Dell XPS 13 ซึ่งผลที่ได้เป็นดังนี้ครับ สรุปผลการทดสอบการเล่นเกมบน Ultrabook ตัวนี้ ปรากฏว่า การเล่นเกมที่ต้องการกราฟฟิกหนักๆ ดูแล้วไม่ค่อย work เท่าไหร่ครับ เช่น พวก Diablo III หรือ FIFA 12 นี้ คะแนนที่ได้ค่อนข้างต่ำกว่าสเปคขั้นต่ำของเกมครับ จากนั้นก็ลองมาทดสอบกับเกมกราฟฟิกระดับกลางๆ อย่าง The Sim 3 ดูบ้าง ซึ่งผลปรากฏว่าคะแนนที่ได้น่าพอใจมากครับ เอาเป็นว่าถ้าเล่นเกมแบบขำๆ ไม่เน้นเล่นจริงจังมาก Dell XPS 13 สามารถเล่นได้สบายไม่มีปัญหาครับ ว่าแล้วก็ทดสอบการเล่นเกมยอดฮิตติดตลาด (เหรอ) อย่าง Counter Strike ที่ทางทีมงาน TechXcite ชอบดวลกันประจำหลังเลิกงาน ก็ปรากฏว่าการเล่นเกมไม่มีปัญหา ทำงานได้ลื่นไหลดี ยิงหัวได้เหน่งๆ บ่อยครั้งนัก ^^ TechXcite จัดเต็ม 10 คำถามเพื่อคนเลือกซื้อ Dell XPS 13 และแล้วก็มาถึงช่วง 10 คำถามจัดเต็ม ตามสไตล์ของ TechXcite.com ซึ่งได้คัดคำถามคัดเน้นๆ เนื้อๆ มาฝากแฟนๆ TechXcite ได้รับชมกันแบบไม่มีน้ำ นำเสนอแบบเข้าใจง่าย เรามาชมกันดีกว่าว่า Dell XPS 13 นี้จะเหมาะกับคุณมากแค่ไหน 1. จุดเด่นของโน้ตบุ๊คตัวนี้มีอะไรที่แตกต่างจากรุ่นอื่นบ้าง ? - การออกแบบดีมาก ดีไซน์บางเบา น่าใช้มาก - CPU Core i7 Sandy Bridge ประมวลผลไวอย่างแรง - น้ำหนักเบา - คีย์บอร์ด Backlit เรืองแสง - ระบายความร้อนดีเยี่ยม 2. แบตเตอรี่ใช้งานจริงได้นานแค่ไหน ? Dell XPS 13 มาพร้อมกับ Battery แบบ 6 Cell ซึ่งการสิ้นเปลืองพลังงานตามสเปคแล้วจะใช้งานได่ประมาณ 8 ชม. แต่ทาง TechXcite เราโหดอยู่แล้วครับ ทดสอบใช้งานแบบปรับการแสดงผลทุกอย่างเป็นสูงสุดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแสง หรืออื่นๆ ซึ่งผลปรากฏว่าสามารถใช้งานแบบหนักๆ ทั้งดูหนังเล่นเกม แบบจัดเต็ม ซึ่งสามารถใช้งานได้ประมาณ 3.30 ชม. ครับ ซึ่งถ้าใช้งานแบบปกติคาดว่าจะได้นานกว่านี้แน่นอน 3. เวลาในการชาร์ทแต่ละครั้งใช้เวลาเท่าไร ? เวลาชาร์จไฟใหม่จาก 0% ถึงเต็ม 100% ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชม. 4. เวลาในการบู๊ตเปิด - ปิดเครื่องนานแค่ไหน ? ข้อแรก ทดสอบตั้งแต่เริ่มเปิดเครื่องจนถึงเข้า Windows จะใช้เวลาเปิดอยู่ไม่เกิน 25 วินาที (รอจนโปรแกรมเปิดเสร็จเรียบร้อย) ข้อสอง ทดสอบเวลาปิดเครื่อง ใช้เวลาไม่เกิน 5-6 วินาที (ในกรณีไม่มีการอัพเดตใดๆ) ข้อสาม ทดสอบปิดจากโหมด Sleep แล้วเปิดเข้า Windows (wake-up time) ใช้เวลา 4 วินาที 5. สามารถเพิ่มแรมได้อีกไหม ? RAM ที่ให้มาขนาด 4GB เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปครับ เพิ่ม RAM ไม่ได้ 6. สามารถเล่นเกมส์แรงๆ อะไรได้บ้าง ? การเล่นเกมนั้น สามารถเล่นเกมระดับพื้นฐานได้สบายๆ แต่ถ้าอยากเล่นเกมโหดๆ กราฟฟิกแรงๆ ดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่ครับ ถ้าเล่น Counter นี่ชิลๆ เลยครับ ;) 7. เวลาใช้งานนานๆ จะร้อนไหม ? ระบบระบายความร้อนของ Dell XPS 13 ถือว่าดีมากๆ ครับ เพราะมีช่องระบายอากาศที่ทำงานได้เนียนๆ ยังไม่พอ วัสดุส่วนใหญ่ที่เป็น คอร์บอนไฟเบอร์ ช่วยให้ไม่รู้สึกร้อนเวลาใช้งาน 8. วางมือบนแป้นพิมพ์ถนัดไหม ? ถึงแม้ว่าขนาดของเครื่องจะดูเล็ก แต่ขนาดของปุ่มบนแป้นพิมพ์นั้นถือว่าเป็นขนาดมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวกดีครับ ขนาดมือใหญ่ๆ อย่างผมเองยังไม่มีปัญหาการใช้งาน แถมเสียงเวลาพิมพ์ก็ไม่ดังจนน่ารำคาญด้วย 9. ออกแบบเหมาะกับการใช้งานได้ดีแค่ไหน ? การออกแบบของ Dell XPS 13 ถือว่าเป็น Ultrabook ที่น่าพกพามากครับ เพราะว่ามีขนาด และน้ำหนักที่จัดอยู่ในขั้นดีมากครับ เพียงแค่กิโลกว่าๆ เท่านั้น นอกจากนี้ความที่ตัวเครื่องมีความบางมาก และยังมี Backlit คีย์บอร์ด ใช้งานที่ไหน คุรต้องเป็นจุดสังเกตของคนรอบๆ แน่นอน 10. ของแถมที่ติดมากับโน้ตบุ๊คตัวนี้ ? - Windows 7 Home Premium (64Bit) - ประกัน Onsite Service 2 ปี Final Word จากที่ทดลองใช้ Dell XPS 13 พบว่าเจ้านี่สามารถใช้งานพื้นฐานทั่วไป เช่นดูหนัง ฟังเพลง เล่นเน็ต Facebook ได้อย่างดีเยี่ยมครับ ด้วยพลังของ CPU Intel Core i7 1.70GHz (รุ่นท็อป) ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา และยิ่งได้หน่วยความจำแบบ SSD ทำให้การโหลดข้อมูล และการเปิดปิดเครื่องรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่เครื่องนี้ไม่มีพอร์ต LAN ครับ คงเป็นเพราะว่าต้องการให้เครื่องมีความบางจัดๆ (แต่จริงๆ ใน Ultrabook หลายรุ่น พอร์ต LAN จะเป็นแบบพับได้แล้ว ซึ่งไม่เปลืองพื้นที่มาก) สรุปแล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบพกพาโน้ตบุ๊คไปที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ และยังต้องการบุคลิกที่ค่อนข้างดูดีเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกค้า หรือ Present งาน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือแล้ว Dell XPS 13 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะมาพร้อมกับขนาดที่กระทัดรัด น้ำหนักเบา และการออกแบบก็ดูดี หรูหรามีระดับ แถมแบตเตอรี่แบบ 6 cell ถ้าใช้งานทั่วๆ ไป ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานอีกด้วย ว่าแล้วถ้าสนใจก็ลองไปหยิบจับเจ้า Dell XPS 13 ดูตามช็อปของ Dell ดูก่อนครับ แล้วคุณจะชอบเหมือนที่เราชอบครับ ;) --------------------------------------------------------------------- สามคำสั้น ๆ อย่าได้อ๊า! :emo (66): ที่มา : techxcite
  5. american pie : reunion ไม่ฮาอย่างที่คิด

    1. Dewwy

      Dewwy

      ผมก็ว่างั้น คงเป็นเพราะมันเป็นผู้ใหญ่ขึ้น...

  6. ฮึ่ม ฮึ่ม ต้องลองด้วยตัวเองสินะ :emo (76):
  7. “เฟอร์รารี่ 625 ทีอาร์ซี สไปเดอร์” รุ่นปี 1957 ขึ้นแท่นรถยนต์ที่มีค่าตัวแพงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หลังถูกนักสะสมประมูลไปในราคาสูงถึง 5,040,000 ยูโร หรือกว่า 200 ล้านบาท ภายในงานประมูลรถยนต์คลาสสิกที่ประเทศโมนาโก เรียกได้ว่าแรงชนิดสวนกระแส สำหรับงานประมูลรถล้ำค่าหายากที่ประเทศโมนาโกของสถาบันการประมูลชื่อดัง “อาร์เอ็ม อ็อคชั่นส์” ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้สามารถขายรถยนต์ได้มากถึง 87% รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 33.5 ล้านยูโร (กว่า 1.3 พันล้านบาท) ทุบสถิติงานประมูลรถยนต์เพื่อการสะสมที่มียอดขายสูงสุดในยุโรป สำหรับรถที่ ”อาร์เอ็ม อ็อคชั่นส์” ผู้เชี่ยวชาญในการจัดงานประมูลรถยนต์โบราณล้ำค่าหายากเพื่อการลงทุนและสะสม นำออกประมูลที่โมนาโกเมื่อไม่นานมานี้ ประกอบด้วย รถคลาสสิกกว่า 90 คัน, รถจักรยานยนต์ “ดูคาติ” 100 คัน และเรืออีก 3 ลำ ในจำนวนนี้มีรถยนต์ 10 คัน ที่ทำราคาประมูลสูงกว่า (คันละ) 40 ล้านบาท แต่พระเอกตัวจริงภายในงานคือ รถยนต์เฟอร์รารี่ 625 ทีอาร์ซี สไปเดอร์ รุ่นปี 1957 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ “สวยที่สุด” เท่าที่ค่ายเฟอร์รารี่เคยผลิตมา แต่โอกาสที่จะได้ครอบครองเป็นเจ้าของนั้นมีน้อยมาก เพราะโรงงานเฟอร์รารี่ผลิตรถรุ่นดังกล่าวออกมาเพียง 2 คัน ตามคำสั่งซื้อของนักแข่งรถและผู้นำเข้ารถหรูในอเมริกา นามว่า “จอห์นนี่ ฟอน นอยมันน์” เนื่องจากรถยนต์เฟอร์รารี่ 625 ทีอาร์ซี สไปเดอร์ รุ่นปี 1957 (พ.ศ. 2500) คันดังกล่าว เพิ่งถูกนำออกประมูลเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี (หลังครอบครองนาน 3 ทศวรรษโดยเจ้าของคนเดิม) บรรดานักสะสมและนักลงทุนจึงแข่งขันกันเสนอราคาอย่างดุเดือด สุดท้ายก็ปิดการขายได้ที่ราคา 5,040,000 ยูโร หรือกว่า 200 ล้านบาท สูงกว่าราคาประเมินเบื้องต้นซึ่งคาดว่าน่าจะขายได้ราว 3-3.7 ล้านยูโร (ประมาณ 120-148 ล้านบาท) ขึ้นแท่นรถที่ทำราคาประมูลสูงสุดภายในงาน แรกเริ่มเดิมทีรถแข่งสุดคลาสสิก อายุ 55 ปีคันนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แต่ผ่านการยกเครื่องครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) ปัจจุบัน ใช้เครื่องยนต์ วี12 ความจุ 3 ลิตร ซึ่งให้ขุมพลังเต็มเปี่ยมที่ 320 แรงม้า (bhp) ”เฟอร์รารี่ 206 เอส ไดโน สไปเดอร์” รุ่นปี 1966 ค่าตัว 100 ล้าน สำหรับรถคันอื่นๆ ที่ทำราคาประมูลรองลงมา ได้แก่ ”เฟอร์รารี่ 206 เอส ไดโน สไปเดอร์” รุ่นปี 1966 และ “เฟอร์รารี่ 225 สปอร์ต สไปเดอร์ ‘ตูโบสคอคก้า’ ” รุ่นปี 1952 ที่ต่างก็ถูกประมูลไปในราคา 2,520,000 ยูโร (ราว 100 ล้านบาท) นอกจากนี้ รถ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ 540 เค สปอร์ต แคบริโอเลต์” รุ่นปี 1936 ยังทำราคาประมูลได้สูงถึง 2,324,000 ยูโร (ราว 93 ล้านบาท) ขณะที่รถเปอโยต์ 908 วี12 รุ่นปี 2007 ที่ใช้แข่งสนามเลอมังส์ ก็เคาะขายได้ในราคา 1,680,000 ยูโร (ราว 67 ล้านบาท) ทุบสถิติรถยนต์เปอโยต์ที่มีราคาประมูลสูงที่สุดในโลก ชมภาพรถยนต์ ”เฟอร์รารี่ 625 ทีอาร์ซี สไปเดอร์” รุ่นปี 1957 : * ภาพจาก “อาร์เอ็ม อ็อคชั่น” ------------------------------------------------------------------- มันคลาสสิคสุด ๆ ไปเลยแฮะ credit : paow007
  8. Apple หลังการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ Steve Jobs อดีตผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ระดับตำนานของ Apple ก็มีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขาออกมาโดยตลอดเกี่ยวกับแผนการณ์ต่างๆที่ Steve Jobs วางเอาไว้แต่ไม่อาจจะสานฝันต่อให้สำเร็จลงได้อย่างเช่นชุดโทรทัศน์ครบวงจร iTV ที่แว่วๆมาว่ามีคนใน Apple เตรียมรับช่วงต่อโปรเจกต์ดังกล่าวไปพัฒนากันให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ล่าสุดในบทสัมภาษณ์ของคุณ Mickey Drexler หนึ่งในบอร์ดบริหารของ Apple ที่ให้ไว้กับเว็บไซต์ Fast Company ได้มีการเปิดเผยโครงการอันน่าตื่นตะลึงไม่น้อยสำหรับสาวก Apple ทั้งหลายจากสมองคิดของ Steve Jobs ที่วาดฝันส่วนตัวเอาไว้ว่าเขาอยากจะพลิกฟื้นวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังซบเซาของประเทศอเมริกาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยการส่ง iCar รถยนต์คันแรกในโลกที่จะปรับตาแบรนด์ Apple หราออกมาวางจำหน่ายกันในอนาคต ซึ่ง Steve Jobs เชื่อว่า iCar ของเขานั้นจะสามารถกุมส่วนแบ่งทางการตลาดในโลกยนตรกรรมได้อย่างน้อยๆก็ 50% แน่นอน แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า Steve Jobs ต้องเสียชีวิตลงก่อนเวลาอันควร ไม่อย่างนั้นเราคงจะได้เห็น iCar วิ่งฉิวอยู่ตามท้องถนนทั่วโลกในเวลานี้ไปแล้วก็เป็นได้ครับ ------------------------------------------------------------------ โถสตีฟ ไม่น่ารีบลาโลกไปเลย ล้ำจริง ๆ :emo (68): ที่มา : techxcite
  9. ปัจจุบันค่ายผู้ผลิตโทรทัศน์ในประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างจะเสียตลาดให้กับผู้ผลิตจากประเทศเกาหลีใต้ เช่น Samsung หรือ LG ค่อนข้างมาก ดังนั้นบริษัทยักษ์ให้ของประเทศญี่ปุ่นอย่าง Sony และ Panasonic จึงมีข่าวว่าจะร่วมมือกัน ผลิตโทรทัศน์หน้าจอ OLED เพื่อเข้าสู้กับบริษัทจากประเทศเกาหลีใต้ ตามรายงานของ Reuters บริษัทผู้ผลิตโทรทัศน์อย่าง Sony และ Panasonic มีแผนที่จะไล่ตามคู่แข่งจากประเทศเกาหลีใต้อย่าง Samsung และ LG โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันผลิต และทำการตลาดโทรทัศน์ สมาร์ททีวีขนาดหน้าจอ 55 นิ้ว แบบ OLED โดยทางค่ายจากญี่ปุ่นค่อนข้างมั่นใจว่า ทีวีในอนาคตจะใช้หน้าจอ OLED อย่างแน่นอน และ Sony เองก็เป็นผู้คิดค้นหน้าจอแบบนี้ตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งเป็นไปได้ยากที่ทางเกาหลีจะตามเทคโนโลยีทัน ซึ่งหน้าจอ OLED นั้นจะให้ภาพ สี และความคมชัดมากกว่าหน้าจอทีวีในปัจจุบันมาก นอกจากนี้ OLED TV จะมีความบางเพียงแค่ 4 มิลลิเมตรเท่านั้น และยังกินพลังงานน้อยกว่าหน้าจอ LCD ในปัจจุบันอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้นทุนของหน้าจอ OLED TV ค่อนข้างสูง จึงอาจทำให้เป็นอุปสรรคต่อทั้ง Sony และ Panasonic อยู่เช่นกัน และในเดือนหน้า Samsung เตรียมที่จะวางจำหน่าย OLED TV โดยมีราคาสูงลิบถึง $9,000 หรือประมาณ 270,000 บาทเลยทีเดียว ----------------------------------------------------------------------- ราคามันซื้อรถได้เลยนะเฟ้ย!! ที่มา : techxcite
  10. ROCCAT เผยโฉม Savu เมาส์รูปแบบไฮบริคที่ผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ หลากหลายรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน ออกแบบด้วยดีไซน์สุดล้ำ พร้อมไฟแสดงผล LED 16.8 ล้านสีรอบตัวช่วยให้สีสันสดใส เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมส์ได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถตอบสนองความถี่ได้ถึง 4000 DPI ช่วยให้การตอบสนองเมาส์เป็นไปอย่างรวดเร็ว, แม่นยำ กว่าเมาส์ทั่วๆ ไป พร้อมปุ่ม Easy-Shift[+] ปุ่มลัดที่ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการเล่นเกมของเหล่าเกมเมอร์ ROCCAT Savu พร้อมจัดจำหน่ายแล้วที่ยุโรปและอเมริกาในราคา 59.99 dollars (ประมาณ 1,900 บาท) --------------------------------------------------------------------- ที่มา : siamphone
  11. ยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการสำหรับกล้อง Pentax K-30 แต่ก็มีรูปมาให้เห็นกันแบบชัดๆ แล้ว โดยเจ้ากล้อง Pentax ตัวนี้น่าจะออกมาทดแทน Pentax K-r และสำหรับสเป็คที่หลุดออกมาก็เรียกได้ว่าแจ๋วพอตัวเหมือนกัน เดี๋ยวน้าป๋วย TechXcite ให้แฟนๆ ได้เห็นโฉมหน้าก่อนดีกว่าว่าโฉบเฉี่ยวแค่ไหน ทีนี้มาดูในเรื่องของสเป็คกันบ้างว่าจะมาชนกับคู่แข่งดังๆอย่าง Nikon และ Canon ได้หรือเปล่า สำหรับ Pentax K-30 นี้ต้องบอกว่าเป็นกล้องระดับเริ่มต้นใช้งานประมาณ Nikon D5100 หรือ Canon 600D ครับ ไปลองอ่านสเป็คกันดีกว่าครับ - เซ็นเซอร์ 16 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์เดียวกับรุ่นพี่อย่าง Pentax K-5 ที่ขึ้นชื่อว่าไฟล์แจ่มสุดๆ - บันทึกวีดีโอแบบ Full HD - บอดี้ซีลกันละอองน้ำและฝุ่น - จอ LCD 3 นิ้ว - ใช้แบตเตอรี่ AA สะดวกหาซื้อได้ตามเซเว่นอีเลฟเว่น - รัวภาพต่อเนื่อง 4 ภาพต่อวินาที - ตั้งค่า ISO ได้ตั้งแต่ 100-25,600 - จุดโฟกัส 11 จุด - ช่องมองภาพ 100% - บอดี้มี 3 สีให้เลือก ในส่วนของราคาเปิดตัวนั้นเห็นได้จากภาพหลุดที่เป็นภาษาฝรั่งเศสโดยแจ้งราคา 799 ยูโร ส่วนเว็บไซต์ดังอย่าง Amazon ก็มีการเปิดราคามาที่ 699.99 ปอนด์ แถมบอกด้วยว่าสินค้าจะออกวันที่ 25 มิถุนายน ซึ่งราคาเปิดตัวหากตีเป็นเงินไทยก็อยู่ราวๆ 32,000-35,000 บาท โดยราคานี้รวมเลนส์คิตติดมาให้ด้วย ใครเบื่อกล้องแบรนด์หลักที่ขายกันเกร่อ เก็บตังค์แล้วรอสอยมาใช้สักตัวครับ --------------------------------------------------------------------- แจ่ม! :emo (76): ที่มา : techxcite
  12. ยังไม่ได้ดูเลยอ๊า นี่มันสปอยล์นี่นา!! :emo (64):
  13. แอนด์ เซฟตี้ คาดว่า ในปี 2558 พนักงานราว 70-80% จะใช้โน้ตบุ๊คทำงานจากบ้าน อย่างนี้จะดีเหรอ? :emo (68):
  14. ดีไซน์เปลี่ยนแน่นอน จอจะเบิ้มรึป่าวนะ อยากเห็นดีไซน์ใหม่จริง ๆ นึกภาพ iphone เปลี่ยนทรงไม่ออกเลยแฮะ :emo (76):
  15. อ่านแล้วงงมาก ปวดหัวแต่เช้าเลยเรา :emo (68):
  16. เห็นด้วยมากถึงมากที่สุด
  17. อันที่จริงมันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นเลยนะ - -* :emo (68):
  18. เจอกันมีแต่เรื่องแนวนี้สินะ :emo (68):
  19. คราวหน้าพาเราไปเตะด้วยนะ :emo (68):
  20. เพลงเค้ามันส์จริง หึหึ เสียงซุนนี่ฮามาก
  21. ข่าวรั่วไหลออกมาล่าสุดเผยให้เห็นอุปกรณ์มือถือใหม่จากทาง Samsung ซึ่งได้ถูกระบุรหัสพร้อมกับรายละเอียดที่เชื่อว่าจะมาเร็วๆ นี้ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้มีชื่อว่า SGH-T699 มาพร้อมกับใช้ CPU ARM11 มีหน้าจอความละเอียด 720 x 1280 พิกเซล บันทึกวีดีโอได้ที่ความละเอียด 720p จากแหล่งข่าวที่ได้เผยออกมานี้คาดว่า Samsung SGH-T699 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมีวางจำหน่ายอยู่บน T-Mobile ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มคงจะต้องติดตามกันต่อไปว่า Samsung พร้อมที่จะประกาศเปิดตัวเมื่อไร ---------------------------------------------------------------------- ใครอ่านภาษา จาว่า หรือ ออราเคิลออกคงเข้าใจนะครับ ^^ :emo (71): ที่มา : siamphone
  22. จากสื่อตีพิมพ์ของไต้หวันรายงานข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ iPad Mini ขนาด 7.85 นิ้ว ซึ่งมีรายละเอียดในรายงานว่า ทาง LG และ AU Optronics สองผู้ผลิตชิ้นส่วนได้เริ่มผลิตจอ LCD สำหรับ iPad Mini แล้ว นอกจากนั้นยังเผยถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองผู้ผลิตจะต้องปล่อยสินค้าออกมาในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2012 จำนวนชิ้นที่ถูกสั่งในล็อตแรกมากถึง 6 ล้านชิ้น ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ iPad Mini ที่หลุดออกมาก็คือ TPK Holding ผู้ผลิตจากจีนจะผลิตชิ้นส่วนเทคโนโลยีภายในจอจำนวนถึง 4 ล้านชิ้น Chemi innolux ผู้ผลิตจากไต้หวันจะผลิต 2 ล้านชิ้น และ Nissha Printing ผู้ผลิตจากญี่ปุ่นจะผลิต touch film sensor ข่าวลือเกี่ยวกับ iPad Mini เริ่มมีขึ้นอย่างจริงใจในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพราะ Apple มีการเอ่ยว่าจะเข้าไปสู้กับ Amazon และคู่แข่งอื่นๆ ด้วยขนาดของหน้าจอที่เล็กลง และคาดว่าจะมีความกว้างประมาณ 7.85 นิ้ว และมีราคาถูกเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการเริ่มต้นใช้งานแท็บเล็ต หลายคนสงสัยว่าผลิตภัณฑ์นี้จะออกมาจากปากของ Apple เองเมื่อไร แต่ที่โต้เถียงกันอย่างกว้างขวางคือในอดีต Steve Jobs เคยต่อต้านการผลิตแท็บเล็ตขนาดเล็กถึง 7 นิ้ว จากข่าวลือ iPad 7.85 นิ้วนี้จะไม่มีการแสดงผลแบบ Retina display อย่างที่หลายๆ คนอยากจะให้มี แต่อาจจะมีการใส่จำนวนพิกเซลที่เคยมีอยู่บน iPad ตัวแรก (1024 x 768 พิกเซล) ซึ่งการผลิตดังกล่าวจะช่วยให้ Apple ลดค่าใช้จ่ายลงได้มากและสามารถจำหน่ายในราคาถูกลง --------------------------------------------------------------------- ในที่สุดก็เริ่มเดินหน้าผลิตแล้ว IPAD ราคาถูก :emo (40): ที่มา : siamphone
  23. หลายคนชอบกินทุเรียน แต่หลายคนไม่ชอบ บ้างก็ว่ากลิ่นเหม็น กลัวอ้วน ดังนั้นคนที่จะให้คำตอบในเรื่องนี้คงหนีไม่พ้น นพ.กฤษดา ศิราม พุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ นพ.กฤษดา บอกว่า ในเนื้อเหลืองอวบของทุเรียน ประกอบด้วย 3 อย่างหลัก คือ 1.แป้ง จากเนื้อเหลืองแน่นที่กินแล้วหวานมันอร่อยลิ้น 2.ไขมัน มีปนมาอยู่บ้างซึ่งมากกว่าพืชทั่วไป แต่การมีไขมันนี้ทำให้ทุเรียนมีวิตามินอีเยอะ 3.วิตามินแร่ธาตุและกำมะถัน หรือซัลเฟอร์ โดยกำมะถันตัวนี้เองคือตัวร้อน เป็นผู้ร้ายที่ทำให้เกิดอาการร้อนในและกลิ่นไร้เทียมทาน สรรพคุณของทุเรียน มีดังนี้ 1.ช่วยฆ่าเชื้อ จากกำมะถันในเนื้อเป็น เสมือนยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ 2.ช่วย เผาผลาญ จากความร้อนของกำมะถัน และน้ำตาลในเนื้อ 3.ช่วยระบาย จากกากที่เป็นเส้นใยยุ่บยั่บในเนื้อ นอกจากนี้ทุเรียนยังมีฤทธิ์ไล่พยาธิได้ ด้วยกำมะถันที่รุ่มร้อนทำให้ลำไส้ไม่เป็นบ้านแสนสุขของพยาธิอีกต่อไป อีกทั้งกากใยในเนื้อที่ช่วยขัดล้างลำไส้ด้วย ส่วนที่หลายคนสงสัยกันว่า จะกินได้มากน้อยแค่ไหนใน 1 วันหรือ 1 สัปดาห์นั้น นพ.กฤษดา บอกว่า ทุเรียนแค่พูย่อม ๆ ประมาณ 1 ขีด ให้พลังงานพอ ๆ กับกินข้าวสวยถ้วยย่อม ๆ หรือราว 150 กิโลแคลอรี ดังนั้นถ้าจะกินก็ยึดหลักไว้ไม่เกินวันละ 1 พู และใน 1 สัปดาห์ไม่ควรกินเกิน 2 พู โดยเฉพาะในรายที่ไม่ออกกำลังกาย แต่ถ้าออกกำลังกายเป็นประจำก็อาจกินได้มากกว่านั้น ทั้งนี้ทุเรียนสุก มีน้ำตาลหวานฉ่ำอยู่แล้ว ทำให้เกิดร้อนในและอ้วนได้ การกินให้ดีคือให้จำกัดปริมาณและขออย่ากินแบบ เพิ่มหวาน นั่นคือทำน้ำกะทิ ส่วนทุเรียนกวนนั้นก็ทานได้แต่สู้กินสดไม่ได้เพราะไม่มีกากไฟเบอร์เหลืออยู่มาก แถมเวลากวนก็ต้องผสมน้ำตาลลงไปอีกส่วนหนึ่งด้วย ใครที่ไม่ควรกินทุเรียน? นพ.กฤษดา บอกว่า 1.คนเป็นเบาหวาน น้ำตาลและแป้งในทุเรียนจะทำให้น้ำตาลขึ้นกระฉูด 2.นักกีฬากำลังจะลงแข่ง เพราะจะทำให้เหมือนกับแบกถุงข้าวสารลงแข่งด้วย 3.คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เพราะทุเรียนมีความร้อนอาจทำให้อาการกำเริบขึ้นมา 4.เด็กเล็กและทารก เพราะกำมะถันอาจทำให้เกิดร้อนในลำไส้แปรปรวนได้ และ 5.ผู้สูงวัย กินได้แต่อย่าให้อิ่มแปร้นัก เพราะมันจะทำให้เหนื่อยง่ายไม่สดชื่นได้ แล้วใครที่ควรกินทุเรียน? นพ.กฤษดา บอกว่า ทุเรียนเป็น ราชาแห่งผลไม้ ที่จริงแล้วกินได้ทุกเพศวัย โดยอาจแบ่งตามวัยได้ดังนี้ 1.วัยรุ่น กินทุเรียนได้ดีเพราะมีธาตุอาหารให้พลังงานเยอะทั้ง 3 อย่างที่กล่าวไป 2.วัยผู้ใหญ่ กินได้แต่อย่ากินแล้วนอนเลยเพราะจะได้ความอืดมาแทนที่ ต้องมีวิธีกินแล้วตั้งกฎว่าจะออกกำลังกายต่อ ไม่อย่างนั้นได้มีโอกาสนอนพุงหลามคาหนามทุเรียนแน่ และ 3.ผู้สูงวัย ทุเรียนเนื้อสวยช่วยระบายท้องได้ดี เพราะมีกากใยสำคัญที่ปัดกวาดเศษซากอาหารในช่องท้องได้ ปัจจุบันเห็นมีการนำทุเรียนมาตำส้มตำ หรือทอด? นพ.กฤษดา กล่าวว่า บางอย่างก็ดีช่วยให้น้ำตาลไม่มากแต่บางอย่างก็น่าทำให้อ้วนหนัก เช่น ทุเรียนดิบ เนื้อแข็งขาวมีแป้งเยอะมาก อย่างทุเรียนทอดนั้นเป็นแหล่งอุดมของธาตุเค็มและแป้งกินแล้วอ้วนไม่แพ้มันฝรั่งทอด แต่ถ้านำมาตำส้มนั้นก็ยังพอทำเนาเพราะมีแอนตี้ออกซิแดนท์จากผัก มะเขือเทศและถั่วฝักยาวมาช่วยบวกลบกลบหนี้กันอยู่บ้าง ท้ายนี้ขอแนะนำเคล็ดในการกินทุเรียนให้เปี่ยมสุข คือ 1.เลือกทุกเรียนห่ามจะดีเพราะมีน้ำตาลน้อย แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็กินทุเรียนสุก เนื่องจากงานวิจัยพบว่า ทุเรียนมีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อเคอซิทิน ซึ่งเป็นตัวเดียวกับในหอมใหญ่และองุ่น ทั้งนี้พลังต้านอนุมูลอิสระของทุเรียนสุกจะมีมากกว่า มังคุด ลิ้นจี่ ฝรั่ง มะม่วง ตามลำดับ 2.ถ้าจะกินเพื่อสุขภาพก็ให้กินได้ครั้งละไม่เกิน 2 พูต่อสัปดาห์ และถ้ามื้อไหนกินทุเรียน ก็ไม่ต้องกินข้าวมาก 3.ถ้ากินทุเรียนน้ำกะทิ ขอให้อย่าใส่ข้าวเหนียวเยอะน้ำตาลแยะเพราะจะเพิ่มร้อนในหนัก 4.ขอให้กินทุเรียนกับผลไม้เนื้อเย็นน้ำเยอะ เช่น มังคุด ลองกอง แตงโมเพราะจะช่วยดับร้อนได้ดี และ 5.อย่ากินทุเรียนร่วมกับเหล้า แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพราะจะทำให้ยิ่งร้อนจัดขาดน้ำและช็อกได้เนื่องจากกำมะถันในทุเรียนละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ ---------------------------------------------------------------------- คนกินก็อ่านไว้เป็นความรู้ ส่วนตัวผมไม่กินยุแล้ว :emo (68): ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
×
×
  • Create New...